ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] งานนี้...พี่ต้องมี...ลูก YulsiC yuri x sica

    ลำดับตอนที่ #54 : Chapter 54

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.17K
      3
      18 ธ.ค. 55

     

    งานนี้...พี่ต้องมี...ลูก

     

    Chapter  54

     

    “หนูไม่รู้ว่าจะได้เจอกับคุณอีกเมื่อไหร่ ถ้ามีที่อยู่แน่นอนแล้ว หนูจะส่งข่าวมาหาคุณนะคะ”

    “ ตกลง...แล้วเธอจะไปเมื่อไหร่ล่ะ ”

    รู้สึกใจหายเหมือนกันนะ ที่ได้รู้ว่าหญิงผู้เป็นที่รักกำลังจะจากตนไปไกลแสนไกล แม้ว่าจะไม่ได้เป็นการจากลาอย่างถาวร แต่มันก็เป็นการจากลาที่กินเวลาไปหลายปี ดานี่ต้องห่างจากเขาเป็นเวลาสามปี ยังไม่รู่เลยว่าจะทนคิดถึงได้มากแค่ไหน แต่เพื่ออนาคตของเด็กสาวเอง เขาก็จำใจต้องปล่อยให้เอจากไป เพื่อหาอนาคตที่ดีกว่านี้ แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าทำไมดานี่ถึงถูกส่งไปเรียนที่อังกฤษ นั่นเป็นเพราะว่าท่านนายพลต้องการจะแยกเธอกับเขาออกจากกัน เรื่องมันจะไม่บานปลายแบบนี้เลย ถ้าเขาเชื่อที่ดานี่เตือนตั้งแต่แรก ถ้าเขาไม่บุกเข้าไปหาเธอถึงห้องนอน วันนี้ดานี่ก็คงไม่ต้องจากเขาไปไกลหรอก

    “ กลับจากทัศนะศึกษา ก็ไม่น่าจะเกินสามวันหรอกนะคะ เพราะคุณพ่อกับคุณแม่เตรียมทุกอย่างหมดแล้ว ที่เหลือก็แค่ส่งตัวหนูไป ให้อยู่ในการดูแลของคนที่ท่านไว้ใจ หนูก็คงจะเหมือนคนที่อยู่ในคุกดีๆนั่นแหละ จะทำอะไรก็ต้องผ่านการเห็นดีเห็นชอบจากคนของคุณพ่อซะก่อน ไม่รู้ว่าหนูจะมีโอกาสติดต่อกับคุณอีกมั้ยนะคะ ”

    ดานี่รู้สึกสลดหดหู่ขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่เธอได้วาดฝันไปถึงวันที่ต้องไปอยู่อังกฤษ มันช่างเป็นช่วงเวลาที่แสนเศร้าของวัยรุ่นยิ่งนัก เธอเป็นเหมือนกระต่ายน้อยที่ถูกขังอยู่ในกรงทอง จะออกนอกกรอบที่พ่อกับแม่ขีดไว้ให้ก็ไม่ได้ เพราะเธอได้ฝ่าฝืนกฎไปแล้ว รู้อยู่หรอกว่าพ่อกับแม่พยายามที่จะจับเธอใส่ตระกร้าล้างน้ำ แต่เพราะว่ายังไม่ถึงเวลา พ่อกับแม่จึงทำได้แค่ส่งเธอไปเรียนที่อื่น ซึ่งคิดว่าอยู่ห่างจากยุนอา

    “ ไม่เป็นไรหรอกนะ หลังจากนี้เราสองคนอาจจะติดต่อกันได้ยากขึ้น ถ้าเธอติดต่อฉันไม่ได้ ฉันจะเป็นฝ่ายที่ตามหาเธอเอง ไม่ว่าจะไกลสุดหล้าฟ้าเขียวแค่ไหน ฉันก็จะตามหาเธอจนเจอให้ได้ แต่เวลาที่เรายังอยู่ด้วยกันนี้ ฉันขอใช้มันกับเธอให้นานที่สุดได้มั้ย ถ้าเธอกลับไปบ้านแล้ว ฉันไปหาเธออีกได้มั้ย แค่ครั้งนี้ครั้งสุดท้ายก็พอ ฉันอยากมีเวลาอยู่กับเธออีก ก่อนที่เราจะห่างกันไกล ”

    ยุนอาร้องขอที่จะไปหาดานี่ที่บ้านของเธออีกครั้ง แม้จะรู้ว่าหนทางที่เขาเลือกนั้น มันหมายถึงเส้นทางที่จะนำพาเขาไปเจอกับความตาย แต่ไหนๆมันก็จะเป็นครั้งสุดท้าย ยังไงเขาก็ขอใช้มันให้คุ้มค่า ขอใช้เวลาที่ยังเหลืออยู่ให้เต็มที่ แม้ว่าชีวิตนี้อาจจะต้องเสี่ยงตาย ยิ่งกว่าพระเอกหนังบู๊ก็ตามที แต่นี่มันคือครั้งสุดท้าย ก่อนที่หัวใจของเขาจะถูกพรากออกไป หากแม้นตายเพราะว่ารักเขาก็ยินดี เพราะการตายของเขาในครั้งนี้มันไม่ได้สูญเปล่า อย่างน้อยก็ได้ตายในช่วงที่เขายังมีหัวใจอยู่

