ตอนที่ 17 : ตอนที่ 6 คำขาดจากคุณหญิงแสงสุรี [1]
ตอนที่ 6 คำขาดจากคุณหญิงแสงสุรี
เวรกรรมของนาราลักษณ์ยังไม่จบแค่ที่ร้านกระเป๋า เพราะหลังจากนั้นพันเดชก็ลากเธอเข้าร้านแบรนด์เนมเป็นว่าเล่น แถมยังได้ของติดมือออกมาทุกร้านจนหญิงสาวไม่กล้านับว่าเขาหมดเงินกับการเดินชอปปิงไปเท่าไร
พันเดชดูสนุกกับการใช้เงินราวกับว่าเงินที่เขาหามาทั้งชีวิตเพิ่งจะถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรก ชายหนุ่มใช้เวลาตัดสินใจซื้อเพียงเสี้ยวนาที ในขณะที่นาราลักษณ์แทบจะต้องใช้เวลาไตร่ตรองเป็นวันในการเลือกซื้อของใช้แต่ละครั้ง
แต่ไม่ว่าเขาจะใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายแค่ไหน นาราลักษณ์จะไม่ก้าวก่ายการใช้ชีวิตของเขาเลย หากชายหนุ่มไม่ได้เสียเงินมหาศาลเพื่อซื้อของเหล่านั้นให้เธอ
หญิงสาวได้แต่มองของในมืออย่างละเหี่ยใจ มือเล็กๆ ของเธอเต็มไปด้วยถุงกระดาษแบรนด์หรู มีทั้งกระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องสำอาง ซึ่งทุกอย่างล้วนแต่เป็นสิ่งที่นาราลักษณ์ไม่ได้เรียกร้อง ครั้นหญิงสาวปฏิเสธก็มักจะถูกพันเดชขู่ด้วยการทวงเงินอยู่เสมอ
แล้วลูกหนี้อย่างเธอจะทำอะไรได้เล่า
“ยังไม่พอใจอีกหรือคุณ พอเถอะค่ะ ฉันรู้ว่าคุณหาเงินได้ง่าย แต่ของพวกนี้มันไม่ได้จำเป็นสำหรับฉันสักนิด”
นาราลักษณ์พูดอย่างจริงจังเมื่อพันเดชทำท่าจะลากเธอเข้าไปในโซนของกินซึ่งเป็นสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ
“สุดท้ายแล้ว เข้าไปดูก่อน เผื่อเธออยากได้ขนมไว้กินเวลาอ่านหนังสือ”
“แต่ฉันไม่มีมือถือของแล้วคุณ เต็มไม้เต็มมือไปหมดแล้วเนี่ยเห็นไหม”
เธอชูข้างที่ถือของให้เขาดู เพราะมืออีกข้างถูกคนตัวโตจับอยู่ และไม่ต้องพยายามเรียกร้องให้เขาปล่อย เพราะนาราลักษณ์พยายามมาเป็นชั่วโมงแล้วแต่พันเดชจับมือเธอแน่นยิ่งกว่าทากาวไว้เสียอีก
“งั้นเอามานี่ ฉันถือเอง”
ว่าแล้วเขาก็ทำท่าจะแย่งของในมือไปจากหญิงสาว หากนาราลักษณ์ไม่ยอมง่ายๆ เพราะในมือของพันเดชก็ใช่ว่าจะว่าง
“ไม่ต้องเลยคุณ ในมือคุณก็ไม่ใช่น้อย ทางที่ดีเลิกซื้อจะดีกว่านะ”
“ก็จะซื้อเป็นอย่างสุดท้ายแล้วไง เอามา อย่าดื้อ”
หญิงสาวหน้ามุ่ยเมื่อเขาบังคับให้ส่งของให้เขาทางสายตา พันเดชเอาแต่ใจสุดๆ กับเรื่องที่เขาตัดสินใจมาแล้วก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลง รวมถึงเรื่องที่เขากำลังทำอยู่ตอนนี้ด้วย
นาราลักษณ์ไม่รู้ว่ามันน่าสนุกตรงไหนกับการซื้อของให้เธอ และกลัวเหลือเกินว่าคนตัวโตจะเรียกร้องค่าเสียหายทีหลัง...อาจจะไม่เรียกเป็นเงิน แต่เป็น...
