ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (E-BOOK ) จั ก ร ว า ล

    ลำดับตอนที่ #3 : จั ก ร ว า ล † 'เหยื่อ' III (อัปครบ)

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.ค. 62


    จั ก ร ว า ล

    #นิยายเรื่องนี้มีคำพูดที่หยาบคายสร้างความปั่นป่วนทางจิตใจ ฉากไม่เหมาะสมคุณสามารถข้ามผ่านมันได้ หากคุณไม่ชอบกรุณากด (X) และหากคุณชอบกรุณากดติดตาม

    เพจ  กลุ่มลับหาในเพจนะคะ

    *******

    JAKAWAN & EVE



                     “เดี๋ยว ทั้งที่ฉันเบี่ยงตัวออกจักรวาลแล้วแต่เขาก็ยังดันรั้งข้อมือฉันไว้อีกครั้ง คราวนี้เขาดูตื่นตัวกว่าเมื่อกี้ แล้วเธอมาทำไม

                    ฉันคิดว่าฉันบอกเขาไปแล้วนะว่าเอามือถือมาคืน ถึงจักรวาลจะไม่สนใจแต่การมองของเขามันเหมือนกับว่าดีใจอยู่ลึก ๆ

                    ดีใจ?

                    “อีฟฉันถามทำไมไม่ตอบหื้ม?

                    ตอนนั้นจักรวาลมองหน้าฉัน แก้มบางร้อนแผ่วทันทีเมื่อจักรวาลวางมือทาบแก้มฉันไว้ เขาค้างสายตาไว้ที่ฉัน นิ้วมือเรียวยาวเกี่ยผิวฉันเล่น

                    ทำอะไรของนาย ฉันถามปัดมือจักรวาลทิ้งทันที

                    เขาดูไม่สำนึกกับสิ่งที่ทำเลย แม้แต่นิดเดียวก็ไม่

                    เหอะไม่ได้มาง้อสินะ คราวนี้จักรวาลเป็นคนถอยออกไปเอง เขายอมปล่อยมือให้ฉันเป็นอิสระ ฉันเห็นเขาดึงบุหรี่มาสูบสายตามองฉันเหมือนทุกที

                    ทุกทีที่ว่าคือ รำคาญ

                    นายเป็นคนผิดทำไมฉันต้องง้อ

                    ปัง!

                    ความจริงฉันกะจะขับรถกลับห้องแต่ด้วยอะไรหลาย ๆ อย่างทำให้ฉันแวะเข้าไปหาคนรู้จักคนหนึ่ง เธอคนนั้นเป็นเจ้าของร้านชาอยู่ไม่ไกลจากที่จักรวาลพัก

                    อะไรทำให้อีฟถ่อตัวมาหาพี่ถึงที่นี้

                    เดินเข้ามาในร้านไม่ทันไรเจ้าของใบหน้าสวย ผิวขาวจัดมีรอยสักเต็มแขน ผมสีแดงสดยาวถึงกลางหลังเอ่ยทักขึ้นทั้งที่เธอเองยังคาบบุหรี่ไว้มุมปาก

                    เอาหน่อยมั้ยดูหงุดหงิดเกินไป

                    บุหรี่อีกม้วนถูกส่งมาฉันรับไว้ ปกติฉันเองเป็นคนที่สูบบุหรี่แต่ก็ไม่บ่อยนักหรอกไอ้ที่สูบก็เวลาเครียดมาก ๆ

                    ฉันอัดควันเข้าปอดพร้อมนั่งลง แววตาคนตรงหน้ามองฉันอยู่ตลอดเวลาโดยเฉพาะ

                    เรื่องจักรวาลอีกละสิ คำถามถูกส่งมาพร้อมกับควันสีขาว มันไปทำอะไรให้เราไม่สบายใจบอกพี่เดี๋ยวพี่ตามไปกระทืบมันดีมั้ย

                    ทำได้ก็ดีค่ะ ฉันตอบพ่นควันออกทางจมูก คนตรงหน้าจึงแสยะยิ้มส่ายหัว พี่อีฟมาไม่ได้ให้พี่ซ้ำเติมดูสิขนาดฉันชักสีหน้าคนตรงหน้ายังไม่หยุดยิ้มเลย

                    จะอะไรกับมันนักหนา

                    “…”

