CHAPTER 3
อันตรายใกล้เข้ามา
หนึ่งสัปดาห์กับความอึดอัดใจหลังจากเรื่องที่เกิดขึ้น เจคอบไม่ได้รู้สึกแย่หากเป็นทายาทสลิธีริน เขารู้สึกเป็นเกียรติที่อย่างน้อยซัลลาซาร์ สลิธีรินก็เลือกเขาให้เป็นหนึ่งในทายาท เพียงแต่ข้อยกเว้นที่จะต้องสังเวยชีวิตอีกหนึ่งชีวิตมันทำให้เจคอบรู้สึกไม่ดี
เจคอบเลือกที่จะหลบหน้าเจเนวีฟแทนการเผชิญหน้า มันอาจจะดูขี้ขลาดไปสักนิดกับสิ่งที่เขาทำอยู่ แต่เชื่อเถอะ ทุกครั้งที่เขามองหน้าเจเนวีฟภาพจากบ็อกการ์ตก็ฉายซ้ำไปซ้ำมาจนเขาเริ่มกลัวตัวเอง
แพลนต่างๆถูกพับเก็บไว้ที่เดิม นั่นรวมไปถึงการเข้าไปเสนอหน้ากับจิมมี่ ซัลลีแวนเขารู้สึกว่าตัวเองอันตรายเกินไป เจ้าเด็กนั่นดูซื่อๆไม่ทันคน เขากลัวว่าวันนึงอาจจะพลั้งมือทำร้ายได้หรือเจ้าเด็กนั่นอาจจะมาล่วงรู้ความลับของเขา
จะว่าไป พักนี้ใครๆต่างก็พูดกันว่าเจเนวีฟกำลังตามจีบเด็กเนิร์ดบ้านเรเวนคลอ ซึ่งก็นั่นแหละหมอนั่นคือจิมมี่ ตกใจอยู่ไม่น้อยพอรู้แบบนั้นแต่พอรู้จุดประสงค์(ฮันเตอร์ไปถามมา)เขาก็ไม่ได้คาดหวังอะไร บางทีเจเนวีฟที่อยากอยู่บ้านเรเวนคลอจนตัวสั่นแค่อยากหาเพื่อนจะผิดตรงที่ว่าดันไปตีสนิทกับพวกซัลลีแวน
“คิดจะขังตัวเองอยู่หอไปตลอดเลยรึไง”ฮันเตอร์เดินเข้ามาพร้อมกับถาดอาหารที่ไปขอแยกจากแม่ครัวมา เจคอบละสายตาออกจากหน้าต่าง กรอบแว่นสีเงินถูกถอดออกพร้อมกับมือหนาที่ยื่นออกไปรับถาดอาหารจากฮันเตอร์
“ไม่รู้สิ บางทีการที่ฉันเอาแต่อยู่ในนี้มันก็ทำให้สบายใจ”อย่างน้อยก็ไม่ต้องได้ยินใครต่อใครพูดเรื่องทายาทให้เขาได้ยิน
“อันที่จริงฉันก็ไม่อยากให้นายตีโพยตีพายว่านั่นคือเรื่องจริง”ฮันเตอร์เอนตัวลงบนที่นอนก่อนจะพรูลมหายออกมาด้วยความเหนื่อย “เจเนวีฟรู้สึกแย่ที่พี่ชายทำเหมือนเธอไม่มีตัวตน”
“…”
“นี่มันก็หนึ่งสัปดาห์แล้วนะ นายไม่เห็นจะชั่วร้ายหรือไปปล่อยบาซิลิสออกมานี่”
“…”
เจคอบไม่ได้พูดอะไรออกมา มันก็จริงที่เขาในตอนนี้ไม่เห็นจะทำอะไรนอกเสียจากนอนแห้งๆอยู่ในหอพอถึงคาบเรียนถึงได้ลุกออกไปเรียน ชีวิตประจำวันก็ยังเหมือนเดิมเพียงแค่ไม่ได้แกล้งใครก็เท่านั้น
“นายอาจจะคือทายาทสลิธีรินจริงๆก็ได้ แต่เชื่อฉันอย่าให้มันควบคุมนาย แต่ต้องเป็นนาย เจคอบ นายจะต้องควบคุมมันว่าเรื่องราวทุกอย่างจะไปในทางไหน”
♥
“อาเธอร์!”
