NC

คำเตือนเนื้อหานิยาย

นิยายเรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหานิยาย

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา [E-Book]

    ลำดับตอนที่ #9 : บทที่ ๘ ฝันร้าย

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 65
      3
      30 ก.ค. 63

    บทที่ ๘

    ฝันร้าย

     

              ยามบ่ายคล้อยของวันอากาศอบอ้าว เอกรัตน์วิ่งวนระหว่างเกษตรจังหวัดกับโรงพยาบาลเพื่อขอคำปรึกษาเรื่องการเพาะพันธุ์สมุนไพร หลังจากได้คำแนะนำเรื่องดินฟ้าอากาศที่เหมาะสม ชายหนุ่มก็ลงความเห็นว่าที่ดินแปลงที่ดวงแขเคยกล่าวถึงช่างเหมาะเจาะที่สุด ราวกับพยาบาลวิชาชีพสาวผู้นั้นศึกษาค้นคว้ามาอย่างดี

              “ดวงแขเขาก็เคยมาถามผมเหมือนกัน เรื่องสมุนไพรป่าที่อยากนำมาทดลองปลูก” คุณหมอใหญ่บอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเมื่อได้ยินคำถามแรกของเขา

              “แล้วดวงแขอยากปลูกอะไรหรือครับ” ชายหนุ่มสนใจอยากรู้

              “ส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในรายการที่หมอไหมแก้วช่วยผมทำระเบียนไว้ในแฟ้มงานวิจัยนั่นแหละ เขาว่าจะลองปลูกลงบนแปลงผักเล็ก ๆ ของเขา”

              เอกรัตน์รับฟังเงียบ ๆ แล้วชั่งใจว่าจะเล่าให้คุณหมอใหญ่ฟังเรื่องที่ดินแปลงนั้นดีหรือไม่ เพราะเกรงว่า หากเล่าไปแล้วอาจทำให้ถูกเข้าใจไปว่าเขาใช้เงินในการแข่งขันหาเสียง แทนที่จะสู้กันด้วยความสามารถ

              “อ้อ แล้วดวงแขเขาก็เคยมาขอยืมงานวิจัยของผมไปศึกษาด้วยเหมือนกัน”

              “ดวงแขน่ะหรือครับ?

              “ใช่ ถ้าคุณสนใจอยากอ่าน ไว้ผมจะเอามาให้ยืม”

              “ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มกล่าวด้วยความยินดี หลังจากนั้นก็มีพยาบาลมาแจ้งนัดหมายคนไข้ เขาจึงล่ำลาคุณหมอใหญ่แล้วเดินทางออกจากโรงพยาบาล

              เอกรัตน์มุ่งตรงสู่บ้านของตนอันเป็นสถานพำนักแห่งสุดท้ายของชีวิตในทุก ๆ วัน แม้จะกลับไปพบกับความวุ่นวายหรือเหล่าสมุนนักเลงที่เดินกันขวักไขว่ แต่นั่นก็เป็นที่พักพิงให้กายและใจอันเหนื่อยล้ามาตลอดตั้งแต่เกิด

              แม่จากเขาไปนานแล้วด้วยอุบัติเหตุ ทิ้งเขาและน้องอีกสองชีวิตให้ทนอยู่กับความเหงาอ้างว้าง หากจะรบเร้าให้บิดาหันมาดูแลทดแทนความอบอุ่นของมารดา เห็นทีว่าเขาคงได้จับปืนผาหน้าไม้แทนจอบเสียมซึ่งใช้ในหน้าที่นักพัฒนาที่ดินทำกิน อาชีพที่บิดามองด้วยสายตาเหยียดอย่างเงียบ ๆ เขาจึงต้องเดินบนหนทางนี้ด้วยกำลังแรงและกำลังใจของตน

              แล้วโชคชะตาก็พาเขามาพบไหมแก้ว ในวันแรกที่เธอเข้ามารับตำแหน่งหมอประจำหมู่บ้านช้าง ก็เหมือนกับเป็นวันแรกที่หัวใจเหี่ยวแห้งดั่งหญ้าคาได้รับหยาดน้ำฝนชโลมฉ่ำฟื้นคืนชีพอีกครั้ง ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอดำเนินจากการเป็นเพื่อนร่วมงานจนไปสู่คู่รักที่มีเป้าหมายเดียวกัน

              แม้ว่าคุณหมอสาวจะไม่อ่อนหวานอย่างสตรีอื่น แต่ก็มีความเข้าใจให้เขาเสมอมา เว้นแต่เรื่องวิธีการทำให้ความฝันเป็นจริง

              ถึงเราจะไม่มีอำนาจ ไม่มีบารมี แต่เราก็มีความสามารถพอที่จะใช้มันทำอุดมการณ์ให้เป็นจริงได้

              เขาจำวรรคทองของเธอได้ขึ้นใจ เธออาจมีความรู้ในวิชาชีพที่เธอเป็น แต่เธอไม่รู้ว่ายังมีเครื่องมือที่หลายคนใช้พาไปถึงฝั่ง ก็เปรียบได้กับเรือแจวใช้กำลังแรงพายพาเขาและเธอล่องไปตามธารฝัน แต่เรือยนต์ไปได้ไกลและเร็วกว่ามากมายนัก ยังไม่รวมถึงในตอนขึ้นฝั่งแล้วโดนปิดท่าเพื่อเรียกค่าผ่านทาง

              เอกรัตน์ไม่อยากรอฟ้ารอฝน การก้าวเข้าสู่เวทีนักการเมืองท้องถิ่นจึงเป็นทางด่วนที่จะทำให้เขาและไหมแก้วลอยลำเข้าสู่ความสำเร็จ

