คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่10-หาทางออก
ตอนที่ 10 หาทางออก
Kris
เช้าแล้ว..
ผมค่อยๆลุกจากที่นอน พลางจับแขนข้างที่ถูกมีดฟันเมื่อคืน ผมไม่ได้รู้สึกเจ็บ แต่ผมปวดไปหมด ผมเหมือนคนไร้เรี่ยวแรง แต่ผมก็ต้องเข้มแข็ง เชื่อมั้ยว่าตอนที่ผมจะเดินไปฉกมีด ในใจผมหวาดกลัวมาก ผมกลัวแต่ผมไม่อยากให้คนอื่นต้องเป็นอะไรเพียงเพราะความหวาดกลัวของผม ตอนที่ผมถูกฟันเข้าที่แขน โลกมันก็เคว้งไปหมด มันเจ็บจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ แม่ครับ… ผมจะรีบหาทางกลับไปนะ ผมจะไม่ยอมตายอยู่ที่นี่แน่ๆ รอผมนะ
“คริสฮยอง ทำไมมายืนตรงนี้อ่ะ แขนหายเจ็บล่ะหรอ” เซฮุนที่เพิ่งออกมาจากห้องนอนถามผมขึ้น
“มายืนคิดอะไรเพลินๆอ่ะ” ผมตอบทั้งๆที่หันหน้าไปทางอื่นอยู่
“คิดด้วยคนได้ไหม”
“กวนตีนล่ะไง…อ๊ะ…” ผมสะดุ้งเล็กน้อยเพราะเซฮุนเอาหน้าผากมาพิงหลังของผม “เป็นอะไรไปหืม มักเน่ของเรา”
“ผมกลัว” เซฮุนพูดพลางเงยหน้าขึ้น
“ผมต้องกลัว จะไม่มีใครทำอะไรนายได้ ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว” ผมพูดแล้วหันกลับไปกอดเซฮุน
“ผมไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ถึงจะไม่เป็นภาระคนอื่น”
“ผมไม่รู้ว่าจะช่วยคนอื่นยังไง”
“ผมไม่...” เสียงสะอื้นของเซฮุนที่อู้อี้อยู่ในอ้อมกอดของผม
“ไม่เอาดิ ไม่โทษตัวเองได้ไหมล่ะ นายไม่เคยเป็นภาระให้พวกฉันเลยนะ”
เซฮุนไม่ใช่คนที่งอแงแบบนี้ แต่สถานการณ์คงทำให้เขาเป็นแบบนี้ เซฮุนเป็นน้องที่เข้มแข็งมากๆคนนึง แต่ตอนนี้มันไม่ใช่
“ฮยอง ห้ามทิ้งผมนะ” เซฮุนพูดพลางเช็ดน้ำตาอย่างลวกๆ
“ฉันไม่ทิ้งนายหรอก” พูดจบผมก็ลูบหัวปลอบใจเซฮุนอย่างอ่อนโยน ถึงเราจะไม่ใช่ครอบครัวเดียวกัน แต่ผมก็คิดว่าเซฮุนเป็นน้องแท้ๆของผม ที่ผมต้องปกป้อง
‘ไม่ใช่แค่เซฮุนหรอก เมมเบอร์ทุกคนก็เหมือนกันที่ผมต้องปกป้อง’
Suho
เรื่องมันเป็นแบบนี้ได้ยังไง?
