CHAPTER 9
ความจริง
ห้องน้ำพรีเฟคชั้นห้าคือที่ที่อาเธอร์เลือกจะมาเพราะเจสันบอกว่าเห็นแดเนียลเดินขึ้นไปซึ่งมันเป็นแบบนั้นจริงๆ เขาเห็นแดเนียลนั่งแช่ขาอยู่ตรงนั้น เสื้อยืดสเวทเตอร์สีน้ำตาลเข้มถูกถอดวางไว้ข้างนอกเหลือเพียงเสื้อยืดสีขาว และดูเหมือนแดเนียลเองจะรู้สึกว่ามีคนเข้ามาถึงได้เอียวหน้าหันมามอง
“อาเธอร์”
“ให้ตายเถอะแดเนียล ทำไมนายเป็นแบบนี้”อาเธอร์รีบเดินเข้าไปทิ้งตัวลงข้างๆ มือหนาโอบใบหน้าของคนเป็นเพื่อนขึ้นมา สภาพแดเนียลตอนนี้เหมือนคนที่เพิ่งร้องไห้? ใช่ แบบนั้นเลย
แดเนียลไม่ได้พูดอะไรต่อ อีกฝ่ายสวมกอดเขาแน่นอิงศีรษะลงบนไหล่และปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง พอเป็นแบบนี้แล้วอาเธอร์ก็พอจะเดาออกแต่เขาก็พยายามเตือนสติตัวเอง บางทีแดเนียลอาจจะโดนสาวสักคนบอกเลิก
“ใครหักอกนายกันแดเนียล ร้องไห้เป็นเด็กไปได้”อาเธอร์กลั้วหัวเราะพลางลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ เวลานี้คนเป็นเพื่อนอย่างเขาคงทำได้แค่ปลอบใจ ทำให้รู้ว่ายังไงซะก็ยังมีเขาที่คอยอยู่ข้างๆและไม่ทิ้งไปไหน
“…ไม่มี”
“นี่อย่ามาโกหกหน่อยเลย ไม่งั้นไม่มาร้องไห้ใส่ฉันแบบนี้หรอกน่า”
“ไม่มีจริงๆ”แดเนียลกอดอาเธอร์แน่นจนเขาแทบจะหายใจไม่ออก แม้จะพยายามดันออกแต่ทว่าอีกฝ่ายก็ยิ่งกอดแน่นขึ้น
“ไม่สบายใจอะไรก็บอกฉัน เราไม่ได้เป็นเพื่อนสนิทที่สุดกันแล้วหรือไง”อีกฝ่ายผละตัวออก ให้ตายเถอะ จะมีใครเห็นแดเนียล ซัลลีแวนร้องไห้แบบเขาบ้างไหม ตอนนี้ไม่ต่างจากลูกหมาเลย
“ฉันทำมัน”
“…”
“ฉันคุมตัวเองไม่ได้จริงๆอาเธอร์ รู้ตัวอีกทีไอประตูบ้านั่นมันก็เปิด”แดเนียลพูดเสียงสั่น ก้มหน้าพูดอย่างคนหวาดกลัวมากกว่าคนที่จะมีความกล้าหาญ ในการเปิดห้องแห่งความลับ
อาเธอร์ไม่พูดอะไรต่อเพียงแต่ลูบหลังอีกฝ่ายอย่างปลอบโยน เวลานี้เขาไม่ควรที่จะถามอะไรให้มาก ดูแล้วเจ้าตัวไม่น่าอยากจะเล่านักหรอก –แดเนียลเปิดห้องแห่งความลับ ปล่อยบาซิลิสก์ออกมาคร่าชีวิตนักเรียนเลือดบริสุทธิ์ไปหนึ่งคนและไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเหยื่อรายต่อไปจะเป็นใคร
เขารู้ว่าสิ่งที่แดเนียลทำมันผิด เขาควรเอาเรื่องนี้ไปบอกอาจารย์สักคนแม้แดเนียลจะเป็นเพื่อนเขาก็ตาม อันที่จริงอาเธอร์แค่ยังไม่มั่นใจต่างหาก ถึงเจ้าตัวจะบอกว่าตัวเองเป็นคนทำแต่กลับเป็นน้ำเสียงที่ดูตื่นกลัวแถมยังมานั่งร้องไห้เสียใจแบบนี้อีก เขารู้จักแดเนียล ซัลลีแวนดี หมอนี่ไม่มีทางทำแบบนี้ถ้าไม่กลัวมากจริงๆ
“ไม่เป็นไรนะ ฉันอยู่ข้างๆนาย”
“ถ้าสิ่งที่ฉันทำมันส่งผลร้ายแรงกับนาย ถ้ามันฆ่านาย”แดเนียลสวมกอดอาเธอร์อีกครั้ง “ถ้าเกิดอะไรขึ้น ฉันคงโทษตัวเองไปตลอดชีวิต”
“ไม่มีอะไรทั้งแดเนียล มันจะไม่เกิดอะไรแบบนั้น”
“ฉันอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้แต่กลับรู้ว่าตัวเองทำ”
“….”
