NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา [E-Book]

    ลำดับตอนที่ #17 : บทที่ ๑๖ ถ้าผมเป็นงู

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 48
      3
      30 ก.ค. 63

    บทที่ 16

    ถ้าผมเป็นงู

     

              ไหมแก้วรีบแต่งตัวตั้งแต่ไก่ยังไม่ขัน เพราะวันนี้เธอมีนัดสำคัญกับคุณหมอใหญ่ ทว่าสถานที่เป้าหมายไม่ใช่โรงพยาบาลอย่างทุกครั้ง แต่เป็นที่ทำการของนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ซึ่งใช้เป็นสถานที่ประชุมในหัวข้อสมุนไพรป่ารักษาโรคร้ายที่คุณหมอใหญ่จัดขึ้น เพื่อนำภูมิความรู้จากแต่ละตำบลแต่ละหมู่บ้านไปรวบรวมเป็นข้อมูลส่งให้สถาบันวิจัย

              และถ้าเป็นเวลาปกติทั่วไป ไหมแก้วจะไม่พลาดการประชุมนี้เด็ดขาด แต่ในเวลาที่หมู่บ้านช้างกำลังตกอยู่ในเหตุการณ์วุ่นวาย เธอมีเวลาแค่นำส่งตัวอย่างน้ำในบ่อบาดาล และน้ำต้มใบย่านางให้แก่เจ้าหน้าที่วิจัยที่เดินทางมาร่วมงาน จากนั้นก็ต้องกลับไปหมู่บ้านเพื่อพูดคุยกับชาวบ้านต่อ

              ไหมแก้วปิดประตูเรือนลงกลอนแน่นหนา แล้ววิ่งลงบันไดเรือนเพื่อไปหาเจ้าแก่ ด้วยหวังให้มันคืนชีพกลับมาช่วยงานเธอเหมือนทุกครั้ง แต่พอเหยียบคลัตช์แล้วก็ไร้เสียงใดตอบกลับ แม้แต่เสียงครางเหมือนคนป่วยใกล้ตายมันก็ไม่ส่งเสียงให้ได้ยิน

              จึงหันไปชะเง้อคอมองทางเรือนผู้ใหญ่บ้าน แต่ไม่เห็นรถกระบะบุโรทั่งคันเก่า ผู้ใหญ่บ้านคงขับมันออกไปอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นกับทางนายอำเภอ ซึ่งนอกจากยานพาหนะคันโตของบริษัทก่อสร้างที่จอดอวดโฉมไม่หางจากเรือนผู้ใหญ่บ้าน ก็ไม่เห็นทางใดที่จะพาเธอไปให้ถึงที่หมายได้เร็วกว่าช้าง

              “คงเลี่ยงไม่ได้แล้วใช่ไหม”

              เมื่อตัดสินใจแล้วก็เดินเท้าตรงไปยังหมู่บ้านชนเผ่า ลัดเลาะไปตามเส้นทางในป่าละเมาะ จนเมื่อใกล้ถึงเรือนพักแรมของสถาปนิกหนุ่มที่ติดกับชายป่ากล้วย ก็ได้กลิ่นบุหรี่ลอยโชยมาตามสายลมเย็น กลบความสดชื่นของกลิ่นดินหลังฝนตกใหม่ให้หายไป แล้วคนต้นเหตุก่อเกิดกลิ่นน่ารำคาญก็กำลังนั่งพิงราวบันไดอยู่บนชานเรือนพร้อมด้วยหลักฐานในมือ

              “คุณหมอ” เขาจ้องมองเธอด้วยดวงตาสีนิลขับแสงของดวงจันทร์ยามเช้า ใบหน้าเติมเต็มไปด้วยความประหลาดใจที่เห็นเธอปรากฏกายตรงหน้า

              “ทำไมคุณถึงมานั่งล่อเป้าตรงนี้ ไม่กลัวถูกเป่าหัวหรือคะ” ไหมแก้วตำหนิเสียงขุ่น

              “ขอบคุณที่เป็นห่วงผม” เขาคลี่ยิ้มบางแล้วขยี้บุหรี่ใส่กล่องเหล็กขนาดพกพา ก่อนสอดกล่องใส่กระเป๋ากางเกงวอร์มตัวเดิมที่ยืมมาจากคุณหมอใหญ่ “ว่าแต่คุณหมอเองก็เถอะ มาหาผมตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง มันก็ไม่ปลอดภัยเหมือนกัน”

