คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ก ร ะ สุ น นัด เ ดี ย ว 'รักคนของคนอื่น' (อัปครบ)
ตัวละครมีมุมมองต่างกัน หากมีหักดิบบ้าง
หวานบ้าง เถื่อนบ้าง ดราม่าบ้าง
ทุกสถานการณ์ขึ้นอยู่กับการดำเนินเรื่อง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านตามความชอบ
กลุ่มลับ ในเพจ
รักที่มีค่าคือรักที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่รักที่ผ่านพ้นไป
02.20
น. [ตีสองสิบยี่นาที]
ห้องอัดเสียง.
[นัดเดียวพี่ขอเป็นครั้งสุดท้ายนะพี่สัญญาจะไม่ผิดคำพูดกับเราอีก]
ประโยคขอร้องเป็นรุ่นพี่ที่สนิทด้วยกันเป็นคนเอ่ยท่าทีเธอร้อนใจเหมือนทุกครั้งที่มีเรื่องให้ช่วย
ฉันจ้องมองคอมที่ใช้ทำงานอยู่ ฉันมีงานต้องส่งพรุ่งนี้เช้าแต่จิตใจกลับหดหู่กังวลกลัวอีกฝ่ายจะเดือดร้อน
[นะนัดเดียวพี่ขอร้องเราเป็นครั้งสุดท้ายจริง ๆ นะถ้าพี่ไม่ติดธุระพี่ไม่หน้าด้านรับกวนเราหรอก]
เธอพูดซ้ำทำให้ฉันปล่อยฝ่ามือออกจากเมาส์ตามด้วยหยิบเสื้อคลุมจากโต๊ะก่อนจะลุกทั้งที่แนบปลายสายไว้
“ครั้งเดียวจริง ๆ นะคะเพราะเดียวต้องกลับมาทำงานต่อ”
[จ๊ะพี่สัญญาขอบใจเรามากนะ] ปลายสายดีอกดีใจส่งโลเคชั่นที่อยู่ให้ฉัน
จากนั้นเธอก็พูดอะไรที่ฉันจับใจความไม่ได้ก่อนจะวางสายไป
ฉันขับรถมายังสถานที่บันเทิง ตอนนี้มันดึกมากคนอื่นเริ่มทยอยออกจากผับ ฉันเปิดตามด้วยปิดประตูรถก่อนจะเดินเข้าไปในร้านตรงโซนที่ลับตา
“อ้าวเราอีกแล้วเหรอ”
ชายคนหนึ่งที่ฉันสนิทด้วยเขาเป็นคนดูแลห้องนี้ร่างหนาเอ่ยปากถามเมื่อเห็นฉันเดินเข้าไปในห้อง
“อีกแล้วเหรอคะ” ฉันถามลากสายตามองร่างหนาซึ่งเมาไม่ได้สติเหมือนเคย
“ทุกวัน” ผู้ชายคนนั้นตอบกลับมาพร้อมส่งกุญแจห้องมาให้ก่อนจะเดินออกไป
บรรยากาศเงียบทุกอย่างสงบฉันเดินไปหยุดตรงปลายเท้าหนาแอบมองใบหน้าหล่ออย่างเงียบ
ๆ ลมหายใจเขาสม่ำเสมอทุกอย่างดูโอเคจนกระทั่งฉันปลุกเขาให้ตื่น
หมับ!
“กล้าดียังไงทิ้งฉันไปมีสิทธิ์อะไรเล่นหัวใจของคนอื่น”
เสียงทุ้มและห้าวดังขึ้นตามด้วยกระชากแขนบาง
เขามองฉันเปิดเผยใบหน้าหล่อเหลามองกี่ครั้งหัวใจก็วายบัดนี้มันกำลังดูดุดันจนน่ากลัวเขาไม่มีรอยยิ้มใดเหลือเลย
“นะนาย” เสียงฉันอ่อนลงจนเกือบหายประสาทสัมผัสเขามันรุนแรงเกินไป
“อยู่กับมันแล้วสมใจใช่ไหม”
ฉันหลุบตาลงมองมือที่สั่นระริกร่างหนายังพูดอยู่ “ถ้าจะไปก็อย่ากลับมา”
ความเจ็บปวดของเขาทำให้ฉันไม่กล้ามองหน้าเขาอีก
เวลาผ่านไปนานแค่ไหนกันฉันไม่รู้ ฉันรู้แต่ว่าฉันรวบรวมความกล้าอีกครั้งเงยหน้ามองร่างหนาอีกทีกลับพบว่าเขาหลับไปแล้ว
ทุกอย่างกำลังผ่านไปด้วยดี
ฉันมาส่งเขายังห้องนอนวางมือถือกระเป๋าหนังลงโต๊ะสี่เหลี่ยมตามด้วย ตรวจเช็คความเรียบร้อยก่อนจะเดินไปดูเขาอีกครั้ง
ฉันคิดว่าฉันต้องรีบกลับไปทำงานที่ค้างต่อแต่ว่า
หมับ!
