ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ก ร ะ สุ น นัด เ ดี ย ว (มีE-BOOK แล้ว)

    ลำดับตอนที่ #6 : ก ร ะ สุ น นัด เ ดี ย ว 'วันแรกที่เราเจอกัน II' (อัปครบ)

    • อัปเดตล่าสุด 8 ส.ค. 64


    คำเตือน :นิยายเรื่องนี้เป็นความคิดจากงานเขียนไม่มีอยู่จริง เนื้อหาค่อยข้างละเอียดอ่อน

     

    ตัวละครมีมุมมองต่างกัน หากมีหักดิบบ้าง หวานบ้าง เถื่อนบ้าง ดราม่าบ้าง

    ทุกสถานการณ์ขึ้นอยู่กับการดำเนินเรื่อง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านตามความชอบ

    กลุ่มลับ ในเพจ


     

    EPISODE ๐.๖

    ก ร ะ สุ น นัด เ ดี ย ว 'วันแรกที่เราเจอกัน ll'


     

    “หมาที่มึงพูดก็เป็นคนในครอบครัว ‘ยักษ์ศักดิ์ติยศ’ เป็นลูกชายของเจ้าสัวพงษ์พัฒน์คนที่เป็นหุ่นส่วนของมหา’ลัยในจังหวัดนี้ทั้งหมด

    “…”

    “ถ้ามึงไม่สนใจพ่อหมามึงสนใจพี่หมาอย่างกูก็ได้”

    อึก

    เสียงกลืนน้ำลายดังขึ้น พวกที่พร้อมบวกกลับขยับถอยหนีกันไปหมด ตอนนี้เหลือเพียงแค่หัวหน้ากลุ่มทั้งสาม

    “กะกูไม่เอาด้วยแล้วเว้ย” ไอ้กลุ่มที่สองพูดวิ่งชิ่งหนีออกไป

                “กูกะก็ไม่ขอยุ่งแล้วสัส” ตามด้วยกลุ่มที่สาม

    ณ จุดตรงนี้มีแค่ผมพักพวกไอ้จักรวาลและไอ้สืบ

    “มึงปล่อยผู้หญิงมา” ผมไม่สนว่าไอ้จักรวาลจะมาเสือกอะไรยังไงแต่ผู้หญิงคนนั้นกำลังแย่ เธอดูป่วยจริง ๆ ใบหน้าเล็ก ๆ ดูอ่อนแอชัดมัด

    ขัดหูขัดตา

    ตึก

    ผมขยับเท้าเข้าไปหาไอ้สืบแต่มันขยับหนีออกไปห่าง

    “มึงเข้ามากูตบอีนี้โชว์จริง ๆ ด้วย” ไอ้เวรนี่พล่ามจนผมหงุดหงิด

    “มึงจะปล่อยไม่ปล่อย” ผมไม่ชอบพูดซ้ำรำคาญ ไอ้สืบจึงหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาพักพวกแต่มันกลับว่างเปล่า “มึงไม่ปล่อยกูจะตามไปกระทืบถึงแม่มึง” ผมไม่ได้ขู่ผมเอาจริง

    “สัส!. มันสบถคำก่อนจะผลักผู้หญิงคนนั้นใส่ผม

    ตุบ!

    เธอคนนี้หมดสติไปแล้ว

    “มึงขยันมึงเรื่องจังเลยนะไอ้น้องเวร”

    หมับ!

    สิ่งที่ทำให้ผมเกลียดพอ ๆ กับพ่อก็คือพี่ชายอย่างไอ้จักรวาล ผมเกลียดที่มันหวังดีทำเป็นพี่ที่แสนเพื่อช่วยเหลือน้องที่มีปัญหาอย่างผม

    “มึงกลับบ้านบ้างพ่อเป็นห่วง” ฝ่ามือร้อนตบไหล่ผมสองสามทีจากนั้นก็เดินจากไป

    ผมกลับมาที่ห้องพัก ห้องเช่าขนาดเล็กมีพวกเพื่อนมั่วสุ่มเสพยาอยู่

    “ออกไป” ผมไล่เพื่อนที่ไม่สนิทออกไปทันที พวกมันมีอาการตาเบลอเหม่อลอยแต่ยังมีสติ

    “จะเอาสาวมาเยก็ไม่บอก” ไอ้เวรหนึ่งพูดทิ้งท้ายแล้วออกจากห้องผม

    กริ๊ก

    ผมล็อคประตูห้องวางร่างเล็กบนเตียงนอน พร้อมโยนเสื้อผ้าที่ใช้แล้วออกไป ผิวเธอค่อยข้างขาวแลดูซีด ผมเห็นรอยฝ่ามือขนาดใหญ่อยู่บนใบหน้าขาว ดวงตากลมโตกลับปิดสนิท การหายใจเข้าออกยังคงสม่ำเสมอ

