สาวผมสีส้มอมแดงที่ถูกบดบังด้วยหมวกสีดำ ร่างบางกำลังเดินลับๆล่อๆเข้าหลังบ้านแห่งหนึ่งในยามดึก
“เข้ามาสิ” จอน จองกุกมองคนตรงหน้าด้วยสายตาอ่านไม่ออก แต่ก็เบนตัวเพื่อให้ร่างบางเดินเข้ามาได้ก่อนปิดประตูลง
“อันยอง”ลิซ่าโค้งหัวทักทายอย่างเป็นทางการให้กับรุ่นพี่บังทันหลายคนที่ยังไม่นอนอยู่ตรงโซฟา
“อยู่ห้องนั้น ยังไม่ยอมออกมาตั้งแต่เช้า”เจโฮปที่กำลังนั่งดูหนังอยู่กับจิน แทฮยองและจองกุกจึงชี้ไปทางห้องพักห้องหนึ่งซึ่งอยู่สุดมุม
ลิซ่าก้มหัวขอบคุณโดยพยายามไม่มองเหล่ารุ่นพี่หนุ่มทั้งหลาย เนื่องจาก..
ทั้งตัวก็มีบ็อกเซอร์ปกปิดความเป็นชายอย่างเดียว จนเธอเขินหน้าดำหน้าแดงหมดแล้วเนี่ย
ทันทีที่ประตูตรงหน้าเปิดออก ร่างสูงพุ่งตัวกอดเธอราวกับสัตว์ที่โดนทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส จนเธอเซถอยหลังไปสองสามก้าวเพื่อตั้งรับกับน้ำหนักที่พิงลงมา เมื่อตั้งรับได้เธอค่อยกอดตอบ มืออีกข้างลูบหัวคนตัวสูงอยางปลอบประโลม
“ไม่เครียดสิ พวกแอนตี้แฟนไม่กล้าทำจริงหรอก”ลิซ่าลูบหัวคนที่กอดเอวเธอแน่น
“ทำไมต้องมาขู่ฆ่ากันด้วย..”เสียงทุ้มที่แหบแห้งพูดออกมาเสียงเบา
คุณคงกำลังสงสัยว่าหมีเป็นอะไรใช่ไหม
หมีเพิ่งโดนเหล่าแอนตี้แฟนขู่ฆ่าผ่านทางเหล่าโซเชี่ยล มันอาจจะดูไร้สาระสำหรับคนอื่นเพราะไม่น่ามีทางเป็นไปได้ แต่สำหรับอาร์มี่และเหล่าบังทันโดยเฉพาะหมีมันเป็นเรื่องใหญ่ เพราะมันอาจเกิดขึ้นก็ได้
แถมหมีที่เพิ่งกลับจากคอนเสิร์ตล่าสุดก็เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่ยอมออกมา เดือดร้อนถึงพี่นัมจุนกับพี่จินต้องโทรหาเธอให้มาปลอบเจ้าหมีตัวโต
ลิซ่าที่ยุ่งอยู่กับการคัมแบคของวง ถึงกับต้องเอาเวลานอนอันน้อยนิดมาหาคนร่างสูง กว่าจะมาได้ก็ต้องขออนุญาติเมเนเจอร์อปป้าของเธอด้วย
“อีกอย่างลิซไม่ให้ใครมาทำร้ายหมีง่ายๆหรอก”
“จริงเหรอ..”
“จริงสิ”เธอยกยิ้มขึ้นราวกับอยากให้หมีตรงหน้าเข้าใจว่าเธอพูดจริง มือเรียวบางลูบหัวหมีต่อ ก่อนจะรู้สึกว่า..
