คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : จั ก ร ว า ล † 'เหยื่อ' III (อัปครบ)
จั ก ร ว า ล
#นิยายเรื่องนี้มีคำพูดที่หยาบคายสร้างความปั่นป่วนทางจิตใจ ฉากไม่เหมาะสมคุณสามารถข้ามผ่านมันได้ หากคุณไม่ชอบกรุณากด (X) และหากคุณชอบกรุณากดติดตาม
เพจ กลุ่มลับหาในเพจนะคะ
*******
JAKAWAN & EVE
“เดี๋ยว” ทั้งที่ฉันเบี่ยงตัวออกจักรวาลแล้วแต่เขาก็ยังดันรั้งข้อมือฉันไว้อีกครั้ง
คราวนี้เขาดูตื่นตัวกว่าเมื่อกี้ “แล้วเธอมาทำไม”
ฉันคิดว่าฉันบอกเขาไปแล้วนะว่าเอามือถือมาคืน
ถึงจักรวาลจะไม่สนใจแต่การมองของเขามันเหมือนกับว่าดีใจอยู่ลึก ๆ
ดีใจ?
“อีฟฉันถามทำไมไม่ตอบหื้ม?”
ตอนนั้นจักรวาลมองหน้าฉัน
แก้มบางร้อนแผ่วทันทีเมื่อจักรวาลวางมือทาบแก้มฉันไว้ เขาค้างสายตาไว้ที่ฉัน นิ้วมือเรียวยาวเกี่ยผิวฉันเล่น
“ทำอะไรของนาย” ฉันถามปัดมือจักรวาลทิ้งทันที
เขาดูไม่สำนึกกับสิ่งที่ทำเลย
แม้แต่นิดเดียวก็ไม่
“เหอะไม่ได้มาง้อสินะ” คราวนี้จักรวาลเป็นคนถอยออกไปเอง
เขายอมปล่อยมือให้ฉันเป็นอิสระ ฉันเห็นเขาดึงบุหรี่มาสูบสายตามองฉันเหมือนทุกที
ทุกทีที่ว่าคือ
‘รำคาญ’
“นายเป็นคนผิดทำไมฉันต้องง้อ”
ปัง!
ความจริงฉันกะจะขับรถกลับห้องแต่ด้วยอะไรหลาย
ๆ อย่างทำให้ฉันแวะเข้าไปหาคนรู้จักคนหนึ่ง เธอคนนั้นเป็นเจ้าของร้านชาอยู่ไม่ไกลจากที่จักรวาลพัก
“อะไรทำให้อีฟถ่อตัวมาหาพี่ถึงที่นี้”
เดินเข้ามาในร้านไม่ทันไรเจ้าของใบหน้าสวย
ผิวขาวจัดมีรอยสักเต็มแขน ผมสีแดงสดยาวถึงกลางหลังเอ่ยทักขึ้นทั้งที่เธอเองยังคาบบุหรี่ไว้มุมปาก
“เอาหน่อยมั้ยดูหงุดหงิดเกินไป”
บุหรี่อีกม้วนถูกส่งมาฉันรับไว้
ปกติฉันเองเป็นคนที่สูบบุหรี่แต่ก็ไม่บ่อยนักหรอกไอ้ที่สูบก็เวลาเครียดมาก ๆ
ฉันอัดควันเข้าปอดพร้อมนั่งลง
แววตาคนตรงหน้ามองฉันอยู่ตลอดเวลาโดยเฉพาะ
“เรื่องจักรวาลอีกละสิ”
คำถามถูกส่งมาพร้อมกับควันสีขาว “มันไปทำอะไรให้เราไม่สบายใจบอกพี่เดี๋ยวพี่ตามไปกระทืบมันดีมั้ย”
“ทำได้ก็ดีค่ะ” ฉันตอบพ่นควันออกทางจมูก
คนตรงหน้าจึงแสยะยิ้มส่ายหัว “พี่อีฟมาไม่ได้ให้พี่ซ้ำเติม”
ดูสิขนาดฉันชักสีหน้าคนตรงหน้ายังไม่หยุดยิ้มเลย
“จะอะไรกับมันนักหนา”
“…”
“ทุกวันนี้มันเหมือนเด็ก”
อะไรคือเด็กสำหรับคนตรงหน้า
ฉันไม่เห็นว่าจักรวาลมันจะเด็กตรงไหนเลย อายุก็มากกว่าฉันทั้งสี่ปี วัน ๆ
เอาแต่ทำตัวมีปัญหา
“มันก็น้องพี่ถึงพูดได้”
