คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ราตรีที่ 11 งานเลี้ยงแวมไพร์ (1)รีไรต์
ราตรีที่ 11
งานเลี้ยงแวมไพร์ (1)
Matzuhide Shuu
(ขอแนะนำท่านชูจากเรื่อง DIABOLIK LOVERS หนึ่งในตัวละครใจสุดหล่อที่กระชากใจไรต์ไปเจ้าค้า)
เสียงเปียโนท่วงทำนองรุนแรง เรียกร้อง โหยหาดังไปทั่วอาณาบริเวณ “ครอสอคาเดมี่” เหล่านักเรียนไนต์คาสต่างมองไปที่ตึกใหญ่อย่างพร้อมเพรียงรอคอยการกลับมาของนายเหนือที่หายไปตั้งแต่บ่ายจนถึงเวลานี้
“ท่านพี่ลืมเรื่องงานวันนี้แล้วเหรอ?” น้องสาวของนายเหนือเอ่ยลอยๆมองไปยังตัวอาคาร อุสาเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้แต่ท่านพี่ของเธอดันไม่ยอมกลับมา
“พวกฉันไปก่อนละกัน ฝากเธอเรื่องหมอนั่นด้วย” เซโร่บอก พลางมองไปยังหน้าประตูที่มารถคันหนึ่งแล่นเข้ามาแล้วเดินทางไปพร้อมๆกับพวกไอโด้
“คงต้องรีบสินะ” ยูกิว่าพลางเดินเข้าไปในตัวอาคาร
เสียงดนตรียังคงดังก้องกังวาน ใช่คานาเมะไม่คิดจะไปแต่เด็กน้อยตรงหน้าขอให้เขาเล่นเพลงที่เธอแต่งซ้ำไปซ้ำมาราวกับจะหาบางอย่าง
“...รุ่นพี่ค่ะ... เร่งจังหวะอีกนิดได้ไหมค่ะ” สิ้นคำขอร่างสูงจึงเร่งจังหวะเพลงให้เร็วขึ้น ลอบมอบร่างบางที่ทำท่าขัดใจบ่อยครั้ง ก่อนที่จู่ๆเธอก็มีสีหน้าราวกับคิดอะไรออก วางกระดาษโน้ตลงแล้วมานั่งข้างๆเขา นิ้วเรียวบรรจงเล่นอีกบทเพลงประสานกับเขา
เรียกร้อง โหยหา ราวกับเพลงเพลงนี้เชื่อมพวกเขาไว้ด้วยกัน หัวใจเต้นประสานกันจนเป็นจังหวะเดียว บทเพลงที่ต่างกันกลับบรรเลงจนเป็นเพลงที่แสนไพเราะ
คานาเมะมองคนข้างๆตนอย่างไม่เข้าใจตัวเอง หลายครั้งที่คิดทบทวนเกี่ยวกับความรู้สึกของตัวเขาเอง บางครั้งก็เคยนึกเปรียบเทียบความรู้สึกระหว่างยูกิกับฮารุนะ กับยูกิ...รัก...ยังไงก็คือรัก เขายังสนใจ ให้ความใส่ใจกับยูกิไม่เปลี่ยนถึงจะบอกเสมอว่ายอมให้เซโร่ได้อยู่ข้างๆเธอ เพื่อความสุขของยูกิแต่ยังไงรักก็ยังเป็นรัก ความรู้สึกมันไม่ได้เปลี่ยน...
กับฮารุนะ... เป็นความห่วงหาอาทรที่แยกไม่ออก ต้องการ...ให้อยู่ข้างๆ ไม่อยากให้หายไปจากสายตา ไม่อยากให้เจ็บปวด ไม่อยากให้ร้องไห้เสียใจ อยากปกป้อง... แต่ก็ต้องการเลือดของเธอด้วยเช่นกัน สามารถบอกได้เลยว่าตอนนี้ความรู้สึกที่มีให้ฮารุนะมันมากเสียยิ่งกว่ายูกิ แต่เขากลับไม่กล้าเรียกว่ารัก...