คิดมาถึงตรงหน้าพลันใบหน้างามก็แดงก่ำเป็นลูกตำลึงสุก การกระทำของพันเดชทำให้นาราลักษณ์คิดดีไม่ได้เลย ก็เขามันทั้งเจ้าเล่ห์และเอาแต่ใจ แถมยังหื่นกามและชอบฉวยโอกาสอีกต่างหาก
“สุดท้ายแน่นะ?” หญิงสาวถามเสียงอ่อนลง
“สำหรับวันนี้”
นาราลักษณ์ถอนหายใจอย่างระอาทันที ดูจากรอยยิ้มและสายตา รู้เลยว่าชีวิตของเธอหลังจากนี้คงจะมีแต่เรื่องยุ่งๆ แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องของอนาคต
เอาวันนี้ให้มันจบลงก่อนเถอะ!
หญิงสาวบอกตัวเองในใจก่อนจะยอมส่งของให้เขาถือทั้งหมดตามคำสั่ง จากนั้นก็ปล่อยให้คนเอาแต่ใจจูงเข้าไปในโซนสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ มีขนมและเครื่องดื่มหลายชนิดที่นาราลักษณ์ไม่คุ้นตา พันเดชให้เธอถือตะกร้าและเลือกซื้อตามสะดวก ซึ่งหญิงสาวก็หยิบมาเป็นพิธีเพื่อให้มันจบๆ ไป
เมื่อเศรษฐีหนุ่มเดินชอปปิงจนพอใจแล้ว เขาก็พาเธอเอาของกลับไปเก็บที่รถ นาราลักษณ์ยิ้มออกทันทีเพราะคิดว่าภารกิจของเธอคงจะจบสิ้นแล้ว แต่เมื่อของถูกลำเลียงเข้าไปไว้ท้ายรถ ร่างบางกลับถูกคนตัวโตลากเข้าไปในห้างสรรพสินค้าอีกครั้ง
“ไปไหนอีกคุณ ไหนว่าอย่างสุดท้ายแล้วไง”
“ก็ไม่ได้จะพาไปซื้อของสักหน่อย” เขาตอบโดยที่มือยังคงออกแรงบังคับให้นาราลักษณ์เดินตาม
“แล้วคุณจะกลับเข้าไปทำไมอีกคะ”
“ตามมาเถอะน่า เดี๋ยวก็รู้เองแหละ”
คนตัวเล็กได้แต่ทำหน้าบึ้งและเดินตามร่างสูงอย่างปฏิเสธไม่ได้ เขาพาเธอเดินขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้นสุดท้ายของห้างสรรพสินค้า ก่อนจะหันมาถามเมื่อถึงที่หมาย
“อยากดูเรื่องอะไร”
“จะดูหนัง?” หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ
“ยืนอยู่หน้าโรงหนังฉันคงพามาดูลิเกมั้ง ถามแปลก”
“แต่ฉันเข้างานหกโมงนะคุณ หนังแต่ละเรื่องกว่าจะจบอย่างน้อยก็สองชั่วโมง ไหนจะต้องใช้เวลาเดินทางอีก ถ้าฉันเข้างานสายใครรับผิดชอบ”
เมื่อถูกคนตัวเล็กโวยวายพันเดชจึงจ้องริมฝีปากที่ขยับไปมาดุๆ ร่างบางตรงหน้าช่างเอาใจยากเสียจริง เขาซื้อของให้จนจะหมดห้างยังไม่ถูกใจเจ้าหล่อนสักชิ้น ครั้งครึ้มอกครึ้มใจพามาดูหนัง เพราะคิดว่าวัยรุ่นอย่างเธอคงจะชอบ แต่ก็ยังไม่เป็นที่พอใจอยู่ดี
วันนี้ทั้งวันเห็นจะมีแต่โอมากาเสะเพียงอย่างเดียวที่ทำให้นาราลักษณ์ยิ้มได้...แต่ก็จบลงเมื่อเธอเห็นราคาของมัน
“ฉันเป็นเจ้าของผับนะเผื่อเธอลืม ไปช้านิดช้าหน่อยไม่เป็นไรหรอกน่า”
“แต่ฉันไม่อยากให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นมองว่าถูกเอาเปรียบนะคะ มันจะทำให้คนอื่นหมั่นไส้แล้วฉันจะทำงานลำบาก”
“แล้วใครบอกว่าฉันจะให้เธอไปทำงานร่วมกับคนอื่น”
“หมายความว่าไง?”