ก็ใช่หน่ะสิผู้หญิงคนนี้เป็นพี่สาวแท้
ๆ ของจักรวาล เธอเป็นเจ้าของร้านชาญี่ปุ่น ทุกอย่างในร้านตกแต่งสไตล์นั้นหมด
ขนาดการแต่งตัวของเธอยังแต่ชุดกิโมโนเลย คนแถวนี้เรียกเธอยากูซ่า ทั้งที่เธอเองไม่ค่อยจะมีเรื่องกับใครด้วยซ้ำไป
“ถึงพี่จะเป็นพี่สาวมันแต่พี่รักเรามากกว่ามันนะอีฟ จะว่าไปเมื่อวานไอ้ตัวแสบมันก็แวะมาที่ร้านพี่”
“…”
“เห็นเปียกมาทั้งชุดถามอะไรไม่ยอมตอบ
เมื่อคืนก็นั่งดื่มอยู่มุมโน้นคนเดียวจนเช้า”
ฉันมองตามสายตาดุเห็นมุมร้านที่จักรวาลมันชอบนั่งบ่อย ๆ “พี่ก็แอบแปลกใจทำไมมันถึงได้ดื่มหนักที่แท้ก็ทะเลาะกับเรา”
“อีฟอยากทะเลาะด้วยที่ไหน” ฉันพูดสวนดึงบุหรี่ออก
อารมณ์มันหมดไปเมื่อคนตรงหน้าเกี่ยริมฝีปากตัวเองเล่น “เป็นแค่เพื่อนเล่นจูบใคร
ๆ ก็โกรธ” คำสุดท้ายฉันเบาเสียงลงเมื่อพบสายตาเจ้าเล่ห์
“มันจูบเรา?”
“อีฟกลับดีกว่าลืมไปว่ามีการบ้านที่ต้องส่งคืนนี้”
พรึบ
ฉันไม่อยู่รอตอบนอกจากลุกเดินออกมาจากร้านทันที
กลางดึกคืนนั้น
ฉันนั่งทำรายงานจนเกือบสามทุ่ม
จำได้ว่าต้องส่งก่อนสี่ทุ่มจึงหยิบมือถือกดส่งไลน์ไปยังกลุ่มเพื่อนสาว
ก่อนหน้านี้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงแปมบอกว่าเธอส่งงานแล้วส่วนใบหยกเองกำลังจัดแต่งเนื้อหา
เป็นฉันอีกที่ทำอะไรหลังคนอื่น
[อีฟ : ขอเมลอาจารย์หน่อย] ไลน์ไม่ถึงสิบวิแปมก็กดอ่าน
[แปม : อีฟอีกแล้วนะทำไมไม่เคยจดไว้]
[อีฟ : เหอะน่า]
เพราะแปมไม่ชอบพูดมากเธอจึงส่งอีเมลของอาจารย์มาให้
ห้านาทีต่อมาฉันส่งรายงานก่อนถึงสี่ทุ่ม ตอนนั้นสายตาจับจ้องหน้าคอมอยู่
มือถือเครื่องเดิมมีแชทหนึ่งเด้งเข้ามา ฉันปล่อยมือออกจาเม้าท์หยิบมือถือขึ้นมาอีกครั้ง
สายตาจับจ้องมองข้อความ
คนที่ส่งมาไม่ได้เป็นแปมแต่เป็นทิศ
[ทิศ : ลงมาหน่อยฉันรออยู่ด้านล่าง]
ความรู้สึกแรกคือทิศมาทำไม?
ความรู้สึกที่สองทำไมไม่ขึ้นมา? ด้วยความที่เขาบอกว่ารอฉันจึงลุกไปเปิดตู้เสื้อผ้าจัดการเปลี่ยนชุดให้ดูปกติ
เนื่องจากคอนโดฉันมีหลายชั้นมันจึงกินเวลาพอสมควร
เมื่อฉันก้าวเท้าออกจากลิฟต์สิ่งแรกที่เห็นคือ ทิศยืนอยู่ข้างรถ เขาไม่ได้หันมองมาที่ฉัน
วันนี้เขาขี่บิ๊กไบค์มา เสื้อหนังสีดำถูกสวมทับอยู่บนร่างหนา มันดูดีมากเลยละ
“ทำไมไม่ขึ้นไปบนห้อง” ฉันถามหยุดอยู่ด้านหลังเขาเว้นระยะห่างพอสมควร
ทิศเองเมื่อได้ยินเสียงฉันจึงหันหน้ากลับมามอง
บนใบหน้าหล่อตอนนี้กลับมีบาดแผลจากมุมปากและหางคิ้ว?