‘ตัวผมกับคุณห่างกันเกินไป คุณคือแสงสว่าง...ผมคือความมืด...เราต่างกันเกินไปคุณฮารุนะ’
เสียงเปียโนทั้งสองหยุดลงพร้อมกับความคิดของคานาเมะที่หยุดลง สายตาเผลอมองไปที่คอขาวอย่างกระหาย.... แต่ก็ต้องหยุดลงเมื่อคนข้างตัวหันมามองเขาด้วยรอยยิ้ม สีหน้าแสดงถึงความยินดีอย่างเห็นได้ชัด
“ขอบคุณนะคะ ไม่ได้รุ่นพี่ละก็เพลงนี้คงไม่มีวันจบแน่ๆ”
“ไม่เป็นไรครับ...ด้วยความยินดี” เขาตอบมองคนตัวเล็กอย่างเอ็นดู เพียงเวลาไม่นานความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอทำไมมันถึงมากมายขนาดนี้...
“ท่านพี่... ลืมนัดของเราแล้วเหรอค่ะ” ยูกิที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องดนตรีถามขึ้นท่ามกลางความเงียบของทั้งสอง
ฮารุนะหันไปมองยูกิอย่างตกตะลึงรุ่นพี่สาวของเธอวันนี้ดูสวยจริงๆ ร่างสูงโปร่งในชุดราตรีสีดำขับให้ผิวดูขาวนวลเป็นประกาย เส้นผมสีน้ำตาลถูกปล่อยยาวลงมาประดับด้วยที่คาดผมสีดำ ประดับด้วยกุหลาบแดงขนาดพอเหมาะที่หน้าอกด้านซ้าย โดยรวมแล้ว...รุ่นพี่คนนี้ของเธอช่างดูงดงาม สูงส่ง... มีมนต์เสน่ห์อย่างน่าประหลาด...
“นั่นสินะ...คุณฮารุนะผมขอตัวนะครับ” คานาเมะพลางลุกเดินออกไปพร้อมกับยูกิ ภาพของทั้งคู่ที่ดูราวกับสิ่งสวยงามที่สร้างมาเพื่อกันนั้นทำให้คนที่อยู่ข้างหลังรู้สึกเจ็บแปลบ...
“พวกเขาเหมาะสมกันจริงๆ... แล้วทำไม... ถึงรู้สึกเจ็บแบบนี้นะ”
ไม่นานหลังจากยูกิหายกลับไปอาคารเรียนเธอกลับออกมาพร้อมใครอีกคนที่หายไป ยูกิเดินนำไปยังรถลีมูซีนสีดำสนิทซึ่งจอดรออยู่ร่างสูงไม่ได้ถามอะไรก้าวขึ้นไปยังรถคันใหญ่ตามด้วยยูกิตามขึ้นไป
“ขออภัยที่ช้านะครับคุณมัตสึฮิเดะ” ร่างสูงเอ่ยเสียงเรียบมองชายสูงวัยที่นั่งตรงข้ามตนและใครอีกคนที่นั่งตรงข้ามข้างๆชายสูงวัย
“ไม่ได้ช้าขนาดนั้นหรอกครับ...คงไปหาเธอมาสินะครับ กลิ่นของเธอติดมาด้วย” คาโอรุถามด้วยรอยยิ้ม ตอนแรกนึกแปลกใจที่คนแบบคานาเมะมาสาย แต่เมื่อได้กลิ่นที่ติดตัวมาเขาก็เข้าใจทันที
“....” ร่างสูงเงียบไปทันทีมองคนตรงหน้านิ่งๆ
“เฮอะ!! กะอีแค่กลิ่นน้ำหอมมันจะอะไรนักหนา”
“ชู!!!”คาโอรุปราบเด็กข้างๆตัวเสียงดัง แต่ดูเขาจะไม่ใส่ใจ และหันไปสั่งคนขับรถให้ออกรถไปทันทีก่อนจะเปิดเพลงฟังตัดขาดกับโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง
“ต้องขออภัยแทนลูกชายผมด้วยครับท่านคานาเมะ” ชายชรากล่าวขอโทษแทน คานาแมะมองชายหนุ่มที่ชื่อชูอย่างพิจารณา คนตรงหน้าเขาเรียกได้ว่าเป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่ง ใบหน้าคมคายมีสีหน้าติดเย็นชาเบื่อโลกตลอดเวลา ผิวซีดออกคล้ำเล็กน้อย เส้นผมสีส้มหยักศกตัดซอยอย่างดี และดวงตาสีน้ำเงินจางๆเป็นประกาย
“คุณคาโฮรุคะ คือว่าเรื่องงานเลี้ยงนี่”
“กระผมขออภัย ดูเหมือนเรื่องที่ผมมาที่ครอสอคาเดมี่เพื่อมาพบท่านคานาเมะจะรั่วออกไปครับ”