“ความคิดฉันตีกันไปหมด ว่าสุดท้ายแล้วฉันเปิดจริงๆรึเปล่า เปิดเพราะอะไรกันแน่นายก็รู้ใช่ไหมว่าจุดประสงค์จองห้องนั้นคือฆ่าล้างพวกที่ไม่ใช่เลือดบริสุทธิ์”
“….”
“ในเมื่อฉันเป็นคนทำแล้วทำไมถึงเกิดคำถามแบบนี้ขึ้นมาได้ ฉันไม่เข้าใจเลยอาเธอร์ ฉันรู้ว่าถ้าเปิดแล้วจะเกิดอะไรขึ้นฉันก็ยังทำ”
“….”
“เหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ตัวฉัน”
ประหลาด ทุกอย่างประหลาดไปเสียหมดตั้งแต่วันที่แดเนียลคิดว่าตัวเองเป็นทายาทสลิธีริน ในเมื่อตัวเองอยู่กริฟฟินดอร์ อยู่ในตระกูลที่ไม่มีคนไหนอยู่บ้านหลังอื่น(ยกเว้นจิมมี่น่ะนะ)ไม่มีทางที่ซัลลาซาร์จะเลือกแดเนียล ถ้าเป็นเด็กสลิธีรินสักคนจะดูน่าเขื่อกว่าอีก
“เรื่องเกิดขึ้นตอนแข่งควิดดิช นายว่าแข่งรอบหน้าจะมีอีกไหม รอบที่นายแข่ง”
“บาซิลิสก์ถูกปล่อยมาแล้ว ต่อให้มันฆ่าคนเพิ่มอีกคนเปิดห้องแห่งความลับก็ยังเป็นฉัน มันพิสูจน์ไม่ได้เข้าใจไหมอาเธอร์”
“นายคุมมันได้แดเนียล ถ้านายเป็นทายาทที่แท้จริงนายก็สั่งให้มันกลับเข้าไปยังที่ของตัวเองได้”
“….”
“แต่เรายังไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหนจริงไหม? เวลานี้นายไม่ควรมานั่งเศร้านายควรรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ”
“….”