“หน้าไปโดนอะไรมาอย่าบอกนะว่าไปมีเรื่องมาอีกแล้ว”
ฉันถามเจ้าตัวไม่ตอบนอกจากถอนหายใจล้วงบุหรี่ออกมาสูบ
ทิศตอนนี้ดูหัวเสียมากกว่าปกติ
สิ่งที่เขาทำได้คือคว้าข้อมือฉันไว้จากนั้นดึงมันเบา ๆ กลายเป็นว่าฉันอยู่ใกล้ทิศ เราสองคนยืนมันอยู่อย่างนั้น
“แค่แวะมาดูหน้าเดี๋ยวก็กลับ” ทิศพูดขึ้นหลังจากเงียบ
ริมฝีปากบางแตกยับราวกับโดนหมัดหนักอัดมาหลายครั้ง
ฉันรู้ว่าเขามีเรื่องบ่อยแต่ปกติแล้วรอยแผลพวกนั้นมันไม่ร้ายแรงเท่ากับรอยแผลของวันนี้เลยนะ
“ที่บอกว่าแวะมาดูหน้าฉันก่อนหน้านี้นายไปมีเรื่องมาใช่ไหม” ฉันไม่รู้หรอกว่าทิศไปมีเรื่องกับใครแต่การที่เขาต่อยกับใครมาแล้วมาหาฉัน มันสามารถบอกได้ว่าเขาไม่โอเค
แล้วทำไม่ถึงไม่โอเคฉันก็ไม่สามารถตอบแทนเจ้าตัวได้
“เด็กแถวมอเธอขึ้นห้องไปได้แล้ว” ปากตอบมือปล่อยสายตาดุบอกเป็นนัย
ๆ ว่าให้ฉันขึ้นห้องเดี๋ยวนี้ ทิศย้ำด้วยการทิ้งบุหรี่ตัวเมื่อกี้ลงพื้นตามด้วยขยี้มันจนแหลก
เขาละสายตาจากพื้นเพื่อมองหน้าฉันอีกครั้ง “จะยืนล่อเสืออีกนานไม่ครับผมหวง”
หวง?
ทำเหมือนมีคนจีบฉันบ่อยอย่างนั้นแหละ
“เออรู้แล้วจะสั่งอะไรนักหนา” ฉันบ่นวางนิ้วลงบนไหล่หนา
ทำให้ทิศลดตาลงมองฝ่ามือฉันอีกที
“รู้แล้วยังจับ?” ฝ่ามือฉันร้อนแผ่นทันทีเมื่อทิศพูดจบ
ริมฝีปากร้อนจัดกดจูบลงหลังมือฉันตามด้วยผละออกอย่างไว
เป็นครั้งแรกเลยมั้งที่ทิศทำเรื่องแบบนี้
“ไม่ได้?” เพราะฉันข้องเขาจึงถามแถมยังดึงมือฉันไปกุมไว้อีก
สัมผัสเขาแม้มันจะว่องไวแต่ก็ทำให้ฉันร้อนได้
“ปล่อยได้แล้วนายจะไปไหนก็ไป” ฉันบอกพร้อมดึงมือกลับ เจ้าตัวเลยถอยหายใจอีกหนึ่งที
“หวงให้มากนะระวังเจอปล้ำ”
“ถ้าปากไม่อยากแตกซ้ำกรุณาหุบปากแล้วไสหัวไป” ฉันรู้หรอกว่าทิศแค่พูดเพื่อยั่วโมโห
เขามันเป็นประเภทโรคจิตอ่อน ๆ ชอบเห็นฉันหงุดหงิด
พลั่ก!