นาราลักษณ์จ้องคนพูดตาแทบถลน ซึ่งพันเดชเพียงแค่ยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย หากแต่ยังไม่ทันได้เฉลย ใครบางคนที่เขาไม่อยากเจอที่สุดก็เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ในกรอบสายตา
“เชี่ย!” เสียงเข้มอุทานอย่างตกใจ “มาไงวะ”
นาราลักษณ์มองคนตัวโตอย่างงงๆ ก่อนจะหันไปมองตามสายตาของคนเอาแต่ใจ ทว่ายังไม่ทันเห็นอะไรอยู่ๆ มือหนาก็กดศีรษะลงไปหลบหลังโซฟาจนใบหน้าขาวใสแทบจะจิ้มพื้น
“อะไรของคุณเนี่ย มากดหัวฉันทำไม ปล่อยๆๆ”
“ถ้าไม่อยากซวยก็เงียบๆ ก่อน”
พันเดชก้มลงมากระซิบข้างหู แต่มีหรือนาราลักษณ์จะยอมเชื่อฟัง หญิงสาวพยายามปัดมือหนักๆ ที่กำลังกดศีรษะของเธออย่างเอาเป็นเอาตายและโวยวายเสียงดังกว่าเดิมจนพันเดชต้องเอามือมาปิดปากไม่ให้ส่งเสียง
“ถ้ายังไม่เงียบฉันจะจูบปิดปากตรงนี้”
“อื้อๆๆ”
“จะเงียบไม่เงียบ?”
“อื้อๆ” หญิงสาวพยักหน้า
เมื่อเห็นว่าเธอยอมเงียบจึงค่อยๆ ปล่อยมือออกจากปาก ก่อนจะโผล่ศีรษะขึ้นไปส่องดูใครบางคนที่กำลังมองหาอะไรสักอย่างอยู่หน้าเคาน์เตอร์
ไม่รู้ว่าซอนญ่าเห็นเขากับนาราลักษณ์หรือเปล่า แต่ชายหนุ่มจะไม่ยอมให้คนทั้งสองเผชิญหน้ากันก่อนเวลาอันควรเด็ดขาด
“เอาไงดีวะ”
เสียงเครียดพึมพำเบาๆ อย่างใช้ความคิด นึกหงุดหงิดที่ต้องทำตัวเหมือนคนหนีความผิดทั้งที่เขาไม่ได้ผิดอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่เพื่อไม่ให้ฝ่ายนั้นมาวุ่นวายกับคนตัวเล็ก ชายหนุ่มจึงจำเป็นต้องซ่อนเธอให้พ้นสายตาซอนญ่าไปสักระยะก่อน
อย่างน้อยก็จนกว่าความรู้สึกบางอย่างที่เกิดขึ้นกับเขาในช่วงนี้มันจะชัดเจนนั่นละ
*********************
ไฮโซสาวกวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างหงุดหงิด เมื่อร่างสูงใหญ่ที่เธอวิ่งตามมาตั้งแต่ชั้นสามคลาดสายตาไปอย่างหวุดหวิด แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นซอนญ่า เธอไม่มีทางยอมแพ้อะไรง่ายๆ หญิงสาวมั่นใจว่าคนที่เธอเห็นเดินจูงมือพานักศึกษาสาวมาที่ชั้นโรงหนังเป็นเขาอย่างแน่นอน แต่ก่อนที่ไฮโซสาวจะตัดสินใจเดินหาให้ทั่ว พลันโทรศัพท์เจ้ากรรมก็ดังขึ้นเสียก่อน
“อะไรวิกกี้”
“วิ่งไปไหนของแกซอนญ่า เจอหน้าปุ๊บก็หนีปั๊บ ฉันไม่ใช่ผีนะยะ รีบกลับมาเลย ฉันมีธุระต้องรีบไปต่อ” เสียงโวยวายของเพื่อนสาวทำให้ซอนญ่านิ่วหน้าอย่างหงุดหงิด
“ถ้ารีบขนาดนั้นก็ไปก่อนเลย ฉันเห็นพี่เดชพาผู้หญิงใส่ชุดนักศึกษามาดูหนัง ฉันจะจับให้ได้คาหนังคาเขา!”
