ตอนที่ 14 : ตอนที่ 5 เด็กเสี่ย [1]
ตอนที่ 5 เด็กเสี่ย
“ปากเป็นอะไรยะชะนีน้อย เดี๋ยวจับเดี๋ยวลูบทุกๆ สามวิฯ หล่อนกลัวปากหายหรือไงยะ”
นัทตี้เอ่ยถามอย่างอดไม่ได้หลังสังเกตเห็นเพื่อนสาวจับริมฝีปากบ่อยผิดปกติ อีกทั้งเช้านี้นาราลักษณ์ก็ดูเหม่อลอยแปลกๆ
“ปะ...เปล่านี่”
นัทตี้หรี่ตามองคนที่ตอบเสียงติดขัดและทำท่าทางเลิ่กลั่กเหมือนเด็กมีความผิดอย่างไม่ค่อยเชื่อ หากแต่ยังไม่ทันได้ซักไซ้หาความจริง คนทำตัวมีพิรุธก็ชี้ให้เธอหันไปมองหน้าชั้นเรียนเสียก่อน
“ตั้งใจฟังสิ ท้ายชั่วโมงมีควิซนะ”
“ถ้าไม่ติดว่าวันนี้มีควิซนะ หล่อนโดนแน่นังชะนีน้อย” นัทตี้ชี้หน้าคาดโทษไม่จริงจัง
เมื่อดึงความสนใจของเพื่อนออกจากตัวเองได้สำเร็จนาราลักษณ์ก็ถอนหายใจทันที หากแต่วันนี้หญิงสาวเรียนไม่รู้เรื่องนัก เพราะในหัวคิดถึงแต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้า
เธอถูกเขาจูบ มันคือเรื่องจริงที่นาราลักษณ์ไม่อาจปฏิเสธได้ ไม่ว่าจะพยายามสลัดออกกี่ครั้งภาพนั้นก็ยังคงชัดเจนในมโนสำนึก และความรู้สึกอุ่นร้อนบนริมฝีปากก็ยังไม่จางหายไป
แม้เธอจะเป็นลมไปกลางอากาศ แต่ก่อนหมดสติหญิงสาวก็รับรู้ได้ถึงปลายลิ้นร้อนที่สอดแทรกเข้ามาในโพรงปาก เขาเกี่ยวกวัดอย่างชำนาญจนทำเอาเธอหน้ามืด
นาราลักษณ์เป็นลมและหลับยาวจนเกือบจะถึงเวลาเข้าเรียน หากไม่ถูกเจ้าของรถปลุกหลังขับรถมาส่งเธอที่หน้าคณะ หญิงสาวคงจะหลับเพลินจนเข้าเรียนสายเป็นแน่
นึกถึงเหตุการณ์ก่อนแยกกับคนฉวยโอกาสทีไร พลันหัวใจดวงน้อยก็เต้นไม่เป็นส่ำจนน่าเป็นห่วง
“อ่อน...จูบแค่นี้ก็เป็นลมซะแล้ว ถ้าทำมากกว่านี้ฉันไม่ต้องหามเธอส่งโรงพยาบาลเลยหรือ”
ปากพูดจากวนประสาท หากสายตากลับเป็นประกายอารมณ์ดีและมีความสุขจนน่าหมั่นไส้ คนถูกเอาเปรียบค้อนควักอย่างโมโห หากแต่ทำอะไรเขาไม่ได้เพราะเธอต้องรีบไปเรียนก่อนจะถูกเช็กชื่อขาดเรียน
“เปิดประตู ฉันจะรีบไปเรียน”
“ไหนค่ามาส่ง” เขาขอจากเธอหน้าตาเฉยทำเอานาราลักษณ์จ้องคนหน้าหนาตาแทบถลน
“จูบจนฉันเป็นลมนี่ยังไม่พอใจอีกหรือ ยังจะมาขอค่ารถอีก คุณจะหน้าเลือดไปถึงไหนคุณพันเดช”
“จูบนั่นมันค่าที่ฉันขับรถไปรับเธอที่บ้าน แล้วมันก็สิ้นระยะตรงที่เราจูบกันนั่นแหละ ส่วนที่กำลังเรียกอยู่เป็นค่าที่ฉันต้องขับต่อมาส่งถึงคณะ...ถ้าไม่จ่ายก็ไม่ต้องลง” เขาว่ายิ้มๆ
นาราลักษณ์กำมือแน่น แทบอยากจะเต้นเร่าๆ ด้วยความโมโห หากหญิงสาวรู้ดีว่าเธอไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะต่อรองอะไรได้ จึงจำต้องกัดฟันถามคนเอาแต่ใจเสียงขุ่น
“กี่บาท!”