“ใส่หมวกกันน็อคด้วย”
“เออรู้แล้วกลับละ” ทิศรับเมื่อฉันโยนหมวกให้เขา
ความจริงเขายังมองหน้าฉันอยู่เลย
“ก็กลับสิ” ฉันไล่ทิศอีกครั้งคราวนี้เจ้าตัวถอยหายใจแผ่วเบาตามด้วยสวมหมวกกันน็อค
“เดินขึ้นห้องไปได้แล้ว” แม้ฟังไม่ถนัดแต่ฉันจับประเด็นคำพูดเขาได้หมด
ทิศคร่อมบิ๊กไบค์อย่างทะมัดทะแมงตามด้วยสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเปิดไฟต่ำจากนั้นโบกมือไล่ให้ฉันขึ้นห้องไป
ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจเดินหันหลังให้เขาก่อนจะกลับมายังห้อง
ครืด
ครืด
เสียงมือถือดังขึ้นขณะที่ปลายเท้าฉันหยุดลงตรงหน้าคอม
นายเงินเป็นคนโทรมา ฉันหลับตายกนิ้วมาคลึงระหว่างคิ้วพยายามถอนหายใจให้เบาที่สุด
จากนั้นก้มลงหยิบมือถือตามด้วยเอนตัวลงบนโซฟาอย่างเงียบ
ปลายสายยังคงโทรเข้ามา ฉันไม่รู้หรอกว่านายเงินต้องการจะคุยอะไรจึงกดรับพร้อมแนบสายไว้
[ไอ้อีฟไม่มารึวะ] เสียงไอ้เงินบอกถึงการรอ ฉันค้อมตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยเพื่อปิดคอม
ปลายสายยังคงพูดอยู่ [รอนานแล้วนะเว้ย]
“ไปไหนอะไรยังไง?” ฉันถาม สายตาตอนนี้เพ่งมองไปข้างหน้าจากนั้นขยับตัวกลับมาที่เดิม
ฉันจำไม่ได้ว่านัดกับใครไว้จำไม่ได้ว่าตัวเองมีนัด
[ร้านกระดาษดำหน้ามอมาให้ไวกูให้เวลามากสุดครึ่งชั่วโมง]
“เดี๋ยว..”
ฉันกำลังจะถามต่อแต่ดูเหมือนว่ามันรู้จึงดักทางด้วยการตัดสายไป
คือเอาจริงนะฉันงง ต่อให้ฉันเป็นคนขี้เกียจจำรายละเอียดต่าง ๆ แต่เรื่อเหล้าเรื่องเที่ยวฉันไม่เคยลืม
นอกจากพวกมันพึ่งจะนัดแนะแล้วโทรบอกฉันอีกที
อะไรของมันวะ
ฉันกรอกตามองบนตามด้วยลุกขึ้นบิดขี้เกียจจากนั้นเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า
เห็นอะไรก็หยิบจับมาใส่ ไม่นานนักฉันมาถึงร้านที่ไอ้เงินบอก
ร้านมันคนค่อยข้างเยอะเป็นร้านเหล้านั่งชิลกันปกติตามภาษาวัยวุ่น
พวกเพื่อน ๆ กำลังนั่งดื่มอยู่ในมุมหนึ่งของร้าน
อารมณ์อยากมาเปลี่ยนเป็นอยากกลับทันทีเมื่อฉันบังเอิญสบตากับคนด้านใน
คน
ๆ นั้นก็คือจักรวาล
“อ้าวเจ๊ทางนี้” ร่างสูงหน้าตาดีโบกมือเพื่อเป็นสัญญาณบอกว่าพวกเขานั่งอยู่มุมนั้น
ฉันจึงเดินเข้าไปที่โต๊ะเห็นคนในกลุ่มเป็นคนที่รู้จัก
ส่วนใหญ่รุ่นราวคราวเดียวกันหมดยกเว้นจักรวาลกับนายเงินที่ดูห่างกว่าคนอื่น
“นั่งดิเจ๊” นายคนเดิมพูดอีกครั้ง หมอนี่ชื่อพอร์เป็นเพื่อนของรามเกียรติ์