“คุณพันเดชเนี่ยนะควงนักศึกษามาดูหนัง?” ฝ่ายนั้นทำเสียงไม่อยากเชื่อ “ตาฝาดหรือเปล่าแก อาจจะเป็นคนอื่นก็ได้”
“ฉันจำพี่เดชได้ ต่อให้เห็นแค่ข้างหลังฉันก็จำเขาได้”
“แต่เหตุผลที่เขาเคยปฏิเสธแก ก็เพราะแกเด็กกว่าเขาไม่ใช่หรือไง”
ใช่แล้วละ ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้วเธอเคยสารภาพรักกับเขา แต่ถูกชายหนุ่มปฏิเสธและให้เหตุผลว่าเขาไม่ชอบคนอายุน้อยกว่า แต่ถึงอย่างนั้นซอนญ่าก็ยังเห็นพันเดชควงนางแบบอายุน้อยกว่าอยู่ดี เธอจึงไม่เชื่อข้ออ้างนั้นสักเท่าไร
“เขาก็หาสารพัดเหตุผลมาปฏิเสธหมดนั่นละ แล้วทำไมฉันจะต้องยอมแพ้ข้ออ้างบ้าบอพวกนั้นด้วย”
“เฮ้อ...แกก็ออกจะสวยขนาดนี้ ฉันว่าแกเลิกงมงายกับเขาแล้วเปลี่ยนใจไปรักคนอื่นดีกว่านะ”
“ไม่มีทาง! แกไม่เข้าใจหรอก ฉันรักและรอเขามาตั้งกี่ปี กว่าที่ข้างๆ เขามันจะว่าง เรื่องอะไรต้องยอมแพ้ ในเมื่อที่ตรงนั้นมันถูกกำหนดไว้เพื่อฉันแล้ว”
ซอนญ่าบอกอย่างดื้อรั้น เธอแอบชอบพันเดชมานาน แต่ก็ทำได้เพียงแอบชอบ เพราะตอนนั้นเขามีคนรักอยู่แล้ว และดูเหมือนชายหนุ่มจะจริงจังกับผู้หญิงคนนั้นมากเสียด้วย อีกทั้งคุณหญิงแสงสุรีก็สนับสนุนความรักครั้งนั้นของลูกชาย
เธอเสียใจและหมดหวังจนต้องหนีไปเรียนเมืองนอกอยู่พักใหญ่ แต่เมื่อตัดสินใจกลับมาก็กลับได้รับข่าวดีว่าเขาเป็นโสดมาร่วมปีแล้ว แล้ววันดีคืนดีคุณหญิงแสงสุรีก็มาพูดทาบทามเธอกับมารดา หมายให้เธอกับเขาได้แต่งงานกัน นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ซอนญ่าเริ่มตามจีบพันเดชอย่างจริงจัง และเธอจะต้องครอบครองเขาให้ได้!
“เอาเถอะๆ ตามใจแกก็แล้วกัน แต่ก่อนจะไปตามหาใคร ช่วยเอาของที่ฝากไว้มาให้ฉันก่อน ฉันต้องรีบใช้”
“แกไปทำธุระเลย เดี๋ยวฉันจ้างคนให้เอาของตามไปทีหลัง”
“อืมๆ งั้นก็ได้ แต่อย่าช้านะ”
ฝ่ายนั้นยอมทำตามอย่างว่าง่าย เมื่อเพื่อนสาววางสายไปซอนญ่าจึงเดินหาพันเดชกับผู้หญิงที่มาด้วยกันอย่างจริงจัง โดยหารู้ไม่ว่าคนที่ตนกำลังตามหาแอบใช้จังหวะที่หญิงสาวคุยโทรศัพท์ พานิสิตสาวหนีไปชั้นอื่นเรียบร้อยแล้ว
*************************
“โอ้ย! คุณ...จะลากฉันหนีอีกนานไหมเนี่ย ปล่อยยยยย”
นาราลักษณ์หยุดเดินและสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมอย่างจริงจังจนหลุดจากพันธนาการ ร่างสูงจึงหันมามองดุๆ เพราะต่อให้เดินลงมาอีกชั้นแล้ว แต่ก็ยังไม่ปลอดภัยอยู่ดีนั่นละ
ซอนญ่าเหมือนใครเสียที่ไหน เธอขี้วีนและเอาแต่ใจสุดๆ จะทำตัวน่ารักก็เมื่ออยู่ต่อหน้ามารดาของเขาเท่านั้น หากปล่อยให้อีกฝ่ายมาเจอกับคนตัวเล็ก มีหวังคุณหนูเอาแต่ใจคงอาละวาดห้างแตกเป็นแน่
“ก็จนกว่าจะแน่ใจว่าเธอปลอดภัยนั่นละนาว อย่ามัวพูดมาก รีบตามฉันมา”