“หนึ่งหอม”
“เอ๊ะ! คุณ”
“จ่ายมาเร็วๆ ฉันต้องรีบไปทำงานเหมือนกัน” พันเดชเร่งพลางเอียงแก้มรอ “หรือถ้าไม่จ่ายก็นั่งรถไปทำงานกับฉัน เลือกเอานะ”
“คุณนี่มัน!”
หญิงสาวนึกคำบริภาษไม่ออกจึงได้แต่เขม่นเข่นเขี้ยว ครั้นมองนาฬิกาข้อมือก็เห็นว่าเข็มสั้นชี้ไปที่เลขแปดแล้วเลยทำได้เพียงข่มใจฝังปลายจมูกลงบนแก้มสากด้วยความไวแสง ซึ่งมันไม่เป็นที่น่าพอใจสำหรับคนมาส่งเลยสักนิด
“ไหนหอม?” เขาถาม
“เมื่อกี้ไง”
“ใช่ที่ไหน นั่นเขาเรียกเอาจมูกแตะแก้ม ถ้าหอมมันต้องได้ยินเสียงฟอด แบบนี้” ไม่ว่าเปล่า หากพันเดชยังใจดีสาธิตให้ดูเป็นตัวอย่างอีกต่างหาก ทำเอาคนถูกหอมฟอดใหญ่ถึงกับนิ่งอึ้งและหน้าร้อนผ่าวจนแทบไหม้ เพราะเกิดมาไม่เคยเปลืองตัวกับใครเท่านี้มาก่อน
“เข้าใจไหม? หรือถ้ายังทำไม่เป็นฉันยินดีสอนจนกว่าเธอจะชำนาญ”
“ไม่ต้องมาหาเรื่องฉวยโอกาสกับฉัน” หญิงสาวแหวเสียงแหลม หากพันเดชกลับทำเพียงยักไหล่ยิ้มๆ แล้วเอียงแก้มรอเช่นเดิม
“ให้ไว”
ดวงตาคู่สวยมองคนหน้าหนาเหมือนอยากจะร้องไห้เต็มแก่ แต่หากเธอยังดื้อดึงวันนี้คงไม่ได้เข้าเรียนเป็นแน่ จึงจำต้องข่มใจยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มสากฟอดใหญ่
กลิ่นหอมประหลาดจากบุรุษเพศที่ไม่เคยพานพบที่ไหนมาก่อนเพราะเป็นกลิ่นเฉพาะตัวของเขา ทำเอาหัวใจดวงน้อยเต้นแรงเป็นกลองเพลจนเผลอกะพริบตาปริบถี่ๆ หากหญิงสาวก็พยายามตั้งสติแล้วถอนใบหน้าออกมาอย่างรวดเร็วโดยไม่มองหน้าคนเอาแต่ใจอีก
พันเดชเห็นแก้มเนียนแดงปลั่งเป็นลูกมะเขือเทศสุกก็ระบายยิ้มเต็มหน้า ก่อนจะยอมปลดล็อกให้คนตัวเล็กลงไปทำหน้าที่ของเธอในที่สุด หากแต่ก่อนหญิงสาวจะลงจากรถ เสียงเข้มก็ไม่วายหาเรื่องให้เธอปวดหัว
“หลังเลิกเรียนต้องไปทำงานที่ไหนหรือเปล่า”
“ทำไม”
“ถามก็ตอบ”
“ทำ” หญิงสาวตอบเสียงกระแทกอย่างไม่เต็มใจ
“ไปยกเลิกซะ เลิกเรียนแล้วนั่งรถไปหาฉันที่บริษัท อยู่ไม่ไกลจากมหาลัยของเธอ”
“จะบ้าหรือคุณ ทำแบบนั้นมันเสียเครดิต ต่อไปใครจะจ้างฉัน”
“ก็ไม่ได้จะให้ไปทำ”
“เรื่องนี้ฉันไม่ตามใจคุณเด็ดขาด” หญิงสาวยืนยันเสียงเครียด พันเดชจึงมองหน้าเธออย่างจริงจังบ้าง
“จะยกเลิกเองหรือให้ฉันเป็นคนยกเลิก แต่ไม่ว่าทางไหนหลังเลิกเรียนวันนี้ฉันต้องได้เห็นเธอที่บริษัท เข้าใจ๊?”