              “ฉันอยากให้คุณช่วยขับรถพาฉันไปส่งในตัวเมืองต่างหาก” ไหมแก้วจึงเข้าธุระสำคัญ “วันนี้ฉันต้องเอาตัวอย่างน้ำไปให้คุณหมอใหญ่ส่งตรวจ เมื่อวานฉันฝากไปกับผู้ใหญ่บ้านให้ตำรวจไปแล้ว แต่แยกตัวอย่างอีกขวดไว้ส่งให้คุณหมอใหญ่ส่งต่อให้แก่สถาบันวิจัยที่คุณหมอรู้จัก”

              “ทำไมต้องทำซ้ำซ้อนล่ะครับ ในเมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็รับปากว่าจะตามเรื่องให้ถึงที่สุด”

              “ฉันเกรงว่าพวกคนร้ายอาจมีอำนาจแทรกแซง” เธอให้คำอธิบาย

              “แล้วคนที่แทรกแซงนั่นเป็นตัวพ่อหรือตัวลูก” เขาถามต่อด้วยแววตาอยากรู้

              “ทวีรัตน์ไม่น่าจะมีอำนาจขนาดจูงใจใครได้หรอกค่ะ”

              “ตัวลูกที่ผมว่า ไม่ได้หมายถึงทวีรัตน์” เขากระตุกยิ้มที่มุมปาก “แต่ผมหมายถึงเอกรัตน์”

              มีแวววูบไหวในดวงตาคม เรียวปากอิ่มสีชมพูธรรมชาติเม้มเข้าหากันแน่น “ถึงเอกรัตน์จะเป็นลูกชายนายทรงชัย แต่เขาไม่มีทางเป็นเหมือนนายทรงชัย”

              “นั่นสินะ...ไม่อย่างนั้น คุณหมอจะเคยตกลงแต่งงานกับเขาทำไมกัน” ชายหนุ่มเอ่ยคล้ายรำพึง ผินตาไปมองยอดไม้ที่กำลังไหลลู่ตามสายลมชื้น แล้วหมุนตัวเดินขึ้นบันไดพลางบอกว่า “ผมขอไปปลุกเพลงพิณก่อน เราจะเข้าเมืองไปด้วยกันสามคน”

              “เพลงพิณไม่ใช่เป็นน้องชายเพื่อนที่ฝากมาฝึกงานธรรมดาใช่ไหม” แต่คำถามของไหมแก้วหยุดขาชายหนุ่มให้ค้างแข็ง เอี้ยวตัวหันกลับมามองดวงตาคมที่คาดคั้นขอความกระจ่าง

              “จะฝากผมด้วยเหตุผลอะไร ถ้าเขามาอยู่กับผมแล้ว ผมก็ต้องดูแลชีวิตเขาให้ดีที่สุด” เสียงทุ้มเอ่ยตอบแล้วหันหลังเดินขึ้นไปเรียกเด็กหนุ่มให้ลุกขึ้นเพื่อพาเข้าเมืองกะทันหัน

              และเพราะเพลงพิณเองก็นอนหลับ ๆ ตื่น ๆ มาทั้งคืน ที่นั่งตอนหลังแสนแคบจึงกลายเป็นเตียงพักเอาแรงของเด็กหนุ่ม ส่วนไหมแก้วนั่งเคียงคู่ก้องปฐพีผู้ทำหน้าที่สารถีโดยไม่มีปริปากบ่นตลอดทาง แม้ชายหนุ่มจะแสดงอาการอยากพักสูบบุหรี่ แต่เขาแก้ปัญหาความอยากด้วยการอมนมอัดเม็ดที่พกพาไว้ในกระเป๋ากางเกง