หมีตัวร้อน
มือเรียวทาบบนหน้าผากของอีกคน และเลื่อนไปที่คอ
“ตายล่ะ ร้อนจี๋เลย”
“อือ..หนาว..”หมีตรงหน้ายังคงทำตาปรือ สลึมสลือเหมือนไม่ค่อยรู้สึกตัว
เธอจึงเอนหัวหมีให้นอนลงบนเตียง ก่อนเดินออกจากห้องมาหาพวกที่นั่งอยู่หน้าทีวี
“รุ่นพี่ มีกาละมังกับผ้าขนหนูไหมคะ”
“เอาไปทำไมเหรอ”
“หมี เอ่อ จีมินไม่สบายอ่ะค่ะ ตัวร้อนมากเลย”
“จริงเหรอ เดี๋ยวดูให้นะ”จิน รุ่นพี่ที่โตสุดของวงลุกขึ้นเดินผลุบหายเข้าไปในครัวก่อนเดินถือกาละมังเล็กๆกับผ้าขนหนูผืนเล็กมาให้เธอ
“ฉันไม่ถนัดเรื่องพวกนี้ อีกอย่างเธอก็เป็นแฟนจีม ฝากดูแลมันหน่อยแล้วกัน”พูดจบจินก็ยกยิ้มขึ้นเบาๆ ก่อนยัดของใส่ในมือของเธอ
อยากจะบอกพี่เหลือเกิน
ว่าลิซก็ไม่ได้เก่งเรื่องดูแลคนอื่นเลย
อีกอย่าง
ลิซยังไม่ได้เป็นแฟนกับหมีสักหน่อย..
เธอสะบัดหัวเพราะมัวยืนเขินบ้าอยู่ ลิซ่าก้มหัวขอบคุณพี่จิน ก่อนหันกายเดินเข้าไปในห้องที่หมีอยู่
“ลิซ..”เสียงแหบแห้งพึมพัมออกมาเบาๆ ดวงตาคมยังคงหลับตาอยู่
“หืม ลิซอยู่นี่”เธอครางขานรับเบาๆก่อนวางของต่างๆข้างเตียงแล้วเดินไปหาคนเรียก
“หนาว..”ทันทีที่เธอเดินเข้าไปใกล้ หมีตรงหน้าก็กลายร่างเป็นแมวที่ชอบมาซุกเอวออดอ้อนเจ้าของ
ก็น่ารักอย่างนี้!!
เธอจะไม่หลงหมีได้ไง
ลิซ่ากัดฟัน ผ่อนลมหายใจอย่างแรง เพื่อพยายามทำใจไม่ให้ฟัดหมีที่กำลังป่วยตรงหน้า มือเรียวบางหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่ชุบน้ำหมาดๆมาเช็ดหน้าใสๆของหมี
เอาจริงๆ ใครว่าหมีไม่หล่อ
พอมาสำรวจแบบนี้ ทั้งคิ้วหนาที่ถูกบดบังโดยผมสีน้ำตาลเข้มยุ่งๆฟูๆ ทั้งดวงตาเรียวเล็กที่ดูอิดโรยเล็กน้อยแต่ก็ไม่ทำให้เสน่ห์หมีลดลงเลย จมูกโด่งเป็นสันเข้ากับปากหนาน่ากัดนั่น
แค่นี้ก็เด็ดกว่าใครแล้ว
แล้วไหนยังจะใต้ร่มผ้า(?)ที่ซ่อนความเด็ดไว้มากมาย
“ฮืออ..”เสียงทุ้มแหบครางเบาเมื่อโดนผ้าขนหนูเช็ดตรงคอทำเอาเธอชะงักมือ
ถ้ายังทำเสียงแบบนี้อีก..
หมีได้เสียตัวแน่ๆ
หลังจากเช็ดทั่วหน้าเสร็จ เธอก็นั่งทำใจอยู่นานก่อนค่อยๆปลดกระดุมเสื้อของหมีออกทีละเม็ด จนเห็นหน้าท้องแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม กล้ามแขนก็แน่นเสียจนน่ากัด น่าซบ น่ากอด คิดแล้วก็..
โอ้ยย น้ำลายจิหก
เธอควรรู้สึกดีใจหรือเสียใจดีที่ได้เห็นซิคแพ็คใกล้ๆแบบนี้ ถ้าอาร์มี่อ่านอยู่ อาร์มี่ต้องอิจฉาเธอมากแน่ๆ แต่ก็นะ มันก็ได้แค่เห็น มันไม่ได้กัดไม่ได้ซบเลย
ปวดใจชิบหาย!!