เราตั้งใจจะมาพักผ่อนกัน แต่ทำไมถึงได้กลายมาเป็นแบบนี้ ทำไมทุกอย่างมันเลวร้ายมากขึ้นทุกที
ถ้าจะโทษใครสักคนที่ทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้น ผมควรจะโทษตัวเอง
โทษตัวเองที่พาเมมเบอร์มาที่นี่
โทษตัวเองที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยก่อนจะมาที่นี่
โทษตัวเองที่ทำให้เมมเบอร์ต้องเจ็บตัว
ทุกคน ฉันขอโทษนะ
ผมมองออกไปนอกหน้าต่าง ที่นี่สวยมากจริงๆ มองออกไปจากส่วนไหนของบ้านก็รายล้อมไปด้วยป่าไม้และแม่น้ำ แต่ใครจะรู้ล่ะว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในที่ๆน่าพักผ่อนแบบนี้
“ถ้าฉันไม่พาพวกนายมาที่นี่ มันคงไม่เกิดเรื่องแบบนี้หรอกเนอะ” ผมพูดกับตัวเองเบาๆ อยู่ดีๆน้ำตาก็ไหล
“ฮยองไม่ต้องโทษตัวเองหรอกฮะ” เทาพูดแล้วเดินมาหาผม หลังจากที่เพิ่งตื่นตะกี้
“ฉันไม่ได้โทษตัวเองซะหน่อย ฉันแค่ยืนดูวิวเฉยๆอะไรของนาย” ผมแกล้งเฉไฉตอบไป มันน่าอายจะตายที่คนเป็นลีดเดอร์ จะมาแสดงด้านอ่อนแอให้เมมเบอร์เห็น
“โกหก” หลังจากพูดจบเทาก็เบียดตัวมายืนข้างๆผม แล้วก็มองออกไปนอกหน้าต่าง
“ฮยองเห็นใช่ไหม ว่าที่นี่มันสวยขนาดไหน” เทาพูดกับผม แต่สายตาก็ยังคงจ้องไปที่ภาพข้างหน้า
“อืม มันสวยมาก แต่แล้วยังไงล่ะ”
“ถ้าฮยองไม่พาพวกเรามา พวกเราจะได้เจอที่สวยๆแบบนี้จากที่ไหนล่ะ”
“แล้วมันคุ้มกับการที่พวกนายต้องมาเป็นอะไรเพราะที่นี่งั้นหรอ”
“ใช่…มันไม่คุ้มหรอกฮะ แต่ฮยองรู้อะไรไหมการที่เราได้มาที่นี่ด้วยกันแบบครบ12คน มันเป็นโอกาสที่หายากมาก แถมได้มาที่สวยๆแบบนี้ ได้สนุกด้วยกัน แม้จะเกิดเรื่องไม่ดีมากมาย แต่เราก็ดูแลกันได้เป็นอย่างดี สิ่งที่ผมหวังไว้มากที่สุดคือการที่เราจะได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ เป็นกลุ่มที่แข็งแรงแบบนี้ตลอดไป ผมไม่รู้หรอก ว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไง ผมจะยังเป็นเอ็กโซอยู่ไหม หรือผมจะหายไปไหน แต่ผมก็จะไม่ลืมช่วงเวลาแบบนี้หรอกนะ…” ดวงตาของเทาเต็มไปด้วยน้ำตาที่เอ่อล้น เขากลั้นมันอาไว้
“อย่าพูดเหมือนนายจะหายไปสิ” ผมพูดแล้วหันไปปลอบเทาที่อยู่ข้างๆ
“เราต้องออกไปจากที่นี่ได้แน่ๆ” เทาหันกลับมาแล้วบีบมือผมแน่น มือเขากำลังสั่น มันอาจจะสั่นเพราะความกลัว หรือเพราะอาการสะอื้นก็ได้ แต่ผมก็ยังมั่นใจว่าเทาเป็นเด็กที่เข้มแข็งมากคนนึงนะ