              เรื่องนี้เขาเรียนรู้จากบิดา ที่มักใช้อำนาจและเงินเป็นเครื่องมือในทุกเรื่องที่ต้องการ มิเช่นนั้นแล้ว บารมีของนายทรงชัยคงไม่แผ่กระจายไร้ผู้ใดทัดทาน แต่นั่นก็หลังจากการล่มสลายของอิทธิพลนายพนา เพราะหากมหาโจรยังครองดินแดนตะวันตกอยู่ ต่อให้เป็นนักเลงใหญ่นักเลงโตแค่ไหน ก็ต้องปิดประตูขังตัวเองอยู่แต่ในบ้าน

              รถกระบะของชายหนุ่มแล่นเข้าสู่เรือนไม้สักขนาดใหญ่ สมุนของบิดาทั้งหลายที่สัญจรไปมาต่างทำความเคารพประมุขน้อยของบ้านก็ล้วนเป็นภาพชินตา แต่สิ่งที่ผิดแผกไปคือรถยนต์สีดำยี่ห้อนำเข้าจากยุโรปคันนั้นจอดอยู่ในที่จอดของเขา ซึ่งเป็นการบอกถึงกิตติมศักดิ์ของแขกรายนี้ได้ดี

              ชายหนุ่มจึงรีบจอดรถแล้วเดินขึ้นบันไดของเรือนหลังใหญ่ ได้ยินเสียงหัวเราะของบิดาลอยมาตั้งแต่เท้ายังไม่ข้ามธรณีประตูดี

              “ต่อให้ยากแค่ไหน ผมก็ทำงานให้คุณสำเร็จ ของที่คุณนายบอกให้ปล่อยล่าสุดก็ถึงมือลูกค้า รับรองว่าคุณไม่สามารถหาใครที่ไหนทำงานได้ดีไปกว่าผมแล้วในแถบตะวันตก”

              คำพูดโอ้อวดนั้นไม่ได้เกินจริง เพราะในเวลานี้บิดาของเขาวางบารมีไว้ทั่วทุกหัวตำบล ซึ่งก็อาจรวมถึงหัวคะแนนที่บิดาจ่ายเงินหนุนให้อย่างลับ ๆ แต่เอกรัตน์รู้การเคลื่อนไหวทุกอย่าง และแม้ว่าเขาจะไม่พอใจ ก็ไม่ได้ออกปากห้าม ด้วยเพราะในส่วนลึกของใจนั้นยังมีความต้องการเอาชนะคู่แข่งทุกคนเพื่อก้าวไปสู่ฝัน

              “ผมดีใจจริง ๆ ที่ได้รู้จักคุณนาย และก็ขอบคุณแทนลูกชายด้วยสำหรับการสนับสนุนเงินหาเสียง น่าเสียดายที่เขาไม่อยู่ ก็คงออกไปสร้างคะแนนนิยมเหมือนทุกวันนั่นแหละ”

              เมื่อได้ยินว่าถูกเอ่ยถึง เอกรัตน์จึงก้าวขาเข้าไปที่กรอบประตูเพื่อลอบมอง เห็นใบหน้าอิ่มเอิบของบิดา ส่วนแขกของบ้านนั้นมีสองคน คนที่ยืนอยู่เป็นชายฉกรรจ์ผมสีดำเหลือบน้ำเงินยาวรวบไว้ตรงท้ายทอย สวมใส่แว่นตากันแดดและสวมชุดดำทั้งชุด

              ส่วนอีกคนนั้นนั่งหันหลังให้ และถึงจะไม่เห็นใบหน้า แต่เรือนผมยาวสีดำขลับดัดเป็นลอนตัดกับผิวขาวปานหยวกกล้วยที่เผยพ้นเสื้อคอปาดกว้าง ก็เรียกสายตาของชายหนุ่มให้จ้องมองความนวลเนียนของผิวพรรณไม่วางตา และเขาอาจแสร้งยังไม่กลับตามที่บิดาเอ่ยไว้ได้ ถ้าเด็กรับใช้ไม่ยกถาดน้ำดื่มเข้ามาแล้วเกิดเสียงแก้วกระทบกับถาด จนสายตาไวของบิดากวาดมาเจอ

              “อ้าว นั่นไง พูดถึงก็มาเลย”

              การถูกจับได้อาจไม่ทำให้เอกรัตน์ตื่นตระหนก แต่เมื่อแขกสาวผู้นั้นเอี้ยวใบหน้ามา ก็คล้ายกับหยุดทุกความเคลื่อนไหวรอบกายชายหนุ่ม แม้แต่ลมหายใจก็ขาดช่วงไปราวกับถูกดูดกลืนหายไปในดวงตาแสนงามคู่นั้น

              “มาทำความรู้จักคุณนายดาราเสียสิ”

              เสียงของบิดากระตุกขาให้ก้าวเดินเข้าไปยืนน้อมศีรษะพร้อมกับยกมือขึ้นประนมแนบอก ก่อนกล่าวคำทักทาย “สวัสดีครับ ผมเอกรัตน์ ยินดีที่ได้รู้จัก”

              “สวัสดีค่ะ...คุณเอกรัตน์”

              คล้ายกับชื่อของเขาถูกเปล่งอย่างชัดถ้อยชัดคำ แต่นั่นไม่สะกิดความรู้สึกได้มากเท่ากับเรียวปากอิ่มสีแดงสดที่แย้มรอยยิ้มน่าประทับใจ จนเขาจับความประหม่าในเสียงพูดของตนได้ชัดเจน

