ตอนที่ 7 : BAIT TEVA #เทวากินเด็ก : 06
เทวากินเด็ก
06
ครืด ครืด ครืด
แต่ในระหว่างที่มือของฉันกำลังเปิดประตูห้องอยู่นั่นเสียงสั่นของโทรศัพท์ของพี่เซนก็ดังขึ้นมาซะก่อน มันเลยทำให้เราสองคนหยุดชะงักไปทันที
“รับสายก่อนเถอะค่ะ”
ฉันบอกพี่เซนก็พยักหน้ารับก่อนที่จะกดรับสายคนที่โทรมาทันที
“อืม แล้วเป็นไง โอเค กูจะรีบไป”
พี่เซนคุยกับคนปลายสายด้วยสีหน้าที่ดูตึงเครียดขึ้นมาทันที คนที่น่าจะโทรหาพี่เซนตอนนี้น่าจะเป็นเพื่อนสนิทของพี่เซนแน่ๆ เพราะถ้าเป็นคนอื่นพี่เซนไม่พูดด้วยน้ำเสียงแบบนี้หรอก และอีกอย่างเหมือนคนปลายสายต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่เพราะไม่อย่างนั้นมนุษย์โหดอย่างพี่เซนไม่ทำหน้าตาตึงเครียดแบบนี้หรอกถ้าเกิดไม่มีเรื่องขึ้นจริง
“เกิดอะไรขึ้นคะ”
ฉันเอ่ยถามหลังจากที่พี่เซนวางสายไปแล้ว
“เพื่อนพี่มันมีเรื่องนิดหน่อยนะ”
มีเรื่องเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าตอนนี้พี่เซนก็ไม่ว่างไปพบพี่เทวากับฉันแล้วสิ นี่ถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับฉันใช่ไหม
“พี่เซนไปหาเพื่อนเถอะค่ะ เรื่องพี่เทวาเราค่อยมาหาวันหลังก็ได้”
ฉันเสนอพี่เซนก็ทำหน้าตาเหมือนจะยังลังเลกับอะไรซักอย่างอยู่ ฉันเลยเอื้อมมือไปแตะแขนพี่เซนแล้วมองหน้าที่หล่อเหลาของเขาไปด้วย
“เพื่อนพี่รออยู่น่ะ”
“เอางั้นก็ได้”
ฉันยิ้มออกมาทันทีด้วยความดีใจที่พี่เซนยอมทำตามที่ฉันบอก แต่ก็ยังมีเรื่องที่น่าห่วงอยู่เรื่องหนึ่งนั่นก็คือ เพื่อนของพี่เซนมีเรื่องอะไรกันนะทำไมพี่เซนถึงได้ดูเป็นกังวลแบบนั้น หวังว่ามันคงไม่ใช่เรื่องร้ายแรงนะ ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงฉันก็ไม่อยากให้พี่เซนไปหรอก
“พี่ต้องรีบไปช่วยเพื่อนพี่ ตอนนี้มันถูกรุมอยู่”
อ่า เรื่องชกต่อยอีกแล้วสินะ
“ต้องเจ็บตัวอีกแล้วใช่ไหม”
ฉันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ดูงอแงขึ้นมาทันที มือที่เคยแตะแขนพี่เซนไว้ก่อนหน้านี้ตอนนี้กลายเป็นว่าฉันใช้มันจับแขนของเขาไว้แล้ว ตอนนี้ฉันเริ่มไม่อยากให้พี่เซนไปหาเพื่อนเขาเลย ฉันไม่ได้งี่เง่านะ แต่ฉันไม่อยากเห็นพี่เซนเจ็บตัวต่างหากเล่า
“สัญญา จะไม่ทำให้ตัวเองเจ็บ”