เขาทำท่าจะเข้ามาลากเธออีกครั้ง แต่ครั้งนี้นาราลักษณ์ไม่ยอมง่ายๆ หญิงสาวถอยหลังและรีบซ่อนมือไม่ให้เขาสัมผัสตัวง่ายๆ
“ไม่ค่ะ คุณนั่นแหละที่ควรหยุด หยุดทำตัวเหมือนพาอีหนูหนีเมียได้แล้ว แล้วก็เลิกทำตัวเป็นเสี่ยเลี้ยงเด็กซะด้วย ฉันไม่อยากเดือดร้อนถูกแฟนคุณตามมาแหกอกทีหลัง”
“ไปกันใหญ่แล้ว แฟนเฟินอะไรของเธอ”
“ถ้าไม่มีแล้วคุณหนีอะไรไม่ทราบ”
“ก็...” พันเดชอ้าปากจะตอบ แต่แล้วก็ต้องเงียบไป ด้วยไม่รู้จะนิยามความสัมพันธ์ของซอนญ่าว่าอย่างไร เพราะหากต้องอธิบายเรื่องนี้ให้คนตัวเล็กเข้าใจคงต้องใช้เวลานานเป็นแน่
“เอาเป็นว่าที่ฉันต้องพาเธอหนีก็เพราะไม่อยากให้ชีวิตเธอต้องวุ่นวาย ยิ่งเธอยังเรียนอยู่แบบนี้มันจะกระทบถึงการเรียนและอนาคตของเธอแน่นอน ถ้าอยากเรียนจบแบบสวยๆ ก็รีบตามฉันมาดีๆ”
“ทำไมต้องทำให้เรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากคะ คุณก็แค่เลิกเจ้าชู้และเลิกวุ่นวายกับฉัน เท่านี้ชีวิตของฉันก็ไม่ต้องวุ่นวายแล้ว”
“ฉันไม่ใช่คนเจ้าชู้นาว เวลาฉันคบ ฉันคบทีละคน”
น้ำเสียงและแววตาจริงจังของคนพูดทำให้คนฟังหัวใจกระตุกอย่างไร้เหตุผล หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะหลุบลงมองพื้นเพื่อทำลายความรู้สึกแปลกๆ ที่ก่อตัวขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน
“ถ้าเป็นอย่างที่คุณพูดจริง แล้วทำไมต้องหนีเธอขนาดนี้”
“เธอเห็นหรือ?” พันเดชอุทานอย่างอึ้งๆ พลางมองคนตรงหน้าอย่างค้นหา
“ก่อนลงบันไดเลื่อน ฉันเห็นคุณซอนญ่าคุยโทรศัพท์อยู่หน้าโรงหนัง” จ้องหน้าคนตัวสูงนิ่ง “คุณจงใจหนีเธอ เพราะกลัวว่าที่คู่หมั้นของคุณเห็นว่าคุณมากับผู้หญิงอื่น”
“ใช่ที่ไหน” พันเดชส่ายหัว “แล้วไปรู้มาจากไหนว่าซอนญ่าเป็นว่าที่คู่หมั้นของฉัน”
ความจริงเขาไม่แปลกใจหรอก คนในผับส่วนใหญ่ก็รู้จักซอนญ่าแทบทั้งนั้น เพราะหญิงสาวมักจะไปประกาศตัวแสดงความเป็นเจ้าของพันเดชประจำ แต่ความเข้าใจของนาราลักษณ์ผิดจากความเป็นจริงอย่างสิ้นเชิง เพราะต่อให้มารดาของเขาหมายมั่นจะให้เขาแต่งงานกับซอนญ่า แต่พันเดชไม่เคยมีความคิดที่จะทำตาม ดังนั้นเธอจึงไม่ใช่ว่าที่คู่หมั้นสำหรับเขา
“ฉันรู้ก็แล้วกันค่ะ”
“รู้แบบผิดๆ ทีหลังไม่ต้องรู้จะดีกว่า”
“ถ้าไม่ใช่ความจริงทำไมคุณถึงกลัวเผชิญหน้ากับเธอขนาดนั้นล่ะคะ” นาราลักษณ์ถามอย่างไม่เข้าใจเหตุผล
“ก็ถ้ายายนั่นพูดรู้เรื่องเหมือนคนทั่วไป ฉันก็คงไม่ต้องพาเธอหนีหรอก...เอาเป็นว่าถ้าเจอ หลบเลี่ยงได้ก็หลบไปก่อน ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้เผชิญหน้ากัน เพราะถ้าอะไรมันชัดเจนกว่านี้ เธอไม่มีทางหนียายนั่นพ้นหรอก”
นาราลักษณ์มองคนพูดอย่างไม่เข้าใจ สายตาคมเหมือนต้องการสื่ออะไรสักอย่าง หากแต่เขาก็ไม่พูดมันออกมาอย่างชัดเจน
รอความชัดเจนหรือ...อะไรกันล่ะที่ต้องการความชัดเจน?