คนตัวผอมหันกลับไปให้ความสนใจกับเสียงเรียกที่คุ้นเคย อาเธอร์กลั้วหัวเราะพอเห็นว่าอีกฝ่ายเอามือปิดปากเพราะเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอส่งเสียงดังในห้องสมุด
แดเนียลเดินเกาท้ายทอยมาอย่างขลาดอาย มืออีกข้างก็หอบหิ้วหนังสือติดมาอีกสองสามเล่มที่คาดว่าน่าจะเอามาคืน ก่อนหน้านี้มันถือเป็นเรื่องแปลกตามากทีเดียวที่เห็นคนเอาแต่เล่นอย่างแดเนียลหันมาอ่านหนังสือ เขาส่ายหน้าอย่างเอือมระอาพอเห็นว่าแดเนียลเอาแต่หัวเราะจนไม่มองทางและชนคนอื่นจนได้
“นี่ เป็นบ้าอะไร”
“ความผิดนายอาเธอร์ ฉันเผลอส่งเสียงดังเพราะเห็นนาย”แดเนียลชี้หน้าเขาอย่างคาดโทษ
“แล้วจะให้ฉันทำยังไงเล่า! ไม่รู้ด้วยซ้ำว่านายจะมา ถ้ารู้ล่ะก็ไม่อยู่หรอก”
“ล้อเล่นน่ะอาเธอร์ อย่าโกรธฉันเลย”แดเนียลอ้อนวอนเขาด้วยสายตาอีกแล้ว
“แล้วอันนี้นายจะเอามาคืนหรอ”มือเรียวชี้ไปยังหนังสือที่เจ้าตัวเอามาก่อนจะได้รับคำตอบเป็นการส่ายหน้า
“ฉันยืม”
“อีกแล้วหรอ ให้ตายเถอะแดเนียลช่วงนี้นายเป็นอะไรกัน”เพื่อนบ้านฮัพเฟิลพัฟขมวดคิ้ว เดี๋ยวนี้แดเนียลทำตัวแปลก ตั้งแต่เริ่มหาหนังสือไปอ่านที่ไม่ได้เกี่ยวกับเรียนในเทอมนี้เลยด้วยซ้ำไหนจะดูสนอกสนใจเรื่องราวบ้านตรงข้ามนั่นอีก
“ฉันกำลังศึกษาเรื่องภาษาพาร์เซล มันน่าสนใจเพราะว่าน้อยคนนักที่จะพูดมันได้ ว่าไหม”
“นายรู้ใช่ไหมว่าภาษาพาร์เซล”
“ซัลลาซาร์ สลิธีรินพูดได้ ฉันรู้น่ะ”แดเนียลไหวไหล่
“นายดูสนอกสนใจบ้านสลิธีริ—”
“ไปล่ะอาเธอร์ แล้วเจอกัน!”อาเธอร์ค้างอยู่ท่านั้นก่อนจะพยักหน้ารับ ไม่นานแดเนียลก็เดินหายไปจากห้องสมุดแล้ว
♥
“ศาสตราจารย์พีโอนี ขอโทษครับที่ผมมาช้า”จิมมี่ยิ้มแห้งก่อนจะเดินเข้ามายังโต๊ะเรียนแล้วเปิดหนังสือไปตามหน้าที่เธอสั่ง เดวิดไม่ได้พูดอะไรเพราะรู้อยู่แล้วว่าเหตุผลที่จิมมี่มาช้าเป็นเพราะอะไร
วิชาพยากรณ์ศาสตร์เบื้องต้นทำให้เขาเบื่อหน่าย มันเป็นเรื่องที่งมงายที่สุดในโลกของเวทมนต์แต่ก็ยังต้องเรียนซึ่งก็หมายความว่าจิมมี่ทิ้งไม่ได้แม้ว่าจะไม่ชอบวิชานี้เลยก็ตาม