เหมือนพี่เซนจะรู้ว่าตอนนี้ฉันกำลังกังวลเกี่ยวกับเรื่องอะไรอยู่ เขาถึงพูดออกมาแบบนั้นพร้อมทั้งเอื้อมมือมาลูบหัวของฉันเบาๆอีกด้วย
“ถ้าเจ็บตัวหรือมีแผลมา อัญจะโกรธพี่เซนให้ดู”
“อืม พี่จะระวังตัวครับ”
พี่เซนเอ่ยแล้วส่งยิ้มบางๆมาให้ฉันก่อนที่จะโน้มใบหน้ามาหอมแก้มของฉันเบาๆครั้งหนึ่งก่อนที่จะเดินจากไปด้วยความรีบร้อน ฉันหันกลับมองพี่เซนจนพี่เซนหายไปจนลับตาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง ก่อนที่จะตัดสินใจหันกลับมาที่ห้องของพี่เทวาอีกครั้งแล้วเปิดประตูห้องของพี่เทวาออก
“กลับมาแล้วค่ะ”
ฉันเอ่ยขึ้นแล้วเดินเข้าห้องของพี่เทวาแล้วก้มลงถอดรองเท้าของตัวเองออกแล้วเอามันไปวางคู่กับรองเท้าของพี่เทวาที่วางเรียงรายอยู่เต็มชั้นรองเท้าอย่างเป็นระเบียบ ก่อนที่จะกวาดสายตามองดูรอบๆห้องเพื่อหาพี่ชายของตัวเองว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน
“กลับมาแล้วเหรอคะ หนูอัญ”
เสียงพี่เทวาดังขึ้นจากที่ไหนวักที่ฉันเลยหันไปตามต้นเสียงทันทีก็เห็นพี่เทวานั่งเล่นเกมส์อยู่กับพี่เมืองเหนืออยู่ด้วยท่าทางสนุกสนาน แต่พี่เขายังยอมสละเวลาหันมายิ้มให้ฉันอยู่ด้วยท่าทางร่าเริงก่อนที่จะหันไปจ้องที่จอเกมส์ที่ฉายอยู่ต่อในเวลาต่อมา
“โอ๊ย ไอ้เหี้ยเหนือมึงโกงกู ไอ้ห่า กูไม่ยอม”
ต่อมาพี่เทวาที่นั่งเล่นเกมส์อยู่ก็ครวญครางออกมาด้วยความเจ็บใจก่อนที่จะล้มตัวลงไปนอนชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้น เมื่อเกมส์ที่พี่เขาเล่นอยู่เมื่อกี้ได้จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคนที่ชนะอย่างพี่เมืองเหนือก็นั่งยิ้มร่าอยู่ด้วยความสะใจ ฉันจึงระบายยิ้มออกมาอย่างขำๆเมื่อเห็นท่าทีของพี่ชายของตัวเองเป็นแบบนั้น พี่เทวาก็ยังเป็นเทวาอยู่วันยังค่ำ นิสัยเด็กที่แก้ไม่ค่อยจะหายนั่นมันยังอยู่ติดตัวของเขาอยู่จริง
“หนูอัญไอ้เหนือมันโกงพี่ เห็นไหมว่ามันเป็นคนเลว นิสัยไม่ดี”
พี่เทวาหันมาฟ้องฉันด้วยใบหน้าบึ้งตึง
“อ้าว แพ้แล้วพาลนะมึง”
“กูไม่ได้แพ้ โกงกูยังมีหน้ามาพูดอะไรแบบนี้อยู่อีกเหรอไง”
“เขาไม่เรียกว่าโกง แบบนั้นเขาเรียกว่าวิธีที่คนฉลาดเขาทำกัน”
“นี่มึงด่าว่ากูโง่เหรอ”
“ก็แล้วแต่มึงจะคิดก็แล้วกัน”