“แบบนี้นี่เอง...” ยูกิมองคาโอรุเพื่อจับผิดแต่ก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ
“แล้วชื่อที่จ่าหน้าซอง...” ยูกิถามต่อคาโอรุมีท่าที่หนักใจไม่น้อย แต่ก่อนที่เขาจะได้ตอบคนข้างกายที่คิดว่าไมอยากยุ่งเรื่องอะไรก็ดึงหูฟังออกมองทั้งยูกิและคานาเมะสลับกัน
“ก็ตามนั้น ริโดะมันยังไม่ตาย... หลังจากมีข่าวการหลับของนายจู่ๆหมอนั่นก็ปรากฏตัวที่สภาอาวุโส พวกตาแก่นั่นก็รีบให้การต้อนรับและคุ้มครองเลือดบริสุทธิ์อย่างเจ้านั่นแทบจะทันที การตื่นของนายไม่ใช่แค่ทำให้อำนาจในฐานะเลือดบริสุทธิ์เหลือน้อยลง แต่ยังเป็นการบอกให้ทางสภาเลิกกลัวไอ้เจ้านั่นไง” สิ้นคำตอบยูกิทำท่าคิดหนัก ไม่คิดว่าระหว่างที่เธอไม่สนใจทางสภาจะเกิดเรื่องแบบนี้...
“เดี๋ยวก่อนสิ...ถ้าจะบอกว่าริโดะยังไม่ตายงั้นก็หมายความว่าต้องมีพิธีเพื่อการคืนชีพ...”
“มันไม่ทันแล้วครับเจ้าหญิง... เขาคืนชีพเรียบร้อยแล้ว...”
“ด ได้ยังไงกัน...”
“หึ!! เพราะความสับเพร่าของพวกแกนั่นละที่ไม่ฆ่าให้ตาย แค่เห็นว่าหายไปแค่นั่นก็จบแค่นั้นรึไง!”
“อ๊ะ!!” ยูกิตกใจกับคำประณามที่ไม่ทันตั้งตัวเล็กน้อยก่อนที่คาโอรุจะใช้สายตาปรามผู้เป็นลูกชายแล้วกลับมาอธิบายต่อ
“หลังจากที่มีข่าวว่าเขาแพ้พวกคุณ... ไม่นานมีครอบครัวมนุษย์กลุ่มหนึ่งถูกฆ่าล้างครอบครัว ...พวกเรามารู้หลังจากนั้นว่าครอบครัวนั้นเป็นครอบครัวดอกไม้...จากนั้นเหล่าดอกไม้ทั่วโลกจึงถูกตามล่าจนไม่เหลือแม้แต่คนเดียว” คาโอรุเล่าลอบมองลูกชายตนที่มีท่าทางโกรธแค้นมากกำหมัดแน่นเสียจนเห็นเส้นเลือด
“...”
“แล้วที่คุณเคยพูดก่อนหน้านี้”
“ผมไม่แน่ใจว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง บางทีเธออาจจะรอดมาได้โดยบังเอิญก็ได้”
“ใคร?” ชูที่นั่งเงียบมานานถามขึ้นทันควัน
“ดอกไม้...ดอกสุดท้าย” สิ้นคำตอบจากชายสูงวัยทั้งรถเกิดความเงียบขึ้นชั่วอึดใจ ชายหนุ่มผมสีส้มยกมือขึ้นปิดหน้าบางส่วน ดวงตาสีน้ำเงินส่อแววความดีใจอย่างปิดไม่มิด เรียวบางบางคลี่ยิ้มจางๆ
“ตาแก่... ขอเสนอของแกก่อนหน้านี้ฉันจะรับไว้ละกัน”
ในคฤหาสร้างหลังใหญ่ที่ก่อนหน้านี้เคยเงียบสงัดกลับมีแสงไฟและเสียงเพลง บุคคลมีชื่อเสียงมากมายต่างเดินทางมายังที่นี่เพื่อมาร่วมงานเลี้ยงแสดงความยินดีแก่ผู้ที่กลับมา ‘คานาเมะ คุรัน’
รถลีมูซีนสีดำสนิทแล่นเข้ามาจอดสนิทที่หน้างานในเวลาค่ำ เรือนร่างของชายหญิงผู้งดงามก้าวลงมาจากรถใบหน้าทั้งสองช่างงดงามราวกับเป็นสิ่งที่สร้างมาเพื่อกัน และอีกสองหนุ่มต่างวัยที่หล่อเหลาไม่แพ้กัน ทั้งสี่ยืนอยู่หน้าคฤหาสอยู่พักใหญ่ก่อนที่สองพ่อลูกจะเดินนำเข้าไป
“...ท่านพี่...” ยูกิเรียกคนตัวสูงที่เอาแต่ยืนนิ่ง
“ไปกันเถอะยูกิ” ร่างสูงว่ายื่นแขนให้ยูกิคล้องก่อนจะเดินเข้างานไปพร้อมกัน
เสียงดนตรีคลอเบาๆในงานสร้างบรรยากาศ บุคคลมีชื่อเสียงจำนวนมากเดินทักทายกันในงานส่วนใหญ่หัวข้อสนทนาจะเกี่ยวกับเรื่องของเจ้าของงานคืนนี้...