“ทุกคนจะมีถ้วยชาเป็นของตัวเองอยู่ข้างหน้า เห็นกันไหม”แน่นอน ใครบ้างจะไม่เห็นล่ะ “สลับกับคู่ตรงข้ามของพวกเธอ เร็วๆสิ”
เดินกวักมือไปมาซึ่งนักเรียนทุกคนก็ยอมแลกแต่โดยดี จิมมี่แลกกับเดวิดก่อนจะมองดูภายในแก้วน้ำชามันเป็นรูปที่เขามองไม่ค่อยออกเสียทีเดียว ไม่แน่ใจนักว่ามันคืออะไรกันแน่
“ศาสตราจารย์พีโอนี ผมมองรูปนี้ไม่ออกครับ มันดูเหมือนหมาป่าหรือบางทีอาจจะเป็นหมาสีดำเฉยๆ”เดวิดยกมือขึ้นถาม แก้วน้ำชาของเขาที่อยู่กับเดวิดคล้ายๆกับสุนัข
เธอรีบกรูเข้ามาหาก่อนจะยิ้มให้เดวิด น่ากลัว เพิ่งรู้ว่าศาสตราจารย์พีโอนียิ้มได้น่ากลัวขนาดนี้ เธอดูเหมือนคนสติฟั่นเฟืองแต่ก็ไม่เสียทีเดียว
“อา ของคุณซัลลีแวน ขอดูหน่อย”เธอยื่นมือมารับ แต่ยังไม่ทันได้มองดีๆเธอก็โยนแก้วกลับมาหาเขาด้วยท่าทางตื่นกลัว เธอหอบหายใจเข้าออกก่อนจะหันหน้ามามองด้วยสายตาที่หวาดหวั่น เขาไม่มั่นใจว่าเธอกำลังแสดงหรือว่ากลัวจริงๆกันแน่ เธอพยายามพูดให้สิ่งที่เธอเห็นด้วยความยากลำบากศาสตราจารย์พีโอนีดูกลัวสิ่งที่เห็น นั่นทำให้จิมมี่ขมวดคิ้ว
“ค..คุณซัลลีแวน ตายจริงๆ คุณ คุณได้รูปกริม”ศาสตราจารย์พีโอนีตัวสั่นเทา เธอไม่อธิบายให้เขาฟังแต่เลือกที่จะเดินหนีไปหาเด็กคนอื่นจนเขารู้สึกรำคาญในใจ อันที่จริงจิมมี่เกลียดเวลาที่ตัวเองรู้สึกแบบนี้
ไม่นานนักคลาสพยากรณ์ศาสตร์ก็ต้องจบลงเมื่อในเวลานี้เกิดพายุเข้า ศาสตราจารย์ใหญ่จึงมีคำสั่งให้หยุดการเรียนการสอนแล้วให้นักเรียนทุกคนกลับเข้าบ้านพักของตนเองโดยอยู่ในความดูแลของพรีเฟ็คแต่ละบ้าน
จิมมี่กลับเข้ามาให้หอพักพร้อมกับเดวิดที่ดูจะอารมณ์ไม่ดีอยู่หน่อยเพราะเขายังไม่ได้เข้าเรียนวิชาการบินเลย เดวิดดูคาดหวังมากแต่ก็ล่มไม่เป็นท่าเพราะพายุ อันที่จริงเดวิดอารมฌ์ไม่ดีตั้งแต่วิชาพยากรณ์ศาสตร์แล้ว
“ยัยบ้านั่นเป็นอะไรถึงได้โยนแก้วใส่นายแบบนั้น”เดวิดที่ดูจะโมโหหลังจากที่เห็นว่าเธอโยนแก้วใส่จิมมี่แม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจและจิมมี่รับทัน
“รูปที่ฉันได้มันอันตรายมาก”
“รูปกริม?”