              “ผม...ผมได้ยินเรื่องของคุณนายดาราจากพ่อแล้ว ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนให้เป็นผู้นำชุมชน แต่ถ้าผมทำให้คุณนายผิดหวังก็ต้องขออภัยล่วงหน้าด้วย”

              “คุณจะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง” เธอเปล่งเสียงเรียบ แต่ทรงพลัง ขัดกับใบหน้าสวยหวานและเรือนร่างกลมกลึงแบบอิสตรี

              “แกควรพูดว่าผมจะตอบแทนน้ำใจของคุณนายให้ถึงที่สุดหากผมชนะ ถึงจะถูก” บิดาของเขากล่าวแทรกแล้วหัวเราะเสียงดัง

              คุณนายสาวคลี่ยิ้ม จ้องใบหน้าเขาแน่วนิ่ง “ฉันก็หวังว่าจะได้รับการตอบแทนที่สาสม” จากนั้นเบนสายตาไปทางนักเลงใหญ่ “คุณทรงชัยคงไม่ว่าอะไร ถ้าฉันอยากหาโอกาสนัดทานข้าวเพื่อคุยเกี่ยวกับนโยบายกับคุณเอกรัตน์”

              “ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธนี่ครับ ใช่ไหมเอกรัตน์”

              ทว่าเอกรัตน์ได้แต่อ้ำอึ้ง ยืนนิ่งเฉยมองหญิงสาวอย่างพินิจพิเคราะห์ ด้วยความอ่อนวัยที่ไม่น่าต่างจากเขามากนัก แต่ทำไมถึงมีเงินทองมหาศาลขนาดเป็นเจ้าของกิจการผับในเมืองกรุง และในนาทีนั้น คล้ายกับร่างงามถูกโปรแกรมมาให้ได้รับการปกป้อง ชายฉกรรจ์ในชุดดำจึงเคลื่อนตัวมาบดบังตัวเธอไว้จนมิด

              “ฉันคงต้องขอตัวกลับก่อน แล้วนายสำริดจะเป็นผู้ติดต่อมอบงานให้เหมือนทุกครั้ง” จากนั้นคุณนายสาวลุกขึ้น ลอบส่งสายตามาให้เอกรัตน์ในแบบที่ปลุกปั่นเลือดในกายหนุ่มให้ร้อนผ่าว ก่อนเดินนวยนาดนำคนของเธอออกจากเรือนไป

              “ผู้หญิงคนนี้เหมือนกุหลาบ สวยแต่มีหนามแหลมคม” บิดาของเขากล่าวลับหลังแขกสำคัญในตอนที่มองรถสีดำคันนั้นเคลื่อนตัวออกจากอาณาเขตบ้าน

              “ไม่...เธอไม่ได้เหมือนกุหลาบ” เอกรัตน์แย้งเสียงเบาคล้ายรำพึง

              เพราะกุหลาบอาจถือว่าเป็นราชินีแห่งมวลดอกไม้ แต่สำหรับหญิงสาวที่เพิ่งทิ้งสายตาแห่งแรงปรารถนาให้เขาแล้วจากไป เธอวางท่าดั่งเป็นราชินีของทุกคน และแววตาหมายมั่นคู่นั้นมีความต้องการแรงกล้าในบางอย่างที่เขาไม่อาจเข้าใจ

     

              บนโขดหินในม่านน้ำตกสีรุ้ง มีเงาของสองร่างแบ่งปันไออุ่นโอบกอดรัดรึงและขยับเคลื่อนไหวอ่อนพลิ้ว คล้ายดั่งผีเสื้อร่ายรำบทเพลงรัก ส่วนเธอนั้นยืนแข็งทื่อ ลอบมองชายคนรักเสพสมกับผู้ช่วยที่เธอทั้งรักและเอ็นดูปานน้องสาว

              นังงูร้าย คำแรกที่ผุดขึ้นมากลางใจ แต่ไม่อาจเอ่ยออกไป เขาก็ร้ายเหมือนงูเห่า คำที่สองสะท้อนก้องในหัวไม่ห่างกัน

              ฉันขอร้องนะคุณหมอ อย่าให้ดวงแขมันอับอายท้องไม่มีพ่อเลยคำกล่าวของนางลาโพที่พร่ำพูดพลางก้มกราบเท้าเธอในวันก่อนเป็นความจริง

              ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เธอคนนั้นฝังเขี้ยวก่อนปล่อยพิษให้แทรกซึมสู่หัวใจของเธอโดยไม่รู้ตัว และกี่ครั้งแล้วที่เขาลอบสมสู่กับหญิงอื่นทั้ง ๆ ที่กำลังจะแต่งงานกับเธอ

              สุดท้าย ความรักกับความเชื่อใจที่สะสมทีละเล็กทีละน้อยก็แตกออกเป็นเสี่ยง ณ วินาทีที่เห็นภาพบาดใจ

              ฉันจะหลีกทางให้ แล้วจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เธอยืดคอ เปล่งเสียงแข็งลอดไรฟัน สะกดกลั้นไฟแค้นที่สุมอกจนร้อนรุ่ม แล้วยื่นคำขาดไม่ให้ความช่วยเหลือใด ๆ ถ้าอยากให้เขาตบแต่งกับดวงแขตามประเพณี ก็ขอให้ป้าลาโพไปบอกกับนายทรงชัยเองเถอะ

              ความเจ็บปวดจากแผลทางกาย เธอรู้ว่าจะรักษาด้วยยาขนานใด แต่ความเจ็บปวดในหัวใจนั้น แผลมันลึกสุดหยั่งอย่างไม่มียาวิเศษใดมาสมานแผลใจได้ น่ายินดีที่นายทรงชัยรับปากส่งขบวนขันหมากมารับสะใภ้ที่ท้องก่อนแต่ง

              แต่เธอไม่ขอไปร่วมงาน และไม่ขอเจอหน้าใคร ไม่ว่าจะเป็นยายก่อพอ ผู้ใหญ่บ้าน หรือแม้แต่เสียงของหญิงสาวผู้ช่วยที่ตะโกนเรียกหาหน้าประตูเรือนในคืนส่งตัวด้วยน้ำเสียงร้อนรน

              คุณหมอไหมแก้ว เปิดประตูให้ฉันที

              ไปซะดวงแข ไปเตรียมตัวรับขบวนขันหมากจากเอกรัตน์เสียเถอะ เธอขับไล่ด้วยเสียงโกรธขึ้ง

              คุณหมอไหมแก้ว ฉันไม่ใช่...