“อดทนอีกนิดนะจื่อเทา ฮยองจะพาพวกเรากลับเอง” ผมพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
ไม่ใช่เพราะว่าการเป็นลีดเดอร์จึงทำให้ผมต้องปกป้องเมมเบอร์หรอกนะ แต่ผมคิดว่าไม่ว่าใครก็อยากปกป้องคนที่ตัวเองรักทั้งนั้นแหละ
KAI
“เราต้องวางแผนออกไปจากที่นี่กันได้แล้ว”
หลังจากที่ตื่นกันมาได้ซักพัก ทั้งผม ชานยอลฮยอง และเลย์ฮยองก็มานั่งกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ในขณะที่คนอื่นๆแยกย้ายกันไปทำเรื่องส่วนตัวในกัน ส่วนดีโอฮยองและแบคฮยอนฮยอง กำลังเตรียมมื้อเช้าอยู่ในครัว แน่นอนทั้งบ้าน ผม ชานยอลฮยอง คริสฮยอง และซูโฮฮยอง ช่วยกันล็อคเอาไว้หมดแล้ว แถมห้องหนังสือและบริเวณกรอบรูปที่เราเคยไปทุบก็หาอะไรมากั้นไว้แล้ว มันกั้นไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไร แล้วให้มันเข้ามากันได้ง่ายๆ
“แผนของนายคืออะไรล่ะ” ชานยอลถามขึ้นหลังจากที่คำพูดของผมตะกี้ ไร้ซึ่งเสียงตอบรับจากใครเลย
“ผมยังไม่มีแผน ผมถึงให้มาช่วยกันคิดไง” ผมพูดอย่างหัวเสีย ทำไมตอนนี้อะไรๆก็ดูแย่ไปหมด
“ใจเย็นๆสิ พวกนายใจร้อนกันแบบนี้คิดจนหัวระเบิดก็คิดไม่ออกหรอก” เลย์ฮยองพูดอย่างใจเย็น และเงียบไปซักพัก ท่าทางกำลังทำสมาธิ และเริ่มคิดอะไรออกแล้วล่ะ
“ขอกระดาษกับปากกาหน่อย” เลย์ฮยองพูดขึ้น เป็นชานยอลฮยองที่ลุกขึ้นไปหยิบให้
“นี่คือจุดที่เราอยู่” เลย์ฮยองค่อยๆวาดแผนที่ขึ้นมาอย่างช้าๆ โดยมีผมกับชานยอลฮยองนั่งดูอย่างเงียบๆ
“ถ้าเราออกไปทางที่เรามา ไปตามถนนกว่าจะถึงถนนใหญ่ มันไกลมากเลยนะ” เลย์ฮยองเงียบไปแปปนึงก่อนจะพูดต่อ “ทำไมเราไม่ลองหาของที่อยู่ในบ้านนี้ บางมันอาจมีแผนที่ในบริเวณนี้ก็ได้ดูล่ะ” ผมหันไปพยักหน้าให้เลย์ฮยองให้พูดต่อ “ลองคิดดูนะ ถ้าหากเราเดินไปโดยไม่มีจุดหมาย ถนนใหญ่ข้างหน้าก็ไม่รู้จะมีรถผ่านไหม แล้วเราจะมั่นใจได้ไงว่าคนๆนั้นจะเป็นมิตรกับเรา ที่ฉันพูดมันถูกไหม”
“ก็ถูกของฮยองนะ ถ้าเราออกไปถนนใหญ่โดยการเดินไปเป็นวิธีที่ไม่เวิร์คเลยจริงๆ” ชานยอลฮยองออกปากเห็นด้วย “ผมชอบความคิดพี่”
“ฉันไม่ได้หมายถึงว่าความคิดของฉันถูก ฉันหมายถึงว่าฉันพูดภาษาเกาหลีถูกไหม” เลย์ฮยองหัวเราะจนตาหยี
