ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] งานนี้...พี่ต้องมี...ลูก YulsiC yuri x sica

    ลำดับตอนที่ #50 : Chapter 50

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.46K
      0
      7 ธ.ค. 55

     

    งานนี้...พี่ต้องมี...ลูก

     

    Chapter  50

     

    “ ยุนอา...แกจะไม่มาช่วยฉันตามหาเมียจริงๆน่ะเหรอ ”

    ยูริเอ่ยถามเพื่อนผ่านสัญญาณโทรศัพท์ พอตามหาเมียมาทั้งวี่ทั้งวันแต่ก็ยังไม่พบ ยูริก็เลยหาตัวช่วยอย่างยุนอา เพื่อหวังว่ามันจะมาช่วยเขาตามหาเจสสิก้าบ้าง แต่ไอ้แก่โลลิมันบอกว่าตอนนี้มันต้องไปหาเด็ก มันตามเด็กไปทัศนะศึกษา โดยได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนของเด็กน้อย อันนี้ก็เข้าใจมันอยู่นะ กว่าจะได้มีโอกาสไปหาคนที่รัก มันก็ต้องเจ็บตัวยิ่งกว่านักแสดงหนังบู้ซะอีก

    ( เออ...ยูริฉันก็อยากจะช่วยแกตามหาเมียกับลูกนะ แต่ว่าตอนนี้ฉัรออกจากโซลมาแล้ว ขอโทษด้วยละกัน ฉันต้องไปตามหาหัวใจของตัวเอง ฉันจะไปรอดานี่ที่ปลายทาง ขอให้หาเมียเจอนะ แค่นี้แหละฉันขับรถอยู่ )

    ยูริก็ไม่รู้ว่าจะร้องขออะไรจากยุนอาอีกแล้วล่ะ ในเมื่อมันก็ช่วยเหลือเขามามากแล้ว ปล่อยมันไปหาเด็กของมันเถอะ คนนี้คงจะจริงจังด้วยจริงๆแหละ ถึงขั้นยอมตายขอแค่ให้ได้เจอหน้า ตั้งแต่ที่คบหาเป็นเพื่อนกันมา ก็เพิ่งจะเคยเห็นยุนอายอมได้มากขนาดนี้ มันยอมเด็กคนนี้มากกว่าที่เคยยอมให้ใคร ขอให้มันประสบความสำเร็จก็แล้วกัน หลังว่าเขาคงจะไม่ต้องแต่งชุดดำแล้วไปคำนับมันอยู่หน้าหลุมศพหรอกนะ

    “ เอาไงดีหว่า นี่ก็เริ่มจะมืดแล้วด้วย ทำไมเธอถึงไม่รับสายฉันบ้างนะเจสสิก้า รู้มั้ยว่าสามีเป็นห่วงน่ะ ”

    เขาพยายามโรหาเจสสิก้าแล้วนะ แต่ว่าอีกฝ่ายไม่ยอมรับสาย พอเขาโทรย้ำบ่อยเข้าไปอีก เจสสิก้าก็ปิดเครื่องหนีไปเลย ไม่รู้ว่าเธอปาโทรศัพท์ทิ้งไปแล้วหรือยัง ก็อารมณ์หงุดหงิดแปรปรวนซะขนาดนั้น คาดว่าไม่น่าจะเหลือนะ แต่เจสสิก้าเป็นคนที่เห็นคุณค่าของเงิน เธอคงจะไม่คิดทำลายมันหรอก อย่างมากก็แค่โยนใส่กระเป๋าหรือไม่ก็เบาะรถ แล้วก็เดินหนีไปแบบนั้นคงจะเข้าท่ากว่า ไม่ได้ว่าเมียของตัวเองงกนะ แต่ว่าเท่าที่เห็นมาก็เป็นแบบนั้นจริงๆ

    เมื่อไม่รู้ว่าจะไปหาเมียได้ที่ไหน ยูริก็เลยต้องขอความช่วยเหลือจากบุคคลผู้มีพระคุณ นั่นก็คือคนที่ทำให้เขาได้ลูก นิ้วเรียวยกดหาหมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่เขาไม่ค่อยคุ้นเคย คนนี้คือความหวังของเขาเลยทีเดียว เจสสิก้าน่าจะไปหาเธอคนนี้นะ เพราะเป็นคนเดียวที่เธอจะเชื่อฟัง โทรศัพท์ถูกยกขึ้นมาแนบกับใบหู ยูริรอการต่อสายอยู่สักพัก ไม่นานก็มีคนรับสายของเขาแล้ว

    “ คุณทิฟฟานี่ครับ นี่ผลยูรินะ ”

    ( ค่ะ คุณยูริ )

    ทิฟฟานี่ตอบรับน้องเขยด้วยน้ำเสียงที่สดใส มันช่างแตกต่างอะไรกับเมียของเขาจริงๆเลย เคยสงสัยอยู่นะว่าพี่สะใภ้เคยโมดหใครบ้างไหม เพราะเท่าที่เขาได้เจอกับเอมาหลายต่อหลายครั้ง แม้กระทั่งตอนที่เขาพยายามจีบเธออ่ะนะ ก็ยังไม่เคยเห็นคุณพี่สะใภ้ โมโหใส่ใครเลยสักคน

    “ เอ่อผมโทรมารบกวนหรือเปล่าครับ ”

    ( อ๊อ...ไม่หรอกค่ะ ไม่รบกวนอะไรเลย ว่าแต่มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าคะ )

    ปกติแล้วน้องเขยจะไม่โทรมาหาเธอหรอกนะ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาโทรมา สงสัยว่าคงจะรู้เรื่องเมียของตัวเองแล้วล่ะสิ แล้วก็แบบว่าตื่นเต้นดีใจ จนต้องมาระบายหรือมาสอบถามอะไรทำนองนี่ล่ะมั้ง ไม่อย่างนั้นยูริจะโทรมาหาเธอทำไมล่ะ เป็นเรื่องปกติของคนเป็นพ่อ ยิ่งรู้ตัวว่าจะได้เป็นคุณพ่อมือใหม่แล้วด้วย ก็คงจะดีใจจนออกนอกหน้าไปเลยล่ะสิ