“ตามหาบาซิลิสก์แล้วจบเรื่องนี้กันเถอะแดเนียล”
♥
เข้าวันที่สามแล้วหลังจากเกิดเรื่องใหญ่ในฮอกวอตส์ พ่อแม่ของนักเรียนในโรงเรียนหลายคนต้องการให้ลูกกลับบ้านหลังจากทราบเรื่องร้ายแรงที่มีเด็กนักเรียนเสียชีวิต ยังไม่มีใครทราบสาเหตุที่แน่ชัดแต่เด็กนักเรียนทุกคนต่างเชื่อว่านี่คือฝีมือของสัตว์โบราณดุร้ายในห้องแห่งความลับอย่างบาซิลิสก์
อย่างไรก็ตามแต่ชื่อของเจคอบ คาทินอสถูกพูดถึงอยู่ตลอด ข่าวลือการเข้าศาสตร์มืดของเจ้าตัวหนักขึ้นเรื่อยๆ หลายต่อหลายคนเชื่อว่าก่อนแข่งควิดดิชเจคอบอาจจะไปเปิดห้องแห่งความลับเอาไว้ไหนจะผมสีบลอนด์ที่นะหว่างนั้นกลายเป็นสีแดง
ควิดดิชฤดูกาลนี้ถูกยกเลิก กิจกรรมทุกอย่างถูกยกเลิกทั้งหมดเด็กนักเรียนทุกคนต้องเข้าเรียนให้ตรงเวลา ศาสตราจารย์ต้องเป็นคนเดินนำพานักเรียนไปส่งให้อาจารย์อีกคลาสนึงเพื่อความปลอดภัย และห้ามนักเรียนออกมาเดินเล่นยามวิกาล
จนถึงตอนนี้ศาสตราจารย์ทุกคนเป็นกังวล พวกเขาไม่ได้เชื่อร้อยเปอร์เซนว่าห้องแห่งความลับถูกเปิด ไม่มีใครเคยเห็นห้องนั้นแม้จะตรวจสอบอยู่หลายครั้ง พวกเขายังเชื่อว่ามันเป็นแค่เพียงตำนาน แม้เหตุการณ์นี้จะหาสาเหตุไม่ได้ก็ตาม
เจคอบได้รับจดหมายจากไรอัน คาทินอสผู้เป็นพ่อ เขารู้ว่าเจคอบกำลังสงสัยซัลลีแวนแต่ทว่าหลังจากการจับตาดูของไรอัน ซัลลีแวนกลับไม่มีความผิดปกติมิหนำซ้ำยังเป็นห่วงลูกจนอยากจะให้กลับมาอยู่ที่บ้าน ไรอันทิ้งท้ายไว้เพียงว่าให้อีกฝ่ายดูแลตัวเองให้ดี ดูแลเจเนวีฟด้วย พ่อเชื่อใจว่าเจคอบจะผ่านเรื่องนี้ไปได้
ผมสีแดงของเจคอบถูกเปลี่ยนเป็นสีบลอนด์เพราะคำขอโทษที่เขาให้จิมมี่เมื่อไม่กี่วันก่อน รู้สึกผิดมากเลยล่ะ เขาไม่คิดว่าจิมมี่จะคิดมากขนาดนี้เพราะกับแดเนียลแล้วต่างคนต่างก็มีคำพูดทิ่มแทงจิตใจใส่กันตลอดมา
นึกถึงแดเนียล หมอนั่นดูปกติจนเขาไม่เข้าใจ ยอมรับว่าสงสัยตั้งแต่วันที่เห็นว่าหมอนั่นอยู่ที่ห้องแห่งความลับ เขาไม่เข้าใจว่าแดเนียลเจอได้ยังไงจะว่าหลงเดินไปเจอก็ยังพอไปกันได้แต่สิ่งที่บารอนเลือดบอก ว่าเจอกันอีกแล้วแบบนี้หมายความว่าแดเนียล ซัลลีแวนมาที่นี่หลายครั้ง
“ขมวดคิ้วอยู่ได้ นายรู้ไหมทำแบบนั้นมันแก่ลง”ฮันเตอร์กลั้วหัวเราะก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียง
“หายไปไหนมาฮันเตอร์”
“ไปหาศาสตราจารย์มา เขาเรียกฉันไปช่วยงานหลังกินอาหารเย็น”
“แล้วก็ทิ้งให้ฉันฟังเจนบ่นอยู่คนเดียว”
“โทษที”