มีเมียชื่อลีวา ตอนนี้เมียมันกำลังท้องป่องไม่ได้มาคุมเจ้าตัวเลยปากดีพยักหน้าส่งเชิงไปให้อีกคนพูดขึ้นบ้าง
“ไม่นั่ง?” ฉันเบนสายตาจากนายพอร์มองรามเกียรติ์เพราะมันเป็นคนถาม
“ไม่มีคนเชิญ” ฉันตอบเดาะลิ้นพร้อมเหยียดสายมองจักรวาลอีกที
แน่นอนว่ามันไม่ได้สนใจฉันนอกจากกดตอบแชทใครสักคนอยู่ ถ้าให้เดาคงเป็นผู้หญิง
“นั่งข้างกูก็ได้ไอ้อีฟ” ไอ้เงินตัดประเด็นด้วยการขยับเก้าอี้เว้นที่ไว้สำหรับฉัน
จากนั้นมันลากเก้าอี้อีกตัวมาเสริม
ทุกคนในที่นี้มองฉันเสมือนรอลุ้นว่าฉันจะนั่งตรงนี้หรือเปล่า
ปกติแล้วฉันกับจักรวาลมักจะตัวติดกัน แต่มันต้องไม่ใช่เวลานี้แน่นอน
ไอ้เงินเองมีใบหน้าไม่ทุกข์มันออกแนวกวนตีนมากกว่านิ่งเฉย
ใบหน้ามันกำลังบอกให้ฉันนั่งแต่แววตาของมันสื่อว่าแน่จริงก็นั่งดิอีฟ
หึ
มันรู้อยู่แล้วว่าฉันกับจักรวาลไม่ลงร่อย ณ ตอนนี้
มันจึงอยากลองดูเชิงว่าต่อให้ฉันโมโหจักรวาลยังไงฉันก็ต่อไปนั่งข้างมันอยู่ดี
ได้
ฉันจะทำให้มันคิดผิด
“ขอบใจ”
พรึบ!
“เห้ย!”
“เชี้ย!”
ทุกคนที่เงียบเริ่มส่งเสียงเมื่อพบว่าฉันวางก้นไว้ตรงไหน
เสียงแรกเป็นของรามเกียรติ์ตามด้วยนายพอร์
พวกมันมองฉันเหมือนกับว่าเป็นเรื่องใหญ่
ฉันไม่สนว่าพวกมันจะมองยังไง มีแค่ไอ้เงินที่ขมวดคิ้วมุ่นราวกับ…
“กูเป็นคนซวย” ไอ้เงินส่งเสียงขยับตัวเล็กน้อย ใบหน้าหล่ออยู่ระดับไหล่ฉัน
ลมหายใจร้อนจัดกำลังพ่นออกมาแรง ๆ
“เจ๊ลงมา” ไอ้พอร์ว่า
สายตาพวกมันแอบเหลือบมองร่างหนาที่นั่งอยู่ในมุมสุด
นั่นก็คือจักรวาล ฉันไม่ได้มองมันอีกไม่สนว่ามันจะมองหรือเปล่า
“ทำไมหรือพวกนายข้องใจถ้าอย่างนั้นฉันเปลี่ยนจากตักไอ้เงินเป็นตักนายก็ได้นะ” ฉันหันไปพูดกับไอ้พอร์ สิ่งที่มันทำต่อมาคือส่ายหน้า
ก็อย่างที่รู้
ไอ้เงินหาเก้าอี้ให้ฉันแต่ฉันดันนั่งลงบนตักมัน คนอื่นเลยพากันเงียบกริบ ก็มีแค่ไอ้พอร์ที่พยายามพูดให้ฉันลุกจากตักแกร่ง
“ไหนเหล้า?” ฉันเลิกสนใจพวกมันย้ายสายตาจากไอ้พอร์กลับมาหาไอ้เงิน
“มองไรนักหนา”
ที่ถามเพราะมันมั่วแต่จ้องจากนั้นส่งเสียงในคอ
ประมาณว่าเมื่อไหร่จะลุก
ฉันจึงฉวยข้อมือมันและตัดสินใจว่าจะดื่มแก้วที่มันถืออยู่ เรื่องแบบนี้เราไม่ติดทว่ามันกลับยกดื่มรวดเดียวจนหมด
แถมยังมีหน้าพ่นลมใส่หน้าฉันอีก
อัปครบ
ถ้าใครเคยอ่านรามเกียรติ์จะรู้ว่ามันโหดขนาดไหน แต่เมื่อเจอจักรวาล พูดคำเดียวว่าต่างกัน
สามารถอ่าน หาอ่านคนอื่นได้ (เพราะอัปจบไปนานแล้ว)
อย่าลืมนะ 1 เม้น 1 กำลังใจ
ความคิดเห็น