“อ่าวหรอ ฮ่าๆๆ” บรรยากาศตรึงเครียดเปลี่ยนไป กลายเป็นเสียงหัวเราะของเราทั้งสามคนแทน เหมือนที่เลย์ฮยองพูด เวลาที่เราเครียดกับอะไรมากๆเราจะคิดอะไรดีๆไม่ออกเลย และตอนนี้ผมก็เริ่มคิดอะไรออกบ้างแล้วล่ะ
“เราต้องสำรวจบ้านหลังนี้อีกรอบนึงแล้วล่ะ” ผมพูดขึ้นหลังจากที่พึ่งหัวเราะไปหยกๆ
“เอาสิ เรียกทุกคนมารวมตัวกันเถอะ” เลย์ฮยองลุกออกจากโซฟา แล้วเดินขึ้นไปชั้นสองของบ้านเพื่อไปตามคนอื่นๆลงมา
“งั้นเดี๋ยวฉันเข้าไปในครัวนะ” ชานยอลพูดขึ้นแล้วเดินเข้าไปในครัว
ผมจึงไปสำรวจบริเวณระเบียงชั้นหนึ่งฝั่งขวาของบ้านที่อยู่ตรงกับระเบียงชั้นสอง ห้องนอนของคุณปู่ซูโฮฮยองพอดีคนเดียว แหงล่ะเวลาผมอยู่เงียบๆคนเดียว ผมมักจะคิดอะไรดีๆเสมอ ตอนนี้ก็เช่นกัน
ระเบียงที่มีรอยคราบเลือด แม้มันจะผ่านมานานแล้ว แต่หากไม่มีการทำความสะอาด รอยคราบเลือดก็ยังคงฝังแน่น และจะยังคงอยู่อย่างนั้น แต่สิ่งที่สังเกตได้ด้วยสายตาก็คือ รอยคราบเลือดบางจุดมีรอยขาดหายไป มันน่าสงสัยนะ คุณปู่ของซูโฮเสียชีวิตจากการผูกคอตาย แต่ทำไมถึงมีรอยคราบเลือดตรงนี้ แถมรอยบางจุดยังขาดหายไปอีก อีกจุดที่น่าสงสัยเลยคือ ถ้าเลือดหยดมาจากชั้นสอง รอยเลือดจะแผ่กระจายเป็นวงกว้าง เพราะจากระเบียงชั้นสองมาถึงชั้นหนึ่ง ก็ประมาณ1เมตรได้ แต่รอยเลือดนี้กลับกลายเป็นบริเวณแคบๆ ไม่กระจายมาก แต่ก็มีรอยเลือดบางแห่งที่กระจายเป็นวงกว้างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ท่าทางการตายของคุณปู่ซูโฮมันคงไม่ธรรมดาแน่ๆ
“แกร่บ!” เสียงคนเหยียบกิ่งไม้ ทำให้ผมที่ยืนอยู่ที่ระเบียงต้องหันกลับไปมองตามเสียง
“ใครน่ะ” ผมโพล่งถามออกไปโง่ๆ ทั้งๆที่ก็รู้ว่าจะไม่มีคนตอบหรอก
“ตึกๆ” เสียงฝีเท้าคนวิ่งออกจากพุ่มไม้ และกำลังจะวิ่งเข้าป่าไป
“หยุดนะ” ผมตะโกนออกไปสุดเสียง แล้วจึงกระโดดลงจากระเบียงวิ่งตามคนๆนั้นไป
‘เขาคงไม่ใช่คนร้ายเมื่อคืนใช่ไหม ถ้าผมวิ่งตามเขาไปคงจะไม่เป็นไรใช่ไหม’
ผมออกแรงวิ่งสุดฝีเท้าแล้วกระโดคว้าตัวเขาเอาไว้ได้
“โอ้ย!” เขาล้มลง แล้วส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แหงล่ะก็ผมทับขาเขาอยู่นี่นา
“ขอดูหน้าหน่อยเถอะว่าใคร” ผมค่อยๆลุกออกจากตัวเขา ล็อคแขนเขาแล้วจึงมองหน้าเขา อ่ะ! เค้าคุ้นหน้าผมมากๆเลย
“แทมิน!?!”