    “ ก็ไม่เชิงหรอกครับ ผมแค่อยากจะถามว่า น้องเจสอยู่กับคุณหรือเปล่าครับ พอดีว่าเธอออกจากบ้านตั้งแต่ตอนกลางวัน จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับมาเลย ผมกลัวว่าเธอจะไปเที่ยวเถลไถลที่ไหนน่ะครับ ”

    ( ไม่นี่คะ ยัยเจสไม่ได้มาหาฉันเลยนะ คุณสองคนมีปัญหากันงั้นเหรอ คงจะเป็นเรื่องเด็กในท้องล่ะสินะยัยเจสทะเลาะกับคุณอีกแล้วเหรอคะ โตป่านนี้แล้วยังทำตัวเป็นเด็กอีก )

    ทิฟฟานี่ก็พอจะรู้นิสัยเพื่อนของตัวเองดี เจสสิก้าเป็นพวกที่จะไม่ยอมรับอะไรง่ายๆ ที่หนียูริออกไปจากบ้านก็คงเพราะจะรู้เรื่องของตัวเองแล้วล่ะสิ พอรู้ว่าตัวเองท้องเหมือนอย่างที่เธอบอกจริงๆ มันก็เลยทำใจให้ยอมรับไม่ได้ แล้วก็ทะเลาะกับยูริ ทำไมเจสสิก้ามันถึงได้ดื้นรั้นแบบนี้นะ เข้าใจว่ายังรับไม่ได้ ตั้งตัวยังไม่ทัน แต่ว่าเด็กที่กำลังจะเกิดมานี้ ก็เกิดขึ้นมาจากความรักของตัวเองกับยูริไม่ใช่เหรอ แล้วจะยังกลัวอะไรอีกก็ไม่รู้

    “ อ่าครับ เราทะเลาะกัน ผมผิดเองแหละที่ไม่รู้จักคิดอะไรให้มันถี่ถ้วนกว่านี้ ก่อนที่จะทำอะไรลงไป ทั้งที่ผมก็รู้อยู่แก่ใจดี ว่าเจสสิก้าไม่อยากมีลูกแค่ไหน แต่ผมก็ยังรั้นอยากจะได้ มันก็ไม่แปลกหรอกครับ ถ้าน้องเจสจะเกลียดผม เอ่อถ้าได้เรื่องยังไงก็บอกผมด้วยนะครับ เดี๋ยวผมจะไปตามหาน้องเจสต่อ สวัสดีครับ ”

    “ เดี๋ยวค่ะ...ฉันรู้ว่าคุณจะไปตามยัยเจสได้ที่ไหน ฟังฉันให้ดีนะคะ แล้วกก็จำให้แม่นด้วยล่ะ ฉันว่ายัยเจสจะต้องไปที่นั่นอย่างแน่นอน ”

     

    *-*-*-*-*

    *-*-*-*

    *-*-*

    *-*

    *

     

    “ อ้า...ในที่สุดก็มาถึงจนได้นะเรา ”

    จียองเอ่ยออกมาอย่างดีใจ หลังจากที่ตัวเองลงจากรถได้แล้ว ก็แบบว่าเด็กสาวใจจดใจจ่อที่จะให้รถของโรงเรียน พาตนและเพื่อนนักเรียนทั้งหลายมาให้ถึงจุดหมาย แบบว่าเธอเฝ้าภาวนาขอให้มาถึงที่พักไวๆ เพราะตลอดทางก็จะมีจอดแวะตรงนั้นบ้าง ตรงนี้บ้าง บางครั้งก็มีเสียด้วยแหละ กว่าจะมาถึงจุดหมายได้ ก็เล่นเอาซะมืดค่ำกันไปเลย สรุปแล้ววันนี้ก็ไม่ได้ทำอะไรมากมายนัก นอกจากนั่งรถเล่นให้มันเปลืองเวลาไปอย่างไม่ค่อยได้ประโยชน์เท่านั้นเอง

    “ นักเรียนทุกคน ฟังทางนี้ก่อนนะ รู้แล้วใช่มั้ยว่าตัวเองพักกับใคร ห้องนึงนอนกันสองคนนะ ถ้าได้คู่นอนแล้วก็มารับกุญแจกับครูนะเด็กๆ ”

    เสียงของครูผู้ดูแลป่าวประกาศ บอกให้นักเรียนรู้เรื่องเพื่อนร่วมห้อง ซึ่งนักเรียนแต่ละคนจะรู้ดี ว่าตัวเองนั้นจะนอนกับใคร  เพราะก่อนที่จะมาที่พักแห่งนี้ ก็ได้ทำการสำรวจให้นักเรียนตกลงจับคู่กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะเหลือในตอนนี้ก็มีแค่การมารับกุญแจห้องพักไปเท่านั้นแหละ

    “ ดานี่...เดี๋ยวฉันไปเอากุญแจเอง เธอยืนรออยู่ตรงนี้แหละ อ่ะ...ฝากกระเป่าด้วย ”

    “ อื้อได้สิ...แล้วฉันจะรอนะ ”

    แล้วจียองก็วางกระเป๋าของตัวเองลงกับพื้น ซึ่งมีดานี่คอยยืนเฝ้าให้ จากนั้นจียองก็วิ่งไปรับเอากุญแจห้อง ดานี่ก็ยืนนิ่งอยู่กับที่ เดก็สาวยืนรอให้เพื่อไปเอากุญแจห้องมา แล้วจะได้เข้าห้องพักกันสักที เพราะวันนี้เหนื่อยกับการนั่งรถมากเลย แต่ยืนอยู่คนเดียวได้ไม่ถึงนาที เธอก็มีเพื่อนชายมายืนอยู่ข้างๆซะแล้ว

    “ พักกับใครเหรอดานี่ ”

    “ พักกับจียองน่ะ แล้วเธอล่ะ ”

    ดานี่ทั้งตอบคำถามและถามเพื่อนชายกลับ ตามมารยาทของเพื่อนร่วมชั้นเรียนอ่ะนะ ฮยอนวูเองก็แค่ยิ้มตอบเธอเท่านั้น เขาไม่ได้บอกว่าจะนอนกับใครในคืนนี้ แต่ดานี่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับเพื่อนชายเลย ไม่ว่าเขาจะไปนอนกับใคร มันก็ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับเธออยู่แล้วนี่นา

    “ อ่า...ให้ฉันช่วยถือกระเป่าเอามั้ย ”