“ฉันโคตรของโคตรสงสัยแดเนียลเลยฮันเตอร์ ฉันอยากสืบใจจะขาด”เจคอบเหมือนจะเป็นบ้าตลอดเวลา ในเวลานี้เขาควรได้ทำอะไรที่มันมากกว่าไปเรียนให้ตรงเวลา แล้วอยู่เฉยๆในห้องนั่งเล่น
“ลืมไปแล้วหรือไงว่าจิมมี่เป็นคนบอกให้นายอยู่เฉยๆ”
“แล้วทำไมฉันจะต้องฟัง จนถึงตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าคิดถูกหรือผิดที่ให้ซัลลีแวนมาช่วย”
“ทุกคนเห็นด้วยหมดน่าเจคอบ ตอนนี้นายเป็นคนที่น่าสงสัยที่สุดยิ่งออกตัวมากเท่าไหร่นายก็ยิ่งเป็นเป้ามากเท่านั้น”
“แล้วฉันต้องทนไปถึงเมื่อไหร่ ให้คนตายขึ้นเรื่อยๆหรือไง”ฮันเตอร์ถอนหายใจ เรื่องความดื้อด้านของหมอนี่น่ะเก่งที่หนึ่ง
“งั้นพรุ่งนี้ก็ลองถามคนอื่นๆดูสิ ทุกคนเห็นด้วยรึเปล่าถ้าจะเริ่มสืบ”
“ไม่มีใครเห็นด้วยแน่ แอบทำเลยได้ไหม”
“ไม่ได้”ฮันเตอร์ยื่นคำขาด ทั้งยังขู่ว่าถ้าแอบออกไปจะฟ้องเจเนวีฟ ให้ตายสิ ใครมันจะไม่กลัวน้องสาวตัวเอง ฮันเตอร์ดูถูกเขาเกินไปแล้ว
คืนนี้แหละ
“ก็ได้ ฉันจะนอนอยู่เฉยๆตามคำสั่งนาย คำสั่งจิมมี่ คำสั่งทุกคน”
เขาจะกลับไปที่ประตูห้องแห่งความลับอีกครั้ง
50%
ผ้าคลุมล่องหนถูกหยิบออกมาจากหีบตอนกลางดึก เจคอบมองไปยังฮันเตอร์ที่อยู่ตรงเตียงข้างๆ หมอนั่นหลับสนิทแน่นอนเขามั่นใจ ฮันเตอร์ ฟาเรลเป็นจอมหลับลึกที่ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถปลุกให้ตื่นได้นอกเสียจากแสงแดดที่ส่องตาในตอนเช้า
เขาใช้เวลาคิดอยู่สักพักในการหาวิธีออกจากหอพักในยามวิกาล ฮอกวอตส์เข้มงวดกับระบบปลอดภัยมากขึ้นเสียจนในเวลานี้ทุกๆอย่างยากไปหมด –ผ้าคลุมล่องหนห่มตัวของเจคอบไว้จนในที่สุดก็ไม่มีใครสามารถมองเห็นได้ เขาเปิดประตูออกมองสำรวจว่าอาจจะมีบารอนเลือดหรือศาสตราจารย์เดินตรวจอยู่
“ลูมอส”เจคอบพูดเสียงแผ่ว ใช้ไม้กายสิทธิ์ส่องไปทั่วบริเวณ หลังจากแน่ใจว่าไม่มีใครแล้วเขาถึงเดินต่อไปในคุกใต้ดิน
เจคอบจำทางไปห้องแห่งความลับได้ ทางที่ไม่มีใครสังเกตเห็นไม่สนใจเสียด้วยซ้ำ ใช้เวลาไม่นานเขาก็ใกล้ถึงที่หมายมากขึ้นเรื่อยๆแต่ทว่ากลับต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นสิ่งคุ้นตาที่หายไป สัตว์สี่เท้าน่ารักที่เป็นสัตว์เลี้ยงของเขา กลิ่นของมันแปลกพิลึกเพราะดันเหมือนกับกลิ่นของซัลลีแวนคนนั้น
ให้ตาย แล้วมันใช่เวลาที่เขาจะมาคิดถึงเจ้าเด็กนั่นไหม
“นาเดียร์!”เจคอบวิ่งกรูเข้าไปโอบอุ้มสัตว์เลี้ยงของเขาที่หายออกไปบ่อยเสียจนปวดหัวอย่างช้าๆ แต่ทว่านาร์เดียกลับดิ้นอยู่ในอกของเขาพร้อมทั้งเล็บที่ยาวขึ้นข่วนจนรู้สึกแสบ
“เมี๊ยว!”