“ฮือ..ลิซ”เสียงแหบแห้งเอ่ยออกมาเบาๆ เมื่อรู้สึกว่าเธอเงียบไป
“…”
“ลิซ หนาว..”
“…”
“ลิซครับ.. เค้าหนาว..”เสียงที่แหบแห้งดูออดอ้อนเป็นพิเศษ ตาเรียวคมปรือตาขึ้นมาอย่างสลึมสลือ แก้มน่าหยิกนั่นแดงระเรื่อเพราะพิษไข้ ปากหนากัดเบาๆอย่างเซ็กซี่ กับหุ่นกล้ามหน้าท้องที่โชว์เอาไว้โดยไม่มีผ้าปกปิด มันทำให้ลิซ่ารู้สึก..
กูทนไม่ไหวแล้วโว้ย!!
เธอก้มหน้าไปฟัดแก้มบวมๆยุ้ยๆของหมีทันที กลิ่นของหมีมันหอมแปลกๆ จนเธออดที่จะหอมไม่ได้ รู้ตัวอีกทีริมฝีปากของเธอก็เริ่มลักหลับหมีซะแล้ว..
เธอเริ่มจะรู้สึกแล้วว่า..
เธอเริ่มรักหมี
จากตอนแรกที่เห็นก็คิดแค่รุ่นพี่รุ่นน้อง แต่ตอนนี้หัวใจมันอยาก..
เป็นมากกว่านั้น..
“อะแฮ่ม!!”เสียงไอดังขึ้นตรงหน้าประตู ทำให้เธอต้องดึงสติกลับมาและหยุดที่จะลักหลับหมีเพื่อนหันหน้าไปมองคนไอ
“แค่ดูแล ไม่จำเป็นต้องขนาดนั้นก็ได้มั้งลิซ่า”เสียงทุ้มใสดังออกมาจากปากของมักเน่ทองคำอย่างจอนจองกุก ดวงตาคมที่ทอดมองเธอด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก
นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามองเธออย่างนี้
แต่ก็ไม่เคยมีสักครั้งที่เขาคนนี้จะทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยเวลาอยู่ใกล้..
“ฉันว่า ฉันขอตัวกลับดีกว่า”หลังจากที่ลิซ่าลักหลับหมี เธอก็แปะเจลลดไข้ให้หมีแล้ว เช็ดตัวให้แล้ว ก็คงไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วง
ถ้ามันจะมีก็น่าจะ..
รอยจูบที่เธอฝากรอยเอาไว้บนอกแกร่งนั่นสี่ห้ารอย
คิดแล้วก็อายชิบหาย
ถ้าเมเนเจอร์รู้ ด่าเละแน่ๆ
ลิซ่าสะพายกระเป๋าก่อนจะเดินออกจากห้องนอนของหมีแต่มันต้องผ่านจอน จองกุกเสียก่อน เธอชะงักนิดหน่อยแต่ก็ทำใจกล้าเดินสวนทางออกไป..
!!!
มือหนากระชากแขนเรียวบางของลิซ่าเข้าหาตัว จนร่างบางที่ไม่ทันตั้งตัว เซล้มเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของคนร่างสูง เล่นเอาเธอตกใจจนทำอะไรไม่ถูก และยิ่งช็อคเมื่อคนร่างสูงกอดเธอแน่นทั้งยังเอาคางมาเกยที่ไหล่ของเธอ
“ถ้าหาก..”เสียงทุ้มกระซิบเบาๆเล่นเอาเธอรู้สึกแปลกๆ
“…”
“ถ้าหากเราเจอกันเร็วกว่านี้ เธออาจรักฉันแทนจีมินฮยองก็ได้ลิซ”ทำไมเสียงดูอ่อนแรงและดูเสียใจแปลกๆแบบนี้ล่ะ
หมายความว่าไงกันแน่..
5ปีก่อน
วันนั้นฝนตก..