    “ ไม่เป็นไร แค่นี้เอง ฉันถือไปได้ ”

    ดานี่ปฏิเสธที่จะให้ฮยอนวูช่วย เพราะตัวเองไม่ได้ลำบากลำบนอะไร แถมกระเป๋าใบกระทัดรัดของเธอมันก็ไม่ได้หนักอะไรนักหมา ก็มีแค่เสื้อผ้าไม่กี่ชุด กับข้าวของเครื่องใช้สำหรับตัวเองเท่านั้น มันจึงไม่ได้เป็นปัญหาของเธอเลยสักนิด ก็ของแค่นี้เองนะ ไม่จำเป็นจะต้องให้ใครมาลำบากด้วยหรอก

    “ งั้นเหรอ...ตามใจละกัน แต่ว่าไม่ต้องการให้ฉันถือช่วยจริงๆนะ ”

    “ เฮ้...ฮยอนวู มาเกาะแกะกับแฟนฉันทำไม ไปไกลๆเลยนะ นี่เด็กของฉัน เบบี๋...บอกเค้าไปสิว่าเธอแฟนใคร ”

    จียองกลับมาจากไปรับกุญแจห้อง แล้วก็มาเจอกับไอ้หน้าหล่อขี้หลีฮยอนวู ซึ่งเธอไม่ค่อยจะถูกชะตากับมันอยู่แล้ว พอมาเห็นไอ้คนที่ไม่ชอบหน้า มาทำเกาะแกะกับเมียของคุณครูสุดหล่อ เธอก็เลยทนไม่ได้ ในเมื่อคืนนี้มันจะต้องเป็นของคุณครูเท่านั้น ไอ้หน้าประจวดนี่ห้ามเข้ามาแส่

    “ อย่ามาพูดอะไรบ้าๆน่าจียอง ดานี่ไม่ใช่แฟนของเธอซะหน่อย อย่ามาขี้ตู่หน่อยเลยน่า ”

    “ ได้...ไม่เชื่อใช่มั้ย งั้นดูนี่...ดูให้เต็มตาไปเลยนะว่าแฟนกันเค้าทำกันแบบนี้ ”

    “ อุ๊ย... ”

    ดานี่อุทานออกมาด้วยความตกใจได้แค่นั้น เมื่อเธอถูกเพื่อนสาวกระชากลากคอเข้าไปกอด แถมด้วยการถูกหอมแก้มอีกสองสามฟอด นั่นเพราะจียองหมั่นไส้ฮยอนวู เธอไม่ชอบหน้าไอ้บ้าขี้เก็กนี่ ก็เลยลากเพื่อนสาวมากอดจูบมันซะเลย เล่นเอาดานี่ตัวแข็งทื่อเป็นสากกระเบือได้ทันตาเห็นเลย

    “ เอาล่ะ นายเห็นแล้วใช่มั้ย ว่าดานี่ไม่ได้ปฏิเสธฉัน เพราะฉะนั้น...ถอยไปเลย ป่ะ...ไปนอนกันดีกว่านะจ๊ะเบบี๋ คืนนี้เรามีเรื่องจะต้องทำกันอีกเยอะ ”

    จียองเจตนาพูดให้ฮยอนวูได้ยิน แถมยังพูดไปในทางสองแง่สองง่าม ซึ่งจะคิดไปในทางไหนก็ได้ทั้ง และแน่นอนว่าเธอต้องการให้อีกคนเชื่อแบบนั้นแหละ ฮยอนวูคิดว่าจียองกับดานี่จะรีบไปทำอะไรอย่างว่า เขาก็ได้แต่ยืนกัดฟันกรอดๆด้วยความโมโห แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้

    “ ไว้เจอกันพรุ่งนี้เช้านะฮยอนวู อย่าลืมเตรียมเครื่องดื่มบำรุงร่างกายให้ฉันกับดานี่ด้วยล่ะ...เพื่อน ”

    จียองเดินโอบไหล่ของดานี่ แล้วก็เดินตรงไปยังห้องพัก ส่วนฮยอนวูก็กลับไปหาห้องพักของตัวเอง เด็กสาวสองคนเดินตรงไปยังบ้านพักที่เป็นเหมือนรีสอร์ท จียองเอากุญแจที่เพิ่งจะได้รับมาไขประตูห้องพัก จากนั้นเธอก็สะพายกระเป๋าเดินเข้าไปในห้องก่อน ตามมาด้วยดานี่ที่หิ้วกระเป๋าของตน แล้วเดินตามหลังของเพื่อนเข้าห้องไป

    “ ดานี่...ฉันให้เธอไปอาบน้ำก่อนเลยนะ จะได้สดชื่นไง ”

    “ ขอบใจ งั้นฉันอาบก่อนนะ ”

    “ ได้...ไม่ต้องรีบล่ะ เพราะว่า...ฉันมีเซอร์ไพรซ์  ”

     

    *_*_*_*_*

    *_*_*_*

    *_*_*

    *_*

    *

     

    “ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิคะ เรามาทำงานกันนะ ไม่ใช่ว่าฉันเอาคุณมาฆ่าซะหน่อย ร่าเริงหน่อยสิคะแทยอน ”

    กยูริที่นั่งอยู่ข้างๆแทยอน พยายามที่จะทำให้อีกคนยิ้มออกมาให้ได้ แบบว่ายิ้มที่ออกมาจากใจอ่ะนะ ไม่ใช่ยิ้มๆไปตามหน้าที่ หากแต่เธออยากได้อะไรที่เขาเต็มใจ กยูริยิ้มให้แทยอนอย่างยั่วยวน เธอไม่จำเป็นที่จะต้องมานั่งสงวนท่าทีอีกต่อไปแล้วล่ะ ก็ในเมื่อใจของเธอนั้นได้ยกให้กับชายคนนี้ไปแล้ว หน้าตาที่ดูเย็นชาตายด้านแบบนี้นี่แหละ เห็นแล้วทำใจละลายกันเลยทีเดียวเชียว

     “ ครับ ”

