ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Fic Vampire knight) 禁断の愛 Forbidden Love

    ลำดับตอนที่ #2 : ราตรีที่ 2 ชิรายุริ ฮารุนะ (รีไรต์)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.11K
      33
      4 ม.ค. 58

    ราตรีที่ 2 

    ชิรายุริ ฮารุนะ


     

    “เอ่อ... ขอโทษนะคะ.... อ้าว... เมื่อกี้ยังได้ยินเสียงคุยอยู่เลยนี่น่า...” เด็กสาวที่จู่ๆก็เดินเข้ามาในห้องเรียนในช่วงเวลากลางคืนบ่น เธอแค่อยากถามทางไปหอพักไม่ก็ทางไปห้องผู้อำนวยการก็ได้ แต่ในห้องกลับว่างเปล่า ไม่พบอะไรนอกจากความมืด และความเงียบ

     

    “แล้วเมื่อกี้เสียงใครละ?” เธอว่าแล้วเดินเข้าไป วันนี้ช่างเป็นวันที่เธอโชคร้ายเสียนี่กระไร เมื่อเช้าในการมารายงานตัววันแรก ท่านแม่กลับมีธุระด่วน ทำให้เธอต้องเดินทางมาเองจากในเมืองใกล้ๆกัน สำหรับคนอื่นมันอาจเป็นเรื่องง่ายที่จะเดินทางมายังโรงเรียนครอส แต่ไม่ใช่กับเธอที่ต้องใช้เวลาถึงหนึ่งวันเต็มๆในการเดินทางมาถึงที่นี่ และเมื่อมาถึงก็ต้องผจญกับการเดินหาหอพักและห้องผู้อำนวยการในเขตโรงเรียนซึ่งนั่นก็ทำให้เธอหลงแล้วหลงอีก ในระหว่างที่เดินไปเดินมาก็บังเอิญได้ยินเสียงคนคุยกันดังจากในห้องแต่กลับกลายเป็นว่าเธอหูฝาดไปเองซะงั้น

     

    “แบบนี้จะเอาไงดีเนี้ย...เรื่องหอพัก...อ๊ะ!!!” เด็กสาวหันไปข้างหลงทันทีเมื่อรู้สึกว่ามีลมหายใจของใครบางคนอยู่ที่ต้นคอ แต่ก็มีแค่ความว่างเปล่า...

     

    “รู้สึกไม่ปลอดภัยเลย...” เธอว่าแล้วเดินเข้าไปในห้อง กลิ่นหอมชวนให้รู้สึกกระหายกระตุ้นความอยากของนักเรียนไนต์คลาสหลายคน คานาเมะมองผู้มาเยือนและหันไปมองชิกิที่เมื่อครู่เขาเกือบได้กัดเด็กสาวไปแล้วถ้าเขาไปห้ามไม่ทัน ความกระหายที่เก็บมานานของพวกเขามันยากที่จะห้าม ยิ่งถ้าหากมีเหยื่ออันโอชะเดินมาหาเองอย่างนี้

     

    แสงไฟที่มีอยู่น้อยนิดไม่อาจบอกได้ว่าใครคือผู้ใจกล้า แต่กระนั้นกลิ่นหอมนี่ก็ยากจะต้านทาน กลิ่นดอกซากุระหอมหวานกลับส่งกลิ่นชวนลิ้มลอง เด็กสาวเดินเข้ามาด้านใน ก่อนที่จะสะดุ้งสุดตัวเมื่อมีมือของใครบางคนที่คานาเมะรอให้มาพาเธอออกไปจากสถานที่แห่งนี้

     

    !!!เอ๊ะ”

     

    “แจ้งชื่อกับชั้นมา เวลากลางคืนมันอันตรายนะและอีกอย่างนักเรียนเดย์คลาสไม่ได้รับอนุญาตให้ออกมาเดินเล่นในเวลากลางคืน... ตามฉันมา” ยูกิเดินนำออกไป แสงจากภายนอกทำให้เขาได้มองเห็นเด็กสาวใจกล้าคนนั้นถนัดตา ผมสีนิลยาวสยาย ดวงตาสีเขียวสดใส และผิวขาวอมชมพูเลือดฝาด...