                    “ทุกวันนี้มันเหมือนเด็ก

                    อะไรคือเด็กสำหรับคนตรงหน้า ฉันไม่เห็นว่าจักรวาลมันจะเด็กตรงไหนเลย อายุก็มากกว่าฉันทั้งสี่ปี วัน ๆ เอาแต่ทำตัวมีปัญหา

                    มันก็น้องพี่ถึงพูดได้

                    ก็ใช่หน่ะสิผู้หญิงคนนี้เป็นพี่สาวแท้ ๆ ของจักรวาล เธอเป็นเจ้าของร้านชาญี่ปุ่น ทุกอย่างในร้านตกแต่งสไตล์นั้นหมด ขนาดการแต่งตัวของเธอยังแต่ชุดกิโมโนเลย คนแถวนี้เรียกเธอยากูซ่า ทั้งที่เธอเองไม่ค่อยจะมีเรื่องกับใครด้วยซ้ำไป

                    ถึงพี่จะเป็นพี่สาวมันแต่พี่รักเรามากกว่ามันนะอีฟ จะว่าไปเมื่อวานไอ้ตัวแสบมันก็แวะมาที่ร้านพี่

                    “…”

                    “เห็นเปียกมาทั้งชุดถามอะไรไม่ยอมตอบ เมื่อคืนก็นั่งดื่มอยู่มุมโน้นคนเดียวจนเช้า ฉันมองตามสายตาดุเห็นมุมร้านที่จักรวาลมันชอบนั่งบ่อย ๆ พี่ก็แอบแปลกใจทำไมมันถึงได้ดื่มหนักที่แท้ก็ทะเลาะกับเรา

                    อีฟอยากทะเลาะด้วยที่ไหน ฉันพูดสวนดึงบุหรี่ออก อารมณ์มันหมดไปเมื่อคนตรงหน้าเกี่ยริมฝีปากตัวเองเล่น เป็นแค่เพื่อนเล่นจูบใคร ๆ ก็โกรธ คำสุดท้ายฉันเบาเสียงลงเมื่อพบสายตาเจ้าเล่ห์

                    มันจูบเรา?

                    “อีฟกลับดีกว่าลืมไปว่ามีการบ้านที่ต้องส่งคืนนี้

                    พรึบ

                    ฉันไม่อยู่รอตอบนอกจากลุกเดินออกมาจากร้านทันที 

                     กลางดึกคืนนั้น

                    ฉันนั่งทำรายงานจนเกือบสามทุ่ม จำได้ว่าต้องส่งก่อนสี่ทุ่มจึงหยิบมือถือกดส่งไลน์ไปยังกลุ่มเพื่อนสาว ก่อนหน้านี้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงแปมบอกว่าเธอส่งงานแล้วส่วนใบหยกเองกำลังจัดแต่งเนื้อหา เป็นฉันอีกที่ทำอะไรหลังคนอื่น

                    [อีฟ : ขอเมลอาจารย์หน่อย] ไลน์ไม่ถึงสิบวิแปมก็กดอ่าน

                    [แปม : อีฟอีกแล้วนะทำไมไม่เคยจดไว้]

                    [อีฟ : เหอะน่า]

                    เพราะแปมไม่ชอบพูดมากเธอจึงส่งอีเมลของอาจารย์มาให้ ห้านาทีต่อมาฉันส่งรายงานก่อนถึงสี่ทุ่ม ตอนนั้นสายตาจับจ้องหน้าคอมอยู่ มือถือเครื่องเดิมมีแชทหนึ่งเด้งเข้ามา ฉันปล่อยมือออกจาเม้าท์หยิบมือถือขึ้นมาอีกครั้ง สายตาจับจ้องมองข้อความ

                    คนที่ส่งมาไม่ได้เป็นแปมแต่เป็นทิศ

                    [ทิศ : ลงมาหน่อยฉันรออยู่ด้านล่าง]

                    ความรู้สึกแรกคือทิศมาทำไม? ความรู้สึกที่สองทำไมไม่ขึ้นมา? ด้วยความที่เขาบอกว่ารอฉันจึงลุกไปเปิดตู้เสื้อผ้าจัดการเปลี่ยนชุดให้ดูปกติ

                    เนื่องจากคอนโดฉันมีหลายชั้นมันจึงกินเวลาพอสมควร เมื่อฉันก้าวเท้าออกจากลิฟต์สิ่งแรกที่เห็นคือ ทิศยืนอยู่ข้างรถ เขาไม่ได้หันมองมาที่ฉัน วันนี้เขาขี่บิ๊กไบค์มา เสื้อหนังสีดำถูกสวมทับอยู่บนร่างหนา มันดูดีมากเลยละ

                    ทำไมไม่ขึ้นไปบนห้อง ฉันถามหยุดอยู่ด้านหลังเขาเว้นระยะห่างพอสมควร ทิศเองเมื่อได้ยินเสียงฉันจึงหันหน้ากลับมามอง

                    บนใบหน้าหล่อตอนนี้กลับมีบาดแผลจากมุมปากและหางคิ้ว?