              บอกว่าให้ไป ไปจากชีวิตฉัน นังงูพิษ!’

              เพียงไม่กี่วินาที เสียงเรียกด้านนอกหายเงียบไปแล้ว เหลือแต่เสียงน้ำตาของเธอที่คร่ำครวญออกมาดัง ๆ จนได้ยินเสียงผู้ชายตะโกนเรียกพร้อมกับเคาะประตูแรงจนผนังสะเทือน เธอจึงปาดน้ำตา เดินไปเปิดประตู แล้วก็พบกับชายแปลกหน้าผู้หนึ่งยืนมองด้วยดวงตาวาว

              มีคนถูกทำร้ายบาดเจ็บในป่า คุณหมอไปดูเขาหน่อย

              ด้วยวิญญาณของวิชาชีพ ไหมแก้วจะเดินกลับไปคว้ากระเป๋าแพทย์ เตรียมทุกอย่างให้ครบ แต่เธอกลับถูกชายผู้นั้นฉุดแขนแล้วบอกว่าไม่มีเวลาพอ ก่อนลากพาเธอไปยังป่าหลังหมู่บ้านกะเหรี่ยงอย่างร้อนรน แล้วภาพทุกอย่างที่ปรากฏก็สั่นสะเทือนหัวอกจนเจ็บปวด

              เธอเห็นภาพการทารุณทางเพศ เห็นรอยยิ้มเย้ยหยัน เห็นน้ำตาของหญิงสาว เห็นร่างเปื้อนเลือดสด เห็นดวงตาของความเคียดแค้น แต่แล้วทุกภาพก็สลายไปในความมืด

              ครืนนน!!!

              เปรี้ยงงง!!!

              แสงสว่างวาบทำให้ดวงตาพร่ามัว หัวใจของเธอเต้นแรงจนคล้ายมันอยากกระโดดออกจากอก เมื่อมีลำแสงจากเบื้องบนพุ่งดิ่งลงมาบนร่างของหญิงชรา เสียงสายฟ้าดังก้องไปทั่วแผ่นดิน เสียงกรีดร้องโหยหวนแหลมเล็กของหญิงชราก็เหมือนมีดกรีดหัวใจ ร่างของนางลาโพดิ้นพล่าน มีเลือดไหลออกทุกทวาร เส้นประสาททุกสรรพางค์กระตุกสั่น ผิวหนังไหม้เกรียม

              เปรี้ยงงง!!!  

              กรี๊ด!!!’ หญิงสาวกรีดร้องยกมือปิดหู

              กรี๊ด!!!’

              เธอเห็นดวงตาถลนของนางลาโพปรากฏอยู่ตรงหน้า จึงกรีดร้องยกมือป่ายปัดให้ภาพลวงตานั้นสลายไป แต่คล้ายกับกลายเป็นการกวักมือเรียกให้ความน่าสะพรึงเคลื่อนเข้าใกล้

              กรี๊ด กรี๊ด!!!’ ไหมแก้ววิ่งหนีสุดชีวิต

              เปรี้ยงงง!!!

              แต่แล้วก็สะดุ้งตัวโยนไขว่คว้าหาที่กำบัง แต่ในความมืดนั้นมองไม่เห็นสิ่งใดเลย เธอร้องไห้ลนลาน ตะโกนขอความช่วยเหลือ

              เปรี้ยงงง!!!

              สายฟ้าฟาดลงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันกระหน่ำลงบนตัวเธอ ร้อนแรงจนผิวหมกไหม้ แบมือตัวเองดูเห็นเนื้อละลายเหลวเป็นแผลเหวอะ แต่ในแผลนั้น เธอจ้องมองลึกลงไป มีดวงตาถลนปูดโปนคู่เดิมแทรกตัวออกมาจากผิวบนฝ่ามือ แล้วจับจ้องมองเธอด้วยความเคียดแค้นชิงชัง

                กรี๊ด!!!’

              “คุณหมอ คุณหมอ” เสียงของใครคนหนึ่งเรียกชื่อเธอ

              “คุณหมอแค่ฝันไป มันเป็นแค่ฝัน” มีเสียงนุ่มอ่อนโยนปลอบประโลมข้างหู

              จิตของคุณหมอสาวจึงค่อย ๆ รับรู้ เปลือกตาบางค่อย ๆ ลืมขึ้นตื่นจากความฝัน แต่เสียงฝนกระหน่ำฟ้าคำรามข้างนอกนั้นเป็นของจริง และอ้อมกอดอุ่นนี้ก็เป็นของจริงเช่นกัน

              “คุณก้อง”

              ไหมแก้วเปล่งชื่อชายหนุ่มเจ้าของวงแขนแกร่งที่โอบกอดตัวเธอไว้ แล้วกวาดตามองโดยรอบเพื่อระลึกความทรงจำหลังจากเขามาส่งเธอถึงโรงพยาบาล