    “ อย่านะคะ คุณห้ามไปหาหนูที่บ้านอีกนะ คราวนี้คุณอาจจะไม่รอดกลับไปอีกแล้วก็ได้ หนูคงทนไม่ไหวถ้าคุณเป็นอะไรไป อย่าไปหาหนุเลยนะคะ เชื่อหนูสักครั้งเถอะนะ ถ้าคุณรักหนูจริง อย่าไปหาหนูที่บ้านอีก หนูคงทนไม่ได้ถ้าคุณจะมาตายต่อหน้าของหนู ถ้าคุณอยากจะอยู่กับหนูอยากจะแต่งงานมีลูกกับหนูจริงๆ ก็เชื่อที่หนูบอกสักครั้งนะคะ เชื่อหนูเถอะนะคะ...คุณยุนอา ”

    แค่เท่าที่เคยได้ประสบพบเจอมา บอกได้เลยว่าไม่อย่ากจะให้เหตุการณ์ในวันนั้น มันต้องเกิดขึ้นมาใหม่อีกครั้งในวันนี้ แค่ที่เคยเจอมากับตัวจากครั้งที่แล้ว เธอก็แทบจะขาดใจไปกับคนที่รัก เธอเห็นยุนอาถูกพ่อของตัวเองทำร้าย แต่ก็ไม่สามารถที่จะไปทำอะไรได้ แม้แต่จะร้องห้ามก็ยังทำไม่ได้เลย  ถ้าไม่เสี่ยงตายเอาตัวเข้าไปขวางเอาไว้ วันนั้นเธอก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่า วันนี้เธอยังจะมียุนอามาให้อยู่ด้วยแบบนี้ไหม

    “ แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ ฉันคิดถึงเธอนะ แล้วมันก็เป็นโอกาสสุดท้ายที่เราจะได้เจอกันอีก เธอบอกว่าเหลือเวลาอีกไม่เกินสามวัน ฉันก็อยากจะใช้มันกับเธอนะ อยากใช้เวลาที่มีอยู่กับเธอ แม้ว่าจะเหลือเวลาแค่นาทีเดียวก็ตาม ”

    “ งั้น...เอาแบบนี้ดีกว่ามั้ยคะ ให้หนูเป็นฝ่ายออกไปหาคุณเองจะดีกว่า แต่ว่าเราจะต้องไปเจอกันตอนกลางวันนะ มีแค่เวลานี้เท่านั้นที่หนูจะออกไปหาคุณได้ ”

    เพื่อเป็นการตัดปัญหาที่กำลังจะเกิดตามมา ดานี่ก็เลยตัดสินใจที่จะเป็นฝ่ายออกไปหายุนอาเอง แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่เสี่ยง และเธออาจจะถูกพ่อจับได้ แต่มันก็ยังดีกว่าที่จะให้ยุนอามาตายต่อหน้าของเธอ ถึงเธอจะถูกผู้เป็นพ่อจับได้นะ ท่านก็คงจะไม่ฆ่าเธอเหมือนกับที่จะฆ่ายุนอาหรอก เพราะยังไงซะนี่ก็คือลูก ต่อให้เธอทำเรื่องเสื่อมเสียแค่ไหน ท่านายพลก็คงจะไม่กล้าฆ่าลูกของตัวเองหรอก เพราะนี่คือทายาทเพียงคนเดียวที่ท่านมี

    “ ก็ได้...จะเอาแบบนั้นก็ได้ แต่ว่าเธอจะไม่เป็นอะไรเหรอ ฉันห่วงเธอนะ ”

    “ ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงหนูก็ไม่ถูกคุณพ่อฆ่าตายหรอก แล้วหนูจะไปหาคุณที่คอนโดนะคะ แต่ตอนนี้เก็บของก่อนนะ เดี๋ยวจียองจะออกมาโวยวายอีก ”

    ดานี่เตรียมตัวเก็บข้าวเก็บของ ที่มันเป็นของของเธอ และในส่วนของยุนอาด้วย ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่าเสื้อแจ็คเก็ต เด็กสาวจัดเก็บสัมภาระของตนอย่างไม่เร่งรีบอะไร เพราะกว่ารถจะออกไปก็ยังเหลือเวลาอีกนานโข แต่ที่ต้องเก็บของไว้รอ ก็เพราะว่าไม่อยากจะถูกจียองบ่น ยิ่งรายนั้นชอบบ่นให้เธอกับยุนอาอยู่เรื่อยเลย นี่ดีนะที่คุณเพื่อนเข้าห้องน้ำอยู่ ไม่อย่างนั้นคงจะแซวเธอซะไม่มีดีแล้วล่ะ