    แทยอนยอมยิ้มตามที่กยูริต้องการ ที่เขาทำนิ่งทำเย็นชานั้น เป็นเพราะว่าเขากำลังเป็นห่วงเมียกับลูกหมา ที่รอเขาอยู่ที่บ้าน แทยอนให้สัญญากับภรรยาและลูกหมาเอาไว้ว่า เขาจะกลับไปทานข้าวเย็นด้วย แต่ดูเหมือนว่าเขาจะกลับไปไม่ทันนะ เพราะปกติโต๊ะอาหารจะถูกจัดไว้ไม่เกินหนึ่งทุ่ม แต่ตอนนี้มันเลยช่วงเวลานั้นมานานแล้ว นาฬิกาที่ข้อมือของแทยอนมันบอกว่า ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มห้าสิบเก้านาทีแล้ว ป่านนี่ทิฟฟานี่กับยูบินคงกินข้าวเย็น แล้วก็คงจะเข้านอนด้วยกันไปแล้วล่ะ

    “ ไหนล่ะคะ...สัญญาที่ฉันจะต้องเซ็นต์ ”

    เมื่อเห็นว่าไม่มีทางทำให้แทยอนสนใจตัวเองได้ กยูริก็เลยเปลี่ยนเรื่องมันกระทันหันซะเลย แล้วก็เป็นไปตามที่เธอคิดเอาไว้ แทยอนหันกลับมาให้ความสนใจเธอแล้ว ท่าทางเขาดูจะดีใจมากซะด้วยนะ เขาดูดีใจจนออกนอกหน้าเลยล่ะ พอได้ยินเธอทวงถามถึงเรื่องการเซ็นต์สัญญาเท่านั้นแหละ แหม...ยิ้มร่าจนหน้าบานขึ้นมาเลยนะ

    “ นี่ครับ... ”

    แทยอนยื่นแฟ้มเอกสารที่เขาถือติดมือมาให้กยูริ ซึ่งหญิงสาวก็ยื่นมือออกไปเพื่อที่จะรับเอาแฟ้มนั้นมา แต่เธอกลับยื่นมือเข้าไปไกลกว่าที่ควรจะเป็น มือนิ่มสัมผัสกับมือใหญ่ของอีกคนอย่างเจตนา ก่อนที่เธอจะค่อยๆดึงเอาแฟ้มเอกสารนั่นออกมาจากมือของแทยอน กยูริไม่จำเป็นที่จะต้องมาแสร้งทำเป็นไร้เดียงสา หรือว่าจะมาทำเป็นเหนียมอายอีกแล้วนี่นา เธอเจตนาที่จะทำแบบนี้เพื่อให้อีกคนรับรู้ และแน่นอนว่าแทยอนก็ไม่ได้ไร้เดียงสา ถึงขนาดที่ว่าไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยหรอกนะ เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังคิดที่จะทำอะไร แต่เขาจะมาทำกิริยาที่เสียมารยาทต่อหน้าของลูกค้าไม่ได้ จึงได้ทำเป็นไม่ใส่ใจหรือสะทกสะท้านอะไรออกมา อย่าถามว่าถายในใจมันมีอาการบ้างไหมนะ เพราะว่ายังไงมันก็ต้องมีอยู่แล้วล่ะ ก็อีกคนเล่นสวยอย่างกับเทพธิดามาจุติเลยนี่นา เป็นใครได้มาอยู่ใกล้ก็ต้องมีหวั่นไหวกันบ้างแหละ

    “ จะให้ฉันเซ็นต์ตรงไหนคะ ”

    “ ตรงนี้เลยครับ ”

    แทยอนยื่นมือเข้าไปชี้จุดที่กยูริจะต้องเซ็นต์ เขาต้องการที่จะเป็นผู้ค้าที่ดี ซึ่งจะต้องคอยให้คำแนะนำที่ดีกับลูกค้าด้วย ชายหนุ่มค่อยๆขยับตัวเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างเอาใจใส่ แทยอนทำหน้าที่ของผู้ค้าที่ดีแล้ว แต่กยูริไม่ได้มองเห็นจุดนั้น เธอมองเห็นชายหนุ่มหน้าตาดี ผู้ที่มีจิตใจใสซี่อบริสุทธิ์ ทำไมกยูริจะไม่รู้ว่าตัวเองควรจะเซ็นต์ชื่อตรงไหน ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยเซ็นต์สัญญากับใครมาก่อนเลยนี่นา ที่บอกว่าไม่รู้จะเซ็นต์ตรงไหนนั้น มันก็แค่มารยาหญิงหนึ่งในหลายล้านเล่มเกวียนเท่านั้นแหละ

    “ นี่น่ะเหรอคะ ”

    พอเห็นว่าแทยอนขยับเข้ามาใกล้ตนมากขึ้น กยูริก็ขยับเข้าไปหาเขาบ้าง ทำให้คนทั้งคู่ใกล้ชิดสนิมแนบกัน จนกยูรินั้นสามารถที่จะขึ้นไปนั่งตักของแทยอนได้อยู่แล้ว ริมฝีปากอวบอิ่มกระซิบถามแผ่วเบาเข้าที่ใบหูของอีกคน ลมหายใจอุ่นๆทำให้พ่อหมาถึงกับขนลุกขนชันขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ร่างแกรงมีอาการสั่นสะท้านนิดๆ นั่นยิ่งทำให้อีกคนได้ใจ แถมยังยิ้มกรุ้มกริ่มให้อย่างเอ็นดูอีกต่างหาก

    “ คะ...ครับ ตรงนี้แหละครับ ”

    แทยอนพยายามตั้งสติของตัวเองเอาไว้ เขาพยายามข่มใจให้มันไม่สั่นไปมากกว่านี้ เพราะว่ามันไม่ใช่หน้าที่ของเขา ที่จะต้องมาทำงานรองรับอารมณ์หวามของใคร แต่ตอนนี้เขาต้องระงับใจของตัวเองเอาไว้ก่อน ก่อนที่มันจะหวามไหวไปตามที่อีกคนต้องการ อย่าคิดว่าเขาไม่รู้เรื่องอะไรนะ เขารู้ว่ากยูริคิดอะไรอยู่ เธอคิดยังไงกับเขาทำไมเขาจะไม่รู้ ก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยผ่านผู้หญิงคนอื่นมานะ ก่อนหน้าที่จะแต่งงานกับทิฟฟานี่ เขาก็ชอบเที่ยวแตร่ตามประสาของผู้ชายทั่วไปนั่นแหละ ดังนั้นเรื่องแค่นี้เขาจึงดูออก หากแต่ว่าไม่สามารถที่จะทำอะไรได้