    ผมคงคิดว่าเธอตกใจจนหมดสติถึงได้ควักแบงค์ร้อยออกมาสองใบเพื่อออกไปซื้อข้าวและของอื่น ๆ และเมื่อกลับมาถึงห้องผมเห็นเธอคนนั้นมองรูปฝาผนังห้องผม มันเป็นรูปที่ผมวาดเองกับมือ

    “นะนาย” เสียงเล็กฟังดูขัดหูขัดตาเอ่ย เธอไม่ได้สบตากับผมหรอกแต่มองไปยังรูปที่ว่า “นายวาดเองเหรอ” เธอถามพร้อมกับการเอี้ยวตัวกลับมาในตอนที่ผมเดินเข้าไปเพื่อวางข้าวต้มให้เธอ

    ตึกตัก ตึกตัก

    เสียงหัวใจเล็ก ๆ เต้นไม่เป็นจังหวะ สายตาหวานคู่นั้นกำลังลดลงเมื่อเราอยู่ใกล้กัน

    “กินซะ” ผมบอกผละตัวออกไปยืนข้างประตูห้อง ห้องผมไม่ได้ใหญ่มากหรอกแค่อยู่ได้ ยิ่งอยู่กันสองต่อสองก็ยิ่งทำให้เธออัดอึด

    ผมจึงเลือดเปิดประตูออกไปแต่

    “ดะเดี๋ยวสิ” ปากเล็ก ๆ ขยับพูดอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เธอเม้มริมฝีปากไว้แน่นสองมือกำไว้ตลอด

    “อะไร” ผมถามมองรอบห้องไม่ได้สนใจอะไรพิเศษแค่รอฟังว่าเธอจะพูดอะไร

    “อยู่เป็นเพื่อนฉันได้มั้ย” นี่มันคือการร้องขอเหรอ

    ผมกำลังมองผู้หญิงคนหนึ่ง เธอเป็นคนแรกที่ทำให้สมองผมโล่งไปหมดเลย นี่คงเป็นครั้งแรกที่มีคนต้องการความช่วยเหลือจากผม

    “ฉันขอบใจนายที่ช่วยฉันไว้นะ” ร่างบางขยับร่างเบี่ยงหน้าออกไปทางซ้ายเมื่อเห็นว่าผมลากสายตามองเธอ “ฉันขอบใจจริง ๆ”

    “อือ กินข้าวกินยาซะเธอจะได้กลับบ้าน” ผมพูดทั้งที่ไม่ได้รับปากเธอ แต่ผมก็ยังคงยืนเฝ้ามองเธอกินข้าวจนหมด

    เวลาผ่านไปสักพักผมมาส่งเธอที่ห้อง เธออยู่คอนโดกับเพื่อคนที่ขอร้องให้ผมช่วยเธอไว้

    “ปลายรุ้ง” หญิงสาววิ่งโอบกอดร่างเล็กจนเธอเซเล็กน้อย ผมมองภาพนั้นไม่เกินสามวิก่อนจะเดินจากมา

    หลายวันผ่านไป

    ชีวิตผมยังคงอยู่ในเส้นทางเดิม ผมคงคิดว่าเรียนไปให้จบ ๆ และให้ชีวิตให้เละเพราะมันก็เละมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

    “เห้ยไอ้กระสุนมีผู้หญิงมาหามึงวะ”

    “ใคร” ผมถามในตอนที่กระดกเหล้าเข้าปาก ตอนนี้ดึกมากแล้วใครมันจะกล้ามาหาผมที่ห้องวะ

    “กูไม่รู้แต่สวยมากวะ” เพื่อนผมบอกทำให้ผมเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะลุกออกดูไป “เห้ยเบา ๆ หน่อยนะเว้ยกูดูน้องเขาเป็นคุณหนูวะ”

    ผมไม่สนคำห่าอะไรนอกจากเปิดประตูเดินออกไป ภาพตรงหน้าเป็นหญิงสาวคนเดียวกันกับที่เจอเมื่อหลายวันก่อน

    “เธอมาที่นี้ทำไม?” นั่นคือคำพูดที่อยู่ในหัวของผม

    “ฉะฉัน..”  อาการกล้า ๆ กลัว ๆ ทำให้เพื่อนของผมที่อยู่ในห้องชะเง้อหน้าออกมามอง

    “ถ้าน้องเขากลัวมึงก็แค่โอบกอด” พวกมันเริ่มเสี้ยมผมจึงเอื้อมมือ

    ปัง!