    “ ช่างเถอะ...อย่าใส่ใจเลยนะ จียองทำได้แค่บ่นเท่านั้นแหละ มาขอกอดอีกสักทีได้มั้ย เดี๋ยวฉันก็จะต้องไปแล้ว ”

    แม้ว่าเอ่ยปากออกมาเป็นเชิงขออนุญาต แต่ว่ายุนอาไม่รอให้อีกฝ่ายตอบกลับมาหรอก เขาเข้าไปสวมกอดดานี่จากด้านหลังทันที ที่เขามีโอกาสได้กอดเธอ เอวกิ่วของเด็กสาวถูกแขนยาวๆของร่างสูงกอดรัดเอาไว้ ดานี่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรยุนอาอยู่แล้ว เพราะเท่าที่ผ่านมาก็นับว่าเขามีความเป็นสุภาพบุรุษสูงมาก ขนาดว่ามีโอกาสที่จะสนองตัณหากามรมณ์กับเธอหลายต่อหลายครั้ง เขาก็ยังไม่ทำมันเลย แล้วแบบนี้ทำไมเธอจะไม่ยอมให้ตามที่เขาขอล่ะ

    “ ถึงหนูไม่อนุญาตคุณก็คงจะกอดอยู่ดีนั่นแหละใช่มั้ยคะ”

    “ รู้ใจฉันไปหมดเลยนะ งั้นขอหอมแก้มด้วยเลยละกัน ”

    ไม่พูดเปล่า ยุนอาก้ยื่นหน้าไปหาใบหน้าเนียนใสของอีกคน จมูกโด่งกดลงไปที่แก้มเนียนนุ่มของหญิงคนรัก และแน่นอนว่าดานี่ไม่ขัดขืนอีกเช่นเคย แถมดูเหมือนว่าเธอจะเป็นใตให้เขาหอมแก้มซะด้วยซ้ำ เพราะนี่มันเป็นช่วงเวลาที่เธอกับเขาจะได้มีความสุขด้วยกันมากที่สุด ตอนนี้ไม่ว่าจะทำอะไรที่ทำให้ตัวเองกับคนรักมีความสุข เธอยินดีที่จะทำ

    “ โอ๊ย...นี่ไม่สงสารตาของคนอื่นบ้างเลยหรือไง เจอที่ไรก็จะกดกันตลอดเลยนะ สงสารคนรอบข้างบ้างเหอะ อิจฉานะรู้มั้ย ”

    นี่ก็เป็นอีกครั้งเช่นกัน ที่จียองมาเห็นภาพชวนอิจฉา ไม่รู้ว่าสองคนนี้จะรักกันอะไรนักหนา พอลับตาเธอเป็นไม่ได้เลยนะ เดี๋ยวกอดเดี๋ยวกดกันอยู่เรื่อง แล้วคุณผู้ใหญ่ก็ไม่เคยคิดที่จะอายเด็กบ้างเลย จะทำอะไรกับเมียก็ไม่คิดถึงใจคนโสดสนิทแถวๆนี้เลยสักนิด อิจฉาน่ะรู้กันบ้างไหม

    “ อิจฉาก็ไปหาเอาสิ ลองไปเดินเตะตามข้างทางดู เผื่อจะมีโผล่มาบ้าง ”

    “ คุณจะให่หนูหาแฟนหรือหากบคะ จะทำอะไรกันก็รีบๆเถอะค่ะ เดี๋ยวจะเรียกรวมแล้ว ”

    “ งั้น...กดเพื่อนเธอโชว์เลยได้ป่ะ ”

    “ ฮ่าๆๆ...อย่าดีกว่านะคะ เพราะหนูมีกล้องระดับHD เดี๋ยวภาพมันจะสวยเกินจริง ”

     

    *-*-*-*-*

    *-*-*-*

    *-*-*

    *-*

    *

     

    “ ฟานี่จ๋า...เย็นนี้พี่อาจจะมารับช้าหน่อยนะ ”

    “ ค่ะ...แล้วลูกหมานี่ล่ะคะ พี่แทจะเอาแกไปด้วยจริงๆน่ะเหรอ ให้ฟานี่ดูให้ดีกว่ามั้ยคะ อย่างน้อยก็ยังมีเด็กแถวนี้เป็นเพื่อนเล่นกับแกนะคะ ”

    หลังจากที่ฟังสามีบอกว่าเย็นนี้จะมารับกลับบ้านช้าหน่อย ทิฟฟานี่ก็ตอบรับอย่างเข้าใจ แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้หากสามีจะเอาลูกหมาไปที่ทำงานด้วย ซึ่งแน่นอนว่ายูบินน่ะซนอย่างกับอะไรดี หากสามีเอาไปด้วยอีกนะ คาดว่าที่นั่นคงจะป่วนเอามากๆเลยล่ะ ดังนั้นหากจะทิ้งยูบินไว้ที่โรงพยาบาลกับเธอ มันก็คงจะไม่วุ่นเท่ากับให้อยู่กับแทยอนหรอก อย่างน้อยลูกหมามันก็ยังอยู่ในโอวาทของเธอบ้างแหละน่า