จังหวะหมุนตัวมือที่วางอยู่ฟูกเตียงกลับกระชากเรียวแขนฉันอย่างรุนแรงทำให้ฉันเกิดอาการเซจนต้องลงทับร่างหนาจนเสียงดัง
ปึก!
ทุกอย่างบอกให้ฉันดิ้นเอาตัวออกจากเขาโดยเร็วแต่เปล่าเลยมันไม่ง่ายอย่างนั้นเมื่อเขาจับแขนฉันไว้แน่น
“ฉันรักเธอจะบ้าตายอยู่แล้วทำไมต้องทิ้งฉันไปหามัน” เขากำลังมองฉันเพื่อขอความเห็นใจ
“ปล่อย” แต่ฉันขืนแรงมองคนตรงหน้า
ฉันรู้ดีว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ตอบทำได้เพียงแค่ดิ้นเพื่อหนีออกจากตัวเขา
แควก!
ทว่าในตอนนั้นร่างฉันเกิดอาการสะดุ้งเสื้อผ้าบางส่วนของฉันถูกกระชากออกไป
มันเกิดขึ้นรวดเร็วมากจนฉันทำอะไรไม่ถูก
เขาไม่มีสติ
ฉันบอกตัวเองวนซ้ำไปมาพยายามสลัดตัวเองออกแต่ก็สู้เขาไม่ได้
“อย่า..เราไม่ได้รักกัน” ฉันพูดมันใส่หน้าเขา
“คำว่ารักฉันคงให้ผู้หญิงแบบเธอมากพอเธอจึงไม่เห็นค่ามัน”
แต่ดูเหมือนเขาไม่ฟังมันเลย
“มันไม่ชะใช่…”
เฮือก!!
ร่างฉันถูกกดจนจมเตียง ฝ่ามือหนาลูบแขนฉันก่อนจะจัดการเสื้อผ้าที่เหลือ
ฉันได้ยินเสียงชุดขาดออกจากกัน น้ำตาฉันไหลริน คนใจร้ายบังคับร่างกายฉันให้ตอบสนองความต้องการเขา
EPISODE
ก ระ สุ น ‘รักของคนอื่น’
นัดเดียว TALK
06.10 น. [หกโมงเช้าสิบนาที]
สวบ…
การขยับตัวทำให้ฉันเม้มริมฝีปากบางเป็นเส้นตรง
ร่างหนากำลังตื่น ลมหายใจเขาทำให้หน้าฉันเบลอจนเบือนหน้าหนี
“ปวดหัว”
เสียงทุ้มฟังดูห้าวแทบแหบกำลังเคลื่อนไหวตัวอยู่บนเตียงนอน
ฝ่ามือหนายกเพื่อหาอะไรสักอย่าง
ตุบ!
ฉันนั่งอยู่บนเก้าอี้
ปลายเท้าฉันกำลังเกร็งเข้าด้วยกัน สายตาฉันเกือบมองไม่เห็นเขาด้วยซ้ำไป
เมื่อกี้มือถือเขาหล่นลงพื้น
สวบ..