เสียงวุ่นวายผสมกับเสียงฝนตกจากภายนอกในช่วงที่ฝนตกหนักเช่นนี้ ทำให้จองจองกุก เด็กหนุ่มวัยสิบห้าที่เพิ่งสั่งเครื่องดื่มในคาเฟ่เล็กๆต้องยกหูฟังขึ้นมาเสียบก่อนฟุบหน้าลงกับโต๊ะทอดสายตามองถนนที่เงียบสงัด
หน้าตาหล่อเหลาที่ฉายแววตั้งแต่ยังเด็กทำเอาสาวน้อยวัยรุ่นทั้งหลายต้องมองด้วยความสนใจ แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่รับรู้สายตาคนรอบข้าง เอาแต่นั่งฟังเพลงอย่างเดียวจนไม่สนใจใคร
เขาชอบเสียงเพลง เสียงดนตรีและชอบร้องเพลง..
เพราะความที่เขามีเสน่ห์บางอย่างดึงดูดใครหลายๆคนทำให้แมวมองของค่ายเพลงเล็กๆที่ไม่ได้มีชื่อเสียงมากนักมาทาบทามให้เขาไปเป็นเด็กฝึก
ซึ่งเขาก็ยังไม่ได้ตอบตกลงที
มันก็น่าสนุกดี จนเมื่อเขาเอาเรื่องนี้ไปบอกคนในครอบครัว แต่คนในครอบครัวถามเขากลับ
มันทำให้เขาต้องกลับมาทบทวนความคิดอีกครั้งนึง..
ว่าจะยอมทิ้งความคาดหวังของพ่อแม่ที่อยากให้เขาเป็นหมอ
ยอมทิ้งชีวิตวัยรุ่นทั่วๆไป
ยอมทิ้งเวลาส่วนตัว
ยอมทิ้งทุกๆอย่างไว้ข้างหลัง
และยอมทิ้งอิสระของตัวเอง..
กรุ๊งกริ๊ง~ กรุ๊งกริ๊ง~
เสียงเปิดประตูของคาเฟ่ทำให้จองจองกุกลืมตาขึ้นมามอง ปรากฏร่างบางสูงแต่ก็เตี้ยกว่าเขานิดหน่อย ร่างบางผมสั้นสีน้ำตาลใส่ชุดยูนิฟอร์มของโรงเรียนนานาชาติชื่อดัง ก้าวเดินเข้ามาเพื่อหลบฝนที่เทกระหน่ำจากข้างนอก
“เอ่อ เอาโกโก้ร้อน”เสียงหวานที่พูดภาษาเกาหลีไม่ชัดจนเขาฟังแทบไม่ออก คนร่างบางทำท่าประกอบว่าเอาแก้วเดียว ก่อนจะยืนรอรับของที่สั่ง..
ผมเลือกที่จะไม่สนใจก่อนจะหลับตาลงฟังเพลงที่ของนักร้องที่ชอบต่อ
“ขอนั่งด้วยนะคะ”สาวต่างชาติคนเดิมพูดขึ้นข้างๆทำให้ผมลืมตามองก่อนถอดหูฟังข้างนึงออก
“อ่า ครับ”ผมพยักหน้าเบาๆ ก่อนเอากระเป๋าเป้ออกจากเก้าอี้ข้างๆ
ผมเพิ่งสังเกตว่าคาเฟ่ร้านนี้คนเต็มจนไม่มีที่นั่ง ขนาดผมที่นั่งแบบเดี่ยวยังเต็มเหลือแต่เก้าอี้ที่ผมวางกระเป๋าไว้
ร่างบางยิ้มอ่อนให้ผม ก่อนนั่งลงข้างๆผม ในมือถือโทรศัพท์กับแก้วโกโก้ร้อนของเจ้าตัว
“มาคนเดียวเหรอ”ผมเอ่ยถามขึ้นเพื่อไม่ให้บรรยากาศมันน่าอึดอัด
“อื้อ แล้วคุณละคะ”
“เอ่อ ไม่ต้องสุภาพมากขนาดนั้นก็ได้มั้ง เราน่าจะอายุเท่ากัน”
“ขอโทษที พอดีภาษาเกาหลีฉันยังไม่ค่อยแข็งแรง”ร่างบางเกาหัวตัวเองก่อนหัวเราะแห้งๆ ทำเอาผมระบายยิ้มอ่อน
“เป็นคนต่างชาติ แล้วทำไมถึงมาเรียนที่เกาหลีล่ะ”
“อ่อ ฉันมาเป็นเด็กฝึกน่ะค่ะ”
หืม เด็กฝึกงั้นเหรอ..