                    หน้าไปโดนอะไรมาอย่าบอกนะว่าไปมีเรื่องมาอีกแล้ว ฉันถามเจ้าตัวไม่ตอบนอกจากถอนหายใจล้วงบุหรี่ออกมาสูบ

                    ทิศตอนนี้ดูหัวเสียมากกว่าปกติ สิ่งที่เขาทำได้คือคว้าข้อมือฉันไว้จากนั้นดึงมันเบา ๆ กลายเป็นว่าฉันอยู่ใกล้ทิศ เราสองคนยืนมันอยู่อย่างนั้น

                    แค่แวะมาดูหน้าเดี๋ยวก็กลับ ทิศพูดขึ้นหลังจากเงียบ

                    ริมฝีปากบางแตกยับราวกับโดนหมัดหนักอัดมาหลายครั้ง ฉันรู้ว่าเขามีเรื่องบ่อยแต่ปกติแล้วรอยแผลพวกนั้นมันไม่ร้ายแรงเท่ากับรอยแผลของวันนี้เลยนะ

                    ที่บอกว่าแวะมาดูหน้าฉันก่อนหน้านี้นายไปมีเรื่องมาใช่ไหมฉันไม่รู้หรอกว่าทิศไปมีเรื่องกับใครแต่การที่เขาต่อยกับใครมาแล้วมาหาฉัน มันสามารถบอกได้ว่าเขาไม่โอเค

                    แล้วทำไม่ถึงไม่โอเคฉันก็ไม่สามารถตอบแทนเจ้าตัวได้

                    “เด็กแถวมอเธอขึ้นห้องไปได้แล้ว ปากตอบมือปล่อยสายตาดุบอกเป็นนัย ๆ ว่าให้ฉันขึ้นห้องเดี๋ยวนี้ ทิศย้ำด้วยการทิ้งบุหรี่ตัวเมื่อกี้ลงพื้นตามด้วยขยี้มันจนแหลก เขาละสายตาจากพื้นเพื่อมองหน้าฉันอีกครั้ง จะยืนล่อเสืออีกนานไม่ครับผมหวง

                    หวง? ทำเหมือนมีคนจีบฉันบ่อยอย่างนั้นแหละ

                    “เออรู้แล้วจะสั่งอะไรนักหนา ฉันบ่นวางนิ้วลงบนไหล่หนา ทำให้ทิศลดตาลงมองฝ่ามือฉันอีกที

                    รู้แล้วยังจับ? ฝ่ามือฉันร้อนแผ่นทันทีเมื่อทิศพูดจบ ริมฝีปากร้อนจัดกดจูบลงหลังมือฉันตามด้วยผละออกอย่างไว

                    เป็นครั้งแรกเลยมั้งที่ทิศทำเรื่องแบบนี้

                    ไม่ได้? เพราะฉันข้องเขาจึงถามแถมยังดึงมือฉันไปกุมไว้อีก สัมผัสเขาแม้มันจะว่องไวแต่ก็ทำให้ฉันร้อนได้

                    ปล่อยได้แล้วนายจะไปไหนก็ไป ฉันบอกพร้อมดึงมือกลับ เจ้าตัวเลยถอยหายใจอีกหนึ่งที

                    หวงให้มากนะระวังเจอปล้ำ

                    ถ้าปากไม่อยากแตกซ้ำกรุณาหุบปากแล้วไสหัวไป ฉันรู้หรอกว่าทิศแค่พูดเพื่อยั่วโมโห เขามันเป็นประเภทโรคจิตอ่อน ๆ ชอบเห็นฉันหงุดหงิด

                    พลั่ก!