     

     

    “เอาละบอกมาเธอชื่ออะไร มาทำอะไรในเวลานี้” ยูกิถามหลังจากออกห่างจากห้องเรียนมาสมควรแล้ว เธอทึ่งในความใจกล้าของเธอคนนี้ไม่น้อยเลย ไหนจะกลิ่นหอมนี่อีก ดีที่ท่านพี่ของเธออยู่ด้วยไม่งั้น เธอคนนี้อาจจะไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้แล้ว แต่ถ้าลองมองดีๆ เธอคนนี้ก็เรียกได้ว่าน่ารักพอตัวเลย ใบหน้ารูปไข่ ผิวขาวชมพูเลือดฝาด เส้นผมสีดำสนิทยาวสยายถึงสะโพกด้นหน้าตัดหน้าม้าพอสวย ดวงตาสีเขียวใบไม้ รูปร่างเล็กๆน่ารัก ราวกับนางฟ้าตัวน้อยๆที่หลุดมาจากเทพนิยาย

     

    “ชิรายุริ ฮารุนะคะ... ส่วนห้อง...ไม่รู้คะ”  ฮารุนะตอบอย่างไม่คิด จะให้เธอบอกห้องก็ใช่ที่ในเมื่อเธอไม่รู้จริงๆ เธอเพิ่งมาถึง..

     

    “ไม่รู้หมายความว่าไง...อ๊ะ รึเธอจะเป็น คุณชิรายุริที่ไม่ได้มาเมื่อตอนเช้า”

     

    “คะ คือว่า... พอดีหลงนิดหน่อยค่ะ เลยมาช้า”

     

    “งั้น..เธอคงต้องไปที่ห้องผู้อำนวยก่อนละนะ ตามมาสิ” ว่าแล้วยูกิจึงเดินนำฮารุนะไปยังห้องผู้อำนวยการ

     

    “ขออนุญาตคะเราพบตัวนักเรียนที่หายไปแล้วคะ” ยูกิบอกทันทีที่เข้าไป ฮารุนะมองผู้ที่น่าจะเป็นผู้อำนวยการ เป็นหนุ่มสวมแว่นสวมชุดแปลกๆ ผมสีบรอนซ์มัดเป็นจุกเล็กๆข้างหลัง และอีกคนในชุดนักเรียนเดย์คลาสสีดำ ดวงตาเฉยชาสีม่วงอมเทา ผมสีเงินซอยสั้น ที่คอมีรอยสักแปลกๆคล้ายตราประจำโรงเรียนแห่งนี้ ที่แขนเสื้อมีปลอกแขนเช่นเดียวกับยูกิ

     

    “นึกว่าหลงไปไหนไกลซะอีกนะฮารุนะจัง”

     

    “เอ่อ... ความจริงก็ไม่ได้ไกลขนาดนั้นหรอกค่ะ”

     

    “ช่วยเซ็นชื่อตรงนี้กับตรงนี้ทีจ๊ะ” ยูกิยื่นกระดาษรายงานตัวกับใบคำขอเข้าพักมาให้เซ็น ฮารุนะทำตามที่บอกเมื่อเซ็นเสร็จ เธอก็ถูกพามายังหอพระอาทิตย์ระหว่างทางก็ได้คุยเรื่องกฎเล็กๆน้อยๆไปพลาง คุยเล่นสนุกๆไปพลาง จนทั้งคู่สนิทกันเร็วกว่าปกติ คงเป็นเพราะฮารุนะเป็นคนที่มีอัธยาศัยดีก็ได้ ทำให้ยูกิรู้สึกผ่อนคลายเวลาอยู่กับเธอ แม้ว่าหลายครั้งที่เธอต้องอดทนต่อความกระหายของตัวเอง จนในที่สุดก็มาถึงห้องพัก เป็นโชคดีของฮารุนะที่มาคนสุดท้ายเป็นผลให้เธอได้พักอยู่คนเดียว รวมไปถึงการที่สำภาระของเธอที่ไม่ได้มากมายอะไรทำให้ฮารุนะไม่ต้องใช้เวลามากเพื่อเก็บของ เพียงแค่เอาเสื้อผ้าและข้าวของบางอย่างมาเรียงก็เป็นอันเสร็จ ฮารุนะรีบไปใช้ห้องน้ำก่อนที่จะปิดแล้วจึงมาเข้านอน เป็นคืนแรกที่ฮารุนะนอนที่อื่นนอกจากบ้านของตัวเอง...