ฉันมองผู้ชายสองคนทะเลาะกันด้วยสีหน้าที่เอือมระอา ไม่คิดว่าฉันจะได้มาเจออะไรแบบนี้หลังจากที่พึ่งเลิกเรียนมาแบบนี้ นี่ตกลงว่าฉันเป็นคนที่อายุน้องที่สุดหรือสองคนนั้นอายุน้อยกว่าฉันกันแน่ ทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่ากำลังดูเด็กทะเลาะกันอยู่เลย นี่ฉันต้องทำยังไงกับผู้ชายสองคนนี้ดี
“เออ ช่างแม่ง มึงกลับไปเลยน้องกูกลับมาแล้ว ส่วนเกินอย่างมึงก็หมดประโยชน์”
“กูหมดค่าก็ตอนนี้แหละ เออ วันหลังก็อย่าโทรเรียกกูมาอีกก็แล้วกัน”
พี่เมืองเหนือเอ่ยเพียงแค่นั่นก่อนที่จะลุกขึ้นยืนแล้วเก็บข้าวของของเขาแล้วเดินตรงไปทางประตูห้องทันที นี่ พี่เมืองเหนือดกระพี่เทวาจริงจังอย่างนั้นเหรอถึงได้ดูรีบกลับไปแบบนี้ แต่ฉันที่ยังยืนอยู่หน้าประตูห้องอยู่ก็ต้องยืนเป็นทางผ่านของพี่เมืองเหนือเข้าพอดี แต่ในระหว่างที่พี่เมืองเหนือจะเดินผ่านร่างของฉันไปนั่นจู่ๆพี่เขาก็หยุดเดิน แล้วหันมามองหน้าฉันด้วยสายตาที่เมไปด้วยความเอ็นดู
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้น พี่กับไอ้เทวาไม่ได้ทะเลาะกันจริงจังหรอก พวกพี่เป็นแบบนี้ประจำอยู่แล้ว พอดีพี่มีธุระที่ต้องรีบไปทำนะ ยังไงอัญก็ช่วยดูแลมันต่อจากพี่ก็แล้วกัน”
พี่เทวาเอ่ยแล้วเอื้อมมือมาลูบหัวฉันเบาๆแล้วส่งยิ้มมาให้ฉันครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปด้วยความรีบร้อน อ้าว ตกลงไม่ได้ทะเลาะกันจริงๆอย่างนั้นเหรอ ไอ้ฉันก็นึกว่าพี่เมืองเหนือโกรธพี่เทวาถึงได้รีบกลับแบบนั้น แต่ที่ไหนได้ฉันเข้าใจผิดไปเองต่างหาก เฮ้อ แบบนี้ค่อยโล่งอกหน่อย พวกพี่ชายนี่เล่นกันแรงจริงๆน้องสาวคนนี้รับมือไม่ทัน
แต่หลังจากที่ฉันโล่งอกจากเรื่องของพี่เมืองเหนือแล้ว ฉันก็หันมาเจอเข้ากับสายตาที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดของพี่เทวาแทน แล้วนี่พี่เทวาเป็นอะไรไปอีกเนี้ย
“เอ่อ มีอะไรหรือเปล่าคะ”
ฉันเอยถามแล้วเดินไปวางกระเป๋ากับหนังสือเรียนของตัวเองไว้บนโต๊ะแล้วเดินเข้าไปหาพี่เทวาที่นั่งหน้าบึ้งอยู่ที่พื้นในเวลาต่อมา
“พี่เทวา”
ฉันเอ่ยอีกครั้งเมื่อเห็นว่าพี่เทวาไม่ยอมพูดกับฉันแถมยังทำแก้มป่องด้วยท่าทางงอนๆส่งมาให้ฉันอีก ฉันเลยตัดสินใจนั่งลงที่พื้นข้างๆร่างของพี่เทวา ก่อนที่จะเอียงคอไปมองหน้าพี่เทวาที่เอาแต่สะบัดหน้าหนีไม่ยอมมองหน้าฉันเลยซักครั้ง อ่า นี่งอนอะไรฉันอีกเนี้ย