    “ ว่าไงลูกหมา อยากจะไปกับป๊าป๋า หรือว่าจะอยู่กับหม่าม๊าล่ะ ”

    แทยอนหันไปถามลุกหมาที่นั่งอยู่เบาะหลัง ความจริงจะเรียกว่านั่งก็ไม่ใช่ไปซะทีเดียว แบบว่าลูกหมามันหันหลังให้พ่อกับแม่ แล้วก็หย่อนขาลงไปยืนเหยียบพื้นภายในรถ ส่วนช่วงลำตัวลูกหมามันก็เอาไปพาดไว้กับเบาะ ก็เลยจะเรียกว่านั่งได้ไม่เต็มปากสักเท่าไหร่ ขนาดว่าพ่อถามยูบินยังไม่หันมามองเขาเลย ให้ตายเหอะไอ้นิสัยไม่แคร์ใครนี่มันได้มาจากไหนนะ พ่อกับแม่ก็ไม่ได้มีนิสัยอะไรแบบนี้ สงสัยว่ามันได้มาจากอาของมันอย่างแน่นอน แบบนี้สิหลายของยัยหื่น...ชัวร์

    “ ยูบิน...หนูจะอยู่กับแม่หรืออยู่กับพ่อค่ะ ”

    คราวนี้เป็นทิฟฟานี่ที่เอ่ยถามลูกน้อยบ้าง ก็เห็นว่ายูบินไม่ได้มีอาการตอบสนอง กับคำถามของแทยอนเลยสักนิด เธอผู้ซึ่งเป็นแม่ และยังเป็นผู้ที่มีอำนาจที่สุดภายในบ้าน จึงต้องออกแรงจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เชื่อเลยว่าแทยอนเอาลูกหมาไม่อยู่จริงๆ เขาไม่เคยใจแข็งกับลูกได้เลยสักครั้ง ไม่เคยเลยที่ยูบินจะเชื่อฟังอะไรผู้เป็นพ่อ ต่อให้แทยอนเอ็ดอึงใส่แค่ไหน ลูกหมามันก็ไม่สะทกสะท้านอะไรเลยสักนิด

    “ เอ๋...อยู่กะ...หม่าม๊า หนูจาอยู่กะหม่าม๊า อยู่กะป๊ะป๋าเบื่อแย๊ว ”

    ยูบินตอบสนองกับคำถามของทิฟฟานี่อย่างรวดเร็ว ลูกหมาน้อยมันหันหน้ามาตอบแม่อย่างรวดเร็วปานสายฟ้า แบบว่าไม่รีรอให้แม่เอ่ยปากถามอีกเป็นครั้งที่สอง ก็เพราะลูกหมามันรู้ดีว่าแม่น่ะโหดขนาดไหน ขนาดพ่อกับอาคนสวยที่ว่าร้ายๆก็ยังยอมสยบให้เลย แล้วประสาอะไรกับลูกหมาตาดำๆแบบนี้เล่า ขืนมีอือมีหือด้วยล่ะก็นะ สงสัยอาจจะม้วยมรณาก่อนที่จะได้โตเป็นสาวแน่ๆเลย

    “ ดี...อย่างน้อยแม่ก็รู้ว่าหนูยังพูดได้ ”

    คำพูดที่ฟังดูเดือดดาลของทิฟฟานี่ ทำกับแทยอนไม่แน่ใจซะแล้วว่า ลูกหมามันจะอยู่รอดปลอดภัยไปถึงตอนเย็นไหม แบบว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่เลยนะ นั่นเพราะแทยอนรู้ดีว่าตอนที่ทิฟฟานี่ท้องน่ะ เธอจะร้ายกาจขนาดไหน แบบว่าอารมณ์ก็ไม่เสถียรอะไรเลยสักนิด จะคิดจะทำอะไรก็เดาใจกันไม่ค่อยจะถูก กลัวว่าลูกจะเจ็บเพราะผู้เป็นแม่จริงๆเลย แต่ในเมื่อยูบินเลือกที่จะอยู่กับแม่แล้วล่ะก็ เขาก็คงจะไม่มีสิทธิ์ที่จะไปห้าม ทุกอย่างขึ้นอยู่กับชะตากรรมแล้วล่ะ

    “ พี่แทไปทำงานเถอะค่ะ อย่าได้เป็นห่วงไปเลย เดี๋ยวจะไปสายนะ ”