     

     

    “สายแล้วๆ!!!ฮารุนะรีบวิ่งออกจากห้องแล้วตรงไปที่ห้องเรียนทันที ถามว่าทำไมคนหลงทิศอย่างฮารุนะถึงได้สามารถวิ่งมายังห้องเรียนได้ถูก ถือเป็นความโชคดีในโชคร้ายของเธอ การเดินวนไปวนมาเพราะหลงทางเมื่อวานทำให้เธอจดจำเส้นทางในโรงเรียนได้เกือบหมด ไม่แปลกที่เธอจะสามารถไปยังที่ที่ต้องการได้โดยไม่หลง

     

    “เซฟ~” เธอมาทันก่อนที่อาจารย์เข้าห้องได้ทันเวลา เรียกว่าเส้นยาแดงผ่าแปด ฮารุนะเดินขึ้นไปนั่งด้านบนสุดที่ห่างจากกระดานและมีคนนั่งน้อยที่สุด คาดว่าเพราะสายตาของนักเรียนหลายคนไม่ดีเท่าไร (ไม่ใช่หรอก) จากนั้นอาจารย์ก็เดินเข้ามาทำการแนะนำฮารุนะเล็กน้อยแล้วจึงเข้าบทเรียน

     

    ฮารุนะมองบทเรียนที่เคยผ่านตามาบ้างและที่เพิ่งได้เห็นอย่างสนใจ แม้ว่าที่เธอกำลังอ่านจริงๆแล้วเป็นหนังสือแนะนำโรงเรียนก็ตาม เธอเพิ่งรู้ที่นี่มี 2 คลาส เดย์คลาสที่เธออยู่สวมเครื่องแบบสีดำ เรียนในเวลากลางวัน พักในหอพระอาทิตย์ และไนต์คลาสที่เธอยังไม่เคยเห็น สวมเครื่องแบบสีขาว เรียนในเวลากลางคืน... ถ้าเป็นฮารุนะคงได้หลับไปตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มเรียนเสียด้วยซ้ำ ได้ข่าวว่าในไนต์คลาสมีแต่คนหน้าตาดีหาตัวจับยากทั้งนั้นถึงเธอจะอยากพบดูสักครั้งก็เถอะ แต่ไม่ว่ายังไงตามกฎแล้วจะได้พบกันยากนี่เพราะเวลากลับหอกับเวลาที่ไนต์คลาสออกมามันเป็นเวลาเดียวกัน เว้นเสียแต่สาวๆบางคน

     

    เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วเวลาเช้าเปลี่ยนเป็นเวลาเที่ยง ช่วงพักกลางวัน ฮารุนะเดินไปซื้อพวกขนมปังกับนมไปทานที่สวนกุหลาบ เธอไม่ชอบที่คนเยอะเพราะงั้นในสวนเวลากลางวันแบบนี้ละสวรรค์ของเธอเลย

     

    “คุณชิรายุริ มานั่งทำอะไรตรงนี้แล้วนี่ไม่ทานข้าวเหรอ?” ยูกิที่บังเอิญเดินผ่านมาทักคนตัวเล็ก

     

    “อ๊ะ ฮะๆแบบว่าชอบทานแบบนี้มากกว่าคะ” เธอตอบแล้วชูขนมปังกับนมให้ยูกิเห็น เธอยิ้มเล็กน้อยแล้วเดินไปหาฮารุนะที่กำลังดื่มนมอยู่

     

    “จะว่าอะไรไหมถ้าจะขอนั่งด้วยคนนะ”

     

    “ตามสบายคะ” ฮารุนะตอบ ยูกินั่งข้างฮารุนะมองทุกๆการกระทำอย่างเอ็นดู ก่อนจะมีลมวูบหนึ่งพัดเอากลิ่นดอกซากุระหอมหวานชวนให้กระหาย ยูกิแทบจะอดใจไม่ไหวเมื่อได้กลิ่นนั้น ร่างกายเกร็งเพื่อบังคับตัวเองไม่ให้ลงมือทำร้ายเทพธิดาตัวน้อยๆคนนี้

     