“ไม่ต้องมาเรียกเลย ไปยิ้มให้ไอ้เมืองเหนือแบบนั้นอีกแล้ว ไม่รู้หรือไงว่าพี่ไม่ชอบให้หนูอัญไปยิ้มให้คนอื่นแบบนั้น”
อ่า ก็ฉันลืมนี่ จะไม่ยิ้มให้พี่เมืองเหนือก็ไม่ได้เพราะพี่เขายิ้มมาให้ฉันก่อน ฉันเลยส่งยิ้มกลับไปตามมารยาทนะ แต่ฉันไมได้คิดอะไรกับพี่เมืองเหนือเลยนะ ทำไมพี่เทวาต้องมางอนฉันด้วยเรื่องแบบนี้ด้วยเนี้ย
“ก็พี่เมืองเหนือก็เป็นพี่ชายอัญอีกคน อัญก็ยิ้มให้ไปในฐานะน้องสาวที่ยิ้มให้พี่ชายนี่ค่ะ”
ฉันเอ่ยแต่พี่ชายของฉันกลับไม่ยอมหันหน้ามามองฉันอยู่ดี นี่ฉันต้องอยู่ในฐานะที่ต้องง้อคนทั้งวันเลยเหรอ เมื่อเช้าก็ง้อพี่เซนไปคนหนึ่งแล้ว กลับห้องมาก็ต้องมาง้อพี่เทวาอีก
“หายงอนอัญนะ อัญก็แค่ยิ้มไปตามมารยาท อัญไม่ได้คิดอะไรกับพี่เมืองเหนือซักหน่อย”
ฉันเอ่ยต่อพร้อมกับใช้มือทั้งสองข้างของตัวเองกุมใบหน้าของพี่เทวาไว้แล้วบังคับให้พี่เขาหันมามองหน้าฉันตรงๆ
“รู้ แต่ไม่ชอบ”
พี่เทวาตอบแล้วมองหน้าฉันมาด้วยท่าทางงอนๆ ฉันเลยยิ้มออกมาด้วยท่าทางเอ็นดู ไม่คิดว่าพี่ชายของฉันจะทำอะไรน่ารักๆแบบนี้กับเขาเป็นด้วย
“ทำไมเป็นพี่ชายขี้งอนแบบนี้เนี้ย”
ฉันเอ่ยแล้วใช้นิ้มหยิกแก้มของพี่เทวาไปด้วยท่าทางหมั่นเขี้ยว
“เปล่าซักหน่อย แล้วนี่ใครมาส่ง”
พี่เทวาเปลี่ยนเรื่องแล้วดึงมือของฉันที่จับแก้มของเขาอยู่เมื่อกี้ออก แล้วหลบสายตาไปจากฉัน ไม่รู้สิฉันเห็นว่าแก้มของพี่เทวามันดูแดงๆขึ้นมาชอบกลหรือว่าพี่เทวาจะไม่สบายขึ้นมาอีก แต่เรื่องแก้มของพี่เทวาแดงไม่น่าเป็นห่วงเท่าคำถามที่ถูกถามมาเมื่อกี้ซักนิด อ่า นี่ถ้าบอกว่าพี่เซนมาส่งพี่เทวาจะโกรธฉันไหมเนี้ย
“เพื่อนค่ะ”
ในสถานการณ์แบบนี้ฉันขอโกหกไปก่อนก็แล้วกัน
“เพื่อน? คนนั้นเหรอ”
“เปล่าค่ะ เพื่อนผู้หญิง”
ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะโกหกพี่เทวาไปแบบนั้นหรอกนะ แต่ถ้าบอกความจริงไปมันก็อาจไม่ใช่เรื่องดีสำหรับฉันแน่ ไว้วันไหนที่พี่เซนมาเปิดตัวกับพี่เทวาเมื่อไหร่ รับรองฉันบอกพี่เทวาทุกอย่างแน่
“แล้วไป แต่เมื่อเช้า ไอ้เมืองเหนือมันบอกพี่ว่ามีผู้ชายมารับเรา มันเป็นใคร”
มะ เมื่อเช้าพี่เมืองเหนือเห็นว่าฉันขึ้นรถไปกับพี่เซนอย่างนั้นเหรอ แย่แล้วสิ
“เอ่อ ก็เพื่อนที่อัญบอกว่าเป็นตุ๊ดไงคะ”
พี่เทวาหันมาจ้องหน้าฉันด้วยสายตาดุดันทันทีที่ฉันเอ่ยจบ