“หยุดดิ้นสินาร์เดีย”เจคอบปรามแมวลายทางสีเทาที่ถูกอุ้มอยู่ในระดับอกภายใต้ผ้าคลุมล่องหน เขาเดินไปตามทางที่มีน้ำขังอยู่นิดหน่อย ทางแคบๆที่ต้องก้มเดินอย่างระมัดระวัง
ไม่นานนักก็มาถึงจุดหมาย –ประตูเหล็กรูปงูสลักไว้เด่นชัดเป็นสัญลักษณ์ของบ้านสลิธีริน เป็นครั้งที่สองที่เจคอบมาเห็นห้องนี้และสิ่งที่เขาตั้งเป้าเอาไว้ก็คือการได้เปิดห้องนี้เสียที ไม่ว่ายังไงเจคอบจะต้องเปิดห้องนี้ให้ได้
อย่างน้อยเจคอบก็เคยพูดภาษาพาร์เซลเมาท์ได้ไปครั้งหนึ่ง ในครั้งนี้ขอร้องอีกครั้งให้เขาพูดออกมาได้
เจคอบเพ่งมองไปที่ประตู พยายามตั้งสติแล้วออกเสียงเป็นภาษาพาร์เซลเหมือนที่เคยลองทำกับฮันเตอร์ในวันนั้น แต่ทว่ากลับไม่เป็นผล เขาพูดอะไรไม่ได้นอกเสียจากทำได้เพียงมองประตูที่ยังคงนิ่งงัน
“เมี๊ยว”นาร์เดียร้อง ก่อนจะดิ้นอีกครั้ง เจคอบจับให้นาร์เดียอยู่นิ่งๆก่อนจะลูบหัวอย่างนึกเอ็นดูหวังให้แมวน้อยสงบลง
“ทำไมฉันถึงพูดภาษาพาร์เซลไม่ได้ทั้งที่ตอนนั้นฉันยังทำได้อยู่เลย หมายความว่ายังไงกัน”เจคอบขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจเลย แล้วที่เขาพูดในครั้งนั้นได้หมายความว่ายังไง
“เมี๊ยว”
“นาร์เดีย แกดิ้นมาเกินไปแล้--”
กึก!
เจคอบหันไปตามต้นเสียง มีคนกำลังมาที่นี่
เจคอบเดินเข้ามาหลบที่ซอกกำแพง เอาล่ะถ้าเป็นศาสตราจารย์สักคนฮอกวอตส์อาจจะกลับมาปลอดภัย แต่ถ้าหากไม่ใช่ เขาไม่สามารถนึกถึงในสิ่งที่กำลังจะเกิดต่อไปนี้เลย
กึก กึก
มีคนกำลังตรงมาที่นี่และไม่ได้มาคนเดียว
กึก
กึก
กึก
กึก
กึก
กึก
“เดี๋ยวก่อนอาเธอร์”
“….”