    ไม่ไล่ก็เหมือนไล่ ทิฟฟานี่ไม่เปิดโอกาสให้แทยอน ได้ทำอะไรไปมากกว่าการมองหน้าของภรรยา ให้ตาเหอะไม่กล้าที่จะหือด้วยจริงๆเลยนะ เพราะเข้าใจว่าเมียของตัวเองเป็นยังไง จึงพยายามทำใจที่จะยอมรับมัน เพราะว่าเขารักเมียจนหมดใจ จึงไม่อยากทำอะไรให้เธอรู้สึกขัดใจนัก

    “ จ้ะ...งั้นตอนเย็นเจอกันนะ เป็นเด็กดีนะยูบิน อย่าดื้อกับแม่นะลูก ”

    ก่อนจะไปแทยอนก็ยังคงอาลัยอาวรห่วงลูกน้อยอยู่ดี แต่ว่าแม่หมีที่รักคงจะไม่กล้าฆ่าลูกหมาที่น่าสงสารนี่หรอกมั้ง ยังไงซะยุบินก็เป็นลูกของเธอ ต่อให้วายร้ายแสนซนสักแค่ไหน ยังไงเลือดที่มีอยู่ในกายของยูบิน ก็ล้วนแล้วแต่มาจากทิฟฟานี่ทั้งนั้น เธอคงจะยังยั้งมือเอาไว้บ่างแหละ อย่างมากก็แค่อาจจะมีฟกช้ำกันบ้างแหละ

    “ จ้า...หนูจาเป็นเด็กดี ”

    พอลูกน้อยรับคำแล้ว ทิฟฟานี่ก็ลงจากรถของสามี โดยมียูบินเปิดประตูรถลงตามผู้เป็นแม่มาแบบติดๆ ส่วนแทยอนก็ได้เวลาไปทำงานของตัวเองแล้ว เขาขับรถออกไปจากบริเวณลานจอดรถของโรงพยาบาล เพื่อมุ่งหน้าไปที่ทำงานของตน ทิฟฟานี่ยืนมองรถยนต์ของสามีจนลับตา ก่อนที่เธอจะหันมาจูงมือของลูกน้อยเข้าไปในตัวอาคาร

    เท้าเล็กๆก้าวเดินแกมวิ่งตามผู้เป็นมารดา ก็ยูบินยังเป็นเด็กเล็กมากนัก ขาก็เลยยังสั้นก้าวเดินตามผู้เป็นแม่แทบจะไม่ทัน ใช่ว่าทิฟานี่จะเดินเร็วอะไรนักหนา แต่เพราะว่าเธอตัวโตกว่าลูก จึงดูเหมือนว่าเธอกำลังกลั่นแกล้งโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่พอรู้ตัวว่าลูกน้อยเดินไม่ทัน เธอจึงได้หยุดก้าวย่างอย่างเห็นใจ ก่อนที่จะยืนยิ้มให้กับลูกหมาอย่างใจดี

    “ ยูบิน...เหนื่อยมั้ยลูก ”

    “ หึ...ม่ายเหนื่อยฮั๊บ ”

    ยูบินเงยหน้าขึนมามองผู้เป็นแม่ พร้อมกับยิ้มร่าอย่างไร้เดียวสา ก่อนที่จะบอกกับแม่ไปว่าตัวเองไม่เหนื่อย ตอนแรกทิฟฟานี่รู้สึกหงุดหงิดใจยังไงบอกไม่ถูก แต่พอลูกหมามันเงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้มให้ ไอ้อาการหงุดหงิดงุ่นง่านใจหัวใจก็มะลายหายไปทันที ไม่รู้สิว่าทำไมมันถึงหายได้ง่ายดายนัก คงเป็นเพราะความน่ารักไร้เดียงสาของลูกหมานี่ล่ะมั้ง

    “ ถ้าไม่เหนื่อยงั้นเราไปกันต่อนะ ห้องทำงานของแม่อยู่อีกไม่ไกลหรอก ”

    “ จ้า...ไปอีกนิดนะ ”

    ลูกหมายูบินไม่เคยเลยที่จะเก็บรอยยิ้มเอาไว้ในใจ สมแล้วกับที่เธอได้ฟูมฟักรักลูกมาตั้งเก้าเดือน ไม่ผิดหวังเลยนะที่ลูกน้อยเป็นลูกหมาของสามีกับเธอ สองแม่ลูกเดินจูงมือกันเดินไปยังจุดหมาย แต่ระหว่างทางที่จะผ่านไปนั้น คุณหมอหน้าใสก็เดินเข้ามาทักทายคุณหมาคนสวยผู้เพิ่งจะเข้ามาทำงาน

    “ สวัสดีครับคุณหมอทิฟฟานี่ ”

    “ สวัสดีค่ะคุณหมอคิม ยูบิน...สวัสดีคุณหมอสิ...ลูก ”