“อัญ รู้ไหมเวลาที่อัญโกหกมันเห็นชัดมาก”
นี่ พี่เทวารู้อย่างนั้นเหรอว่าฉันกำลังโกหกพี่เขาอยู่
“บอกความจริงพี่มา ก่อนที่พี่จะโกรธอัญไปมากกว่านี้”
อ่า แย่แล้วสิฉันงานนี้ ฉันนึกว่าพี่เทวาจะเชื่อฉันแล้วซะอีก แต่ทีไหนได้ที่พี่เขายอมทุกครั้งสงสัยเป็นเพราะพี่เขาไม่อยากเซ้าซี้ฉันไปมากกว่านี้แน่ เลยไม่ถามอะไรมากไปกว่านั้น นี่แสดงว่าตลอดเวลาพี่เทวาก็รู้ตลอดซิว่าฉันโกหกมาตั้งแต่ต้น นี่เขาจะหาว่าฉันเป็นเด็กเลี้ยงแกะไหมเนี้ย
“คือ...”
“บอกพี่ไม่ได้อย่างนั้นเหรอ”
คือมันไม่ใช่อย่างนั้นนะ แต่ฉันแค่ยังไม่พร้อมที่จะบอกเขาสำหรับเรื่องพี่เซนต่างหากละ เพราะถ้าบอกไปพี่เทวาอาจจะโกรธฉันมากอยู่แน่ๆ และอีกอย่างตอนนี้พี่เซนก็ได้อยู่ช่วยฉันอธิบายด้วยฉันเลยไม่รู้ว่าจะบอกเรื่องนี้ให้พี่เทวารู้ยังไงดี
“อัญ...”
“พี่คงไม่สำคัญพอที่จะรู้เรื่องส่วนตัวของอัญใช่ไหม”
“ไม่ใช่นะคะ อัญไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
เอายังไงดีเนี้ย ตอนนี้ดูเหมือนว่าพี่เทวาจะงอนฉันเข้าไปหนักกว่าเดิมแล้ว ฉันจะทำยังไงดี
“อัญแค่ยังไม่พร้อมจะบอกพี่เทวาก็เท่านั้น”
“พี่ต้องรอให้อัญพร้อมก่อนอย่างนั้นหรอ อัญถึงจะบอกพี่ได้ แล้วเมื่อไหร่กันละที่พี่จะได้รู้เรื่อง”
พี่เทวาเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ ก่อนที่พี่เขาจะแกะมือฉันออกจากตัวของเขาแล้วขยับตัวถอยออกห่างจากฉัน แต่การกระทำที่พี่เทวาทำเมื่อกี้มันกลับทำให้ฉันรู้สึกใจหายขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ แต่ฉันรู้สึกใจไม่ดีเลยที่พี่เทวาทำแบบนั้นกับฉัน ฉันไม่ชอบมันเลยจริงๆ
“ไม่ใช่นะคะ”
ฉันขยับตัวเข้าไปหาพี่เทวาแล้วจับมือของพี่เทวาไว้ รู้สึกอยากจะอธิบายทุกอยากให้พี่เขาได้รู้ แต่มันติดตรงที่ว่าฉันมันไม่มีความกล้าพอที่จะบอกเรื่องนั้นให้เขาได้รู้ได้
“แล้วยังไง พี่ต้องการรู้ตอนนี้และเดี๋ยวนี้ และอัญก็ต้องบอกพี่มาให้หมด”
พี่เทวาเอยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ดูดังขึ้นมาผิดปกติและมันก็ทำให้ฉันสะดุ้งขึ้นมาด้วยความตกใจ เพราะพี่เขาไม่เคยขึ้นเสียงแบบนี้ใส่ฉันมาก่อนเลยซักครั้ง นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกเลยที่ฉันเจอกับพี่เทวาในโหมดแบบนี้ แบบนี้แสดงว่าพี่เทวาต้องโกรธฉันมากแน่ๆเลยซินะ