    “ ถ้าฉันเซ็น๖เอกสารเรียบร้อยแล้ว คุณจะให้เกียรติออกไปเต้นรำกับฉันสักเพลงไปมั้ยคะ...คุณแทยอน คิดซะว่าเป็นบริการเสริมที่มีให้ลูกค้าก็ได้นะคะ ไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะ ฉันแค่ต้องการเพื่อนเต้นด้วยเท่านั้น ถ้าจะชวนพ่อหนุ่มบอร์ดี้การ์ดออกไป มันก็ดูไม่ดีเท่าไหร่ ไปเต้นเป็นเพื่อนฉันหน่อยนะคะ เพื่อมิตรภาพของพวกเรา ”

    “ เอ่อ...ครับ ได้ตามที่คุณขอมาครับ มันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ผมจะออกไปเต้นรำเป็นเพื่อนของคุณก็ได้ครับ...คุณกยูริ ”

     

    *_*_*_*_*

    *_*_*_*

    *_*_*

    *_*

    *

     

    “ หม่าม้า...ทามไมป๊ะป๋าถึงยังม่ายกลับมาล่ะ ”

    ลูกหมาตัวน้อยมันขยับเข้ามากระแซะผู้เป็นแม่ หลังจากที่หนูน้อยกับมารดา ได้นั่งรอทานข้าวกับพ่ออยู่เป็นนานสองนาน ไอ้คำว่านานสองนานมันก็คงจะน้อยไป ต้องบอกว่านั่งคอยกันนานเป็นสองสามชั่วโมงแล้วล่ะ ยูบินรอทานข้าวพร้อมกับพ่อไม่ไหว ทิฟฟานี่ก็เลยป้อนข้าวลูกสาวก่อน หลังจากนั้นเธอก็พายูบินขึ้นมาที่ห้องนอน ตอนแรกว่าจะเอาลูกหมากลับไปนอนที่ห้องนอนของลูกหมาเองนั่นแหละ แต่ว่ายูบินงอแงไม่ยอมไปนอนคนเดียว บอกว่าจะนอนกับแม่ จะนอนอยู่เป็นเพื่อนของแม่ เพราะไม่รู้ว่าพ่อจะกลับบ้านเมื่อไหร่ อะไรกันนะเจ้าตัวน้อย ตัวเล็กเท่านี้รู้จักเป็นห่วงแม่ด้วยนะ น่ารักท่สุดเลยลูกหมาของแม่

    “ ป๊ะป๋าไปทำงานอยู่จ้ะ ก็เลยยังกลับบ้านไม่ได้ ”

    จะบอกว่าที่เธอพูดออกมาทั้งหมดนั้น มันคือความจริงทั้งสิ้นก็ไม่ใช่  มันก็แค่คำพูดที่เอาออกมาทำให้ลุกหมาเข้าใจได้เท่านั้น หากแต่ภายในใจของเธอมันกลับไม่ได้รู้สึกเหมือนอย่างที่พูดไปจริงๆ แทยอนไม่เคยที่จะกลับบ้านดึกขนาดนี้ เขาไม่เคยออกไปพบลูกค้าคนไหนได้นานขนาดนี้ เขาบอกว่าวันนี้มีนัดเซ็นต์สัญญาซื้อขายกับลูกค้าวีไอพีคนนึง ถ้าเสร็จจะรีบกลับมาโดยเร็ว เธอกับลูกหมาก็ตั้งตารอแล้วรอเล่า รอจนอาหารที่ทำเอาไว้จืดชืดไปหมดแล้ว แต่สามีที่รักก็ยังไม่กลับเข้าบ้านมาเลย

    “ ป๊ะป๋ากลับบ้านไม่ด้าย หม่าม้าเหงาม๊าย ”

    อยู่ๆยูบินก็ถามอะไรที่มันตรงกับใจของทิฟฟานี่ซะเหลือเกิน จริงอย่างที่ลูกหมามันถามมานั่นแหละ ถามว่าเธอเหงาไหมเวลาที่สามีไม่อยู่ คงจะกัดฟันฏิเสธไม่ได้หรอกว่าไม่เหงา ตอนนี้เธอรู้สึกว่าตัวเองน่ะเหงานะ เพราะปกติเวลาแบบนี้ จะต้องมีพ่อหมากับลูกหมา ที่พากันสร้างความวุ่นวายให้กับเธออยู่ไม่หยุด ไม่พ่อก็ลูกนี่แหละที่จะต้องหาเรื่องมาให้เธอได้ยิ้ม แต่วันนี้ไม่มีพ่อหมา จะมีก็แต่ลูกหมาที่เขาทิ้งไว้ให้เธอได้ดูต่างหน้าเท่านั้นแหละ ดีนะที่เธอยังมียูบินอยู่ด้วย ไม่อย่างนั้นก็คงจะเหงาเอาการเลยล่ะ

    “ ไม่เหงาหรอกจ้ะ ก็แม่มีหนูกับน้องอยู่เป็นเพื่อนแล้วนี่ไง ”

     ทิฟฟานี่ยกมืขึ้นมาลูบที่หน้าท้องของตัวเอง พร้อมกันนั้นก็ยื่นหน้าเข้าไปหาลูกหมาน้อย ริมฝีปากของผู้เป็นแม่ประทับลงไปที่หน้าผากเล็กด้วยความรักใคร่ ยูบินเองก็ไม่น้อยหน้า พอแม่จูบที่หน้าผากของตัวเองแสร็จแล้ว ลูกหมามันก็ขยับตัวยุกยิกเข้าไปหอมแก้มของแม่ จากนั้นก็เอาใบหน้ากลมๆของตัวเองไปวางไว้ที่หน้าท้องของทิฟฟานี่ เพราะพ่อกับแม่เคยบอกว่าน้องอยู่ในนั้น ยูบินก็เลยอยากจะฟังเสียงของน้องบ้าง

    “ น้องจ๋า...น้องอยู่เป็นเพื่อนก๋องหม่าม้าน๊า เป็นเด็กดีน๊าน้อง โอ๋ๆๆ...”