เสียงขยับตัวจากร่างหนายังคงดังขึ้น
ใบหน้าหล่อเหลาผละออกจากหมอน เส้นผมสีดำสนิทกำลังปกปิดหน้าผากทรงเสน่ห์
สันจมูกโด่งรวมถึงริมฝีปากหนากำลังสูดดูดกลิ่นอะไรบนเตียงนอน
ฮึก ฉันเป็นคนขี้ขลาดได้แต่กลืนก้อนเหนียวลงคอ
เมื่อพบว่าเขาพลิกตัวกลับมา
ตึกตัก
หัวใจฉันเต้นแรงมากขึ้นในตอนที่เขาจ้องมองมาด้วยความนิ่ง
ท่าทางของเขายังไม่สร่างเมา มือหนาด้านซ้ายเสพผมขึ้นหลวม ๆ
จากนั้นขยับตัวลุกพิงพนักเตียง
“ใคร” เขากำลังถามฉัน
“…”
แววตาดุดันราวกับเกลียดคนทั้งโลกมองฉันไม่เกินสามวิจากนั้นเขาละสายตาออกไป
ผู้ชายคนนี้ชื่อ ‘กระสุน’ เขาคือรักแรกของฉัน
เป็นรักที่ฉันสลัดทิ้งไม่ได้มาสองปี พูดให้ถูกฉันแอบรักเขาต่างหาก
ปัจจุบันเขาเป็นที่รู้จักของสังคม
เขาเป็นคนดัง เป็นคนที่ฉันไม่กล้าเสนอหน้าเข้าไปใกล้ โลกของเขาไม่เคยมีฉันอยู่เลย
สายตาเขามองฉันไม่เกินสามวิตลอด
เว้นแต่เมื่อคืน…
เขาเมามาก เขามองฉันเป็นคนอื่น
เขาทำเรื่องที่ไม่สมควรทำ..ใช่มันเกิดขึ้นแต่ฉันไม่มีทางบอกให้เขาได้รู้เด็ดขาด
เพราะหัวใจของเขากลับมีผู้หญิงคนอื่นอยู่
“ใคร..” เพราะฉันเงียบกระสุนจึงเปิดปากถามอีกครั้ง
น้ำเสียงเขาออกในทางรำคาญ ท่องแขนเต็มไปด้วยมัดกล้ามคลึงขมับทั้งที่มองไปทางอื่น
“นะนัดเดียว”
ฉันตอบกำขอบโปรงตัวเองไว้แน่น
“เธอเข้ามาได้ไง”
เขาดูดุมากกว่าปกติเมื่อถาม สายตาดุดันกำลังสำรวจร่างกายตัวเอง
เขาขมวดคิ้วเข้าด้วยกันทุกครั้งที่มองกระดุมของเสื้อเชิ้ตสีขาว
“ใครใช้ให้เธอยุ่งกับร่างกายฉัน”
ถึงเขาไม่ได้มองแต่ฉันสัมผัสถึงการไม่พอใจอยู่ลึก ๆ “กระดุมเสื้อฉันหายไปไหนหนึ่งเม็ด”
ฮึก อีกแล้วฉันเผลอกลืนก้อนเหนียวอีกแล้ว
ฉันเป็นผู้หญิงฉลาดก็จริงแต่สมองฉันช้า
เพราะทุกอย่างก่อนออกจากปากต้องเกิดจากการประมวลเหตุผลจากสมอง ฉันกลั่นกรองทุกอย่างไว้ดิบดี
“นายอ้วก” แน่นอนว่าฉันโกหก “ฉะฉันกลับบ้านได้ยัง” ฉันหลุบตาต่ำขยำมือลงขอบกระโปรงอีกครั้ง
เวลานี้ฉันไม่กล้าขยับตัวรวมถึงหายใจดัง
ๆ ด้วยซ้ำ
ผู้ชายคนนี้เวลาอยู่กับเพื่อนฝูงเขามักจะเป็นอีกแบบ
เขามักจะมีอารมณ์ขัน มนุษย์สัมผัสดีขึ้น
หากทว่าเมื่อเขาอยู่ตัวคนเดียวเขากลับนิ่งมาก ๆ
นิ่งกระทั้งฉันกลัวว่าเขาจะทำอะไรบ้า ๆ
“เธอบอกว่าจะกลับบ้าน” ชั่วอึดใจเดียวกระสุนตวัดหางตามองฉันจากนั้นกระชากเสื้อบนตัวเขาออกไป
พรึบ
เขาเหวี่ยงมันทิ้งลงพื้นอย่างไม่ใยดี
ความสว่างไสวเกิดขึ้นเมื่อฉันเงยหน้ามองเขา
ฉันเห็นแผ่นอกแกร่งขาวจัดมีรอยแดงก่ำตรงสีข้าง มันเกิดจากฉัน
รูปร่างเขามีกล้ามเป็นมัด ๆ ซิกแพคเรียงสวยเป็นลอน
“แล้วเธอมาอยู่ที่ห้องฉันได้ไง”
จริงสิ..
กระสุนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันเป็นเด็กฝึกงานของสตูดิโอเขา
ฉันไม่แปลกใจหรอก เขาไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่ามีคนชื่อนัดเดียวอยู่บนโลก
ก็บอกแล้วไงฉันไม่เคยอยู่ในโลกของเขา
ไม่เคย…
“เราเป็นเด็กฝึกงานของนาย”
มันคือวิธีพูดเรียบง่ายแต่คนฟังอย่างเขากลับขมวดคิ้วพูดขึ้นมาว่า
“เราไหนแล้วใครคือนาย”
แล้วต้องให้เรียกว่าอะไรเขาถึงได้เลิกใช้เสียงทุ้มต่ำห้าวแบบนั้นสักที
“ระเรา..”