    ทิฟฟานี่เน้นหนักๆกับคำว่าลูก เพื่อหวังให้อีกคนได้ยินมันอย่างชัดเจน แล้วก็เป็นไปตามนั้น คิบอมถึงกับอึ้งไปชั่วอึดใจ ก่อนที่เขาจะเริ่มกลับมาทำตัวให้เป็นปกติอีกครั้ง เพราะไม่นึกไม่ฝันเลยว่าทิฟฟานี่คนงาม จะเอาลูกมาเลี้ยงที่โรงพยาบาลด้วยแบบนี้ ก็พอจะรู้ว่าเธอแต่งงานมีลูกแล้ว แต่ก็ไม่คิดที่จะได้มาเห็นเจ้าตัวน้อยน่ารักน่าชังแบบนี้

    “ ฉาหวัดดีจ้า...คุณหมา ”

    “ หือ...ยูบิน คุณหมอจ้ะ ไม่ใช่คุณหมา เรียกใหม่สิลูก ”

    ทิฟฟานี่เกือบจะหัวเราะออกมาซะด้วยซ้ำ ที่ลูกหมามันเรียกเพื่อนร่วมงานของเอว่าคุณหมา แทนที่จะเรียกแทนว่าคุณหมอ เชื่อว่าคิบอมเองก็คงจะรู้สึกเสียหน้าอยู่มากเหมือนกัน ที่ถูกเจ้าลูกหมาวายร้ายของเธอนั้นเรียกซะเสียหมอเลย แม้จะยากหัวเราะออกมาสักแค่ไหน แต่ทิฟฟานี่ก็ต้องกลั้นใจทำเป็นว่าไม่รู้สึกอะไรเลย ทั้งที่ความจริงแล้วฮากับคำสรรพนาม ที่ลูกหมามันใช้แทนคุณหมอหน้าใสคนนี้จริงๆ

    “ หวัดดีจ้าคุณหมะ...หมอ ”

    “ ครับ...สวัสดีครับลูก ”

    “ มะช่าย หนูมะช่ายลูกก๋องคุณหมาช๊ะหน่อย หนูเป็นลูกก๋องป๊าป๋าแต กะหม่าม๊าฟานี่ มะช่ายลูกก๋องคุณหมาเน้อ ”

     

    *_*_*_*_*

    *_*_*_*

    *_*_*

    *_*

    *

     

    “ อะไรนะตายูล นี่แกพูดจริงๆใช่มั้ย ไม่ได้ล้อพ่อกับแม่เล่นใช่มั้ย ”

    “ ครับ...ทุกอย่างที่ผมพูดไปนั้น มันคือความจริง ในที่สุด...คนอย่าง ควอน ยูริ ก็มีน้ำยามากพอ ที่จะทำให้เมียของตัวเองท้อง สุดยอดมั้ยล่ะครับแม่ ”

    ยูริไม่พ้นที่จะมาคุยโวโอ้อวด ว่าตัวเองน่ะเจ๋งมากแค่ไหน ที่สามารถทำให้เมียท้องได้แล้วน่ะ มันน่าชื่อนใจนะว่าไหม แบบว่าพยายามมาเกือบเป็นเกือบตาย กว่าที่จะได้ในสิ่งที่ต้องการ จะบอกว่าเป็นความดีความชอบ หรือได้มาจากความสามารถของตัวเองล้วนๆก็ไม่เชิง อันนี้ต้องยกความดีให้กับคุณพี่ชายของเจสสิก้า และคุณพี่สะใภ้ผู้ใจดีอย่างทิฟฟานี่ ที่คอยยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือเสมอ ไม่ว่าจะเป็นแผนซ้อนแผนอันแยบยล ทั้งยาคุมหมดอายุก็ดี หรือว่าจะเป็นยาปลุกเร้าอารมณ์ทางเพศนั่นก็ดี สิ่งเหล่านี้เขาล้วนแล้วแต่ได้ความอุปการะคุณมาจากสองสามีภรรยาทั้งนั้น ต้องขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่งเลยล่ะ

    “ เออ...สุดยอดมาก แต่ถ้าจะให้สุดยอดกว่านี้นะ แกต้องได้ลูกแฝดมาเลยนะตายูล ”

    ชอนมีพอใจกับเรื่องที่ตัวเองได้รับรู้มา เธอพอใจกับพ่อลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ที่มันมีน้ำยาทำให้เมียของตัวเองท้องได้ ก่อนหน้านี้เห็นอยู่หรอกนะว่าไม่ถูกกัน แม้จะมาทำแสร้งแกล้งทำเป็นดีกันก็ตามที แต่อย่าลืมว่าคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนน่ะ จะมองอะไรได้ลึกซึ้งกว่าการมองแค่สิ่งที่ได้เห็น ก็รู้อยู่ตั้งแต่แรกเริ่มอยู่แล้วนี่นา ว่าพ่อลูกชายผู้ไม่เอาอ่าวอะไรคนนี้ ไม่ได้รักได้ชอบอะไรกับแม่ลูกสะใภ้ใจเด็ดเลยสักนิด กว่าที่ทั้งสองคนจะรักกันได้ มันก็ใช้เวลานานพอดูอยู่เหมือนกัน แต่ช่างมันเถอะนะ ยังไงซะวันนี้ยูริก็ได้รู้จักการมีครอบครัวสักที แล้วเดี๋ยวอีกหน่อยก็คงจะได้เรียนรู้การเป็นพ่อคนไปพร้อมๆกับเจสสิก้า ที่จะต้องรู้จักกการเป็นภรรยาที่ดี แล้วก็ต้องทำหน้าที่ของแม่ที่ดีด้วย