“ไม่เข้าใจ” ร่างบางตอบกลับเสียงขุ่น “ถ้าคุณไม่ยอมให้ฉันทำงานแล้วฉันจะเอาเงินที่ไหนส่งที่บ้าน...ฉันก็ตามใจคุณที่สุดแล้วนะคุณพันเดช เมื่อไรคุณจะเลิกแกล้งฉันสักที มันสนุกมากนักหรือไงที่เห็นคนจนหนทางต้องยอมคุณจนแทบไม่เหลือศักดิ์ศรีแบบนี้”
ดวงตาคู่สวยมองคนกลั่นแกล้งอย่างตัดพ้อต่อว่า เหนื่อยเหลือเกินแล้วที่จะตามใจเขา หากเธอไตร่ตรองให้ดีและไม่เผลอตัวไปเซ็นสัญญาทาส นาราลักษณ์คงไม่ตกที่นั่งลำบากเท่านี้
“ก็ไม่ได้จะให้มาหาฟรีๆ ฉันก็มีงานให้เธอทำเหมือนกันนั่นละ ไม่ต้องกลัวว่าจะขาดรายได้หรอกน่า”
“งานขึ้นเตียงอย่างที่คุณบอกตอนแรกหรือคะ ฉันบอกแล้วไงว่าไม่สน ให้ตายฉันก็ไม่มีวันทำ”
“เอาเป็นว่าไม่ใช่อย่างที่เธอคิดก็แล้วกัน สบายใจได้...แล้วต่อไปนี้ก็ยกเลิกงานที่รับไว้ให้หมด เพราะฉันมีงานให้เธอทำเยอะแยะ...ที่ไม่ใช่งานบนเตียง”
“เช่น...”
“ตามใจฉัน”
หญิงสาวถอนหายใจอย่างระอา รู้สึกเหมือนเธอกำลังจะเป็นไมเกรนเมื่อต้องพูดกับพันเดชนานๆ แล้วนาราลักษณ์ก็เลือกจะจบบทสนทนาลงเพียงเท่านั้น เพราะขืนพูดกับเขาต่อคงไม่ได้สาระอะไรนอกจากประสาทเสีย
*********************
กิตวานิช กรุ๊ป
“อารมณ์ดีมาแต่ไกลเลยนะครับคุณเดช มีเรื่องอะไรดีๆ เกิดขึ้นหรือครับ” สมพงศ์เอ่ยทักเมื่อเห็นเจ้านายหนุ่มเดินยิ้มเข้ามา
“บ้าน่า...อารมณ์ดีอะไรกัน ผมปกติ”
ปฏิเสธทั้งที่หลักฐานยังคงปรากฏอยู่บนใบหน้าหล่อเหลา เลขาฯ หนุ่มจึงพยักหน้ายิ้มๆ และไม่พยายามรู้เหตุผล ขอเพียงพันเดชอารมณ์ดี วันนี้เขาคงทำงานได้อย่างสบายใจทั้งวันแล้วละ
“ช่วงบ่ายวันนี้ผมมีนัดที่ไหนหรือเปล่า”
“ไม่มีครับ แต่มีประชุมย่อยกับฝ่ายการตลาดเรื่องผลิตภัณฑ์ใหม่ตอนบ่ายสองโมงครับ”
“แจ้งพวกเขาว่าให้เลื่อนเป็นวันพรุ่งนี้เช้า ช่วงบ่ายผมติดธุระ”
“ธุระอะไรหรือครับ” เลขาฯ หนุ่มถามอย่างแปลกใจ เพราะเขาเป็นคนดูแลเรื่องตารางงานของคนเป็นนาย แต่กลับไม่รู้สักนิดว่าพันเดชมีงานเร่งด่วน
“ธุระส่วนตัว”
เสียงเข้มตอบยิ้มๆ แล้วเดินเข้าห้องทำงานอย่างอารมณ์ดี ทำเอาคนเป็นเลขาฯ มองตามด้วยความงุนงง
“ธุระส่วนตัวเนี่ยนะ?” สมพงศ์เอียงคอฉงน “คุณเดชยอมทิ้งงานเพื่อทำธุระส่วนตัวตั้งแต่เมื่อไรวะ”
เลขาฯ หนุ่มได้แต่ตั้งข้อสงสัย ชักอยากจะรู้เสียแล้วว่าธุระส่วนตัวของคนเป็นนายคืออะไร เพราะรู้สึกว่าในระยะหลังเขาจะได้ยินคำนี้บ่อยขึ้น
*************************
“จะรีบอะไรขนาดนั้นนังชะนีน้อย ไม่กินข้าวก่อนหรือไง”