              การรักษาไม่ยุ่งยากซับซ้อนเพราะเจ้างูตัวนั้นไม่มีพิษร้ายแรงมากมายนัก แค่ล้างบาดแผลและให้ยาตามอาการก็กลับบ้านได้ แต่นายสถาปนิกหนุ่มยืนยันขอให้นอนโรงพยาบาลสักคืน เธอจึงให้เขาพามาพักที่บ้านพักแพทย์แทนการใช้ห้องที่ควรจะเป็นของประชาชน

              “ฉันนึกว่าคุณกลับไปแล้วเสียอีก”

              “ผมก็คิดว่าจะทำแบบนั้น แต่พอรู้ตัวอีกทีก็นอนเฝ้าคุณหมอบนพื้นข้างเตียง” เขาเอ่ยเสียงแผ่ว คลายวงแขนที่กอดรัดแน่นก่อนหน้าออกพอหลวมๆ แต่พอมีแสงฟ้าแลบก็รัดกอดแน่นอีกครั้งในตอนที่ร่างบอบบางสะดุ้งตัวโยน

              “เป็นเพราะฝันร้ายเลยทำให้คุณหมอกลัวฟ้าผ่า หรือเพราะฟ้าผ่าคุณหมอถึงฝันร้าย”

              ไหมแก้วเม้มปากไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องในฝัน แต่พอวงแขนกระชับแน่นเข้า เธอก็ต่อว่าเขาเสียงขุ่น “คุณไม่จำเป็นต้องรู้หรอกค่ะ แล้วก็ปล่อยฉันเสียที”

              เขาหัวเราะในลำคอ “ผมจำเป็นต้องรู้ ถ้าเป็นเพราะอย่างแรก ผมจะปล่อยให้คุณหมอนอนต่อ แต่ถ้าเป็นเพราะอย่างหลัง ผมคงสะดุ้งตื่นมากอดคุณหมอไว้ทั้งคืน”

              ไหมแก้วตอบตัวเองไม่ถูกเช่นกันว่าอาการกลัวฟ้าผ่าของเธอมาจากฝันร้าย หรือที่มักฝันร้ายถึงคืนแสนน่ากลัวนั้นเป็นเพราะฟ้าผ่า แต่ถ้าให้ไตร่ตรองอย่างถ้วนถี่ มันมีเหตุผลที่ดึงเธอเข้าสู่ภวังค์ความกลัวทั้งสอง ที่ไม่ใช่ทั้งฝันร้ายและไม่ใช่ทั้งฟ้าผ่า

              “บอกผมมาสิว่าอย่างไหน”

              ยิ่งเธอหน่วงเวลาให้คำตอบ เขาก็ยิ่งแนบตัวเองกับแผ่นหลังเธอให้ชิดสนิทมากขึ้นเท่านั้น นึกอยากตำหนิเขาเรื่องการทำตัวลามปาม ถือวิสาสะใช้ความกลัวของเธอเป็นเครื่องต่อรอง

              “ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง” จึงเลือกตอบให้ตรงความรู้สึก แต่ก็ไม่อาจเล่าความจริงให้เขารู้ได้

              “แล้วมันคืออะไร คุณหมอบอกผมได้หรือเปล่า”

              “ปล่อยฉันเถอะ ฉันไม่เป็นไรแล้วค่ะ” เธอเลี่ยงการตอบคำถาม แต่พอหันหน้าไปก็ยังเจอแววตาใสซื่อ ทำเป็นไม่รู้ความ แถมลำแขนนั้นก็ขยับแน่นขึ้นกว่าเดิม จึงหยิกเข้าที่ต้นแขนเต็มแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อแบบไม่ยั้งแรง

              “โอ๊ย คุณหมอ หยิกผมทำไมเนี่ย!” แล้วก็คงเจ็บพอดู เพราะเขาร้องเสียขนาดนั้น

              “ก็เป็นการยืนยันว่าฉันไม่ได้ฝันอยู่”

              “เขามีแต่หยิกแก้มตัวเองนะครับคุณหมอ” เขาคลายอ้อมแขนจากตัวเธอ บ่นอุบอิบพลางลูบผิวเนื้อตรงที่ถูกหยิกป้อย ๆ

              แต่แล้วไหมแก้วก็สังเกตเห็นว่าเขายังอยู่ในสภาพเปลือยท่อนบน และแค่ชั่วอึดใจเดียวแก้มของเธอก็ร้อนผ่าวขึ้นทันควัน

              “นี่ยังไม่มีใครหาเสื้อผ้าให้คุณใส่อีกหรือ!

              ก้องปฐพีไหวไหล่ “ก็มีแต่เสื้อผู้ป่วย แต่ผมไม่เอาเพราะผมไม่อยากให้เขาสิ้นเปลือง”

              “คุณก็เลยให้ฉันเปลืองเนื้อเปลืองตัวด้วยการกอดฉันโดยไม่ใส่เสื้อแทนอย่างนั้นสิ”

              “อ้าว ดูสิ ผมทำคุณบูชาโทษแท้ ๆ” แล้วเขาก็ส่งสายตาค้อนให้เธอ ตามด้วยการบ่นอย่างกับหมีกินผึ้ง “คนเขาก็เป็นห่วง นอนเฝ้าทั้งคืน หนาวก็หนาว ผ้าห่มสักผืนก็ไม่มีห่ม ถ้าผมเป็นปอดบวมละก็ คุณหมอต้องรับผิดชอบ”

              ไหมแก้วจึงอมยิ้ม แล้วบอกเขาไปว่า “ขอบคุณนะคะ ทั้งเรื่องพาฉันมาโรงพยาบาล ทั้งเรื่องนอนเฝ้าอาการ แล้วก็เรื่องที่ช่วยปลอบฉันจากฝันร้าย” เธอหยุดคำพูดไว้เพราะรู้สึกหัวใจเต้นตามอาการขัดเขิน “หายโกรธฉันเถอะนะ”