              “ทำไมคุณไม่เลิกแบบหักดิบ มันได้ผลกับหลายคน” เธอเอ่ยคำแนะนำจากประสบการณ์

              เขาส่งยิ้มให้แล้วหันหน้าไปมองถนนที่ปลายทางมีดาวประกายพรึกส่องแสงระยิบระยับ “ผมชอบอะไรที่ค่อยเป็นค่อยไป”

              “สุขภาพดีไม่เคยรอใคร ถ้าคุณไม่รีบทำเสียแต่วันนี้ แล้วรอให้นิโคตินมาบ่อนทำลายสุขภาพไปทุก ๆ วัน จนกว่าที่คุณจะเลิกบุหรี่ได้ ปอดคุณอาจหายไปแล้วครึ่งหนึ่ง”

              ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ “แล้วคุณหมอเคยเลิกอะไรแบบหักดิบหรือเปล่า ถ้าเคย...คุณหมอทรมานกับช่วงเวลานั้นมากไหมครับ”

              เหมือนกำลังถูกเขาไล่ต้อนความรู้สึก เธอจึงไม่เอ่ยคำพูดอะไรอีก แล้วปล่อยให้ความหม่นหมองเข้าแทรกซึมสู่จิตใจ ทั้งที่เพียรพยายามปีนป่ายหนีความทุกข์ แต่ก็รู้ว่าความทุกข์นั้นมันยังตกตะกอนอยู่ตรงก้นบึ้งของจิตใจ แค่เพียงถูกใครมาเขย่า เจ้าตะกอนเหล่านั้นก็ลอยขึ้นมาทำให้ความกระจ่างใสหมองมัวได้ทันที

              “ขอโทษนะครับ คำพูดของผมคงทำให้คุณหมอรู้สึกไม่ดี” น้ำเสียงทุ้มต่ำลอยแทรกซึมสู่ความคิด จึงหันไปทางชายหนุ่ม สบเข้ากับดวงตาสีนิลที่มองมา

              ไหมแก้วคลี่ยิ้มบาง “ไม่เป็นไรค่ะ บางทีคำพูดแย่ ๆ ของคนอื่นมันก็เหมือนเซรุ่มที่ทำจากพิษงู แต่ช่วยต้านพิษที่อยู่ในตัวเราได้”

              “แต่ถ้าให้ดี เราไม่ควรถูกงูกัดตั้งแต่แรก” ก้องปฐพีตอบกลับ

              “ใช่ค่ะ...แต่หลายครั้งเราก็พลาดเพราะไม่รู้ และในหลายครั้งที่เราพลาดนั้น ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่ามีงูร้ายคอยฉกกัดเราอยู่”

              เธอโยนเครื่องหมายคำถามคืนกลับให้สถาปนิกหนุ่ม “รู้แต่ก็ยอมถูกกัดน่ะหรือครับ”

              ไหมแก้วลอบถอนหายใจ แต่ยังเหลือรอยยิ้มจางบนใบหน้า “คุณเคยฟังนิทานเรื่องชาวนากับงูเห่าใช่ไหมคะ”

              ก้องปฐพีพยักหน้ารับ สบตาคุณหมอสาว หมายอ่านความคิดของเธอผ่านทางดวงตาให้ลึกถึงภายในจิตใจ “เคยครับ แต่ถ้าชาวนาคนนั้นเป็นคุณหมอ ผมก็อยากฟังอีกครั้ง”

              มีรอยยิ้มในดวงตาคมสวย เธอผลักประตูรถ แต่ก่อนจะหย่อนตัวลงจากความสูงของที่นั่งเพื่อมุ่งไปทำธุระของตน ไหมแก้วเอ่ยเอี้ยวตัวหันไปบอกกับเขาด้วยน้ำเสียงเข้มงวด แต่ใบหน้าเปื้อนยิ้มว่า

              “เว้นเสียแต่ว่าคุณไม่ใช่งูร้ายตัวนั้น ฉันอาจเล่าให้ฟัง”

              แล้วก่อนที่เธอจะไป ชายหนุ่มคว้าข้อมือของเธอไว้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมดวงตาที่เติมเต็มความหมายของคำพูด “แต่ถ้าผมเป็นงูร้ายตัวนั้น...ผมจะฉกคุณหมอไม่ปล่อย แล้วให้พิษของผมแผ่ซึมไปทั่วร่างจากปลายเท้าไปจนถึงหัวใจของคุณหมอ”