    ไม่รู้ว่ายูบินเข้าใจในคำว่าพี่ว่าน้องไหม แต่ที่ทิฟฟานี่เห็นอยู่ในตอนนี้ก็คือเด็กผู้หญิง ที่คอยแกแองแม่กับน้องที่ยังอยู่ในท้อง นี่ขนาดว่าตัวเล็กเท่าลูกหมาแค่นี้ ยูบินยังรู้จักรักแม่แล้วก็รักน้องซึ่งยังไม่เกิดเลย คาดว่าถ้าโตมากว่านี้นะ เจ้าลูกหมานี่จะต้องดูแลน้องให้พ่อกับแม่ได้ดีทีเดียวเชียว แต่อาจจะเหนื่อยหน่อย เพราะบางทีก็อาจจะไม่ได้ดูแลน้องแค่คนเดียว เพราะอีกคนยังอยู่กับเจสสิก้า แล้วเชื่อเถอะว่าลูกของเจสสิก้ากับยูริ มันจะซนบรรลัยเหมือนกัน เพราะตอนท้องแม่ของมันเล่นรั้นซะขนาดนี้นี่นา

    “ บอกแต่น้องให้เป็นเด็กดี แล้วยูบินล่ะลูก หนูเป็นเด็กดีมั้ย ”

    “ จ้า...หนูเป็นเด็กดี เป็นเด็กดีที่ฉุดเยย ”

    ยูบินตอบกับแม่อย่างน่ารัก พร้อมกันนั้นก็วาดแขนสั้นออกไปโอบกอดเอวของทิฟฟานี่ ตอนนี้คุณพี่ลูกหมากำลังโอบกอดให้ความอบอุ่นกับแม่และน้องในเวลาเดียวกัน มันเป็นการฝึกที่ดีนะ ฝึกดูแลแม่กับน้องไง เพราะอีกเดี๋ยวลูกหมามันก็จะโต พอมันโตก็จะได้ดูแลกันได้คล่องๆ พ่อกับแม่จะได้สบายใจ ว่าพี่สาวสามารถดูแลน้องได้

    “ ค่ะ...ลูกหมาของแม่เป็นเด็กดีที่สุดเลย แล้วไอ้เด็กดีนี่เค้าเป็นกันยังไงน๊า ”

    ทิฟฟานี่ลองถามลูกหมามันเล่นๆ อยากรู้ว่ายูบินจะเข้าใจกับคำว่าเด็กดีบ้างไหม เด็กดีในความหมายของคนอื่นๆเป็นยังไงไม่รู้ เธอแค่อยากรู้คำว่าเด็กดีในความหมายของยูบิน เพราะมีแต่สามีเท่านั้นที่อยู่กับลูกหมา เธอน่ะไม่ค่อยได้มีเวลาดูแลสักเท่าไหร่ ก็เลยอยากเข้าใจในสิ่งที่สามีสั่งสอนลูกมา

    “ แบบนี้... ”

    ว่าแล้วยูบินก็กุรีกุจอรีบยันตัวเองใหลุกขึ้นมาจากที่นอนนุ่มๆ จากนั้นก็ยืนเอามือกอดอกของตัวเองเอาไว้ ตามด้วยท่ายืนเก็กเหมือนนางแบบนายแบบ แค่นั้นยังไม่พอ ลูกหมามันหมุนตัวหันหลังให้แม่ แล้วก็จัดการเต้นส่ายก้นด๊อกแด๊ก แบบไม่มีท่าที่ตายตัว ไม่ต่างอะไรกับที่แทยอนเคยเต้นให้เธอดูเลย

    “ ฮ่าๆๆ...ยูบิน นี่น่ะเหรอเด็กดีที่หนูว่าน่ะ น่ารักเกินไปแล้วลูก ”

    “ หนูน่าร๊ากช่ายม๊าย ”

    “ ที่สุดของที่สุดเลยล่ะ มามะคนดี เลิกเต้นแล้วมานอนกันนะ ”

    ทิฟฟานี่เรียกให้ลูกหมามันมานอน ยูบินก็เชื่อฟังคำสั่งของแม่ดีเหลือเกิน เจ้าตัวน้อยมันเลิกเต้นส่ายก้นกวนบาทา แต่ว่าการล้มตัวนอนของมันนี้กินขาดไปเลย ยูบินค่อยๆย่อตัวลงไปนั่งยองๆ จากนั้นก็ก้มหัวให้ลงไปปักไว้กับที่นอนนุ่มๆ ก่อนที่จะตีลังกาม้วนหน้าซึ่งดูไม่เหมือนม้วนสักเท่าไหร่อีกหนึ่งครั้ง ซุ่มมันทำให้หนูน้อยเวียนหัวกลิ้งตัวหลุนๆเข้าไปซบกับอกของแม่

    “ หม่าม้า...ห้องมันหมุนอ่ะ ”

    “ หึๆๆ...หลับตาลงสิคะ แล้วห้องก็จะเลิกหมุนนะ หลับซะนะคนดีของแม่ ”

    “ แย๊วป๊าป๋าล่ะ ป๊าป๋าจามาตอนไหน ”

    “ เดี๋ยวก็คงกลับมาแล้วล่ะลูก ตอนนี้เรานอนกันก่อนดีกว่านะ พรุ่งนี้จะได้ตื่นแต่เช้าไง ”

     

    *-*-*-*-*

    *-*-*-*

    *-*-*

    *-*

    *

     

    “ ไอ้บ้าเอ๊ย ไอ้ดำบ้า ไอ้...ฉันเกลียดนาย เกลียดที่สุดเลย ”

    เจสสิก้าทั้งด่นดาต่อว่าสามี พร้อมกันนั้นเธอก็ยกน้ำสีเข้มขึ้นมาดื่มอยู่ไม่หยุดปาก เจสสิก้านั่งอยู่ในห้องกว้างแห่งนี้แค่คนเดียว หลังจากที่อารมณ์ร้อนวิ่งหนียูริออกมา เธอก็ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี ที่ไหนที่น่าจะไปนั่งคิดสงบจิตสงบใจได้บ้าง คิดหาสถานที่ต่างๆอยู่เป็นนานสองนาน ยังคิดอยู่ว่าจะไปทำอะไรดี ตอนแรกเธอก็ไปโรงหนังก่อน ไปนั่งดูหนังบู๊ล้างผลาน จากนั้นก็ต่อด้วยเดินช็อป จนสุดท้ายก็ต้องมายังสถานที่แห่งนี้ ซึ่งก็คือคอนโดของตัวเองนั่นแหละ