“แล้วทำไมถึงอยากเป็นไอดอลล่ะ”ผมขมวดคิ้วสงสัย
“ก็ไม่รู้สิ เพราะอยากเห็นทุกคนมีความสุข เห็นฉันแล้วยิ้มอะไรประมาณนี้ล่ะ..”
“…”เธอคือผู้หญิงโลกสวยงั้นเหรอ
ผมไม่ได้ไม่ชอบผู้หญิงโลกสวยนะครับ แต่แค่ในชีวิตจริงผมก็ไม่เคยเห็นใครจะโลกสวยจริงๆสักที ส่วนมากก็แค่เปลือกภายนอกดี แต่ภายในกลับเน่าเฟะ ผมก็เจอผู้หญิงมาเยอะแล้วเหมือนกัน
ว่าแต่.. ทำไมผมต้องรู้สึกผิดหวังกับคนตรงหน้าด้วย
“มันก็ไม่ใช่ฉันแล้วล่ะ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีขนาดนั้น ฉันก็แค่ผู้หญิงธรรมดาที่เห็นแก่ตัวคนนึง”เธอหัวเราะออกมาเบาๆ แต่ก็พูดต่อ
“ฉันอยากเป็นนักเต้นหรือไม่ก็ไอดอล ฉันแค่มีความสุขเวลาที่ฉันได้ทำในสิ่งที่ฉันรัก ถึงแม้ว่ามันจะพรากอิสระหรือความคาดหวังของครอบครัวที่อยากให้ฉันเป็นหมอ”เธอพูดจบก็ยกแก้วโกโก้ขึ้นดื่มก่อนจะหันมาสบตากับผมที่มองเธออยู่แล้ว
“เห็นแก่ตัวไหมล่ะ”เธอยิ้มเบาๆราวกับปลอบโยนตัวเอง สายตาของเธอแฝงความเศร้าไว้นิดๆ จนผมหัวใจกระตุก
ตึกตักๆ ตึกตักๆ
เธอทำผมใจเต้นกระหน่ำแบบที่ไม่เคยเป็นกับใครมาก่อน..
“อ่า ฉันคงต้องไปแล้ว พี่เลี้ยงฉันคงรออยู่”ร่างบางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูก่อนถือกระเป๋าเป้มาสะพายหลัง
“เดี๋ยว เธอชื่ออะไรเหรอ..”ผมคว้าข้อมือของเธอก่อนถามเธอ
“เอิ่ม คนที่ค่ายเรียกฉันว่าลลิซ ไปก่อนนะนาย”เธอทำท่านึกก่อนจะฉีกยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้ม ก่อนเดินออกไปจากร้านทันที
นั่นจึงเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมเห็นเธอ..
และเธอเป็นรักครั้งแรกของผมด้วย
ทั้งๆที่เราเจอกันแปบเดียวแต่เธอกลับเป็นแรงบันดาลใจให้ผมเลือกที่จะทำตามความฝันของตัวเอง
เพราะเธอ ผมเลยเลือกที่จะเข้าวงการ
เพราะผมคิดว่า ถ้าผมเจอเธออีกครั้งนึง
ผมจะทำให้เธอรักผมให้ได้..
แต่ตอนนี้มันคงสายเกินไปแล้ว..
กุกกี้อะยังไงก็อกหักอยู่ดีนันละอะน้องชอบคนที่อายุเยอะ
ก่วาอยู่ดีอะแต่นุกดีอะตามต่ออะ
ว่าแต่ลิสกับหมีแกสองคนยังไม่เป็นแฟนกันอีกหรอ
โห เสน่ห์แรงจริงๆนะลลิซ 55
ยังไงก็เชียร์หมีเหมือนเดิม
(มีความมโนไปโลกที่๘)
ไรท์เลยเลี้ยงกระต่ายตัวนี้ไม่ได้..
มีใครสนใจไหมเอ่ย รักนะ
#Lismin