“แทนชื่อตัวเองแล้วก็เรียกฉันว่าเฮียฉันแก่กว่าเธอ”
พรึบ
กระสุนลุกออกจากเตียงสายตาดุดันกวาดมองผ้าขนหนูจากนั้นเขาดึงมันมาถือไว้ในมือ
ทั้งที่ยืนหันหลังให้กับฉัน
ฉันได้แต่มองแผ่นหลังของเขา
“ค่ะเฮีย”
ครั้งแรกเลยนะที่เราคุยกันยาวขนาดนี้และมันเป็นครั้งแรกที่ทำให้ฉันมีตัวตนในสายตาเขา
“คราวหน้าไม่ต้องเข้ามาในห้องฉันอีก”
“…”
“ออกไปได้แล้ว”
ตัวฉันสั่นวินาทีที่เขาจ้องมองมา สายตาดุดันของเขาลากออกจากใบหน้าฉันตอนที่เดินเข้าไปในห้องน้ำ
ปึก
“ค่ะเฮีย”
แม้จะรับคำแผ่วเบาแต่ฉันก็อยากอยู่คุยกับเขาอยู่ดี
ต่อจากนั้นฉันกำลังลุกจากเก้าอี้
สายตาฉันกำลังสาดส่องดูห้องเขาราวกับว่าอยากรู้ ฉันเคยเข้าห้องเขามาแล้วสองครั้งนับครั้งนี้เป็นครั้งที่สาม
เพียงแต่ครั้งนี้มันแปลกไปจากเดิม
ห้องเขามันเป็นห้องกว้างมีเฟอร์นิเจอร์สีดำหรือไม่ก็สีเทา
ฉันขยับสายตาจากพื้นเพื่อมองโต๊ะเล็ก ๆ ซึ่งวางอยู่ในมุมห้อง บนนั้นมีรูปถ่ายถูกอัดกรอบไว้อย่างดี
มันเป็นรูปกระสุนกับผู้หญิงคนนั้น
“…”
แฟนเก่าของเขา
รูปนั่นทั้งสองคนยืนกุมมือมองหน้าด้วยกัน
รอยยิ้มของกระสุนในรูปมันทำให้โลกทั้งใบดูสดใสซึ่งต่างจากตอนนี้
เราควรออกไปจากห้องเขา
ฉันลดสายตาลงเสียงน้ำดังขึ้นมันบ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังอาบน้ำอยู่
ในดวงตาของฉันตอนนี้มันมีน้ำใส ๆ ออกมาฉันพยายามฝืนเม้มริมฝีปากไว้แน่นจากนั้นลุกเพื่อเดินออกจากห้องไป
กริ๊ก
“อ้าวนัดเดียวพี่คิดว่าเราอยู่บ้าน” ร่างบางสูงหุ่นดีเอ่ยถามในระยะประชิดตอนที่ฉันยืดตัวขึ้น
ดวงตากลมโตกำลังมองหน้าฉันอยู่
ฉันหันมองรอบตัวเกาหัวตัวเองเล็กน้อยพร้อมฝืนยิ้มตามด้วยขยับออกจากห้องกระสุน
หวังว่าพี่ช่ายคงไม่เห็นว่าเราออกมาจากห้องกระสุนหรอกนะคะ
“หื้ม? มีอะไรทำไมทำหน้าอย่างนั้น” มือเรียวยาวเอื้อมมาตรงหน้าพร้อมวางไว้บนหัวฉัน “เครียดอะไรมีอะไรให้พี่ช่วยบอกพี่ได้นะ” น้ำเสียงหวานแผ่วเบามักจะใช้กับฉันเสมอ
“มะไม่มีค่ะ”
ฉันบอกพี่ช่ายตามด้วยฉีกยิ้มถึงแม้ว่าฉันจะปวดกรามก็ตามเถอะ
“แล้ว? อะไรยังไง?”