              หัวใจไหมแก้วเต้นถี่รัว ผิวเนื้อใต้การเกาะกุมของมือหนาร้อนรุมประหลาด “แสดงว่าคุณมันเลี้ยงไม่เชื่อง”

              “ไม่ใช่เลี้ยงไม่เชื่อง” มีรอยยิ้มที่มุมปากหยัก “แต่มันรักชาวนาของมันมากจนไม่อยากให้ใครอื่นเอาตัวไป”

              ไหมแก้วย่นจมูกใส่ “แบบนี้ไม่เรียกว่ารัก”

              “แล้วเรียกว่าอะไร”

              “อยากรู้หรือคะ”

              “อยากมาก” ใบหน้าคมเข้มเขยิบเข้ามาใกล้

              หญิงสาวจึงแบมือ “ถ้าอยากรู้ ก็เอาบุหรี่กับซองนมอัดเม็ดในตัวคุณมาฝากไว้ที่ฉันก่อน และในระหว่างนี้ คุณต้องทดลองหักดิบ แล้วฉันจะกลับมาบอกถ้าธุระเสร็จ”

              “โธ่ คุณหมอ” ก้องปฐพีครวญ

              “ไม่อยากรู้?” คิ้วเรียวธรรมชาติของเธอเลิกขึ้นหยั่งเชิง

              ชายหนุ่มยิ้มส่ายหน้า ล้วงเอาซองบุหรี่จากกระเป๋ากางเกงวอร์มส่งให้คุณหมอสาว “คุณหมอสัญญานะครับว่าจะกลับมาบอก”

              ไหมแก้วทำแค่ยิ้มให้โดยไม่ตอบรับสัญญา แล้วเปิดประตูรถลงเดินตรงเข้าสู่ตัวอาคารที่แวดล้อมไปด้วยบุคคลในชุดเครื่องแบบข้าราชการและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ราวกับมีคนใหญ่คนโตกำลังเดินทางมาถึง

              “ผมรู้ว่าถึงพี่จะเป็นงูพิษตัวใหญ่เบิ้ม พี่ก็จะไม่ฉกคุณหมอหรอก”

              เสียงที่ดังจากเบาะหลังเตือนความจำก้องปฐพีว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว พอหันหน้าไปก็เห็นเพลงพิณขยับตัวลุกขึ้นนั่ง มองเขาด้วยดวงตาขบขันแล้วพูดต่อว่า

              “แต่พี่จะขดรอบตัวคุณหมอ รัดคุณหมอไว้เหมือนจงอางหวงไข่เสียมากกว่า”

              ก้องปฐพียิ้มกว้าง หันไปมองตัวอาคารที่คุณหมอสาวคงกำลังทำธุระของเธอ แต่เกี่ยวพันกับเขา แล้วชวนเด็กหนุ่มเดินหาซื้ออะไหล่มอเตอร์ไซค์จากร้านขายของมือสองเพื่อนำกลับไปซ่อมเจ้าแก่ให้คุณหมอสาว เป็นการตอบแทนคุณที่เธอเคยเก็บเขาจากป่าไปรักษาจนหายดี

              นอกจากได้อะไหล่สภาพพอใช้งาน พวกเขายังได้เสื้อผ้ามือสองกับแว่นตาคนละคู่เพื่อพรางใบหน้ายามต้องปรากฏตัวในที่สาธารณะ และเมื่อได้สิ่งของที่ต้องการแล้วก็รีบกลับไปยังรถที่จอดเลยหน้าอาคารที่ทำการนายก อบจ. แต่ในตอนที่จะออกจากร้านขายของเก่า เพลงพิณฉุดแขนเขาไว้แน่น

              “หยุดก่อนพี่ก้อง” ดวงตาของเพลงพิณหลังเลนส์แว่นหนาแสดงความวิตกชัดเจน จึงหันไปมองตามปลายสายตาของเด็กหนุ่ม เห็นชายฉกรรจ์กำลังยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูขณะออกจากร้านน้ำชาในตลาดฝั่งตรงข้าม