    “...?เป็นอะไรรึเปล่าคะ?” ฮารุนะถามเมื่อจู่ๆคนที่มาขอนั่งด้วยกลับเงียบสนิท แล้วยังทำท่าเหมือนทรมานอะไรซักอย่าง

     

    “เปล่าคะ เอ่อ... ฮารุนะจังใช้น้ำหอมอะไรงั้นเหรอ? กลิ่นหอมสดชื่นดีจัง”

     

    “...พูดเรื่องอะไรนะคะ ฮารุไม่ได้ฉีดน้ำหอมซักหน่อย จะไปมีกลิ่นได้ยังไง” ฮารุนะตอบพลางดมกลิ่นของตัวเองไปพลาง

     

    “จ จริงเหรอ?” เธอถามอย่างไม่แน่ใจเธอ ไม่อยากเชื่อว่าเด็กคนนี้จะไม่ได้ฉีดน้ำหอม

     

    “จริงสิคะ ลองดมสิฮารุไม่ได้ฉีดจริงๆ” ว่าแล้วฮารุนะก็ยื่นแขนของตัวเองให้ยูกิลองดม แต่เธอกลับได้กลิ่นหอมหวานราวกับดอกไม้ที่กำลังรอแมลงมาดอมดม

     

    “อ๊ะ จ จริงๆด้วย... จริงสิ ตอนเย็นอยากไปดูนักเรียนไนต์คลาสไหม?” ยูกิเปลี่ยนเรื่องเพื่อแบนความสนใจของตัวเองไปจากกลิ่นหอมนี่

     

    “ไม่ดีกว่าคะ ไปดูก็เท่านั้นยังไงซะคงไม่มีโอกาสได้พบกันง่ายๆอยู่ใช่ไหมละ จะไปดูรึว่ารู้จักเอาไว้ก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี สู้รีบกลับหอพักทำการบ้านดีกว่า จะได้ไม่เป็นภาระของรุ่นพี่ยูกิซังด้วย” คำอธิบายเล็กๆนั่นทำให้ยูกิยิ้มออกมาเล็กน้อย ก็แหมเด็กคนนี้อุสาคิดถึงตัวเธอกับเซโร่ด้วย แบบนี้มัน... น่ารักดีนี่น่า

     

    ช่างเป็นเด็กที่ใส่ใจคนรอบข้างดีจริงๆ

     

    “ขอบใจนะ ฮารุนะจังเนี้ย น่ารักดีจริงๆ”

     

    “ขอบคุณที่ชมคะ งั้นฮารุของตัวนะค่ะ ต้องไปแล้ว” ฮารุนะว่าพลางลุกขึ้นยืนโค้งตัวเล็กน้อยเป็นการกล่าวลาโดยไม่ลืมเก็บเอาขยะของตัวเองไปด้วย ยูกิมองภาพของเด็กตัวน้อยเดินจากไปแล้วนึกอยากให้คนที่เธอรักคนหนึ่งได้สัมผัสกับความอบอุ่นดั่งพระอาทิตย์ และความหอมหวานดุจซากุระนี่จริงๆ

     

    “กลางวันนี้โดดไปหาท่านพี่ดีกว่า ชวนเซโร่ไปด้วยคงได้” เมื่อคิดได้ยูกิจึงรีบมุ่งหน้าไปหาเซโร่ที่คอกม้าแล้วเดินทางไปยังหอพระจันทร์ทันที โดยระหว่างทางยูกิได้หักกิ่งซากุระที่กำลังบานเต็มที่ติดมือไปด้วย

     

    “เอ่อ เราขอผ่านไปนะคะ” ยูกิพูดกับคนคุมประตูหอ ผู้คุมไม่ว่าอะไรเพราะเขารู้ว่าสองคนนี้คือใครและเป็นอะไร

     

    แอ๊ด... ยูกิเปิดประตูหอแล้วเดินเข้าไป เหล่านักเรียนไนต์คลาสที่อยู่ ณ ห้องโถงหันมามองยูกิเป็นตาเดียวเหตุผลอาจเป็นเพราะกลิ่นหอมที่ติดตัวมาก็ได้

     

    “อ้าว... ไม่นอนพักกันหน่อยเหรอค่ะ?”