    สาวสวยว่าที่คุณแม่ลูกหนึ่งนั่งดูหนังสยองขวัญอยู่ตามลำพัง ทั้งที่ตัวเองเป็นคนที่กลัวเรื่องอะไรพวกนี้แท้ๆ แต่ก็ยังไปหาซื้อมาดูอีก นั่นก็เพราะว่าเธอไม่ได้ใส่ใจกับอะไรอีกแล้ว มัวแต่คิดเรื่องเด็กในท้อง จนลืมเรื่องกลัวผีไปเลยน่ะสิ ตอนนี้ในหัวมีแต่เรื่องที่เธอยังคิดไม่ตก คิดไม่ออกจริงๆว่าจะเอายังไงกับเด็กที่กำลังจะถือกำเนิดคนนี้ดี ในเมื่อเธอยังไม่พร้อมที่จะมีเขาเลย

     ก็เข้าใจว่าเธอน่ะกำลังจะเป็นแม่ แต่ว่าเธอจะต้องเป็นแม่ที่ยังไม่ได้รักลูกอย่างนั้นเหรอ เธอจะต้องกลายเป็นแม่ที่ไม่ต้องการลูก เพราะคำว่ากลัว...กลัวในหลายๆสิ่งหลายๆอย่าง หากได้รู้ตัวมาก่อน หรือว่ายินยอมพร้อมใจที่จะมี เธอก็คงจะไม่ไร้สติแบบนี้หรอก เวรกรรมจริงเลยนะเด็กน้อย เวรกรรมจริงๆที่เลือกมาเกิดกับคนที่ไม่รักเด็กน่ะ

    เจสสิก้าใช้ตามองดูจอที่วี ที่ตอนนี้กำลังฉายภาพของหนังสยอง แต่จิดใจจดจ่ออยู่กับเรื่องราววุ่นวายของตัวเอง ไหนจะเรื่องที่ตัวเองเสียรู้พี่สะใภ้ ไหนจะเรื่องการตั้งท้องแบบไม่ได้เจตนานี่อีกล่ะ บ้าที่สุดเลยว่าไหม มันเป็นเรื่องบ้าที่สุดเท่าที่เธอเคยเจอมาเลย ให้ตายสิ...ไม่อยากมีลูกแต่ตอนนี้ดันอุ้มท้องไว้ซะงั้น แถมยังอุ้มท้องมาตั้งสองเดือนแล้วด้วย นับจากวันที่ประจำเดือนขาดไปอ่ะนะ

    หญิงสาวคิดอะไรต่อมิอะไรจนหัวตื้อไปหมด จึงยกแก้วน้ำสีเข้มที่วางอยู่ตรงหน้ามาดื่มอีก แก้วแล้วแก้าเล่าที่ถูกเธอจับยกซด แต่กระนั้นเจสสิก้าก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดดื่มเลยสักนิด หากแก้วนี้หมดไปแล้ว เธอก็จะรินมันใส่ไปใหม่ นับจากที่กลับมาตายรั้งแล้ว เจสสิก้าก็ดื่มน้ำสีเข้มนี้จนแทบจะหมดขวดแล้วนะ เธอดื่มมันเพื่อดับความกลุ้มใจ เพราะไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับปัญหาของตัวเองดีน่ะสิ

    “ เฮ้อ...ฉันดื่มแกจนจะหมดขวดอยู่แล้ว ทำไมถึงยังทำใจไม่ได้สักทีนะ ทำมันฉันดื่มแกแล้วถึงลืมเรื่องอะไรไม่ได้เลยล่ะ ไร้ประโยชน์สิ้นดี รู้อย่างนี้กินอย่างอื่นแทนดีกว่า ”

    เจสสิก้าบ่นให้กับสิ่งที่เธอดื่มเข้าไป ก็มันจะไปช่วยเธอได้ยังไงล่ะ อย่าว่าแต่ทำให้ลืมเรื่องอะไรเลย แค่ทำให้เมามันยังทำไม่ได้ ก็คุณเธอเล่นซื้อนมรสช็อกโกแลตมาดื่มแทนเหล้านี่นา แล้วจะเอาอะไรมาทำให้เมามาทำให้ลืมล่ะ นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อนนะ เธอคงจะวิ่งแจ้นเข้าไปในผับในบาร์แล้วล่ะ แต่เพราะว่าตอนนี้ยังมีจิตสำนึกของคนที่กำลังจะเป็นแม่อยู่หรอก เธอถึงได้มาอยู่ที่นี่ แล้วก็ดื่มนมย้อมใจแบบนี้ไง

    “ นี่...เจ้าเด็กน้อย ทำไมไม่ไปอยู่ในท้องของคนคนอื่นล่ะ เธอน่าจะไปอยู่ในท้องของคนที่อยากได้ ดีกว่าที่จะมาอยู่กับฉันนะ ”

    เจสสิก้าก้มหน้าลงไปมองที่ท้องของตัวเอง ซึ่งตอนนี้มันยังดูแบนราบอยู่ แต่อีกไม่นานมันก็คงจะป่องขึ้นมาให้เห็นกันแล้วล่ะ หญิงสาวพูดกับท้องของตัวเองเหมือนคนบ้า เพราะเธอไม่มีใครให้พูดด้วยสักคน แม้แต่หมาสักตัวก็ยังไม่มีเลย ดังนั้น...เด็กน้องที่ยังเป็นแค่ก้อนเลือดจึงเปรียบเสมือนเพื่อนคุยของเธอ

    “ เฮ้อ...ทำไปได้นะเจสสิก้า ไปพูดกับท้องแล้วมันจะตอบเธอมามั้ย บ้าเอ๊ย...ยัยเจสสิก้า ยัยบ้า ถ้าเธอตอบฉันมาได้นะเด็กน้อย ฉันก็คงจะ...มีเพื่อนคุยไงล่ะ ”

    “ งั้นเหรอ ”