              “ไอ้คนที่รวบผมนั่น ผมรู้จักมัน”

              คนที่เพลงพิณเอ่ยถึงมีรูปร่างหนา ใบหน้าคล้ำ สวมใส่แว่นตากันแดดสีดำสนิท ผมดำมีประกายน้ำเงินยามต้องแสงอาทิตย์

              “ไอ้สำริด มันมาทำอะไรที่นี่” เพลงพิณเอ่ยนามผู้นั้นออกมา

     

              “ขอบคุณนะคะที่ช่วยเหลือ”

              คุณหมอกล่าวกับคุณหมอใหญ่ด้วยท่าทีนอบน้อม หลังจากคุณหมอใหญ่แนะนำให้รู้จักทีมวิจัยและฝากความช่วยเหลือเกี่ยวกับการตรวจสอบสิ่งเจือปนในตัวอย่างน้ำที่เธอนำมามอบให้

              “ไม่ต้องขอบคุณกันหรอกน้องไหม มีอะไรเดือดร้อนเราก็ช่วยเหลือกันแบบพี่แบบน้อง” หมอใหญ่กล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างทุกครั้ง แล้วหันไปเห็นนายก อบจ. คนปัจจุบันที่กำลังครบวาระแล้วเริ่มต้นเข้าสู่ฤดูการแข่งขันอีกครั้ง

              “ผมชอบงานนี้มาก ถ้าผมมีโอกาสได้เป็นนายก อบจ. อีกครั้ง ผมขอนำเรื่องนี้ไปเป็นโครงการพัฒนาบ้านเราได้ไหม” ท่านนายกคุยกับหมอใหญ่ด้วยท่าทีเป็นกันเอง แต่ก็มีผู้รักษาความปลอดภัยยืนเป็นกำแพงด้านหลัง

              “งานนี้คงต้องถามหมอไหมแก้วครับ เพราะเธอเป็นแม่งานสำคัญเลย ผมแค่ช่วยตามอัตภาพ” หมอใหญ่บอกแล้วหันมาส่งยิ้มให้ไหมแก้วที่เกิดอาการเก้อเขิน

              “พูดแบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะ พวกเราก็ช่วยกันทั้งนั้น มีคุณหมอใหญ่ ฉัน เอกรัตน์ แล้วก็...” ไหมแก้วหยุดคำพูดไว้คล้ายกับรู้สึกเจ็บปวดหัวใจยามต้องเอ่ยชื่อถัดมา แต่เธอก็สูดลมหายใจเข้ากลืนความเจ็บปวด แล้วกล่าวออกไป “แล้วก็ดวงแข”

              “โอ แย่แล้ว...ผมคงไม่ได้ทำงานนี้แน่นอน” ท่านนายก อบจ. ทำหน้าเสียดาย “ผมลืมไปว่างานนี้ เอกรัตน์เขาก็กำลังนำเรื่องนี้มาเป็นนโยบายหาเสียง”

              “อย่าคิดแบบนั้นเลยค่ะ” ไหมแก้วรีบค้าน “หากทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ก็ไม่ต้องเกี่ยงว่านี่เป็นงานของใคร”

              ท่านนายก อบจ. ยิ้มอ่อนโยน แล้วประสานมือกันคล้ายการไหว้ “ผมดีใจที่บ้านเรามีคนดี ๆ ผมคิดเสมอว่าถ้าสิ้นอำนาจนายพนาแล้ว เราจะทำงานด้านพัฒนาได้เต็มที่มากขึ้น แต่ยังไงก็ต้องร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ปราบพวกอันธพาล”

              ไหมแก้วทำได้แค่ยิ้มตอบ เพราะรู้ว่าท่านนายก อบจ. หมายถึงใคร หลังจากนายพนาสิ้นแล้ว ทุกคนก็คาดว่าความสงบสุขจะคืนกลับสู่ดินแดนตะวันตก แต่กลับกลายเป็นว่าเหล่านักเลงหัวไม้หรือพวกผู้มีอิทธิพลทั้งหลายต่างเรียกร้องขอแจ้งเกิดกันมากมาย และหนึ่งในนั้นที่แผ่ขยายอำนาจกว้างไกลสุดก็คือนายทรงชัย บิดาของเอกรัตน์นั่นเอง