     

    “แล้วคิดว่าเพราะอะไรพวกเราถึงนอนไม่หลับละห่ะ!!” เป็นไอโด้ที่ตอบคำถามด้วยความหงุดหงิด กลิ่นหอมยั่วยวนที่มากับยูกินั่นทำให้แวมไพร์ทุกตนที่อยู่ในหอตื่นกับจนหมด เป็นเหตุให้พวกเขาต้องออกมาระงับเหตุ ก่อนที่จะมีใครพุ่งไปทำร้ายยูกิเสียก่อน

     

    “...? แล้วอะไรละคะ?”

     

    “กลิ่นหอมของเธอน่ะ กลิ่นดอกซากุระ” คานาเมะตอบกลิ่นนี่มาจากอยู่กิแต่ทำไมตอนแรกเขาถึงไม่ได้กลิ่นกันนะ

     

    “คงเป็นเพราะของฝากมั้งค่ะ ไม่ก็...” ยูกิเอากิ่งดอกซากุระมาโชว์พลางทำท่าคิดว่ากลิ่นที่ติดตัวมาอาจเป็นของรุ่นน้องที่เธอเพิ่งจากมาก็ได้

     

    “ไม่ใช่... กลิ่นนี้น่ะ...”

     

    “ถ้าเป็นกลิ่นหอมของดอกซากุระที่ทำให้รู้สึกกระหายจนแทบทนไม่ได้ละก็ ฉันเองก็เพิ่งจะได้พบมาเหมือนกันคะ กลิ่นหอมของเทพธิดาตัวน้อยๆที่อบอุ่นเหมือนดวงอาทิตย์ยามเช้า... อยากให้ท่านพี่ได้พบจัง” ยูกิยิ้มน้อยๆเมื่อนึกถึงฮารุนะ เธอรู้คานาเมะกำลังสนใจเจ้าของกลิ่นหอมนี่ถ้าเธอจะหยอดคำที่มันสร้างความรู้สึกอยากพบขึ้นมาไม่แน่ในอนาคตอาจจะได้เห็นคู่รักคู่นี่ก็ได้

     

    “เธอพึ่งไปพบมางั้นเหรอยูกิ” เป็นดั่งที่ยูกิหวังคานาเมะดูสนใจมาก แม้ว่าสีหน้าของเขาดูไม่แตกต่างจากเดิมเท่าไรก็ตาม

     

    “ค่ะ ท่านพี่อยากพบไหมคะ?” ยูกิถามด้วยดวงตาที่เป็นประกาย

     

    “ไม่ละ ผมยังไม่อยากพบเท่าไร”

     

    “อะไรกัน” คานาเมะรู้ว่ายูกิต้องการจะทำอะไร แต่จะให้เขาเล่นตามเกมแบบนั้นบอกได้เลยว่าเขาไม่สนุก แม้ว่าใจจริงอยากจะพบก็ตาม แต่ตัวเขาตอนนี้มันทรมานเกินกว่าจะเปิดรับใครได้ หัวใจของเขามันเจ็บเกินกว่าจะมองใครคนอื่นนอกจากยูกิ

     

    “...อืม..อ้อ นี่ค่ะของฝากคิดว่าท่านพี่คงจะชอบกลิ่นดอกซากุระนะค่ะ” ยูกิเดินมามอบดอกไม้แก่คานาเมะ กลิ่นหอมที่เริ่มเจือจางไปทำให้คานาเมะควบคุมตัวเองไม่ได้เผลอตัวรั้งต้นคอขาวลงมาฝังเขี้ยวลงไปอย่างแรงเรียกความตกใจจากการกระทำอันเกินความคาดหมายอย่างดี

     

    งับ!!

     

    “ท่านพี่!!! อ๊ะ!

     

    “อึก อึก” ราวกับสิ่งเสพติดยิ่งได้กลิ่นยิ่งต้องการ เมื่อได้ลิ้มลองก็ต้องการมากขึ้น กลิ่นหอมจากตัวยูกิกระตุ้นความอยากของคานาเมะจนถึงขีดสุดจนไม่อาจยับยั้งตัวเองได้ เสียงดูดเลือดนั่นเป็นสิ่งเตือนว่าคานาเมะไม่มีสติของตัวเองอยู่เลย

     

    “ท่านพี่... หยุดนะ!!!!!” ยูกิใช้แรงของตัวเองผลักคานาเมะออกแล้วรีบถอยมาหาเซโร่นึกตกใจที่จู่ๆตัวเองโดนจู่โจมแบบนั้น เหมือนกับคานาเมะไร้สติอยู่อย่างไงอย่างงั้น

     

    “ท่านคานาเมะ!!