    เจสสิก้าตัวสั่นอย่างกับเจ้าเข้า เมื่อเธอได้ยินเสียงของคนอื่นดังมาจากด้านหลัง ตอนนี้เธอกำลังนั่งดูหนังผีอยู่คนเดียว แล้วไอ้เสียงเมื่อครู่นี้มันมาจากไหน ในเมื่อห้องๆนี้เข้าออกได้ไม่กี่คนหรอก ส่วนใหญ่จะมีก็แต่คนที่เป็นพี่ชายกับพี่สะใภ้ แล้วก็ยังมรดานี่อีกคน แล้วไอ้เสียงตอบเมื่อกี้นี้มันเป็นของใคร มันไม่ใช่เสียงของเออย่างแน่นอน อย่าบอกนะว่าเป็นเสียงของเด็กน่ะ แต่ว่าทำไมเสียงมันแก่นักล่ะ

    หญิงสาวต้องการความกระจ่างให้กับตัวเอง เธอจึงกลั้นใจค่อยๆหันหน้าไปทางซ้ายมือ ซึ่งเป็นทางที่มีประตูห้องอยู่ แต่เธอไม่เห็นอะไรนอกจากความว่างเปล่า เมื่อไม่เห็นอะไรที่น่าสงสัย เจสสิก้าก็เอี้ยวตัวหมุนไปมองข้างหลัง ฌะอหันไปเกาะพนักพิงของโซฟาตัวใหญ่เอาไว้อย่างหวาดหวั่น แต่ทุกอย่างก็ยังเป็นปกติ ไม่มีใครหรืออะไรอยู่เลย

    “ เฮ้อ...ไม่เห็นจะมีอะไรสักหน่อย คิดไปเองน่ะ ”

    “ เหรอครับ ”

    “ ว๊าย... ”

    ตุ๊บตั๊บ...ผลั๊วะ...ผลั๊ก...

    “ โอ๊ย...เจสสิก้า พอได้แล้ว นี่พี่เองนะสามีของเอไง ควอน ยูริน่ะ ”

    พอดีว่าเจสสิก้าหันมาแล้วสบตากับยูริ ที่แอบเข้ามาในห้องนี้อย่างเงียบๆ เธอจึงจัดการประเคนฝ่ามือ หมัด ศอก และเท้าให้กับสามี ก็ใครใช้ให้เขาเข้ามาหาเธอเงียบๆแบบนี้ล่ะ คนกำลังนั่งดูหนังผีอยู่ รู้ไหมว่ามันหลอน นึกว่าเด็กน้อยที่ไหนมาคุยด้วยซะอีก ตกใจเกือบตายแนะ ไอ้ดำบ้า

    “ ยูริ...ไอ้บ้า...เล่นอะไรแบบนี้เล่า ฉันกลัวนะ แล้วนี่เข้ามาในห้องของฉันได้ยังไง ”

    “ กลัวแล้วจะนั่งดูทำไมล่ะครับ พี่ขอโทษนะ ที่แอบเข้ามาในห้องของน้องเจสน่ะ ”

    ที่ยูริสามารถเข้ามาในห้องของเจสสิก้าได้ นั่นก็เพราะว่าทิฟฟานี่เป็นคนบอกรหัสกับเขาเอง ดังนั้นการที่จะเข้ามาในห้องนี้ได้ มันจึงเป็นอะไรที่ง่ายเหลือเกิน เขาไม่รู้หรอกนะว่าเจสสิก้าจะเป็นคนขี้กลัวอะไรแบบนี้ นี่ถ้าไม่แอบเข้ามาก็จะไม่รู้จุดอ่อนของภรรยาเป็นแน่ แต่ก็มีรู้สึกผิดอยู่นิดๆนะ ที่ตัวเองทำให้เมียตกใจกลัวน่ะ

    “ ช่างเหอะ แล้วมาที่นี่ทำไม กลับบ้านของนายไปเลยนะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าของนายแล้ว ”

    เจสสิก้าออกปากไล่ให้ยูริกลับไป เพราะตอนนี้เธอยังไม่อยากจะเห็นหน้าของเขา แบบว่ามันยังทำใจไม่ได้ ยังตั้งสติของตนไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แล้วอารมณืของฌะอในตอนนี้ มันก็ค่อนข้างที่จะแปรปรวน เธอรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านอยู่ตลอดเวลา จึงไม่อยากที่จะให้ใครมาอยู่ใกล้ เพราะกลัวว่าตัวเองจะระงับอารมณ์ไม่อยู่ เหมือนอย่างตอนก่อนหน้านี้ไง ที่เธอโมโหร้ายใส่สามี แบบที่เธอเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าทำไมถึงได้ทำแบบนั้น

    “ งั้นก็หลับตาเอาไว้สิครับ เพราะพี่อยากจะเห็นหน้าของเมีย แล้วก้อยากจะอยู่กับลูก ”

    “ ยูริ...นี่นาย... ”

    “ อยากจะตบจะตีพี่ยังไงก็เชิญตามสบายเลยนะครับ แต่ขอร้องว่า...น้องเจสอย่าทำอะไรกับลูกของเราเลยนะ ปล่อยให้แกได้ลืมตาขึ้นมาดูโลกด้วยเถอะ เด็กคนนี้เกิดมาจากความรักของพี่นะ ยังไงก็เลี้ยงแกเอาไว้เถอะนะครับ ”

    “ แต่ฉันไม่อยากได้เลยนะ ”

     

    *-*-*-*-*

    *-*-*-*

    *-*-*

    *-*

    *

     

    TALK…………………………………….

    ตอนนี้ยาวกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาเลยนะเนี้ย แบบว่ามันลื่นไหล ก็เลยมากันยาว ตอนหน้าไปส่องตาแก่โลลิกับเด็กน้อยกัน แล้วดีไม่ดีเราอาจจะได้ส่องอีกหลายคู่ โปรดอย่าเลยนะคะ อย่ามาขอร้องให้แทนี่พ้นจากดราม่า เพราะเค้าเคยบอกเอาไว้แล้วว่า ใครที่ยังไม่เคยมี ก็ต้องมีเดี๋ยวเกินหน้าเกินตาคู่อื่นๆเค้า ยังไงก็เจอกันตอนไหนไม่รู้ แล้วแต่ดินฟ้าอากาศ และความสะดวกของเค้าเอง สุดท้ายก็ขอบอกว่ารักรีดเดอร์อยู่เหมือนเดิมนะคะ จุฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×