              ท่านนายก อบจ. พูดคุยกับคุณหมอใหญ่ในเรื่องอื่นต่อ ส่วนเธอก็ยังต้องยืนฟังตามมารยาท แต่คุณหมอสาวก็ส่งสายตาเมียงมองไปทางรถคันใหญ่ที่ว่างเปล่าไร้คนนั่งตำแหน่งสารถี จนผู้ติดตามของท่านนายก อบจ. มาแจ้งว่าต้องออกเดินทางเพื่อไปปฏิบัติภารกิจต่อ จึงได้โอกาสให้ทั้งคุณหมอใหญ่และไหมแก้วกล่าวอำลา แล้วยืนส่งท่านนายก อบจ. ขึ้นรถตู้ที่จอดรอ

              “อ้อ...นี่ผมก็ลืมไป” แต่ก่อนที่จะแยกกันกับคุณหมอใหญ่ เขาทำเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ “ผมอยากฝากแฟ้มงานวิจัยส่งให้เอกรัตน์ยืม เดี๋ยวผมกลับไปเอาที่รถก่อน”

              ไหมแก้วยิ้มพยักหน้ารับแล้วยืนรออยู่ที่เดิม พลางชะเง้อมองไปยังรถขนคนงาน ยังไม่เห็นเขากลับมาก็นึกฉุนในใจ ทั้งที่ตัวเองก็กำลังถูกปองร้าย แต่ทำไมถึงได้เถลไถลไม่ระวังภัยแบบนี้

              “คุณครับ” ชายแปลกหน้าผู้หนึ่ง สวมใส่ชุดแบบเดียวกับผู้ติดตามท่านนายก อบจ. เข้ามาทักเธอ “ท่านบอกว่ามีเรื่องอยากคุยกับคุณ ขอให้คุณตามท่านไปขึ้นรถ แล้วท่านจะให้ผมขับกลับมาส่งที่นี่”

              “คุยกับฉัน...เรื่องอะไรคะ”

              “ผมไม่ทราบ แต่ท่านบอกว่าเป็นเรื่องสำคัญ คุณต้องรีบไปเพราะท่านมีภารกิจอื่นอีก” เขาตอบเสียงเรียบนิ่ง

              ไหมแก้วจึงหันไปทางที่คุณหมอใหญ่เดินไป ยังไม่เห็นวี่แววของเขา รวมไปถึงนายสารถีผู้นั้นก็ยังไม่แสดงเงาให้เห็น จึงยอมทำตามคำบอกของเขาผู้นั้น มุ่งตรงไปยังรถตู้ที่เปิดประตูกว้าง แต่ในอีกไม่กี่ก้าวก่อนถึงตัวรถ มีหญิงสาวผู้หนึ่งเรียกเธอจากด้านหลัง

              “คุณหมอคะ”

              ไหมแก้วหันหน้ากลับไป เห็นหญิงสาวผิวขาวราวหยวกกล้วยในชุดเดรสสีดำรัดรูปกลมกลึงน่ามอง

              “คะ?

              เธอผู้นั้นก้าวขาเข้ามาหา จ้องมองด้วยดวงตาแสนงามประหลาดล้ำ “ฉันรู้สึกหายใจไม่ออก คุณหมอช่วยตรวจอาการให้ฉันได้ไหม”

              “คือ...ฉัน...” เธอจะปฏิเสธผู้ป่วยได้หรือ แต่อีกฝั่งหนึ่งก็คือผู้หลักผู้ใหญ่ “ขอฉันไปบอกท่านนายก อบจ. ก่อนนะคะ แค่ประเดี๋ยว แล้วจะรีบกลับมา”