     

    “คานาเมะตั้งสติหน่อย!” พวกอิจิโจที่อยู่ในเหตุการณ์ช่วยกันรั้งคานาเมะที่ทำท่าจะพุ่งใส่อยู่กิอีกครั้ง ดวงตาสีเลือดเปล่งประกายคล้ายสัตว์ป่าก่อนจะกลับมาเป็นสีน้ำตาลแดงอีกครั้งเมื่อกลิ่นหอมที่ทรมานพวกเขาหายไป

     

    !!! นี่ผม...ยูกิ” คานาเมะที่ได้สติยกมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเองนึกตกใจกับความบ้าคลั่งเมื่อครู่... เพราะกลิ่นหอมนั่นงั้นเหรอ...

     

    “ทำบ้าอะไร!! สัตว์ร้ายกระหายเลือดมันเกิดครอบงำตัวแกขึ้นมารึไง!” เซโร่ที่มีทีท่าว่าโกรธจัดถามพร้อมหันกระบอก BOOLDY ROSE ไปทางคานาเมะด้วยความโกรธ

     

    “นี่แก!! ถอนคำพูดนั่นเดี๋ยวนี้!!!” ไอโด้บอกเซโร่ด้วยความโกรธ เช่นเดียวกับคนอื่นๆที่ตั้งท่าพร้อมโจมตีหากเซโร่ยังคงหันกระบอกปืนไปหาคานาเมะอยู่แบบนี้

     

    “เซโร่ เก็บBOOLDY ROSEเถอะ ฉันไม่เป็นอะไร” ยูกิบอกกับเซโร่ แต่เซโร่ไม่ได้ทำตามเขาตกใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

     

    จู่ๆเกิดบ้าอะไรขึ้นมา

     

    “ทุกคนพอเถอะ เรื่องนี้ผมผิดเอง” คานาเมะห้ามพวกไอโด้แล้วลุกขึ้นเดินออกไปพร้อมประโยคทิ้งท้าย

     

    “ยูกิผมขอโทษ”

     

    “ท่านพี่...” ยูกิมองคานาเมะเดินขึ้นไปแล้วอดสงสารไม่ได้ เธอก้มลงมามองกิ่งดอกซากุระเปื้อนเลือดที่กองอยู่ที่พื้น กลีบดอกที่เคยงดงามถูกแต่งแต้มด้วยเลือดสดๆ...

     

     

    เมื่อผละจากพวกยูกิแล้ว คานาเมะเลือกที่จะเดินมานอกหอพระจันทร์ เป็นครั้งแรกที่เขาออกมาข้างนอกในเวลาของเดย์คลาสแบบนี้ แต่ถ้ายังอยู่ในนั้นต่ออีกหน่อยเขาคง... แบบนั้นคานาเมะจึงเลือกที่ออกมาเผชิญกับแดดจ้าข้างนอกเพื่อเรียกสติของตัวเอง ก่อนจะหยุดที่บ่อน้ำพุ คานาเมะนั่งลงที่ขอบบ่อนึกอยากให้ตัวเองหลับไปดีกว่าต้องมาทรมานแบบนี้

     

    “พระเจ้า...ช่างเล่นตลก” คานาเมะยิ้มเศร้าๆให้ตัวเอง มองภาพของตัวเขาผ่านทางภาพสะท้อนของผิวน้ำนึกสมเพจตัวเอง ทั้งที่รักและให้ความสำคัญสุดท้ายยูกิกลับไม่เลือกตัวเขา ทั้งที่อยากหลับไปชั่วนิจนิรันดร์สุดท้ายก็ต้องตื่นขึ้นมารับความทรมานที่ต้องเห็นยูกิอยู่กับคนที่รัก และเป็นคนที่ทำร้ายเธอ

     

    “ตัวผมคงไม่มีใครส่งยิ้มมาเลยสินะ ไม่แม้แต่พระเจ้า”

     

    “พระเจ้าเล่นตลกไม่เป็นหรอก อีกอย่างเวลาพระเจ้ายิ้มคุณเห็นด้วยเหรอ?”

     

     

    To be continuing…

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×