“นั่น...ท่านมัตสึฮิเดะกับลูกชายสินะ”
“ท่านชู...ปกติไม่ค่อยออกงานสังคมนี่น่า”
“ชิ! น่ารำคาญ” เด็กหนุ่มได้ยินหัวข้อสนทนาที่ท่าทีรำคาญเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไปให้ห่างจากพ่อของตน เสียงพูดคุยต่างๆน่ายังคงดังไปเรื่อยจนกระทั่งบุคคลสองคนก้าวเข้ามาในงาน แวมไพร์ทั้งหมดเงียบเสียงและมองไปยังจุดจุดเดียวจนหมดก่อนจะพร้อมใจคุกเข่าคำนับทำความเคารพอย่างพร้อมเพรียง
“ยินดีต้อนรับค่ะ/ครับ ท่านคานาเมะ ท่านยูกิ” คานาเมะเงียบมองไปยังแวมไพร์ทุกตนก่อนจะหยุดมองสองคนที่ไม่ยอมทำเหมือนคนอื่น หนึ่งในนั้นคือเซโร่ที่เขารู้ดีว่าคนคนนี้ไม่มีทางทำแบบใครอื่นและอีกคน...เด็กหนุ่มที่เขาเพิ่งได้พบ มัตสึฮิเดะ ชู
“ขออภัยที่มารบกวนเวลาสำราญของทุกคน เชิญสนุกกันต่อเลยครับ” คานาเมะกล่าวอย่างสุภาพส่งรอยยิ้มจางๆให้ทุกคน แวมไพร์ตนหนึ่งลุกขึ้นแล้วโค้งให้เขาแล้วถามคำถามกับเขา
“ท่านคานาเมะทำไมก่อนหน้านี้ท่านถึงไม่ออกมาแสดงตัวละครับ? หากเรารู้เรื่องของท่าน...”
“ที่ผมไม่ออกมาแสดงตัวเป็นเพราะผมอยากอยู่สงบครับ ผมไม่อยากทำให้ทุกคนต้องหวาดระแวงเหมือนเมื่อก่อน” สิ้นคำตอบเสียงซุบซิบชื่นชมก็ดังระงม ทำให้ยูกิเบาใจไปเล็กน้อย
“สมเป็นท่านคานาเมะ คิดถึงพวกเราด้วย”
“ท่านช่างงดงามจริงๆ”
“ท่านคานาเมะ...แล้วเรื่องของกลิ่นหอมแปลกๆในช่วง...”
“เรื่องนั้นผมเองก็ไม่ทราบ” ยังไม่ได้พูดจบคานาเมะก็พูดขัดขึ้นมาเสียก่อน เขาไม่อยากให้เรื่องนี้มันสืบสาวจนไปถึงตัวฮารุนะ
“แต่ว่า...ต้นตอของกลิ่นนั่นมาจากครอสอคาเดมี่นะครับ”
“....”
“...ท่านพี่...”