              ฉับพลันในจังหวะที่ไหมแก้วจะก้าวเดินต่อ ร่างบอบบางของหญิงสาวก็ทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น เธอจึงรีบตรงเข้าไปหาประคองร่างบอบบางขึ้น แล้วส่งเสียงเรียกคนที่อยู่แถวนั้นเข้ามาช่วย พอดีกับที่คุณหมอใหญ่กลับมา จึงได้แรงผู้ชายช่วยหามร่างเข้าไปพักในห้องพยาบาล ในจังหวะเดียวกัน รถตู้ของท่านนายก อบจ. ก็บึ่งห้อออกไปด้วยความเร็ว

              หญิงสาวแปลกหน้าถูกอุ้มขึ้นเตียง ก่อนให้ดมสำลีชุบแอมโมเนีย กับปลดเสื้อผ้าที่รัดรึงออก คุณหมอใหญ่จึงยกให้ไหมแก้วทำหน้าที่ผู้รักษา แต่เพียงแค่ไม่กี่วินาที แพขนตาหนาที่ล้อมกรอบดวงตาคู่งามก็กะพริบถี่ ก่อนเปลือกตาบางจะเปิดรับภาพตรงหน้า

              “อย่าเพิ่งลุกนะคะ” ไหมแก้วเตือนแล้วสอดเครื่องมือใส่หูทั้งสองข้าง พร้อมกับจับปลายสายที่เป็นโลหะแบนรูปวงกลม แล้วขยับเข้ามาเพื่อทาบเครื่องมือนั้นบนหน้าอกหญิงสาว

              “ฉันไม่เป็นไรแล้วค่ะ”

              ไม่เพียงแค่บอกปฏิเสธ แต่มือบางนั้นปัดเครื่องมือของเธอไม่ให้แตะต้องเนื้อตัว

              “ถึงอย่างไร ฉันก็ต้องขอตรวจให้แน่ใจว่าร่างกายคุณปกติแล้วจริง ๆ” ไหมแก้วเอ่ยเสียงขึงขัง แต่เธอคนนี้ก็ทำในสิ่งที่ไหมแก้วประหลาดใจ

              “ถ้าจะวัดชีพจร ก็จับข้อมือของฉันได้” เธอกล่าวพร้อมยื่นข้อมือมาให้

              ความสงสัยมีอยู่เต็มอก แต่ไหมแก้วก็ถอดเครื่องมือออก แล้วใช้นิ้วแตะที่ข้อมือบาง พร้อมยกข้อมือเทียบจังหวะการบีบตัวของเส้นเลือดกับการเคลื่อนตัวของเข็มวินาที

              “ชีพจรเต้นปกติ” ไหมแก้วบอกผลการตรวจ มองหญิงสาวสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วหย่อนขาลงจากเตียงพักฟื้น

              “ขอบคุณนะคะ และขอโทษที่ทำให้คุณหมอไหมแก้วเดือดร้อน”

              “คุณรู้จักชื่อฉันได้ยังไงคะ” เธอผู้นี้เป็นคนแปลกหน้า แต่รู้จักชื่อของเธอ และหากเปรียบกับผู้ติดตามของท่านนายก อบจ. คนคนนั้นสมควรจะเรียกเธอว่าคุณหมอไหมแก้วแทนที่จะเรียกว่าคุณเฉย ๆ ถ้าไม่นับเรื่องการเข้าทำงานใหม่ ซึ่งงานผู้ติดตามนั้น จะไม่ไว้ใจคนแปลกหน้าให้เข้ามารับหน้าที่สำคัญ

              “ฉันรู้จักจากคุณเอกรัตน์”

              คำตอบของเธอเพิ่มพูนความแปลกใจให้แก่คุณหมอสาวมากขึ้นไปอีก “คุณคือ...”