“นั่นสินาว ปกติจะกินก่อนไม่ใช่หรือ”
พลอยใสสำทับเมื่อเพื่อนสาวเร่งรีบออกจากคณะเพื่อไปทำงานต่อ ทั้งที่ปกติหากเลิกเรียนเที่ยงนาราลักษณ์จะไปนั่งรับประทานอาหารที่โรงอาหารคณะก่อน
“รีบนิดหน่อยน่ะ พวกแกกินกันเลย เดี๋ยวฉันไปหากินข้างหน้าเอา” นาราลักษณ์รีบตัดบทเมื่อถูกสายตาจับผิดของนัทตี้จ้องอย่างสงสัย
“นังชะนีน้อยมันทำตัวแปลกๆ ว่าไหมลูกสาว”
นัทตี้เอ่ยขึ้นพลางมองร่างบอบบางของเพื่อนสาวที่เดินจ้ำอ้าวออกจากคณะด้วยสายตาสงสัย
“นั่นสินัทตี้ วันนี้พลอยว่านาวดูแปลกๆ ไปนะ ตั้งแต่รีบตื่นอาบน้ำก่อนเราสองคนแล้ว”
“ทำตัวน่าสงสัยไปหมด เดี๋ยววันไหนอยู่พร้อมหน้าเราคงต้องจับเข่าคุยกับหล่อนละ”
“อื้อ พลอยก็ว่างั้น”
พลอยใสพยักหน้าเห็นด้วย หากแต่ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินไปที่โรงอาหาร พลันโทรศัพท์ของพลอยใสก็ดังขึ้นเสียก่อน ทว่าเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของใครพลันหัวใจดวงน้อยก็กระตุกวูบ ก่อนจะสูดหายใจแล้วรีบกดรับ
“จ้าเหนือ...มีอะไรหรือ?”
“อยู่กับนาวหรือเปล่า โทร.ไปก็ไม่รับ ฝากบอกมันรับสายหน่อย”
“นาวเพิ่งออกไปเมื่อกี้จ้า เห็นบอกว่าต้องรีบไปทำงานต่อ”
“รีบอะไรขนาดนั้นวะ เมื่อคืนก็หนีกลับเอง” ปลายสายสบถอย่างหัวเสียด้วยความเป็นห่วง
“เราก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“อืมๆ ช่างเถอะ ไม่กวนละ”
“เอ่อ...เหนือจะมากินข้าวด้วยไหม” เสียงหวานรีบโพล่งขึ้นจนคนเป็นเพื่อนต้องหันขวับมามอง และปลายสายก็เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะจนเจ้าของเสียงหวานกะพริบตาปริบๆ อย่างตกใจ ก่อนจะรีบแก้เก้อเสียงตะกุกตะกัก
“คือ...ระ...เราเห็นว่าปกติเหนือจะมากินข้าวเที่ยงกับนาว เราเลยถามดูเผื่อเหนือจะฝากซื้ออะไร”
“ไม่เป็นไร นาวมันไปแล้วไม่ใช่หรือ”
“อ๋อ...อื้อ”
“เท่านี้ละ”
สิ้นเสียงทิศเหนือก็กดตัดสายไปทันทีราวกับหมดธุระ หากแต่สายตาจ้องจับผิดของคนข้างๆ ยังไม่ละไปไหนจนพลอยใสออกอาการเลิ่กลั่ก
“มะ...มีอะไรหรือนัทตี้”
“ทำไมผัวเบอร์สองของคุณแม่ถึงโทร.มาหาลูกสาวได้คะ? ไปแอบมีเบอร์กันตอนไหน สารภาพบาปมาเดี๋ยวนี้ค่ะ”
“นานแล้ว...เหนือขอไว้เวลาติดต่อนาวไม่ได้น่ะ”
“แหมมมมมมม” นัทตี้ลากเสียงยาวและมองเพื่อนสาวอย่างรู้ทัน “แอบมีเบอร์ผู้เป็นนานสองนานแต่ปิดเงียบเชียวนะนังลูกสาวตัวดี”
“ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญสักหน่อย” ว่าแล้วก็พยายามเดินเร็วๆ เพื่อหนีสายตาจับผิด หากนัทตี้ไม่ยอมปล่อยคนมีพิรุธไปง่ายๆ รีบสาวเท้าเดินตามจนได้ประชิดตัว