XIUMIN
หลังจากที่เลย์ขึ้นไปตามพวกเราลงมา เพื่อมาช่วยกันสำรวจในบ้าน พวกเราก็มากินมื้อเช้ากันก่อน หลังจากนั้นไคก็เข้ามาในบ้าน พร้อมกับแทมิน
เดี๋ยวนะ…
แทมินมาได้ไง…
“แทมิน?” ซูโฮพูดขึ้น
“หวัดดี” แทมินพูดแล้วยิ้มแก้เก้อ
“นายมาได้ไงอ่ะ” ชานยอลถามขึ้น หลังจากที่ทุกคนมัวแต่อึ้ง นั่นสิเขามาได้ยังไง
“เรื่องมันยาวน่ะ กินข้าวเสร็จเดี๋ยวเล่าให้ฟัง” ไคตอบก่อนที่จะลงมานั่งประจำที่ ดีโอเป็นคนไปหยิบโต๊ะเสริมมาให้แทมินนั่งข้างๆไค บรรยากาศบนโต๊ะเต็มไปด้วยความสงสัย ทุกคนไม่ได้พูดอะไรระหว่างกินข้าว มีเพียงเสียงตักกับอาหาร และเสียงช้อนกระทบจานเท่านั่น ที่ทำลายความเงียบ ทุกคนกำลังใช้ความคิดสินะ
หลังจากที่กินข้าวเสร็จ แทมินก็เป็นคนเล่าให้เราฟัง ที่แทมินมาที่นี่ได้เพราะลู่ว่าพวกเรามาพักร้อนที่นี่ แทมินเห็นว่าเป็นที่ๆไม่ค่อยมีคนรู้จักจึงอยากลองหาดูว่าเป็นที่ไหน พอเสริซ์ในเน็ตดู ก็มีข่าวแปลกๆให้ชวนน่าสงสัย ทั้งเรื่องฆาตรกรรมภายในบ้าน และอีกหลายๆคดีที่ยังไขไม่ได้ ด้วยความเป็นห่วงเลยให้เพื่อนที่รู้จักขับรถมาส่ง แล้วกลับไป แทมินเดินเข้ามาคนเดียว และไปหลบอยู่หลังพุ่มไม้เพราะได้ยินเสียงคนเดินมา ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าเป็นใคร จึงรีบวิ่งหนีออกไปเพราะกลัว แต่พอรู้ว่าเป็นไคก็โล่งอก เพราะตอนที่แทมินเข้ามาในคฤหาสน์ เขารู้สึกว่ามีคนมองเขาอยู่ตลอด ทำให้เขากลัว
แค่นั้นแหละ
หลังจากที่แทมินเล่าจบ ทุกคนก็หายกังวล แล้วจึงไปสำรวจในบ้าน โดยที่แบ่งสายกัน
สายที่หนึ่งมี ผม ลู่หาน เซฮุน และเฉิน
สายที่สองมี คริสและชานยอล
สายที่สามมี แบคฮยอนและเทา
สายที่สี่มี ดีโอ เลย์ และแทมิน ที่เข้ามาร่วมมือด้วย
ส่วนไคและซูโฮ จะตามไปสมทบคนที่เจออะไรได้ก่อน
ผมตัดสินใจชวนคนอื่นๆ ไปที่บันได เพราะเป็นบริเวณที่ยังไม่มีใครไปสำรวจเลย ทุกคนช่วยกันหาสิ่งที่น่าสงสัย ตั้งแต่ขั้นบันได ยันขอบกำแพงตรงบันได ก็ยังไม่พบอะไร
“ตรงบันไดคงไม่มีอะไรหรอก พักกันก่อนมั้ย” ผมพูดพลางเอามือยืนค้ำหัวราวบันไดทางซ้ายเอาไว้
เอ๊ะ!
ด้วยความสงสัยตรงหัวราวบันได เพราะยังไม่มีใครลองทำอะไรกับมัน ผมเลยลองหมุนไปที่หัวราวบันไดดู ปรากฏว่า
“ครืด” เสียงกำแพงข้างๆบันไดเปิดออก เป็นห้องมืดๆขนาดใหญ่
“ดูสิว่ามินซอกฮยอง เจออะไร” เซฮุนพูดพลางยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