              “ฉันชื่อดารา เป็นผู้สนับสนุนการหาเสียงของคุณเอกรัตน์ หากคุณทราบเรื่องที่ดินผืนที่จะนำไปสนองนโยบายหาเสียงของเขา เขาก็ควรบอกเรื่องฉันให้คุณทราบ”

              ไหมแก้วส่ายหน้าช้า ๆ “ไม่ค่ะ เขาไม่ได้บอกอะไรมากมาย”

              ดาราหัวเราะในลำคอ “เขาก็เป็นแบบนี้เสมอ มักพูดเรื่องสำคัญในเวลาที่ช้าเกินไป”

              มีเสียงไซเรนของรถตำรวจและรถพยาบาลดังติดต่อกันด้านนอก ตามด้วยเสียงพูดคุยของผู้คนมากมาย แต่ไหมแก้วแทบไม่ได้สนใจเสียงเหล่านั้น เพราะมัวแต่จับจ้องมองดวงตาที่มีแวววูบไหวของหญิงงามราวนางอัปสร

              “ฉันต้องไปแล้ว ขอให้คุณหมอมีความสุข” เธอกล่าวพร้อมกับก้าวขาเดินไปที่ประตู

              “เดี๋ยวก่อน” ไหมแก้วรีบหมุนตัวแล้วส่งเสียงเรียก

              “คุณหมอ!

              แต่ก่อนที่เธอคนนั้นจะเปิดประตู นายสถาปนิกหนุ่มร่างสูงในชุดแปลกตาและแว่นตากรอบหนาก็เปิดประตูโพล่งเสียงเรียกหาเธอด้วยใบหน้าตื่นตระหนก แต่พอเห็นใครอื่นอีกคนหยุดยืนตรงหน้า เขาก็ชะงักงันนิ่งค้าง ก่อนเบี่ยงตัวหลบให้หญิงสาวเดินออกไป แล้วจึงค่อยพาตัวเองเข้ามา

              “วิ่งหน้าตาตื่นมานี่ อย่าบอกนะคะว่ากำลังจะลงแดง”

              เขาพ่นลมหายใจหนัก “ผมเห็นรถพยาบาลวิ่งกันหลายคัน ทั้งรถตำรวจก็วิ่งตามไปติด ๆ ผมเลยรีบกลับมาที่นี่ เจอคุณหมอใหญ่กำลังจะขึ้นรถพยาบาลไปกับพวกกู้ภัย ผมเลยถามหาคุณหมอ เขาบอกว่าคุณหมออยู่ที่นี่”

              ไหมแก้วไม่เข้าใจความหมาย แล้วส่งสายตามองความวุ่นวายนอกห้องพยาบาล มีขบวนรถกู้ภัยมากมายขับผ่านเลยไป

              “เกิดอะไรขึ้น” ไหมแก้วถามเสียงสั่น รู้สึกหวั่นในอกแปลก ๆ

              “พวกเขาบอกว่ารถคันที่ท่านนายก อบจ.นั่ง...” ก้องปฐพีพยายามเรียบเรียงคำพูด “แหกโค้งตกหน้าผา”

              เกิดความหนาววูบไปทั่วร่างคุณหมอสาว ใบหน้าของเธอเผือดสีราวกับกระดาษขาว หัวสมองว่างเปล่าคิดอะไรไม่ออก หากแต่ในช่องว่างของความงุนงงสับสนนั้น

              “ฉัน...ฉันเกือบขึ้นรถคันเดียวกับท่านนายก อบจ.”

              ดวงตาสีนิลสั่นไหว แล้วไม่ทันให้เธอคิดอะไรต่อ ลำแขนแข็งแรงก็รวบตัวเธอเข้าไปกอดแน่น แนบใบหน้ากับเรือนผม ไหมแก้วตัวร้อนผะผ่าว วันนี้เขาทำให้หัวใจเธอเต้นเร็วกว่าปกติถึงสองครั้ง จนอยากคว้าเครื่องฟังเสียงมาตรวจหัวใจตนเอง

              “ขอบคุณสวรรค์ที่คุณหมอปลอดภัย ถ้าคุณหมอเป็นอะไรไป ผมคงลงแดงตายจริง ๆ” บอกแล้วกอดรัดเธอแน่นราวกับเขาเป็นงู







    ขอบคุณที่แวะเข้ามานะคะ
    ผลงานที่อัพจบแล้ว



    ผลงานที่กำลังอัพ




    อยากคุยกับไรท์ กดแอดเฟรนด์หรือกดติดตามเลยค่า


    หรือไลค์เพจไว้จะได้ไม่พลาดข่าวอัพนิยาย



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×