“มันจะดีจริงๆใช่ไหม”แดเนียลหยุดยืน ก้มหน้ามองพื้นอย่างสำนึกผิด
“ดีที่สุดสำหรับนาย แดเนียล”
เจคอบภายใต้ผ้าคลุมล่องหนมองดูทั้งสองคนที่เดินเข้ามาอย่างที่คิดเอาไว้ไม่มีผิด แดเนียล ซัลลีแวนคือทายาทสลิธีรินผู้ปลดปล่อยบาซิลิสก์ออกมาคร่าชีวิตเลือดสีโคลนที่ซัลลาซาร์เห็นว่าไม่ควรที่จะได้รับการเรียนเวทย์มนต์คาถา
อาเธอร์ถอยให้แดเนียลจัดการกับประตูตรงหน้า เพียงครู่เดียวเท่านั้น ภาษาที่เขาเคยคิดว่าตัวเองพูดได้ถูกเปล่งออกมาจากคนที่ไม่ควรจะยืนอยู่ตรงนั้น กริฟฟินดอร์อย่างแดเนียล ซัลลีแวนเพราะเหตุใดถึงได้สามารถเปิดประตูห้องแห่งความลับที่มีเพียงทายาทสลิธีรินเท่านั้นเปิดได้
ประตูเหล็กค่อยๆเปิดออก เผยให้เห็นรูปสลักหินของซัลลาซาร์ สลิธิรินใหญ่โตพร้อมโถงทางเดินที่มีรูปสลักงูขนาบข้าง แดเนียลก้าวเข้าไปอย่างช้าๆหวังหาสิ่งที่ตนปล่อยออกมา เขาต้องการยับยั้งการกระทำนี้ไม่ว่ายังไงก็ตาม
“ทำสิ่งที่นายควรจะทำเถอะแดเนียล”อาเธอร์จับไหล่อีกคนเป็นเชิงปลอบก่อนที่ทั้งคู่จะเดินเข้าไปในนั้น
เจคอบไม่รอช้าที่จะรีบวิ่งตามเข้าไปแต่ทว่ากลับต้องหยุดชักเมื่อประตูเหล็กนี่ปิดเข้ามาอย่างรวดเร็วจนไม่สามารถเข้าไปได้ เจคอบหัวเสีย ปล่อยนาร์เดียลงกับพื้นก่อนจะพยายามดันประตูเข้าไป ใช่ นี่อาจเป็นความคิดที่โง่เขลาแต่มันต้องมีอะไรสักอย่างผิดพลาด ประตูอาจจะมีปัญหาเพราะไม่ได้ถูกเปิดมานานก็ได้
“อย่าบ้าไปหน่อยเลยเจคอบ”เสียงที่คุ้นเคย เขาคิดว่าตัวเองคงจะหูแว่ว ไม่มีทางที่คนอย่างจิมมี่ ซัลลีแวนจะกล้าออกมากลางดึกแบบนี้แน่ๆ หมอนั่นไม่ยอมเสี่ยงโดนศาสตราจารย์จับได้หรอก“ฉันบอกให้เลิกดันประตูนี่ยังไงเล่า!”
“….”
ให้ตาย จิมมี่ ซัลลีแวนยืนอยู่ตรงหน้าเขา
“มันไม่มีประโยชน์เลยเจคอบ ยังไงซะนายก็เข้าไปในนี้ไม่ได้”
“นาย…มาที่นี่ได้ไง”
“….”
“นายไม่รู้ด้วยซ้ำว่าห้องนี้ ห้องแห่งความลับ นายยังไม่เคยเห็นเลยด้วยซ้ำ”ความเชื่อใจของเจคอบเริ่มลดลง ถ้าจิมมี่เดินมาเองแบบนี้แสดงว่าต้องเคยมา ซึ่งมันไม่ใช่ จะมีซัลลีแวนถึงสองคนเจอห้องนี้ไม่ได้ หรืออันที่จริงแล้วที่ประตูปิดเป็นเพราะจิมมี่กัน
“นายพาฉันมา”
“อะไรนะ?”