    “ ลูกแฝด...ผมก็หวังว่ามันจะได้นะครับ เพราะผมก็ไม่อยากจะมาแพ้ท้องอีกแล้วล่ะ ทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย วันๆไม่ต้องทำอะไรหรอก คอยจ้องมองแต่ห้องน้ำ ขนาดตอนนี้ผมก็ยังอยากจะอ้วกอยู่เลย พ่อครับ...ตอนที่แม่ท้องผมน่ะ พ่อแพ้ท้องแบบนี้มั้ยครับ ”

    ยูริเอ่ยถามผู้เป็นพ่อ ซึ่งตอนนี้กำลังนั่งจิบกาแฟ พร้อมกับอ่านหนังสือพิมพ์ประจำวันอย่างสบายใจ ยูริสงสัยว่าพ่อเคยเป็นอย่างที่เขาเป็นบ้างไหม คือพ่อเคยแพ้ท้องแทนแม่บ้างไหม ต้องที่แม่อุ้มท้องเขาอยู่น่ะ ที่ต้องถามแบบนี้ก็เพราะว่า เขารู้สึกเหนื่อยล้ากับการแพ้ท้องนี่เหลือเกิน ไม่เคยนึกเคยฝันเลยว่า มันจะมีวันนี้เกิดขึ้นกับเขา วันที่ต้องมาวิ่งเขาหน้าเข้าไปจ่อกับชักโครก วันที่ต้องวิ่งขึ้นวิ่งลงเตียง เพื่อไปเข้าห้องน้ำอยู่บ่อยๆ

    “ ยูริ...พ่อน่ะ...ไม่หรอกนะ ไม่มีเลย ”

    “ เหรอครับ ผมนึกว่ามันเป็นกรรมพันธุ์ซะอีก ”

    ยูริได้ยินพ่อบอกว่าไม่มี เขาก้เข้าใจว่าพ่อไม่มีอาการแพ้ท้องแทนแม่ เหมือนอย่างที่เขากำลังแพ้ท้องแทนเจสสิก้า ทีแรกก็นึกว่าเป็นเพราะกรรมพันธุ์ แต่พอได้ยินอย่างนี้แล้วก็เลิกคิดไป ไม่ว่ามันจะเกิดมาจากอะไรก็ช่างมันเถอะ อย่างน้อยๆเขาก็ได้ช่วงแบ่งเบาภาระมาจากคนที่รักบ้างแล้วล่ะ ได้ช่วยแพ้ท้องแทนเมีย ก็ยังดีกว่าไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเลย แค่เจสสิก้าต้องอุ้มท้องนานตั้งเก้าเดือน มันก็เป็นภาระหน้าที่อันหนักล้นแล้ว ยินดีซะด้วยซ้ำที่ได้ทำอะไรเพื่อเธอบ้าง แม้ว่าจะไม่ได้เจตนาก็ตามที

    “ ใครบอกแกว่าพ่อไม่เป็น ที่พ่อบอกว่าไม่มีน่ะ มันหมายความว่า ไม่มีเลยสักวันที่พ่อจะไม่อ้วกเหมือนอย่างที่แกเป็น พ่ออ้วกอยู่ตั้งสองเดือน หน้านี่ซีดอย่างกับผีตายซาก กว่าจะมาฟื้นตัวได้ก็นานพอดู แกนี่ยังถือว่าเบาะๆนะ ถ้ามาเจอตอนที่แม่แกท้อง งานการพ่อไม่ได้ทำเลย มัวแต่ไปนั่งไปนอนอยู่หน้าห้องน้ำ เรามันก็ไม่ต่างกันหรอกลูก ”