หญิงสาวขมวดคิ้วอย่างแคลงใจ ก่อนจะถูกคนตัวโตจูงมือเดินไปยังลานจอดรถ
**********************************
นั่นสิเสี่ย รออะไรชัดเจนคะ ความรู้สึก หรือ สถานะ
อิอิ
***** ลืมฝากผลงานเรื่องใหม่
ขอฝากหน่อยนะคะ
กดติดตามคลิกลิ้งที่ชื่อเรื่องเลยจ้า
เรื่อง * ศัตรูแพ้ทางรัก *
-//////////////////////////////////-
ปัณฑารีย์ทักทาย...
หายไปนานเป็นเดือน วันนี้ได้ฤกษ์มาเปิดตัวพี่ริษฐ์ พี่ชายมาดนิ่งของน้องนีลเรื่อง ปรปักษ์รักล้นใจ
ใครที่อ่านในเรื่องนั้นแล้วยังไม่จุใจ ปมบางอย่างยังไม่ถูกเปิดเปยมาตามอ่านในเรื่องนี้ได้นะคะเราจะได้รู้จักตัวคนร้ายที่คอยยุแยงสร้างเรื่องให้สองตระกูลผิดใจกันในเรื่องนี้และบอกเลยว่านางเอกในเรื่องนี้แสบๆ คันๆ นะคะ
นางจะมาปั่นป่วนหัวใจพี่ริษฐ์มาดูกันว่าคนจิตแข็งแบบคุณพี่จะพ่ายแพ้ให้น้องหรือเปล่าว่าด้วยเรื่องการอัพ จะเริ่มอัพเนื้อหาเร็วๆ นี้น่าจะไม่เกินสิ้นเดือน
- โปรดกดติดตามเอาไว้นะจ๊ะ -
ปล. ลงเนื้อหาให้อ่าน 50% นะคะเนื่องจากเรื่องนี้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ไลต์ ออฟ เลิฟ เลยไม่สามารถลงจนจบได้
(ทำอีบุ๊คก็ลงจบไม่ได้ เพราะเคยลงแล้ว ไม่มีคนตามไปซื้อเลย 5555555555 กินแกลบไปตามระเบียบ)
-//////////////////////////////////-
วริษฐ์ จีระสกุล
รองประธาน จีอาร์กรุ๊ปหนุ่มมาดนิ่งจอมดุ พูดน้อยแต่ทำจริง
ไป่ ถิงถิง
สถาปนิกสาวจอมแสบ ทะเล้น สดใส มีชีวิตชีวาและขี้แกล้ง
ด้วยบุคลิกที่แตกต่างกันของเธอกับเขา ทำให้ถิงถิงชอบแกล้งคนมาดดุอยู่บ่อยๆแต่มันไม่ง่ายที่จะได้ครอบครองหัวใจที่แสนเย็นชา ในขณะที่เธอมีเป้าหมายเพื่อทำลายเขา
***
******
*********
******
***
สามารถติดตามได้ที่นี่
คลิกไปที่ชื่อเรื่องเลยจ้า
v
v
v
* ศัตรูแพ้ทางรัก *
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

467 ความคิดเห็น
-
#432 Jitrakiddee (จากตอนที่ 17)วันที่ 23 มกราคม 2564 / 07:15รอแน่นอนในความรู้สึกของตัวเอง พันเดชจะกินเด็ก#4320
-
#21 Ning11 (จากตอนที่ 17)วันที่ 11 กันยายน 2563 / 06:06เย็นจิงๆนะห้ามเบี้ยวนัดเหมือนครั้งก่อนเด้อค่า555#210