                    “ใส่หมวกกันน็อคด้วย

                    เออรู้แล้วกลับละทิศรับเมื่อฉันโยนหมวกให้เขา ความจริงเขายังมองหน้าฉันอยู่เลย

                    ก็กลับสิ ฉันไล่ทิศอีกครั้งคราวนี้เจ้าตัวถอยหายใจแผ่วเบาตามด้วยสวมหมวกกันน็อค

                    เดินขึ้นห้องไปได้แล้ว แม้ฟังไม่ถนัดแต่ฉันจับประเด็นคำพูดเขาได้หมด

                    ทิศคร่อมบิ๊กไบค์อย่างทะมัดทะแมงตามด้วยสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเปิดไฟต่ำจากนั้นโบกมือไล่ให้ฉันขึ้นห้องไป ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจเดินหันหลังให้เขาก่อนจะกลับมายังห้อง

                    ครืด ครืด

                    เสียงมือถือดังขึ้นขณะที่ปลายเท้าฉันหยุดลงตรงหน้าคอม นายเงินเป็นคนโทรมา ฉันหลับตายกนิ้วมาคลึงระหว่างคิ้วพยายามถอนหายใจให้เบาที่สุด

                    จากนั้นก้มลงหยิบมือถือตามด้วยเอนตัวลงบนโซฟาอย่างเงียบ ปลายสายยังคงโทรเข้ามา ฉันไม่รู้หรอกว่านายเงินต้องการจะคุยอะไรจึงกดรับพร้อมแนบสายไว้

                    [ไอ้อีฟไม่มารึวะ] เสียงไอ้เงินบอกถึงการรอ ฉันค้อมตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยเพื่อปิดคอม ปลายสายยังคงพูดอยู่ [รอนานแล้วนะเว้ย]

                    ไปไหนอะไรยังไง? ฉันถาม  สายตาตอนนี้เพ่งมองไปข้างหน้าจากนั้นขยับตัวกลับมาที่เดิม ฉันจำไม่ได้ว่านัดกับใครไว้จำไม่ได้ว่าตัวเองมีนัด

                    [ร้านกระดาษดำหน้ามอมาให้ไวกูให้เวลามากสุดครึ่งชั่วโมง]

                    เดี๋ยว..”

                    ฉันกำลังจะถามต่อแต่ดูเหมือนว่ามันรู้จึงดักทางด้วยการตัดสายไป คือเอาจริงนะฉันงง ต่อให้ฉันเป็นคนขี้เกียจจำรายละเอียดต่าง ๆ แต่เรื่อเหล้าเรื่องเที่ยวฉันไม่เคยลืม นอกจากพวกมันพึ่งจะนัดแนะแล้วโทรบอกฉันอีกที

                    อะไรของมันวะ

                    ฉันกรอกตามองบนตามด้วยลุกขึ้นบิดขี้เกียจจากนั้นเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า เห็นอะไรก็หยิบจับมาใส่ ไม่นานนักฉันมาถึงร้านที่ไอ้เงินบอก

                    ร้านมันคนค่อยข้างเยอะเป็นร้านเหล้านั่งชิลกันปกติตามภาษาวัยวุ่น พวกเพื่อน ๆ กำลังนั่งดื่มอยู่ในมุมหนึ่งของร้าน

                    อารมณ์อยากมาเปลี่ยนเป็นอยากกลับทันทีเมื่อฉันบังเอิญสบตากับคนด้านใน

                    คน ๆ นั้นก็คือจักรวาล

                    อ้าวเจ๊ทางนี้ ร่างสูงหน้าตาดีโบกมือเพื่อเป็นสัญญาณบอกว่าพวกเขานั่งอยู่มุมนั้น

                    ฉันจึงเดินเข้าไปที่โต๊ะเห็นคนในกลุ่มเป็นคนที่รู้จัก ส่วนใหญ่รุ่นราวคราวเดียวกันหมดยกเว้นจักรวาลกับนายเงินที่ดูห่างกว่าคนอื่น

                    นั่งดิเจ๊ นายคนเดิมพูดอีกครั้ง หมอนี่ชื่อพอร์เป็นเพื่อนของรามเกียรติ์ มีเมียชื่อลีวา ตอนนี้เมียมันกำลังท้องป่องไม่ได้มาคุมเจ้าตัวเลยปากดีพยักหน้าส่งเชิงไปให้อีกคนพูดขึ้นบ้าง