    ผมปิดประตูอัดใส่หน้ามัน ผมไม่สนว่าไอ้เวรนั่นจะพูดอะไรต่อ สิ่งที่มันพูดเมื่อกี้คือการไม่ให้เกียรติคนตรงหน้าผมเลย

    ถามว่าผมแคร์ไหมก็ไม่..เพียงแต่เธอคนนี้ผ้าขาวเกินไป

    “มีอะไร” ผมถามด้วยเสียงห้าว ๆ ผมเป็นคนไม่ค่อยสุ่งสิงกับผู้หญิง ก็มีให้เล่นผ่านไม่ได้มีเป็นตัวเป็นตนหรอก

    “ฉันมาหานาย” เธอพูดออกมาชัดพร้อมกับการเงยหน้ามองผม แววตานั้นกำลังสื่ออะไรบางอย่างออกมา “สองวันก่อนฉันเจอคนที่นายมีเรื่องด้วย”

    “…”

    “เขาสะกดรอยตามฉัน..เขาบอกให้ฉันมาล่อนายไปให้เขาตะแต่ฉันปฏิเสธ..เขาเลยเปลี่ยนตามราวีฉจนฉันทนไม่ไหวถึงได้มาหานาย”

    คำพูดเรียบปนไปด้วยความกลัว ผมฟังรู้ว่าเธอไม่ได้โกหก ผมอายุแค่ยี่สิบสามปี อนาคตไม่มี เส้นทางตรงหน้าว่างเปล่า ผมไม่เคยคิดว่าจะมีใครมาขอฝากชีวิตไว้ด้วย

    “เธอควรไปแจ้งตำรวจ” ผมบอกไม่อยากยุ่งกับเธอแต่

    หมับ!

    ตอนนั้นเองข้อมือหนาของผมถูกรั้งด้วยปลายนิ้วเล็ก ๆ ทำให้ผมเอี้ยวตัวหันกลับไปมองเธอ

    “นายไม่ใช่คนเลว”

    “หึ” ผมแสยะยิ้มทันทีที่ได้ยิน เธอคนนี้รู้จักผมดีเหรอถึงได้พูดออกมา ผมเป็นคนดี? การที่ผมช่วยชีวิตเธอไว้หนึ่งครั้งเธอกลับมองว่าผมเป็นคนดี?

    ผมกระดกลิ้นหนึ่งครั้งถอนหายใจอย่าอดกลั้น

    “เธอเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า” ผมหลุบตาต่ำมองเธออย่างรำคาญ “ถ้าฉันเป็นคนดีแล้วทำไมพวกมันถึงได้ไล่กระทืบฉัน” ผมถาม ผู้หญิงคนนี้หน้าซีดไปชั่วขณะจากนั้นรอยยิ้มกลับมาแล้วพูดกับผมว่า

    “นายไม่ได้เลวโดนสันดานแต่นายทำเพื่อป้องปกตัวเอง”

    ปกป้องเหรอ หึ คนอ่อนต่อโลกเท่านั้นที่คิดแบบนั้นได้ ผมเห็นคนพวกนี้มานักต่อนักแล้ว

    “นายเปลี่ยนได้ฉันเชื่อ” ผู้หญิงที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าคนนี้เนี่ยนะจะมาเปลี่ยนผม เธอเป็นใครมาจากไหนถึงได้ใจกล้ามายุ่งกับคนเลว ๆ อย่างผม…คนที่ครอบครัวไม่ต้องการ

    “…”

    “ให้ฉันลองหน่อยเถอะ ถ้าฉันเปลี่ยนนายไม่ได้ฉันก็จะยอมรับว่านายเลวโดนสันดาน”

    เพราะไอ้คำพูดปลอบใจทำให้ผมแน่นิ่งไปในที่สุด

    “นายเงียบถือว่าตกลงนะ”

    แล้วคำว่าตกลงจากวันนั้นจนถึงวันนี้มันก็ผ่านมาเกือบสี่เดือน เธอคนนี้ก็ยังไม่ไปจากผมไป ความสัมพันธ์ของเราค่อยข้างเรียบและมันไม่ได้ดีนักเหรอเพราะผมยังคงใช้ชีวิตเลว ๆ อยู่