“นาย เป็น คน พา ฉัน มา”จิมมี่เน้นคำพูด“เข้าใจรึยัง”
“เดี๋ยวนะ ฉันจะพานายมาได้ไงจิมมี่ในเมื่อฉันอุ้มแค่นาร์เดียมา”
“แล้วตอนนี้นาร์เดียของนายไปไหนแล้วล่ะ”
“…”เจคอบกวาดมองไปทั่วบริเวณ เขาจำได้ว่าวางเจคอบลงตรงนั้น ตรงที่จิมมี่ยืนอยู่
“นายฉลาดนะเจคอบ แต่เรื่องแค่นี้”
“นี่ ฉันสับสน นายกำลังจะบอกว่าฉันพานายมาทั้งที่ฉันอุ้มแต่นาร์เดีย นายบอกให้ฉันมองหานาร์เดียที่ตอนนี้หายไปแล้ว นายจะบอกว่านายคือนาร์เดียอย่างนี้หรอ”
“ฉันคือฉัน ที่นายอุ้มมานั่นก็คือฉัน ที่นายเคยเอาไปนอนกอดในหอพักสลิธีรินนั่นก็คือฉัน ไม่มีนาร์เดียของนายเลยแม้แต่ตัวเดียว”
“…”
“นายอาจจะงงๆดูจากสีหน้าตอนนี้น่ะนะ”จิมมี่กลั้วหัวเราะ เจคอบก็มีมุมซื่อบื้อเหมือนกันสินะ“ฉันเป็นอนิเมจัส”
สิ้นเสียงคนที่อยู่ข้างหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นแมวสีเทาลายทางที่เขาคุ้นเคยมันอย่างดี เจคอบตัวแข็งทื่อ เหมือนเหตุการณ์ในวันนี้ทำให้เขารู้ความจริงในหลายๆอย่าง ทำไมจิมมี่และนาร์เดียที่เขาเจอถึงได้มีกลิ่นคล้ายกันอย่างน่าประหลาดใจ ก็เพราะว่านั่นคือจิมมี่มาตลอด
“เคราเมอร์ลิน แล้วนายก็ปล่อยให้ฉันทำอะไรต่อมิอะไรนะ”
“เมี๊ยว”
“กลับคืนมาสิ ฉันคุยภาษาแมวไม่รู้เรื่องหรอกนะ”
“เมี๊ยว”
“จิมมี่ ซัลลีแวน”
“เมี๊ยว”
โว๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
เจคอบอยากจะบ้าตาย
มือหนาจับจิมมี่ในร่างแมวขึ้นมาไว้ในอกที่เดิมก่อนจะคลุมผ้าคลุมล่องหน ไม่คุ้นชินเลยสักนิดพอรู้ว่าเจ้าขนปุกปุยในนี้ไม่ใช่นาร์เดีย เป็นความรู้สึกแปลกพิลึกที่มันกลับมาอีกครั้งหลังจากวันนั้นที่ห้องสมุด วันที่เขารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง
“นายจะให้ฉันรอให้ประตูเปิดอีกรอบหรือกลับหอ”
“เมี๊ยว!”
“โอ๊ย!”เจคอบนิ่วหน้าเจ็บหลังจากโดนข่วน โอเค เขาได้คำตอบแล้วว่าจิมมี่ต้องการให้กลับหอ
แล้วทำไมต้องไปเชื่อด้วยวะเนี่ย!?
100%
หายไปนานจริงๆค่ะ แง ในที่สุดเราก็เสร็จงานกีฬาสีแล้วววววววววว เย้! ตอนนี้อาจจะสั้นไปมากจริงๆขอโทษด้วยนะคะ;-;
เหมือนเดิมเลยค่ะ กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ ขอบคุณทุกๆคอมเม้นเลยนะคะ♡♡♡
เพิ่งได้อ่านรวดเดียว ฮือออออ ดีมากๆๆๆๆเลยค่ะ ชอบมากจริงๆ ใช้คำบรรยายดีมาก อินมากเลยตอนนี้ ㅜㅡㅜ ทุกอย่างดูน่าสงสัยไปหมดเลย เจคอบเวลาเสียศูนย์น่ารักมากแงง เป็นกำลังใจให้นะคะ♡
คิดถึงคูมไรท์จังเลยต้ะ;__;
เจคอบถ้านายกลัวเมียนายออกจากแก๊งค์เราไปเลยนะ555
ฮือออ ,แล้วแก แกพาเขาไปกอดไปหอมอ่ะเจคอปปปปป ว่าแต่แดเนียลกับอาเธอร์นี่จะทำสำเร็จมั้ยนะ อาเธอดูเป็นผู้นำจังง รักนะคะ
จิมมี่น่ารักมากเลยค่าคุยภาษาแมวแงงงงง
เป็นกำลังใจให้นะคะไรท์