“หล่อนมีพิรุธ”
“มะ...ไม่มีสักหน่อยนัทตี้”
“ถ้าไม่มีแล้วทำไมต้องเดินหนี แถมหลบตาฉันอีกต่างหาก” ยิ่งว่าพลอยใสยิ่งรีบเดินจนนัทตี้ต้องคว้าแขนเล็กให้หยุดคุยกันอย่างจริงจัง
“นานแค่ไหนแล้วพลอย”
“อะ...อะไร?” ดวงตาคู่สวยกะพริบปริบๆ มองเพื่อนรักแล้วรีบก้มหน้าหนี นั่นยิ่งทำให้นัทตี้มั่นใจว่าเพื่อนสาวกำลังมีอะไรปิดบังตนอยู่ และคนรู้ทันก็พอจะมองออกว่าอะไรเป็นอะไร
“แกชอบเหนือมานานแค่ไหนแล้ว”
“พลอย...” พลอยใสถึงกับอึ้งเมื่อถูกถามตรงๆ ก่อนที่ดวงตาของเธอจะหม่นลงเล็กน้อย “ตั้งแต่รู้จักกับนาววันแรก...”
“ปีหนึ่ง!” นัทตี้โพล่ง “ป๊าด...ลูกสาวคะ หล่อนเนียนมาก เก็บเงียบจนดูไม่ออกเลย นี่ถ้าไม่เห็นเสียอาการใส่เขาเมื่อกี้ฉันไม่รู้เลยนะว่าแกแอบชอบเหนือมาตลอด”
“อย่าบอกใครนะนัทตี้ โดยเฉพาะนาว...พลอยไม่อยากให้นาวลำบากใจ”
“ไอ้นาวอะมันไม่ลำบากใจหรอก เพราะดูทรงแล้วเพื่อนแกคงไม่ได้คิดอะไรกับเหนือเกินเพื่อนสนิท...แต่เหนือเนี่ย แกคงดูออกใช่ไหมว่ามันรักนาวมาก”
“พลอยรู้...เหนือดูแลนาวดีขนาดนั้นคงไม่มีเพื่อนธรรมดาที่ไหนทำหรอก” พลอยใสรู้ดี เพราะเธอสังเกตเขามาตลอด
“เฮ้อ...ชอบใครไม่ชอบดันไปชอบคนที่เขาหัวใจไม่ว่าง เห็นแววนกตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยลูกสาวฉัน”
“พลอยไม่เคยคิดอยากจะครอบครองหัวใจของเหนืออยู่แล้วนัทตี้...แค่ได้ชอบเงียบๆ ก็พอแล้ว”
“แม่พระไปอีก” นัทตี้ส่ายหน้า “แล้วไอ้ที่บอกว่าไม่หวังน่ะ หยุดปลอมค่ะลูกสาว เพราะลึกๆ แกก็อยากได้หัวใจเขาแหละ ใช่ไหมล่ะ”
“เปล่าสักหน่อย” พลอยใสว่าอย่างอายๆ เมื่อถูกรู้ทัน นัทตี้จึงส่ายหน้ายิ้มๆ อย่างเอ็นดูในความไร้เดียงสาของเพื่อน
“เอาเถอะๆ ปฏิเสธให้ตายฉันก็ไม่เชื่อหรอก...เอาเป็นว่าเดี๋ยวแม่ช่วยเอง”
“นัทตี้จะทำอะไร?”
คนมีแผนยิ้มกริ่มอย่างมีเลศนัย
“บอกก็ไม่ตื่นเต้นสิจ๊ะ”
**************************
มีพิรุธกันถ้วนหน้า ^O^
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

467 ความคิดเห็น
-
#427 Jreye (จากตอนที่ 14)วันที่ 20 มกราคม 2564 / 19:56รอจ้าๆๆๆๆ#4270
-
#17 aranyaorchid (จากตอนที่ 14)วันที่ 9 กันยายน 2563 / 15:01อิป๋าความหล่อความฮอตไม่พอไม่โดนใจน้องน้องเลยไม่รู้จัก555555#171
-
#17-1 สิริรฉัตร//ปัณฑารีย์(จากตอนที่ 14)10 กันยายน 2563 / 05:5355555555 เป็นน่าสงสาร#17-1
-