                    “ไม่นั่ง? ฉันเบนสายตาจากนายพอร์มองรามเกียรติ์เพราะมันเป็นคนถาม

                    ไม่มีคนเชิญ ฉันตอบเดาะลิ้นพร้อมเหยียดสายมองจักรวาลอีกที แน่นอนว่ามันไม่ได้สนใจฉันนอกจากกดตอบแชทใครสักคนอยู่ ถ้าให้เดาคงเป็นผู้หญิง

                    นั่งข้างกูก็ได้ไอ้อีฟ ไอ้เงินตัดประเด็นด้วยการขยับเก้าอี้เว้นที่ไว้สำหรับฉัน จากนั้นมันลากเก้าอี้อีกตัวมาเสริม

                    ทุกคนในที่นี้มองฉันเสมือนรอลุ้นว่าฉันจะนั่งตรงนี้หรือเปล่า ปกติแล้วฉันกับจักรวาลมักจะตัวติดกัน แต่มันต้องไม่ใช่เวลานี้แน่นอน

                    ไอ้เงินเองมีใบหน้าไม่ทุกข์มันออกแนวกวนตีนมากกว่านิ่งเฉย ใบหน้ามันกำลังบอกให้ฉันนั่งแต่แววตาของมันสื่อว่าแน่จริงก็นั่งดิอีฟ

                    หึ มันรู้อยู่แล้วว่าฉันกับจักรวาลไม่ลงร่อย ณ ตอนนี้ มันจึงอยากลองดูเชิงว่าต่อให้ฉันโมโหจักรวาลยังไงฉันก็ต่อไปนั่งข้างมันอยู่ดี

                    ได้ ฉันจะทำให้มันคิดผิด

                    ขอบใจ

                    พรึบ!

                    “เห้ย!”

                    “เชี้ย!”

                    ทุกคนที่เงียบเริ่มส่งเสียงเมื่อพบว่าฉันวางก้นไว้ตรงไหน เสียงแรกเป็นของรามเกียรติ์ตามด้วยนายพอร์

                    พวกมันมองฉันเหมือนกับว่าเป็นเรื่องใหญ่ ฉันไม่สนว่าพวกมันจะมองยังไง มีแค่ไอ้เงินที่ขมวดคิ้วมุ่นราวกับ     

                    กูเป็นคนซวยไอ้เงินส่งเสียงขยับตัวเล็กน้อย ใบหน้าหล่ออยู่ระดับไหล่ฉัน ลมหายใจร้อนจัดกำลังพ่นออกมาแรง ๆ

                    เจ๊ลงมา ไอ้พอร์ว่า

                    สายตาพวกมันแอบเหลือบมองร่างหนาที่นั่งอยู่ในมุมสุด นั่นก็คือจักรวาล ฉันไม่ได้มองมันอีกไม่สนว่ามันจะมองหรือเปล่า

                    ทำไมหรือพวกนายข้องใจถ้าอย่างนั้นฉันเปลี่ยนจากตักไอ้เงินเป็นตักนายก็ได้นะ ฉันหันไปพูดกับไอ้พอร์ สิ่งที่มันทำต่อมาคือส่ายหน้า

                    ก็อย่างที่รู้ ไอ้เงินหาเก้าอี้ให้ฉันแต่ฉันดันนั่งลงบนตักมัน คนอื่นเลยพากันเงียบกริบ ก็มีแค่ไอ้พอร์ที่พยายามพูดให้ฉันลุกจากตักแกร่ง

                    “ไหนเหล้า? ฉันเลิกสนใจพวกมันย้ายสายตาจากไอ้พอร์กลับมาหาไอ้เงิน มองไรนักหนา ที่ถามเพราะมันมั่วแต่จ้องจากนั้นส่งเสียงในคอ

                    ประมาณว่าเมื่อไหร่จะลุก ฉันจึงฉวยข้อมือมันและตัดสินใจว่าจะดื่มแก้วที่มันถืออยู่ เรื่องแบบนี้เราไม่ติดทว่ามันกลับยกดื่มรวดเดียวจนหมด แถมยังมีหน้าพ่นลมใส่หน้าฉันอีก

     

    อัปครบ

    ถ้าใครเคยอ่านรามเกียรติ์จะรู้ว่ามันโหดขนาดไหน แต่เมื่อเจอจักรวาล พูดคำเดียวว่าต่างกัน 

    สามารถอ่าน หาอ่านคนอื่นได้ (เพราะอัปจบไปนานแล้ว)

    อย่าลืมนะ 1 เม้น 1 กำลังใจ

     





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×