“ใช่ เมื่อกี้ตอนที่นายไปเข้าห้องน้ำ นิควิ่งหน้าตั้งมาบอกฉันว่ากำลังตกอยู่ในอันตราย” เดวิดขมวดคิ้วก่อนจะลุกขึ้นนั่งแล้วท้าวแขนมองคนพูด
“หมายความว่ายังไง?”
“กริมคือหมาสีดำตัวใหญ่ คือลางร้ายที่สุดในโลกเวทมนต์ซึ่งนั่นอาจะหมายถึงความทุกข์ทรมานและความตาย”จิมมี่ก้มหน้าลง เขารู้ว่ามันหมายถึงอะไร ความตายที่ตัวเองจะได้พบ
มีใครรู้ความจริงแล้วอย่างนั้นหรือว่าตัวเองเป็นทายาทสลิธีริน เจคอบ คาทินอสอย่างที่เขาว่ากันจริงๆใช่หรือเปล่า และเขากำลังตามหาสิ่งที่ตัวเองต้องการใช่ไหม
จิมมี่ลูบคอตนเอง เขานึกถึงสิ่งที่พ่อและแม่บอกให้เขาปิดมันมาตลอดแม้เข้าจะไม่เข้าใจว่าทำไมกันถึงต้องปิดมันเอาไว้ทั้งๆที่มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร แต่เขาก็เพิ่งรู้เหตุผลเมื่อไม่นานมานี้ว่าทำไมกันเขาถึงต้องปิดมัน
และใช่
จิมมี่มีปานรูปมงกุฎอยู่ที่หลังหูข้างซ้าย
และความจริงอีกข้อที่เพิ่งรู้
เขาจะถูกฆ่าโดยทายาทสลิธีริน
50%
เป็นอีกวันที่พายีเข้าและการเรียนการสอนถูกยกเลิก หนังสือบนตักไม่สามารถดึงความสนใจของจิมมี่ได้เขาเอาแต่นึกถึงแดเนียลที่หอสมุดก่อนหน้านี้ เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นแดเนียลสนิทกับคนอื่น รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าดูจริงใจต่างจากตอนที่ยิ้มให้เขา
แม้จะใช้นามสกุลเดียวกัน พ่อเดียวกันแต่เอาเป็นว่าตอนนี้เขาทั้งสองคนทำเหมือนไม่รู้จักกันเลยสักนิด เดินผ่านกันก็ไม่แม้แต่จะมองหน้า
“เฮ้ มองอะไรนักหนา”เดวิดโบกมือเรียกสติเขาไปมาพอเห็นว่าหนังสือว่าด้วยการปรุงยาที่จิมมี่โปรดปรานนักถูกเปิดค้างไว้และอีกฝ่ายไม่สนใจ
“เปล่า ฉัน เอ่อ คิดอะไรนิดหน่อย”
“เรื่องอะไร อย่าบอกนะว่าเรื่องลางร้ายนั่นน่ะ”จิมมี่พยักขอไปทีก่อนจะเม้มปากแน่น พอนึกถึงเมื่อวานในคาบพยากรณ์แล้วก็ได้แต่หวาดหวั่น