    ก๊อก ก๊อก

    กริ๊ก

    “ตื่นไปมหา’ลัยกันเถอะกระสุน” มันเป็นแบบนี้มาตลอดทั้งแต่สี่เดือนคำตอบที่ปลายรุ้งได้รับก็คือ

    “ไม่ไปฉันจะนอน” ผมบอกซุกหน้าเข้ากับหมอนพร้อมนอนคว่ำ ไม่สนว่าปลายรุ้งจะยังไงต่อ

    “นายนอนมาตลอดชีวิตแล้วนะตื่นไปสอบเดี๋ยวนี้!” เธอใช้เสียงสูง เท้าบางกำลังขยับมาใกล้เตียงผม

    ช่างกล้า ผมพึมพำ

    เพียะ!

    แต่แล้วความคิดผมเป็นอันต้องจบเพราะฝ่ามือขนาดเล็ก มันตบเข้าที่แขนจนผมพลิกตัวนอนหงายมองหน้าเธอ

    “อวดดี” ผมเลิกคิ้วขึ้นใช้สายตาดุดันมองจนเธอขยับตัวห่างจากเตียง “เข้าห้องฉันไม่กลัวฉันปล้ำ” ผมแค่อำเธอเล่นหรอก เห็นหน้าเล็กซีดที่ไรใจมันตื่นเต้นดี

    สิ่งที่ปลายรุ้งทำก็คือหน้าเหวอมาก

    “นายไม่ทำฉันหรอก” ไอ้อาการมั่นอกมั่นใจเธอไปเอามามันจากไหนกัน เห็นเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แต่ก็ไม่กลัวอะไรเลย

    “…”

    “เอ้าจะมองหน้าอีกลุกไปอาบน้ำเลยกระสุน” นี่เธอกำลังสั่งผมเหรอ “ลุกเดี๋ยวนี้นะเดี๋ยวนายเข้าห้องสอบสายอีกหรอก” คราวนี้ปลายรุ้งสั่งด้วยการชี้นิ้ว ผมนั่งมองเธอจนถอนหายใจก่อนจะตัดสินใจลุกจากเตียงนอนและตอนนั้นเอง

    กริ๊ก

    “เห้ยไอ้กระสุนไปเล่นของกัน” เสียงมาพร้อมการเสนอหน้า ของที่ว่าก็คือยาเสพติด “อ้าวโทษทีกูไม่รู้ว่ามึงมีเด็ก” มันเน้นคำว่าเด็กจากนั้นผ่อนสาตาลงมองกระโปรงของปลายรุ้ง

    ไอ้เวรกำลังทำให้ผมหงุดหงิด

    “ออกไป” ผมสั่งและมันก็ต้องทำเพราะห้องนี้เป็นห้องผม

    “เห้ยกูแค่ชวนมึงจะใส่อารมณ์กับกูทำไมวะ” ผมสามารถมองข้ามทุกอย่างได้แต่ต้องไม่ใช่เรื่องนี้ “ตกลงมึงจะไปมั้ย”

    เมื่อมันเห็นว่าผมไม่ตอบอะไรมันถึงได้ยืนกระดิ้นเท้าตรงหน้าตู้ห้อง ปลายรุ้งเองกลับขยับตัวมาที่เตียงนอนของผม

    ผมเห็นเธอมองปลายเท้าตัวเอง เธออยู่ในชีวิตผมก็จริงแต่เพื่อนของผมไม่เคยอยู่ในชีวิตเธอ

    “มึงออกไป” ผมตัดบทส่งสายตาสุดท้ายเป็นคำขาด

    “เออ” มันพยักหน้าด้วยการส่งยิ้มให้ปลายรุ้ง

    กริ๊ก

    มันออกไปแล้วแต่ปลายรุ้งกลับนิ่งเงียบ เธอจะอยู่ส่วนไหนของโลกก็ได้แต่ต้องไม่ใช่ห้องของผม

    “รอฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บนึง”

    พรึบ

    ผมบอกกระโดนลงจากเตียงนอน ใบหน้าปลายรุ้งกดแนบชิดแผ่นอกผมอย่างบังเอิญซึ่งเธอเองสะดุ้งไปทั้งตัวก่อนจะถอยห่างออกไป