“สุดยอดเลยมินซอกฮยอง” เฉินพูดแล้วส่งยิ้มให้ผม จากนั้นจึงวิ่งไปตามไคและซูโฮให้มาที่นี่
ลู่หานไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ส่งยิ้มแล้วชูนิ้วโป้งให้ผม
เฉิน ซูโฮและไคเดินมาแล้ว
“ว้าวสุดยอดเลย มินซอกฮยองนี่พึ่งพาได้ตลอด” ซูโฮเอ่ยปากชมผม
มันคือคำชมหรอ? 5555555555
“ย่า! อย่าพูดแบบนี้สิ” ด้วยความอายผมเลยพูดแก้เก้อ ใครๆก็รู้ว่าผมขี้อายแค่ไหน เจ้าพวกนี้นี่
“เอาเถอะฮ่าๆๆ เราเข้าไปข้างในกันดีกว่า” ไคพูดออกมา แล้วเปิดไฟฉายในมือเดินเข้าไปข้างในก่อนใคร
“ฉันว่าข้างในมันแปลกๆเนอะ ว่ามั้ย” ลู่หานพูดขึ้น หลังจากที่เราเดินเข้ามาข้างในได้ซักพัก
ใช่ในนี้มันแปลกมากจริงๆ ทั้งกลิ่นอับๆ แถมมีรอยเท้าคนอยู่ในนี้ด้วย หวังว่าเราคงไม่เจอกับอะไรข้างหน้าใช่ไหม
เราเดินกันมาซักพักก็เจอประตูไปอีกห้องนึง
“ผมจะนับหนึ่งถึงสาม แล้วจะเปิดเข้าไปนะ พวกฮยองมาหลบอยู่ข้างหลังผมก่อน นายด้วยเซฮุน เพราะถ้าเราซุ่มสี่ซุ่มห้าเข้าไป มันอาจจะเป็นอันตรายได้”
พอไคพูดจบ พวกเราก็รีบไปหลบที่หลังเขาทันที ไคพูดถูก เราต้องระวังตลอดเวลา เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“แอ๊ด…” เสียงเปิดประตูที่เหมือนเสียงปิดประตูในหนังสยองขวัญ ยิ่งทำให้ผมใจเต้นแรงยิ่งขึ้น
ไคส่องไฟฉายเข้าไป แต่ก็ไม่พบใคร
“นี่มันห้องขังหนิ” ไคพูดจบก็ค่อยๆเดินเข้าไปในห้อง
“แล้วทำไมห้องขังถึงมาอยู่ในคฤหาสน์นี่ล่ะ” ซูโฮถามขึ้นหลังจากที่เดินตามหลังไคมาต้อยๆ
“ถ้าฮยองไม่รู้แล้วผมจะรู้ไหมล่ะครับ” เซฮุนพูดก่อนจะหันไปหัวเราะกับเฉิน
“ย่า! ฮ่าๆๆ เซฮุนแม่งโครตกวนตีนเลย” เฉินพูดแล้วหัวเราะต่อ
“ชู่ว! เงียบแปปนึง” ไคพูดแล้วเอานิ้วมาแตะปากเซฮุนที่กำลังหัวเราะ
“อะ…โอเค”
“เรามาสำรวจในนี้กันก่อนเถอะ ในห้องนี้มี4ห้องขัง ซิ่วหมินฮยองกับลู่หานฮยองไปดูห้องนี้” ไคพูดแล้วชี้ไปที่ห้องแรกฝั่งขวาซึ่งเป็นห้องที่ใหญ่กว่า3ห้องที่เหลือ
“ซูโฮฮยอง ไปดูห้องนั้น” ไคชี้ไปที่ห้องที่สองฝั่งขวา
“ทำไมให้ฉันไปคนเดียวล่ะ” ซูโฮพูดแล้วเดินไปอย่างเงียบๆ
“เดี๋ยวผมไปกับฮยองเอง” เซฮุนพูดจบก็วิ่งตามซูโฮไป
“ทีนี้ก็เหลือนายกับฉันแล้วสินะ เราแยกหากันคนล่ะห้องแล้วกันเนอะ” เฉินพูดขึ้นแล้วเดินไปที่ห้องแรกฝั่งซ้าย
“ระวังตัวด้วยนะฮยอง ถึงจะมีแค่เราที่อยู่ในนี้ ยังไงมันก็อันตรายอยู่ดี” ไคพูดแล้วเดินไปห้องที่สองฝั่งซ้าย