“เรื่องนั้นผมจะเป็นคนตรวจสอบเอง ทุกคนไม่ต้องเป็นกังวล” คานาเมะพูดเสียงเรียบ เป็นการตัดบทสนทนาเพียงแค่นั้น เหล่าแวมไพร์ชั้นผู้ดีรับรู้ได้ถึงพลังที่จำต้องยอมจำนนทำให้ทั้งหมดกลับไปสนุกกับงานเลี้ยงต่อ ร่างสูงเดินจากยูกิไปหยิบแก้วใสบรรจุเลือดมาดื่มช้าๆ
‘ไม่พอ...’ คานาเมะลดแก้วเลือดในมือลง มองของเหลวสีชาดในแก้วนิ่งๆ นึกไปถึงเลือดของคนตัวเล็กที่เขาเคยได้ชิม ความรู้สึกในตอนนั้น...ราวกับความรู้สึกทั้งหมดของเขาค่อยๆถูกเติมเต็มช้าๆ กลิ่นหอมยั่วยวน รสหวานราวกับน้ำผึ้ง... ตัวเขา...ไม่มีทางดื่มเลือดใครอื่นได้นอกจากเด็กน้อยของเขา...
‘ฮารุนะ’
“ท่านคานาเมะ” ร่างสูงละความสนใจจากเลือดตรงหน้า หันไปมองพ่อลูกแวมไพร์คู่หนึ่งที่เดินมาหาเขา ใบหน้าของลูกสาวขึ้นสีนิดๆอย่างเขินอาย
“เป็นความกรุณาของท่านที่มีให้กับพวกเรา ทั้งยังคิดถึงพวกเราด้วยกระผมชื่นชมท่านจากใจ” คนเป็นพ่อเอ่ยชมเขา
“กระผมอยากให้ท่านช่วยเอ็นดูลูกสาวกระผมด้วยครับ ผมหวังจะให้เธอได้รับใช้ท่านอย่างเต็มที่ครับ มานี่สิ ‘ยูกะ’”
“ท ท่านคานาเมะ” แวมไพร์สาวเรียกเขาด้วยท่าทางเขินอาย
คานาเมะมองนิ่งเขารู้จุดประสงค์ของคนคนนี้... เมื่อยูกิมีคนรักแล้ว...ก็ไม่มีอะไรพอจะเป็นก้างได้ หากลูกสาวของพวกเขาได้ครองหัวใจของเลือดบริสุทธิ์อย่างคานาเมะละก็ ทั้งชื่อเสียงละอำนาจย่อมมีมากขึ้น... แต่แวมไพร์เหล่านั้นหารู้ไม่ว่าตอนนี้หัวใจของคานาเมะ...ไม่มีที่ว่างให้ใครอีกแล้ว
ท่าทีเขินอายที่ใครอาจจะมองว่ามันน่ารักเขากลับคิดว่าไม่ช่างดูขัดอารมณ์... ต่างกับใครอีกคน...เวลาที่เธอก้มหน้างุด...ใบหน้าแดงจนถึงหูเล็กๆนั่น
‘น่ารัก’
... เรือนร่างเพรียวลมสมส่วนไม่เตี้ยหรือสูงเกินไป... กลับดูน่ารำคาญ... ต่างจากอีกคนเธอไม่ได้สูงหรือมีรูปร่างสมส่วนเหมือนใคร แต่กลับดูตัวเล็กน่าถนุถนอม...
เส้นผมที่ทองอร่ามดั่งทองคำกลับไม่สวยเท่าเส้นผมสีดำนุ่มสลวย ใบหน้าสวยถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางจนงามสรั่ง กลับไม่น่าดูเท่าใบหน้าใสๆของใครอีกคน ดวงตาสีฟ้าเทาเป็นประกายกลับไม่สวยเหมือนกับดวงตาสีเขียวใบไม้ ทั้งหมดนั้นแม้ว่าใครจะเอ่ยชมเธอมายังไงกลับต้องแพ้ให้กับใครที่น่ารักยิ่งกว่า
เทียบไม่ได้กับเด็กน้อยของเขาเลย....