    ผมเองมองหน้าเธอพลางหยิบเสื้อที่พาดอยู่บนเก้าอี้มาสวบทับหลวม ๆ

    “ไม่ต้องไปใส่ใจนักหรอก” ผมหมายถึงเรื่องไอ้เวรนั้น ตามด้วยเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำออกมาตามด้วยกระดก

    ความเย็นของน้ำทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น ผมเริ่มสร่างเมา เมื่อคืนผมเมาหนักมาก หลับก็เกือบเช้าด้วย

    “จะให้ส่งที่มอหรือที่คอนโด” ผมพูดกับเธอหลังจากดื่มน้ำชุ่มคอ ปลายรุ้งมองผมเชิงไม่เข้าใจ ริมฝีปากบางกดเม้มเป็นเส้นตรง

    เอาจริงตลอดสี่เดือนที่ผ่านมา ปลายรุ้งเปรียบเสมือนผ้าขาวในสายตาผม เธอมีครอบครัวที่ดี มีเพื่อนที่รัก มีสังคมที่น่าอยู่

    ผมกำลังจะบอกว่า..มันต่างจากโลกของผม เธอบอกจะเข้ามาเปลี่ยนแต่ผลที่ได้คือผมมองข้ามในความหวังดีของเธอไป

    ผมปฏิเสธความหวังดีจนบางครั้งปลายรุ้งหายไปจากผมเกือบหนึ่งอาทิตย์ ผมไม่ตามเธอหรอก ผมใช้ชีวิตเหี้ย ๆ จนคืนหนึ่งผมเมามาก คืนนั้นผมไปดื่มกับเพื่อนมาและวันนั้นไม่รู้ว่าไอ้ห่าตัวไหนมันเป็นคนโทรหาปลายรุ้ง

    ผมเคยไล่เธออกไปจากชีวิตแล้ว ผมบอกให้เธออกไปชีวิตผมซะ เธออยู่กับผมมันไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอกแต่ปลายรุ้งกลับยืนยันจะอยู่กับผม เธอยังคงยืนหยัดให้ผมเปลี่ยนแปลงชีวิตบัดซบนี้

    ด้วยความที่เธอดีเกินไปส่วนผมเลวเกินปรับเปลี่ยน การไล่เธอเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด เราไม่ควรเจอกันเราสองคนไม่ควรรู้จักกัน ผมอยู่ในโลกของผมส่วนเธอควรกลับไปอยู่ในโลกของเธอ

    “นายหมายความว่าไง” เราเงียบกันไปสักพักปลายรุ้งถึงได้เอ่ยถาม ใบหน้าเธอดูซีดทุกครั้งที่ผมไล่

    ใช่ผมไมได้พูดว่าไล่แต่การที่ผมบอกว่าจะไปส่งนั้นหมายความว่าเธอไม่ควรอยู่ในที่ตรงนี้อีกแล้ว สุดท้ายเธอกับผมเราจะลงเอ่ยด้วยการทะเลาะ

    “ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น” เธอบอกด้วยการส่ายหน้าจนเส้นผมมันปลิวไปตามแรงเหวี่ยงของเธอ “นายจะไล่ยังไงฉันก็ไม่ไป”

    ดื้อ

    ผมกำลังมองผู้หญิงคนหนึ่ง ผมเคยถามตัวเองหลายครั้งหลายซ้ำ ๆ กันทุกครั้งว่า ทำไมเธอถึงโง่แบบนี้นะ ผู้ชายบนโลกใบนี้มันทั้งเยอะทั้งแยะทำไมเธอถึงได้โง่มาอยู่ในชีวิตผมอีก

    ผมทั้งดื่มทั้งอัพยาให้เธอเห็น ผมเคยทะเลาะกับเพื่อนในวงเหล้าซึ่งเธอก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย ผมไม่เคยถามเธอตรง ๆ หรอกว่าทำไมถึงรั้งที่จะอยู่

    แต่การที่มีเธอมันทำให้ผมเลือกที่จะฟัง

    ตลอดสี่เดือนที่ผ่านมานอกจากเธอจะอยู่ในชีวิตของผมแล้วปลายรุ่งยังขู่เข็นบังคับให้ผมกลับไปหาครอบครัวซึ่งตอนแรกผมยืนยันหนักแน่นว่าให้ตายยังไงก็ไม่ไปเด็ด