    โถ...ไอ้เราก็นึกว่าพ่อจะไม่เป็นเหมือนกันซะอีก ที่ไหนได้หนักหนาสาหัสกว่าเป็นไหนๆ แต่ว่าพ่อแพ้ท้องแทนแม่ตั้งสองเดือน แล้วเขาล่ะ...เขาจะต้องแพ้ท้องแบบนี้ไปอีกนานสักแค่ไหนกัน มันก็น่าเก็บเอามาคิดอยู่นะ แต่ว่าจะให้ทำยังไงได้ล่ะ นอกจากไปรับยาจากหมอมากิน เพื่อระงับอาการเท่านั้นแหละ กว่าจะได้เป็นพ่อคนนี้มันช่างยากลำบากจริงเลยนะ แบบว่ากว่าจะได้ล็กมาสักคน ก็ต้องเสียงเหงื่อเสียแรงไปเท่าไรต่อเท่าไร นี่ยังต้องมาแพ้ท้องหนักๆอีก เฮ้อ...ทำไมชีวิตของคุณพ่อมือใหม่คนนี้ มันถึงได้รู้สึกลำบากนักก็ไม่รู้ แต่ว่าเขาคงจะไม่ลำบากเท่ากับเจสสิก้าหรอกมั้ง เพราะอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ เธอคงจะต้องอุ้มท้องโย้ เหมือนลิงอุ้มแตงอยู่ตลอดเวลาแน่ๆเลย นึกไปถึงวันนั้นแล้วรู้สึกสงสารเมียจังเลยอ่ะ ท่าทางว่าจะลำบากเอาการอยู่นะ กับการฟูมฟักอุ้มชูเจ้าตัวน้อย ที่อยู่ภายในท้องนั่นน่ะ ถ้าเขาอุ้มท้องแทนเจสสิก้าได้นะ ป่านนี้เขาก็คงจะทำมันไปแล้วล่ะ จะไม่ปล่อยให้เมียลำบากแบบนี้เลย

    “ อ๋อ...ผมเป็นเหมือนพ่อนี่เอง แบบนี้เค้าเรียกเชื่อไม่ทิ้งแถมใช่มั้ยครับ เอ่อพ่อครับ...แล้วเรื่อง เรื่องนั้นล่ะครับ พ่อจะยกให้ผมเมื่อไหร่ ”

    เรื่องนั้นในที่นี้ของยูริ มันก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องทรัพย์สมบัติ และแน่นอนว่าซังวูจำได้ ว่าเขาเคยลั่นวาจาอะไรออกไป ถ้าหากยูริมีหลานให้เขาอุ้มได้ สมบัติมากมายจะตกเป็นของมัน นึกว่ามันมีลูกเพราะใจรักซะอีกนะเนี่ย นี่มันมีลูกให้พ่อกับแม่เพราะสมบัติจริงๆงั้นเหรอ ถ้าเป็นเหมือนอย่างที่เขากำลังคิดอยู่ล่ะก็ สงสารหลานที่กำลังจะเกิดมาจริงๆเลยนะ

    “ เอาไว้ให้ลูกของแกคลอดออกมาก่อนเถอะ แล้วค่อยมาว่ากันอีกที ”

    “ ครับ...พ่อต้องได้เห็นหนาหลานแน่ๆ แล้วตอนนั้นก็ช่วยทำอะไรให้มันเรียบร้อยด้วยนะครับ ”

    ฟังดูเผินๆก็เหมือนจะอยากได้แค่สมบัตืของผู้เป็นพ่อนะ หากแต่นั่นมันไม่ใช่ทั้งหมดหรอก ความจริงแล้วยูริอยากจะมีอะไรที่เป็นรากถานให้กับเจสสิก้าและลูกน้อย เพราะสำหรับเขาแล้ว งานของคนขับรถ มันไม่สามารถจุนเจือครอบครัวไปได้หรอก จะหวังพึ่งแต่เจสสิก้าคสเดียวก็ไม่ได้ หากได้มรดกมาจากพ่อกับแม่นะ เขาก็จะมีหลักประกันในชีวิตให้คนที่รักได้ ไม่อยากให้ลูกกับเมียต้องลำบากเพราะมีพ่อไม่เอาไหน

    “ เอาเถอะๆ...เรื่องนี้เอาไว้คุยกันทีหลังนะ ตายูล...เย็นนี้พาหนูเจสมาหาพ่อกับแม่หน่อยสิ พาลูกกับเมียมากินข้าวที่บ้านของเราหน่อยนะลูก ”

    “ ครับ...เดี๋ยวผมจะไปรับน้องเจสมาให้ครับ ว่าแต่...ผมไปหาตอนนี้เลยได้มั้ยครับ คุณนายควอน ”

    “ ก็ได้จ้ะพ่อคนขับรถ วันนี้ฉันจะให้เธอเป็นสารถีให้กับลูกสะใภ้ของฉันสักวนก็แล้วกันนะ แต่อย่าแอบไปจีบหนูเจสตอนสามีของเค้าไม่อยู่ล่ะ...ตาคนขับรถ ”

    “ รับทราบครับ...คุณนายควอน กระผมจะไม่จีบลูกสะใภ้ของท่าน หากว่าเธอไม่อนุญาตนะครับ ”

     

    *_*_*_*_*

    *_*_*_*

    *_*_*

    *_*

    *

     

    Talk………………….

     

    กลับมาแล้วนะจ้ะ หลังจากที่หายไปหลายวัน ไม่มีอะไรจะฝอยเลยค่ะ เอาเป็นว่าอ่านกันให้สนุกนะคะ รักนะตะเอง จุฟฟฟฟฟฟฟ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×