              มุมปากหยักเริ่มทำองศาเป็นรอยยิ้ม แต่เขาควรจะลงจากเตียงไปนอนบนพื้นได้แล้ว ไม่ใช่เขยิบเข้ามาหาแล้วยื่นหน้าเข้าใกล้ เอ่ยด้วยประโยคแสนกวน

              “ไม่หาย ถ้าคุณหมอไม่เล่าความฝันให้ผมฟัง”

              “แล้วถ้าฉันไม่เล่า?” คุณหมอสาวนึกอยากท้าทาย

              “ก็หมายความว่าคุณหมออยากให้ผู้ชายหล่อ ๆ อย่างผมกอดทั้งคืน”

              “ผู้ชายอะไรหน้าไม่อาย ชมตัวเองก็ได้ แถมยังชอบฉวยโอกาส” เธอย่นจมูกใส่

              “ตอบ...ผู้ชายหน้าด้านที่มั่นใจในตัวเอง แล้วก็ชอบพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส”

              ไหมแก้วเผลอหัวเราะขบขัน ก็ที่เธอพูดไปน่ะ ตั้งใจประชด ใช่ประโยคคำถามเสียที่ไหนกัน

              “กวนนักนะ”

              ปากหยักคลี่ยิ้มบาง จับจ้องเธอด้วยดวงตาสีนิลเป็นประกาย ใบหน้าหล่อเหลาคมคายเคลื่อนเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น

              “คุณหมอได้ยินเสียงฟ้าร้องข้างนอกไหม มันจะทำให้คุณหมอหลับพร้อมกับฝันร้ายอีกหรือเปล่า”

              หัวใจของเธอเต้นแรง เปล่งคำพูดเสียงแผ่วเบา “ฉันได้ยินเสียงฟ้าร้อง...แต่”

              ดวงตาคมสีนิลจับจ้องรอคำตอบ หัวใจของเธอก็สั่นเมื่อความรู้สึกในตอนนั้นกำลังสั่งให้เธอบอก “ฉันไม่อยากนอนพร้อมกับฝันร้าย...ไม่อยากอีกแล้ว”

              “คุณหมอ...” เขาเรียกเธอคล้ายรำพึง มองเธอด้วยสายตาแสนหวานหยดงดงามประหลาดล้ำ ก่อนวาดวงแขนล้อมรอบร่างบอบบาง เอ่ยคำหยอกเย้าแหย่หัวใจที่กำลังเต้นไม่เป็นส่ำของคุณหมอสาว “คืนนี้ทั้งคืน ผมก็คงไม่ได้นอน”

              สองลำแขนโอบรัดกดแผ่นหลังของเธอให้โน้มตัวแนบกับแผ่นอกกว้าง ไหมแก้วทั้งสัมผัสทั้งได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นเป็นจังหวะภายใน เป็นเสียงทุ้มฟังไพเราะและบ่งบอกถึงความมีชีวิตที่เปี่ยมพลัง หรืออาจเป็นเพลงกล่อมให้เธอผ่อนคลายคล้ายเด็กน้อยในครรภ์มารดา ไหมแก้วจึงค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลงด้วยความมั่นใจว่า เขาจะกอดเธอไว้ให้หายจากฝันร้ายทั้งคืน

              “ไหมแก้ว!” เสียงเรียกนั้นทำให้ไหมแก้วลืมตาหันไปมองทันที

              “เอก!” แล้วแขกที่มาอย่างไม่คาดคิดก็พุ่งทะยานเข้ามาฉุดแขนเธอขึ้น ก่อนส่งหมัดอัดใบหน้าของนายสถาปนิกหนุ่มเต็มแรง

              “แกทำอะไรไหมแก้ว!

              ก้องปฐพีแลบลิ้นเลียเลือดจากรอยแตกที่ริมฝีปาก แล้วตอบไปว่า “กอด”

              “ไอ้ระยำ!” เอกรัตน์โกรธจนคลุ้มคลั่ง หมายก้าวเข้าไปซัดหมัดอีกครั้งให้สาแก่ใจ

              “หยุดนะเอก! เสียงห้ามของเธอหยุดหมัดที่ง้างสูงเตรียมพุ่งใส่หน้าของคนที่ยังนิ่งเฉยไม่สะทกสะท้าน “ถ้าเอกลดอารมณ์โทสะแล้วฟังไหม เอกจะยังคุยกับไหมได้ต่อ แต่ถ้าใช้ความรุนแรงเหมือนกับพ่อของเอกละก็ เราสองคนจะเป็นอะไรกันไม่ได้แม้กระทั่งเพื่อน!