‘นี่ผม... เป็นเอามากเลยสินะ...’ ร่างสูงยิ้มกับตัวเองเมื่อเขาเผลอนึกถึงใครอีกคน แต่รอยยิ้มนั่นกลับทำให้ผู้เป็นลูกสาวยูกะเข้าผิดคิดว่าร่างสูงพึงใจในตน ยิ้มพรายอย่างได้ใจ
“ครับ...ผมจะรับไว้ละกัน” คานาเมะตอบปัดมองหญิงตรงหน้านิ่งๆ อยากออกไปจากบรรยากาศตรงนี้เสียจนเต็มแก่ แต่ยังไม่ทันได้เดินออกไปเพื่อหนีกลุ่มที่ต้องการนำลูกสาวมาเสนอตัวกับเขา มือเรียวของยูกะก็มาจับเมือเขาไว้ ร่างสูงมองเจ้าของมืออย่างไม่พอใจ แต่แวมไพร์สาวกลับไม่รู้สึกอะไรทั้งยังส่งยิ้มยั่วยวนมาให้
“คุณผู้หญิงมีอะไรครับ” เขาถามเสียงเรียบหันมาเผชิญหน้ากับหญิงสาวตรงหน้า
“ดิฉันเพิ่งเคยมางานแบบนี้... ท่านคานาเมะช่วยแนะนำหน่อยได้ไหมค่ะ”
“อ๊ะ! ท่านพี่อยู่นี่เอง...ไปเต้นรำกันเถอะค่ะ” ก่อนที่เรื่องจะบานปลายยูกิที่หายไปหาเซโร่จู่ๆก็มาพาคานาเมะจากหญิงใจกล้าที่รั้งคานาเมะไว้ เธอพาร่างสูงไปกลางฟลอร์เต้นรำ มองท่าทีขัดใจของแวมไพร์สาวอย่างสะใจ
“ท่านพี่เนี้ยยังเหมือนเดิมเลย” ยูกิว่าพลางตั้งท่าเตรียมพร้อมกับพาร่างของทั้งเธอและพี่ชายเต้นรำไปพร้อมๆกันตามเสียงเพลง
“ผมน่ะเหรอ?”
“ก็ยังเสน่ห์แรงไม่เปลี่ยนไง นี่ถ้าไม่เข้าไปขัดละก็ท่านพี่คงโดนเธอคนนั้นพาไปเปิดตัวแน่ แบบนั้นฮารุนะจะเสียใจนะ”
“....” ร่างสูงเงียบไปทันทีหันไปสนใจกับการเต้นรำตรงหน้า ห่างไปไม่ไกลนักเด็กหนุ่มผมเงินมองคู่พี่น้องเต้นรำด้วยกันนิ่งๆ นึกแปลกใจที่จู่ๆยูกิก็เดินจากเขาไปพอรู้ว่าที่ที่ยูกิไปคือตรงไหนเขาถึงกับต้องส่ายหน้า
‘หวงไม่เข้าเรื่อง’
และอีกคนที่มองการกระทำของทั้งสองอย่างเบื่อหน่าย ดวงตาสีน้ำเงินมองไปยังทั้งสองที่เต้นรำกันกลางงานซึ่งทั้งคู่ต่างก็เป็นจุดสนใจและยากจะละสายตา ร่างสูงกำหมัดแน่นท่าทางไม่พอใจอย่างถึงที่สุด
“ทั้งๆที่เรื่องมันเป็นแบบนี้เพราะพวกมัน... แต่ก็ยัง...!!!” ดวงตาสีน้ำเงินฉายแววความตกใจอย่างปิดไม่มิดมองตามผู้ที่เดินหน้าของเขาไป
‘คล้าย... เหมือนกันจนเหมือนจะเป็นคนคนเดียวกัน... เป็นไปไม่ได้!!’ ร่างสูงคิดรีบออกตามหาผู้ที่เพิ่งเดินผ่านตนไปอย่างเร่งรีบ
“...!!!! ฮารุนะ!!” เซโร่ที่มองทั้งสองที่เต้นรำอยู่ต้องชะงักเมื่อเขาได้เห็นใครบางคนที่คล้ายกับฮารุนะที่เขารู้จัก เขารีบมองหาคนคนนั้นแทบจะทันที
‘ไม่น่าจะเป็นได้!!’
“ท่านพี่อย่าทำหน้านิ่งๆแบบนั้นสิ” ยูกิทักหลังจากที่เต้นรำกันมาได้สักพักแต่คนตัวโตกลับเอาแต่ทำหน้านิ่งอย่างเดียว ร่างสูงไม่ตอบยังคงเต้นรำต่อไป ยูกิยิ้มน้อยๆกับท่าทางแบบนั้นแต่สายตาขอเธอกลับเห็นบางอย่าง
“ฮารุนะจัง!!” เธอเรียกเสียงดังแล้วผละจากคานาเมะตามคนที่เธอเห็น... แต่ใครคนนั้นกลับหายไปเสียแล้วยูกิหยุดนิ่งมองฝูงแวมไพร์ชั้นผู้ดีจำนวนมากอย่างสับสน ที่เธอเห็นเมื่อกี้...