ผมและลู่หานจึงเดินเข้าไปในห้องขัง เพื่อสำรวจภายในห้อง
ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติเลยแฮะ มีแค่เตียงเก่าๆที่มีฝุ่นเกาะอยู่
ดูท่าจะไม่ได้อะไรจากในนี้ นอกจากรู้แค่ว่ามีห้องขังในนี้ล่ะมั้ง
เฮ้อ…
CHANYEOL
คริสฮยองกับผมตัดสินกันว่าจะไปสำรวจที่ห้องของคุณปู่ซูโฮฮยองอีกครั้ง เพราะว่าครั้งแรกที่เรามาสำรวจกัน เราดูแค่หน้าต่างและของภายในห้อง แต่เราไม่ได้สำรวจอย่างอื่นกันเลย
คริสฮยองหาทั้งในลิ้นชัก บนหลอดไฟ หลังตู้ และในแจกันก็ยังไม่พบอะไร
เหลือแค่ที่เดียวสินะที่ยังไม่ได้หา
“คริสฮยองมานี่หน่อย”
“ว่า?” เขาเดินมาหาผมหลังจากที่เพิ่งเอาแจกันกลับเข้าที่
“มาช่วยผมยกที่นอนออกจากเตียงหน่อย”
“อ่อ โอเค”
ผมและคริสฮยองช่วยกันยกที่นอนออกมา และสิ่งที่พบคือเตียงเปล่าๆที่ไม่มีอะไร
“หมดหวังกับห้องนี้แล้วล่ะ” คริสฮยองพูดแล้วนอนลงบนที่นอนที่พึ่งดึงออกไปเมื่อกี้
“เหนื่อยชะมัด” ผมพูดแล้วนอนลงข้างๆ
“ฮยองว่าเราจะออกไปจากที่นี่ได้ไหม” ผมพูดทั้งๆที่ไม่ได้มองหน้าคริสฮยอง หากแต่มองไปที่เพดานห้องอย่างเศร้าๆ
“ได้ดิ เดี๋ยวก็มีคนมาตามหาเรา”
“แล้วฮยองคิดว่าเราจะยังมีชีวิตอยู่รอพวกเขาใช่ไหม”
“พูดอะไรบ้าๆ มันมีตัวคนเดียวจะมาฆ่าพวกเราทั้ง12คนได้ไง”
“ก็ผมกลัว”
“ตัวใหญ่อย่างกะยักษ์ มากลัวกับเรื่องแบบนี้ ฮ่าๆๆ”
“ก็คนมันกลัว”
“ไม่ต้องกลัวหรอก มีฮยองอยู่ทั้งคน” คำพูดหวานเลี่ยนของคนข้างๆ ทำให้ผมหันข้างทำท่าจะอ้วก
“ตุบ” ผมโดนฮยองถีบตกที่นอนล่ะ - -
“ฮยองมันเจ็บนะ!”
“สมน้ำหน้า” คนนิสัยไม่ดีที่พึ่งถีบผมไปเมื่อกี้นอนหัวเราะชอบใจ ด้วยความหงุดหงิดและอยากแกล้งฮยองกลับบ้าง ผมจึงบีบแขนข้างที่ฮยองถูกฟันเมื่อคืน
“โอ้ย” ฝ่ามือใหญ่และหนาฟาดมากลางหัวผม
“โอ้ยฮยอง!” ผมรีบกุมหัวตัวเองด้วยความเจ็บปวด “โอ้ยเล่นอะไรเนี่ย”
“ฉันสิต้องถามนาย มันเจ็บไหมมาบีบแผลคนอื่นเนี่ย” คริสฮยองพูดพลางลูบแขนป้อยๆ
“ขอโทษฮะ…”
“ช่างมันเถอะ”
บรรยากาศเปลี่ยนไปหลังจากที่ผมเพิ่งทำเรื่องพิเรนๆ ใส่คริสฮยอง
ด้วยความรู้สึกผิดผมจึงแอบหลบไปนั่งบนเตียงเงียบๆ
“ฮยองผมตีกลองให้ฟังเอาไหม”
“เอาสิ”
ผมค่อยๆเอามาเคาะเตียงให้เป็นจังหวะเบสิกๆ แล้วมีคริสฮยองทำบีสท์บ็อกซ์ให้ผม
มันกลายเป็นห้องซ้อมดนตรีของเราแล้วล่ะ ฮ่าๆๆ