              เอกรัตน์ขบกรามจนเส้นเลือดโป่งนูน หายใจหอบสะท้านหลายนาทีจนกำปั้นในอากาศลดความสูงลงข้างตัว

              “คุณกลับไปก่อน” แล้วคุณหมอสาวก็ออกคำสั่ง แต่คนที่เป็นเป้าหมายยังนั่งนิ่งเฉย จึงต้องจำใจหันหน้าไปมอง “คุณก้อง คุณกลับไปเถอะค่ะ เอกรัตน์อยู่กับฉันแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง”

              เจ้าของร่างสูงลุกขึ้น แล้วเดินผ่านเธอออกไปโดยไร้คำพูด ไม่มีการตอบโต้ แปลกในความรู้สึกของคุณหมอสาว ที่เธอคาดหวังให้เขาแสดงอาการกวนอย่างเคยมากกว่ามองเธอด้วยดวงตาว่างเปล่า

     

              เสียงโต้เถียงด้านในบ้านพักแพทย์ยังดังตลอดเวลา และแม้เขาจะยอมออกมาตามคำพูดของคุณหมอสาว แต่ก็ยังยืนใต้ชายคาเพื่อให้มั่นใจว่าเธอจะไม่เป็นไร

              จนกระทั่งเสียงโต้เถียงด้านในเงียบลง ก็เท่ากับเขาควรออกไปจากที่ตรงนี้ แต่ฉับพลันในตอนนั้นมีเสียงผิดแปลกดังจากพุ่มไม้ทางเข้าบ้านพัก เรียกชายหนุ่มออกจากภวังค์ความรู้สึก แม้มีสายลมพัดโบก แต่ก็เป็นกำลังลมระดับที่ไม่อาจขยับเขยื้อนกิ่งไม้ใหญ่ให้ไหวได้ ลางบอกเหตุชายหนุ่มจึงเริ่มทำงาน

              ก้องปฐพีเอี้ยวตัวหันหน้าไปทางเรือนพักแสนเงียบสนิท แล้วคิดว่าต้องพาตัวเองไปจากตรงนี้ก่อนเกิดเหตุอะไรไปรบกวนความปลอดภัยของคุณหมอสาว เขาเลือกใช้ทางด้านหลังที่อับแสงไฟ อาศัยเงาไม้หลบลี้หนีจากใครก็ตามที่คิดตามล่าทำร้าย พอย่างกรายเข้าสู่เรือนถัดไป ก็ฉวยได้เครื่องแบบแพทย์ที่ตากหลบฝนใต้ชายคามาผลัดเปลี่ยนชุด แล้วซุกกางเกงของตนไว้ใต้พุ่มไม้

              จากนั้นเดินวกกลับไปเส้นทางด้านหน้า กวาดสายตาเห็นรถกระบะคันที่เคยไล่ยิงซ่อนตัวเนียนใต้โรงจอดรถกู้ภัยคันเก่าซอมซ่อ แต่เพราะมองไม่เห็นตัวคน จึงตัดสินใจเดินลึกเข้าไปในเขตบ้านพักแพทย์ดีกว่าเดินย้อนเข้าไปโรงพยาบาล

              กริ๊ง ๆ

              มีเสียงกระดิ่งจักรยานดังจากด้านหลัง แต่ชายหนุ่มผู้กำลังปลอมแปลงเป็นหมอไม่หันกลับไปมอง จนเสียงล้อจักรยานเข้ามาใกล้

              “เพิ่งได้กลับหรือ ให้ผมไปส่งคุณไหม”

              คำเสนอมาพร้อมกับรอยยิ้มเปี่ยมความกรุณาจากคุณหมออาวุโสที่ชะลอความเร็วจักรยาน แต่เมื่อเขาหันหน้าไปหา ดวงตาการุณย์ของคุณหมอท่านนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นความสงสัย

              “คุณมาประจำที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมผมไม่คุ้นหน้า”

              ก้องปฐพีไม่ตอบคำถามอะไร เพราะเห็นใครผู้หนึ่งเดินดุ่ม ๆ ตรงมาที่ปลายสายตา จึงรีบขึ้นคร่อมซ้อนท้าย “เพิ่งมาวันนี้แหละครับ ผมมีเรื่องจะถามเกี่ยวกับที่นี่เยอะเลย พาผมไปคุยที่บ้านคุณหมอก่อนได้ไหมครับ”

              เขารวบหัวรวบหางโดยไม่ได้ถามความสะดวกใจ แต่คุณหมอท่านนี้ก็สนองกลับด้วยเสียงหัวเราะ “ได้สิ แต่พอถึงบ้าน ผมต้องเป็นฝ่ายถามก่อนนะ”

              จากนั้นก็ถีบจักรยานพาเขาตรงลึกเข้าสู่เขตบ้านพักที่ดูปลอดภัยมากกว่าส่วนหน้าที่ไร้คนพักอาศัย ซึ่งบ้านพักของแพทย์อาวุโสหลังที่เขามาขอรบกวนนั้นสว่างไสวด้วยไฟห้อยระย้าสีเหลืองนวลจากฝ้าชายคาเรือน และตรงซุ้มทางเข้าตัวบ้านมีไม้เลื้อยขึ้นเกี่ยวพันไปตามโครงเหล็กดัดโค้ง ส่งกลิ่นหอมจรุงแทรกตัวในความชื้นของอากาศหลังฝนตก

              “ต้นมะลิวัลย์น่ะ ภรรยาของผมชอบมาก เธอรักของเธอ ฟูมฟักมาตั้งแต่มันสูงไม่ถึงเข่าผม” หมออาวุโสกล่าวพลางเดินนำเขาขึ้นบันไดของเรือนที่ยกสูงจากพื้นเพียงเล็กน้อย แล้วหันมาโยนคำถามแรกให้เขา “หวังว่าความหอมหวานของมันจะไม่ทำลายประสาทรับกลิ่นของคุณนะ”

              “ไม่ครับ...คุณแม่ของผมก็ชอบต้นมะลิ ได้กลิ่นหอมของมันตั้งแต่ผมยังตัวสูงไม่ถึงเข่าคุณหมอ”

              คุณหมอหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ แล้วเรียกหาภรรยาของตน บอกให้รู้ว่าคืนนี้มีแขกไม่ได้รับเชิญมาเยี่ยมเยียน โดยชายหนุ่มถูกต้อนรับราวกับเป็นแขกพิเศษด้วยโซฟาตัวสบายกับชาสมุนไพรกลิ่นละมุน