ถึงอย่างไรก็ตาม เขารู้ว่าตัวเองไม่ปลอดภัยและใช่ ปานนั่นถูกปิดไว้ ไม่มีใครมองเห็นซึ่งนั่นคือสิ่งที่แม่เป็นคนทำ ในทีแรกก็นึกสงสัยว่าเพราะอะไรถึงต้องปกปิดถึงขนาดนี้ด้วย ตั้งแต่การให้เขาอยู่แต่ในบ้าน ไม่จำเป็นอย่าออกไปจากบ้านหรือแม้กระทั่งไม่อยากให้เขามาเรียนในฮอกวอตส์ ทุกอย่างมีเหตุผล
เพราะเขาเป็นเป้าหมายสำคัญของทายาทสลิธีริน
ให้ตายพอนึกย้อนไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ววันที่เจคอบเข้ามาหาเขา ในทีแรกหมอนั่นก็ทำเหมือนคนขี้แกล้งตามประสาตระกูลที่ไม่ค่อยญาติดีกันแต่พอนึกถึงสายตาของเจคอบอีก มันดูจะสมเหตุสมผลไปเสียหมดว่าข่าวลือของเจคอบจะเป็นเรื่องจริง
หมอนั่นอาจจะกำลังวางแผนฆ่าเขาอยู่ก็ได้ไม่ว่ายังไงก็ตาม ไหนจะเจเนวีฟถึงแม้ตอนนี้จะเป็นเพื่อนกันแล้วเขาก็ยังอดสงสัยไม่ได้อยู่ดี หรือว่านี่จะเป็นแผนของพวกคาทินอส พวกเขาส่งตัวเจเนวีฟมาเพื่อหลอกให้เขาตายใจแล้วก็ฆ่าเขาอย่างนั้นใช่ไหม
ทางเดียวที่จะรู้ได้คือต้องไปแอบสืบดู แต่จะทำยังไงนี่เป็นอีกเรื่องที่เขากังวลใจ เรื่องน้ำยาสรรพรสตัดไปได้เลยเพราะมันไม่ยืนยาว หากเขาเสียแผนเพราะกลับมาเป็นจิมมี่ ซัลลีแวนจะต้องตายแน่ๆ
‘เขาเป็นแอนิเมจัสจริงๆหรอคะคุณ’
‘อืม ลูกของเราเป็นแอนิเมจัส เชื่อผมว่าเขาจะปลอดภัย’
เสียงของพ่อยังคงดังอยู่ในหูในยามที่เขาต้องการความช่วยเหลือเสมอ แอนิเมจัสเป็นสิ่งที่ติดตัวเขามาเสียตั้งแต่เกิด อันที่จริงเขาก็เพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้ตอนถูกพาไปขึ้นทะเบียนอย่างถูกกฏหมาย พ่อสั่งเขาเสมอว่าอย่าแปลงร่างสุ่มสี่สุ่มห้า แต่หากมีอันตรายให้รีบแปลงร่างทันที
ซึ่งในเวลานี้แม้จะไม่คับขันแต่ก็ถือว่าอันตรายในระดับนึงเพราะไม่ดีแน่ถ้าหากเขาเดินไปสืบที่หอสลิธีริน อาจจะถูกจับฆ่าโดยใครสักคนในนั้นแม้ว่าจะไม่ใช่เจคอบ
“เดวิด”
“ว่าไง”
“ฉันขอออกไปข้างนอกแปปนึงนะ”
“นายจะไปไหน พายุเข้าแบบนี้อีกอย่างศาสตราจารย์เดลตัลสั่งให้ทุกคนอยู่ในหอ”เดวิดท้วงขึ้นมา ซึ่งมันไม่ดีแน่ถ้าหากเดวิดจะรู้ว่าจะไปหอพักสลิธีริน
“เดวิด ฟังนะฉันเป็นแอนิเมจัส”
“หา!!”