แต่เอ๊ะ! เสียงเตียงมันแปลกๆนะ มันเป็นเสียงเหมือนเป็นโพรงข้างในอ่ะ
“ป๊อก ป๊อก” ผมลองเคาะอีกรอบ ฮยองและผมอยู่ดีๆหันมามองหน้ากัน แล้วก็ยิ้มให้กันในสิ่งที่เราเข้าใจกันดี
ใช่ข้างในเป็นโพรง ก็เหมือนกับรูปภาพบนผนังที่แขวนนั่นแหละ
“ขวานอยู่ไหน” ผมถามขึ้นด้วยความร้อนรน มันน่าตื่นเต้นนะถ้าสมมติข้างในมีอะไรอยู่จริงๆ มันต้องสนุกมากแน่ๆ
“ข้างล่าง”
“รออยู่นี่นะเดี๋ยวผมลงไปเอาขวานก่อน” ผมพูดแล้วรีบวิ่งลงไป
ได้ขวานมาแล้ว ผมรีบวิ่งขึ้นเข้าไปบนห้อง ก่อนที่จะค่อยๆใช้ขวานจามลงไปที่เตียง ผมพยายามอย่างเบามือที่สุดเพื่อให้เตียงไม่เสียหายมากนัก จากนั้นจึงค่อยๆแงะไม้ออกและสิ่งที่เราพบ ก็ทำให้เรายิ้มอกมา
มันคือกล่องใหญ่ๆที่ล็อคกุญแจอยู่ ผมจึงใช้ขวานอีกครั้งเพื่อจามไปที่แม่กุญแจ
“ทำดีมากชานยอล” คริสฮยองพูดจบก็เปิดกล่องออก
ข้างในมีเอกสารมากมาย มีแผนผังวงจรในบ้าน วิธีการเปิดห้องต่างๆ ข่าวเกี่ยวกับการค้าอวัยวะมนุษย์ และการป่าตัดที่ผิดพลาดของวงการแพทย์
“นายว่ามันน่าสงสัยใช่ไหม”
“ผมก็ว่าอย่างนั้น เราได้เบาะแสเพิ่มอีกหนึ่งอย่างแล้วล่ะ” ผมและคริสฮยองต่างหลุดยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
แน่ล่ะ เราเจอแผนผังวงจรในบ้านแถมมีวิธีการเปิดประตูห้องลับอีกต่างหาก แถมได้เบาะแสเรื่องคดีของคุณปู่ซูโฮฮยองด้วย
‘ยิ่งนายรู้มากเท่าไหร่ นายจะยิ่งอันตรายมากเท่านั้น’
จบตอน10
-------------------------------------------------------------------------------
Talk
อยากจะกรีดร้องออกมาดังๆว่าแต่งตอนที่10ได้แล้วโว้ย
หลังจากที่ทำกระดาษวางพล็อตเรื่องไว้หาย ก็แต่งต่อไม่ได้จนกระทั่ง
มีเพื่อนบอก มีงแต่งต่อซักทีเถอะกูอยากอ่าน
เลยได้มีโอกาสแต่งต่อซักที ช่วงใกล้สอบด้วย
หายไปปีกว่าๆ คนอ่านหายหมดแล้ว
ไม่เป็นไรค่ะ 5555555
จะพยายามแต่งต่อให้จบให้ได้
อย่าคาดหวังอะไรหับฟิคเรื่องนี้มากนะคะ
ปล.เนื่องจากหายไปปีกว่าๆ ภาษาที่ใช้ก็คงขัดๆกับตอนที่แล้วหน่อยเนอะ
พล็อตก็เปลี่ยนใหม่หมด เปลี่ยนอะไรหลายๆอย่างของเรื่อง
แล้วก็อีโมเหมือนนิยายแจ่มใสไม่ใช้แล้วค่ะ//มุดโต๊ะ
55555555555555555
ปล.อีกรอบ เรื่องนี้ไม่เน้นคู่ชิปค่ะเน้นมิตรภาพ
แต่โดยส่วนตัวชอบชานแบคโด้ค่ะ เลยจะไบแอสพวกนางเยอะหน่อย
สกรีมแท็ก#FicMurder012
เม้นไม่เม้นไม่เป็นไรค่ะ ขอแค่ฟิคเรื่องนี้ไปอยู่ในใจคุณก็พอ
<3
ความคิดเห็น