“ถึงจะแค่แวบเดียว...แต่ว่า...ที่เห็นฮารุนะจังแน่ๆ แต่..”
“เป็นไปไม่ได้หรอกยูกิ... ถ้าเธอมา... กลิ่นของเธอคง...” คานาเมะชะงันทันที กลิ่นหอมจางๆที่เขาคุ้นเคย...
“ฮารุนะ...”
“ฤดูนี้มีซากุระด้วยเหรอ...”
“หอมจัง... อ่า... อยาก ‘ดื่ม’ แล้วสิ” เสียงพูดคุยเรื่องกลิ่นหอมดังระงม สัญชาตญาณดิบในตัวแวมไพร์ทุกตนถูกปลุกขึ้นอย่างพร้อมเพรียง คานาเมะมองแวมไพร์ตนอื่นๆนิ่ง
“ยูกิกลิ่นนี่” เซโร่เดินมาหาพวกเขาทั้งสองเป็นการยืนยันถึงสิ่งที่ทั้งสองคิด
“คนอื่นๆกำลังแยกย้ายกันออกตามหา”
“ท่านพี่...”
“แยกกันหา ใครเจอให้รีบพาออกจากงานไปก่อน” คานาเมะสั่งทั้งสามจึงแยกย้ายกันออกตามหา ในระหว่างนั้นกลิ่นหอมก็ค่อยๆแรงขึ้นเรื่อยๆ
“หอมมากเลย อย่างกับอยู่ในงานงั้นละ”
“มนุษย์...ที่ชั้น 2” สิ้นเสียงแวมไพร์ทั้งหมดมองตามที่เสียงนั้นบอก พวกเขาทั้งหมดมองไปยังร่างของเด็กสาวที่ยืนอยู่เพียงลำพัง กลิ่นหอมยั่วยวนชวนให้น้ำลายสอ ผิวขาวอมชมพูเลือดฝาด สวมชุดเดรสเรียบๆสีขาวยาวแค่เข่า เส้นผมสีดำสนิทยาวสยายและดวงตาสีเขียวใบไม้งดงาม
ฮารุนะมองคนที่อยู่ด้านล่างอย่างไม่เข้าใจ... ความจริงเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอมาที่นี่ได้ยังไง จู่ๆก็รู้สึกง่วงมากจนหลับไปตอนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ...ตื่นขึ้นมาอีกทีก็มาโผล่ในห้องแปลกๆที่ไม่มีหน้าต่าง เพราะเธอได้ยินเสียงเพลงกับคนคุยกันก็เลยออกมา... พอออกมาก็รู้ว่ามาอยู่ในงานเลี้ยงอะไรซักอย่างที่มีแต่คนดังๆมารวมกัน แล้วจู่ทั้งหมดก็มองที่เธอด้วยสายตาแปลกๆชวนให้เสียวสันหลัง
‘ท ทำไมมองเราแบบนั้น... น น่ากลัวจัง’ ร่างบางที่ถูกมองรู้สึกถึงอันตรายจนเริ่มหายใจติดขัด ความกลัวเริ่มเกาะกุมร่างเล็กถอยห่างจากระเบียงอย่างหวาดกลัว เผลอนึกถึงใครบางคนที่เธอรู้สึกปลอดภัยทุกครั้งที่อยู่ด้วย
“ช ช่วยด้วย...รุ่นพี่...คุรัน”
หมับ!!
“อ๊ะ!!!”
To be continuing…
กลับมาแล้ว!!! ในที่สุดก็ต้องแบ่งเป็น 2 พาทจนได้ แบบว่ามันยาวมาก บอกเลยว่ายาวจริงๆ จนเขียนไม่ทัน แต่จะให้ผิดสัญญาก็ใช่ที่เลยเอามาให้แค่นี้ก่อน หวังว่าจะไม่โกรธนะ
ไว้จะรีบมาต่อ รอเจอกันนะ
ก่อนหน้านี้คุณชานหลงได้บอกไว้ว่า
ภาค 2 อันนี้ก็กำลังคิดอยู่นะคะ แต่ยังไม่แน่ใจต้องขอดูจากคนอ่านว่าอยากอ่านภาคต่อไหม และจากคอมเม้นจากทุกคนด้วย เดี๋ยวจะทำคำถามขอความคิดเห็นจากผู้อ่านทุกคน แต่ความจริงแค่คุณชานหลงบอกแบบนี้ก็อยากเขียนภาคต่อแล้วละคะ