“ชู่ว เบาหน่อยสิ”เดวิดเบิกตากว้างก่อนจะเอามือปิดปากตนเมื่อเผลอส่งเสียงดัง
“ได้ไงกัน! นายเป็น..เป็นแอนิเมจัสจริงๆหรอ”จิมมี่พยักหน้า “เหลือเชื่อเลย ทำไมกันซัลลีแวนถึงชอบทำให้ฉันประหลาดใจ”
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน เอาเป็นว่าตอนนี้ฉันมีความจำเป็นที่จะต้องไปจริงๆ”เดวิดถอนหายใจ ดูก็รู้ว่าเจ้าตัวไม่อยากให้เขาออกไป
“นายรู้ใช่ไหม เรื่องลางร้ายน่ะมันถึงตายเลยนะ ถึงฉันไม่ค่อยจะเชื่อแต่ก็กันไว้ดีกว่าแก้นะ นายยังจะกล้าออกไปอีกหรอ”
“ก็ถ้าฉันไม่อยากตาย ฉันก็ต้องไป”
♥
เมี๊ยว
ให้ตาย พ่อไม่เคยบอกว่าร่างแอนิเมจัสของเขาคือแมวสีเทาลายทางสีดำ มันน่ารักดีแต่ไม่เหมาะกับเขาเอาเสียเลย ก็นึกว่าจะเป็นพวกนกหรือแมลงจากที่เคยอ่านมา ไม่เตรียมใจกับการเป็นแมวเลยจริงๆ
แถมในหนังสือว่าด้วยการแปลงร่างยังบอกอีกว่าหากแปลงร่างบ่อยๆเราจะเริ่มติดนิสัยของสัตว์นั้น เขาจะ…ขี้อ้อนเหมือนแมวรึเปล่า ฮือ แปลงร่างกลับดีไหมTT
จิมมี่เลือกที่เดินตามพรีฟ็คเรเวนคลอ หมอนั่นเห็นเขาก่อนจะยืนมองอยู่สักพักแล้วอุ้มจิมมี่ในร่างแมวขึ้นมา เคราเมอร์ลิน!ปล่อยตัวเขาที
“ซาร่า! นี่แมวของเธอรึเปล่า” พรีเฟ็คเรเวนคลอยื่นตัวแมวไปหาหญิงสาวหนึ่งเดียวในบ้านที่เลี้ยงแมวก่อนที่เธอจะส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ “ของใครกันล่ะ นอกจากเธอก็ไม่มีใครเอามาเลี้ยงแล้วนะ”
“มันเผลอเดินตามใครสักคนมารึเปล่าเคน”
“ไม่แน่ใจ”
จิมมี่รู้สึกมืดแปดด้าน เขาไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดีนี่มันคือครั้งแรกที่เขาแปลงร่างแถมยังถูกอุ้มขึ้นมาแบบนี้อีก จะทำยังไงให้ได้ออกไปดีจะข่วนหรือกัดมีหวังโดนสาปแน่
แฮ่!
แมวสีเทาลายทางแยกเขี้ยวเป็นเชิงขู่ให้พรีเฟ็คปล่อยตัวเขาลงซึ่งมันได้ผลเพราะเขาถูกวางลงไว้ที่พื้นเรียบร้อยแล้ว เคนคงจะกลัวโดนกัด
“เปิดประตูให้มันออกไปเถอะเคน”
.
.