              “คราวนี้บอกผมได้หรือยังว่าคุณเป็นใคร แล้วทำไมถึงไปเอาชุดของนายแพทย์คนนี้มาใส่ได้”

              นี่คงเป็นคำถามที่สองของคุณหมอท่านนี้ ก้องปฐพีจิบชาอุ่นให้ร่างกายผ่อนคลายแล้ววางแก้วลงเพื่อเริ่มต้นเล่า “ผมชื่อก้องปฐพี ฤทธิ์นาคา มาจากบริษัทชลธารคอนสตรักชัน”

              “อ้อ บริษัทที่จะมาฟื้นฟูหมู่บ้านช้าง”

              “ใช่ครับ” เขาตอบพร้อมรอยยิ้ม “เมื่อเย็นวาน ผมกับคุณหมอไหมแก้วไปเที่ยวน้ำตก แล้วเธอถูกงูกัด ผมเลยพามาโรงพยาบาล จริง ๆ แพทย์ผู้ตรวจบอกว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่ผมไม่วางใจอยากให้เธออยู่ใกล้หมอ เอ่อ...ถึงเธอจะเป็นหมอก็เถอะ คุณหมอไหมแก้วไม่อยากรบกวนห้องพักที่มีน้อยอยู่แล้ว เธอเลยให้ผม...”

              “พาเธอไปพักที่บ้านพักแพทย์” คุณหมอตอบแทนทันที แล้วเป็นฝ่ายอธิบายบ้าง “ผมก็รู้ข่าวจากแพทย์คนนั้น แล้วก็เลยโทร.บอกเอกรัตน์ให้ไปช่วยดูแล เพราะบ้านพักแถบนั้นไม่มีใครอาศัย น้องไหมอยู่ตัวคนเดียวจะอันตรายเกินไป”

              ก้องปฐพีร้องอ๋อในใจ เมื่อรู้ว่าคนที่ส่งนายแว่นเจ้าของหมัดกระแทกปากเขาเป็นใคร แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะลุกขึ้นโวยวาย บางทีนายแว่นหน้าจืดนั่นอาจปกป้องเธอได้ดีกว่าเขาที่กำลังถูกหมายหัว

              “ตอนที่ผมออกจากบ้านพักของเธอ ผมรู้สึกว่ามีคนตามทำร้ายผม พอหลบเลี่ยงหาที่ซ่อน ก็ไปเจอเสื้อแพทย์ที่แขวนตากไว้ เลยหยิบมาใช้ปลอมตัว” แล้วเล่าต่อถึงที่มาที่ไปของเสื้อคลุมสีขาวกับกางเกงสีเดียวกัน

              คุณหมอเจ้าบ้านส่งเสียงหัวเราะจนตาหยี ริ้วรอยของวัยลึกขึ้นชัดเจน แต่ผิวหน้ายังเปล่งปลั่งมีราศีอย่างผู้อาวุโสที่มีแต่คนนับถือ

              “แล้วดันไปเจอชุดแพทย์ของหมอที่รักษาไหมแก้วนี่สิ ขาเขาไม่ยาวเท่าคุณหรอก มันก็เลยสั้นเต่อเสียขนาดนี้ แต่เอาเถอะ ผมจะเก็บเป็นความลับให้ ไม่บอกเขาก็แล้วกัน แต่คุณต้องบอกผมว่าคนที่คิดทำร้ายคุณเป็นใคร เพราะถึงขนาดตามเข้ามาในเขตพักอาศัยของแพทย์แบบนี้ ก็ดูจะเหิมเกริมเกินไปมาก”

              ก้องปฐพีลังเลใจที่จะพูด แต่สายตามากประสบการณ์ที่มองมาก็คาดคั้นเอาคำตอบ “เด็กวัยรุ่นที่ชื่อทวีรัตน์”

              รอยยิ้มของคุณหมอหุบลงเล็กน้อย “ทวีรัตน์แค่ตัวลูก แต่ผมว่าที่คุณเผชิญอยู่น่ะเป็นตัวพ่อ”

              ก้องปฐพีเงียบงันไปชั่วครู่ ก่อนถอนหายใจยาว คิดแล้วว่า ถ้าอยู่หมู่บ้านช้างนานเท่าไร ก็อาจสร้างความเดือดร้อนให้คุณหมอไหมแก้วมากขึ้นเท่านั้น

              “แล้วคุณได้ทันเจอเอกรัตน์หรือเปล่า”

              ก้องปฐพีคลี่ยิ้ม ยังรู้สึกเจ็บแสบที่แผลแตกบนริมฝีปากไม่หาย “เจอเต็ม ๆ เลยครับ”

              “นี่เจอกันแล้วหรือ” ดวงตาของคุณหมอฉายแววกังวล แล้วเอ่ยประโยคต่อมาที่ทำให้คิ้วเข้มของสถาปนิกหนุ่มขมวดมุ่นเข้าหากัน

              “เอกรัตน์...เขาเป็นลูกชายคนโตของนายทรงชัย”

     

     

     



    ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านผลงานค่ะ

     ฤดีวัลย์


    สายอีบุ๊ก คลิกลิงก์ได้เลยค่ะ

    กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา


    ปรารถนาเพียงเธอ Love you so madly



    ขอบคุณที่แวะเข้ามานะคะ
    ผลงานที่อัพจบแล้ว
    หัวใจเศรษฐี



    ผลงานที่กำลังอัพ
    สิ้นแสงสุรีย์




    อยากคุยกับไรท์ กดแอดเฟรนด์หรือกดติดตามเลยค่า
    https://www.facebook.com/mylifeiswritingmydream/


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×