    จนสุดท้ายปลายรุ้งทำให้ผมกลับไปที่บ้านจนได้ บ้านที่ผมไม่เคยมองว่าเป็นบ้าน บ้านทีผมไม่เคยเหยียบกลับไปทั้งแต่ออกมา พ่อกับแม่ที่ผมคิดว่ารักแต่ลูกคนอื่น พี่ชายพี่สาวที่ผมเกลียดนักเกลียดหนา ทุกอย่างเกินจากอคติของผมล้วน ๆ

    “ต่อให้นายไล่ฉันยังไงฉันไม่มีทางไปเด็ด!” ตัวเล็กแค่นี้ยังมีหน้ามาขู่

    “เฮ้อ” ผมถอนหายใจส่ายเท้าไปหาเธอ ปลายรุ้งดูระแวง เธอกลัวว่าผมจะลากเธออกไปและใช่เธอคิดถูก คราวนี้ผมคิดจริง ๆ ว่าเธอควรออกไปจากชีวิตผมสักที

    หมับ!

    “ไม่ไปไงกระสุน” เสียงเล็กมาพร้อมกับการดิ้น เธอพยายามสะบัดการจับกุมข้อมือของผมออก สีหน้าบอกได้ชัดว่าไม่

    “ดื้อ!. ผมดุใช้ปลายนิ้วกดข้อมือเล็กจากนั้นเปิดประตูห้อง

    “อ้าว” ไอ้เวรนั้นยังอยู่ มันยืนรอผมหน้าห้องและเมื่อมันเห็นผมลากปลายรุ้งออกมามันถึงได้ส่งเสียงทัก “มึงจะทำอะไรน้องเขาวะ” น้ำเสียงฟังดูห่วงใยแต่ที่ไหนได้สันตีน

    “เสือก” ผมจบประโยคนั้นด้วยการลากปลายรุ้งออกมา

    ปึก!

    ตุบ!

    ผมคิดว่าเธอดิ้นแรงเกินไปแล้ว เธอกำลังตีผมไปทุกส่วนของร่างกาย น้ำตากำลังปริ่มจากขอบดวงตา ปลายเท้ากำลังฝืนยึดอยู่กับพื้น

    “อย่าดื้อเธอไม่รู้หรอกว่ามันเสียเวลา” ผมพูดทั้งที่ลากร่างเล็กมาอย่างไว เรากำลังเดินมาถึงหน้าลิฟต์

    ปึก!

    “บอกว่าไม่ไปไงไม่ไปอ่ะไม่เข้าใจเหรอฟังภาษาไทยเป็นมั้ยบอกว่าไม่ไปไง!” เธอพูดออกามรัว ๆ ผมกำลังหมดความอดทนกับเธอถึงได้กระชากแขนขนาดเล็กเข้าใกล้ตัวเอง

    ปึก!

    ไหล่เธอกระทบหน้าอกผมอย่างจัง ใบหน้าแดงก่ำกำลังเงยหน้ามองผม

    “เธอเข้าใจฉันมั้ยว่าฉันไม่ต้องการเธอ” ความรู้สึกเล็ก ๆ ทำให้ผมเจ็บ ผมรู้ว่าผมคิดยังไงกับเธอแต่มันคงเป็นไปไม่ได้

    ผมเลวเกินไปแล้ว

    สิ่งที่ปลายรุ้งทำหลังจากที่ได้รับคำตอบ เธอกำลังเม้มริมฝีปาก หน้าตาจากแดงก่ำกลับกลายเป็นร้องไห้

    เธอกำลังร้องไห้ต่อหน้าผม

    “…”

    “นายมันใจร้าย คนอุตส่าห์หวังดีทำดีด้วยนายมันไร้สามัญสำนึกนายมัน…”

    พรึบ

    ตอนนั้นเองตัวผมเซไปทางซ้ายเล็กน้อย การกดแนบใบหน้าลงแผ่นอกทำให้ผมอึ่งไปหลายวินาที ปลายรุ้งกำลังร้องไห้อยู่เหรอวะ

    “นายมันเลว”

    “…”

    “นายมันคนไม่มีหัวใจ”

    ผมไม่ได้เป็นคนไร้หัวใจนะครับ ผมเจ็บเป็นแต่เธอไม่ควรเจ็บเพราะผม 

    อัปครบ

     

    ไรท์ไม่รู้จะพูดอะไรดี เอาเป็นว่านัดเดียวลูก สู้เค้านะหนู 

    #ตอนนี้ไม่มีนัดเดียววว

    1 เม้น 1 กำลังใจเด้อทุกคนนนนนนนน


     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×