จิมมี่ออกจากหอเรเวนคลอมาได้อย่างหวุดหวิดต้องขอบคุณซาร่าที่เสนอทางให้ ลมพายุด้านนอกแรงพอสมควร ดีที่ศาสตราจารย์ใหญ่อย่างศาสตราจารย์เดลตัลยกเลิกการเรียนการสอนสำหรับวันนี้ไม่งั้นการเดินไปเรียนในที่ต่างคงจะลำบากพอควร
ถ้าจำไม่ผิดหอพักสลิธีรินอยู่ทางด้านล่างที่เป็นคุกใต้ดิน กลายเป็นเรื่องที่ยากอีกแล้วเมื่อตอนนี้เกิดคำถามเต็มไปหมด เขาจะเข้าหอพักสลิธีรินได้อย่างไร รหัสผ่านก็ไม่รู้ไหนจะไม่มีนักเรียนอยู่ด้านนอกอีกนอกจากพรีเฟ็คที่ตอนนี้อาจจะอยู่ในหอเหมือนพรีเฟ็คเรเวนคลอ
การเดินสี่เท้าเหมือนสัตว์ทำให้รู้สึกไม่ชินเอาเสียเลย จิมมี่มองตัวเองผ่านกระจกเงาที่เดินผ่านก็นึกขำตัวเองอยู่หน่อย เป็นแมวเนี่ยนะ จิมมี่ ซัลลีแวนที่เป็นแอนิเมจัสแปลงร่างเป็นแมว
ใช้เวลานานพอสมควรในการเดินมาที่หอพักสลิธีริน เจาแอบเห็นบารอนเลือดลอยไปมาอยู่หน้าประตู ให้เดาก็น่าจะกำลังเฝ้าแต่การกระทำบารอนเลือดตอนนี้ดูลุกลี้ลุกลน เหมือนกลัวอะไรสักอย่าง
จิมมี่แอบอยู่ในที่อับแล้วใช้เวลาคิดเรื่องที่จะแอบเข้าไป เขาภาวนาให้พรีเฟ็คเดินออกมาตรวจตราอีกสักรอบ และก็เป็นอย่างนั้น ประตูบ้านสลิธีรินถูกเปิดออกโดยผู้หญิงผมดำดัดเป็นลอนพร้อมกับเข็มพรีเฟ็คที่ติดอยู่ตรงหน้าอก
“คุณเป็นอะไร บารอนเลือด?ทำไมไม่เข้ามา”
“ฉัน ฉันเข้าหอพักไม่ได้”บารอนเลือดพูดเสียงสั่น จิมมี่ไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่นัก เขารีบวิ่งเข้าไปในหอพักให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยต้องไม่ให้พรีเฟ็คที่กำลังยืนคุยกับบารอนเลือดสังเกตุเห็น
เมี๊ยว!
(สำเร็จ!)
♥
*****ทุกคนอาจจะงงว่าทำไมจิมมี่ถึงเป็นแอนิเมจัสทั้งที่การเป็นมันต้องใช้เวลาเล่าเรียนหรือฝึกฝนอย่างมาก ซึ่งก็นั่นแหละค่ะ อะไรๆก็เกิดได้ในฟิคของเรา เพราะฉะนั้นการเป็นแอนิเมจัสจึงถือว่าเป็นความสามารถพิเศษค่า
วันคอนเราจะนำโปสการ์ดคุณเจคอบและน้องจิมมี่ไปแจกนะคะ เดี๋ยวตัวอย่างจะต้องรอคนวาดวาดเสร็จแล้วเราจะเอามาให้ดูค่ะ อย่าลืมมารับกันนะ!
กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญมากเลยค่ะ พอเราได้อ่านคอมเม้นของทุกคนแล้วมีความสุขมากๆไม่ท้อที่จะเขียนออกมาเลย ยังไงก็ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ♥
เอ็นดูววว เจ้าแมวน้อยยย
เอาจิงนี่ยังติดใจอยุ่ว่าเจคอบเป็นทายาสจริงหรอ......แดเนียลก้แอบน่าสงสัย มโนหนักมากพูดเลย
โอ้ยยยยน่ารักมากกแอนิเมจัสแมว ต้องขี้อ้อนมากแน่ๆอะ แต่จะโดนฆ่ามั้ยเนี้ยย
แปลงร่างเป็นแมวแล้วจะติดนิสัยแมว อ๊ายยยย ยัยน้องน่ารักจัง
สมกับเป็นยัยน้อง รอวันที่น้องจะติดนิสัยแมวนะ วันนั้นคงแบบฟินตายยยยย อุแงงงงงง
ปล. ถึงเราจะเข้าคอนไม่ได้แต่เราจะไปเอาโปสการ์ดนะคะ 555555555555555555555555
โอ้ยยยงือ ตอนน้องอูจินเอ้ยจิมมี่แปลงร่างคือน่ารัก เมี๊ยวๆ น้องแมว555555555 รอโปสของคุณไรท์เลยนะคะ เราจะไม่พลาด รออ่านเสมอ ชอบมากกกกกกกกก