เมื่อพี่ช่ายเห็นว่าฉันยิ้มเธอถึงได้สนใจเรื่องอื่น
พี่ช่ายเป็นพี่ที่ทำงานในสตูดิโอแห่งนี้
เธอเป็นพี่ผู้หญิงคนเดียวที่เรียกฉันว่า ‘น้องสาว’ และเป็นคนเดียวกันกับที่โทรมาเมื่อคืน
หน้าที่ของพี่เขาคือการดูแลสตูดิโอแห่งนี้
พี่ช่ายเป็นผู้จัดการส่วนตัวของกระสุน มีหน้าที่ดูแลกระสุนรวมถึงงานที่เขาต้องรับ
ฉันยังไม่ได้บอกใช่ไหมว่ากระสุนทำงานอะไร
เขาหน่ะเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงมีวงเป็นของตัวเอง เป็นนายแบบที่รับงานจำกัด
เป็นนักแข่งรถมืออาชีพและสุดท้ายเป็นเจ้าของสตูดิโอแห่งนี้
อ้อ
เขาเปิดค่ายทำเพลงเองไม่มีต้นสังกัด อยากออกซิงเกิ้ลก็คือออกเอง มีสมาชิกในวงสี่คน
“นัดเดียวลูก”
เพราะเห็นว่าฉันยืนนิ่งพี่ช่ายจึงค้อมตัวลงต่ำ เธอสูงกว่าฉันพอสมควร
สายตาหวานคู่นี้กำลังเฝ้ารอคำตอบจากฉัน
เมื่อกี้พี่ช่ายถามเราว่างั้นนะ?
วินาทีนั้นฉันเป่าลมเข้าปากจนแก้มป่องเพราะเม้มริมฝีปากไว้แน่น
น้ำตาเมื่อกี้มันหายไปแล้วแต่ความมึนยังคงอยู่
“สรุปแล้วอะไรยังไงเนี่ยเรา?”
ใช่พี่ช่ายกำลังถามว่าฉันยืนอยู่ตรงนี้ได้ไง
งั้นเราควรตอบไปว่า…
“เดียวเดินผ่านมาค่ะ แหะ ๆ”
ฉันพูดไปหัวเราะไป “เมื่อกี้เห็นเหรียญตกเดียวเลยก้มเก็บ…” ตอนนั้นฉันเปลี่ยนสีหน้าพี่ช่ายจึงขมวดคิ้วมากขึ้น “แต่ว่าพี่ช่ายดันมาเจอซะก่อน..เดียวเลยอาย”
“โธ่ลูกอายอะไรกันเราเจอตังเก็บถูกแล้ว” พี่ช่ายพูดเสร็จสรรพดึงแขนฉันออกจากตรงนี้ทันที
เราสองคนต่างกันลึกลับ ‘พี่ช่าย’ เป็นผู้หญิงเก่ง มั่นใจตัวเองสูง
พี่เขาเป็นคนกล้าได้กล้าเสียแถมเป็นรุ่นพี่ที่มีอายุมากกว่าฉันถึงสี่ปี
“เมื่อคืนเป็นไงบ้าง”
รอยยิ้มดูอบอุ่นถามขึ้นตอนที่เรานั่งอยู่ในมุมกาแฟ “มันเมามากหรือเปล่า” ฉันนิ่งเพราะไม่รู้จะตอบว่าไง
ทุกอย่างมันจุกแต่ฉันต้องไหว
“เอากาแฟมั้ยพี่ทำให้” พี่ช่ายบอกพร้อมลุกแต่ฉันจับแขนเธอไว้เสียก่อนทำให้เธอชะงักแล้วมองฉัน
“เดียวไม่อยากดื่มค่ะเดี๋ยวนอนไม่หลับ”
“โธ่หนู”
พอเห็นว่าฉันทำสีหน้าจริงจังพี่ช่ายถึงกลับแสดงสีหน้าเศร้า “ไม่ดื่มงั้นเอาขนมปังมั้ยถือว่าเป็นการขอบคุณเรื่องเมื่อคืนด้วย”
ถ้าตอบปัดอีกพี่ช่ายจะเปลี่ยนสีหน้าหรือเปล่านะ
อารมณ์ตอนนี้เราไม่มีกะจิตกะใจจะทานอะไรทั้งนั้น
เราไม่ใช่คนงี่เง่าเพียงแต่เราเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นต่างหาก
“เดียวขอเป็นรสเนยนะคะเอาน้ำตาลเยอะ ๆ เลย”
อัปครบ
#โธ่ลูกกกกทำไมเศร้าแล้วยังตลกอีกอ่า >< น้องน่ารักกกก ดราม่าชัวร์ไม่ต้องถาม 5555555
อัปแล้วก็อัปต่อไปเรื่อย ๆ (บอกตัวเอง) ว่าไหว 555555
ใครรอกระสุนอยู่บ้าง?
ความคิดเห็น