“คืออัญ...ฮึก”
เมื่อกี้ที่พี่เทวาขึ้นเสียงใส่ฉันมันทำให้ฉันตกใจมากจนห้ามน้ำตาของตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ มารู้ตัวอีกทีมันก็ไหลลงมาอาบแก้มของฉันแล้ว
“อัญ พี่ขอโทษที่เมื่อกี้พี่ไม่ได้ตั้งใจขึ้นเสียงใส่”
พี่เทวาเองก็ดูตกใจไม่น้องที่จู่ฉันก็ร้องไห้ออกมาแบบนั้น ฉันไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องมันเป็นแบบนี้นะ แต่น้ำตาของฉันมันห้ามไว้ไม่อยู่จริงทำไมกันทำไมฉันถึงได้เป็นคนที่อ่อนแอแบบนี้ด้วย แต่ต่อมาฉันก็ต้องรู้สึกใจชื้นขึ้นมาเพราะพี่เทวาดึงร่างของันเข้าไปกดไว้แน่นพร้อมกับมือของลูบหลังของฉันเพื่อปลอบใจฉันไปด้วย
“พี่ขอโทษนะ ตกใจแย่เลยสิเรา”
พี่เทวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนลงไปมาก ฉันเลยพยักหน้ารับในอ้อมกอดของพี่เทวาอย่างก่อนที่จะซบใบหน้าของตัวเองลงบนอกของพี่เขาไปด้วยความรู้สึกต้องการความอบอุ่น พี่เทวาทีท่าทางเย็นชาคนเมื่อกี้ฉันไม่ชอบเลยจริงๆ มันทำให้ฉันรู้สึกว่าคนคนนั้นไม่ใช่พี่เทวาที่ฉันรู้จัก
แต่นั่นก็พี่เทวาฝ่ายเดียวไม่ได้เพราะสาเหตุทั้งหมดมันเกิดจากฉันทั้งหมด ถ้าฉันไม่โกหกพี่เทวาตั้งแต่ต้นพี่เขาคงไม่โกระฉันแบบนี้หรอกจริงไหม ฉันต่างหากที่ต้อเป็นฝ่ายขอโทษเขาไม่ใช่พี่เทวามาขอโทษฉันแบบนี้
“อัญต่างหากที่ต้องขอโทษ อัญขอโทษนะค่ะ ที่โกหกพี่ไปแบบนั้น”
ฉันผละใบหน้าออกจากอกของพี่เทวาแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองพี่เทวาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดจริงๆ
“บอกมาซิ ทำไมอัญถึงต้องโกหกพี่ หืม”
พี่เทวาเอ่ยด้วยน้ำเสียนุ่มลึกแล้วใช้มือของเขาเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของฉันด้วยท่าทางอ่อนโยน
“อัญแค่กลัวว่าถ้าพี่เทวารู้ความจริงแล้วพี่เทวาจะโกรธอัญ”
ฉันเอ่ยแล้วก้มหน้ามองพื้นเพราะไม่กล้าที่จะสบตาของพี่เทวาไป ฉันรู้สึกระอายใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกจริงๆที่ทำเรื่องแบบนั้นลงไป
“แล้วโกหกพี่แล้ว มันดีไหมละ”
ฉันส่ายหน้าแทนคำตอบแล้วพี่เทวาก็เอื้อมมือมาจับปลายคางของไว้แล้วเชิดหน้าฉันขึ้นเพื่อให้ไปสบตาของตรงๆ
“เราเป็นพี่น้องกันไม่ใช่เหรอ มีเรื่องะไรก็ต้องบอกกัน ไม่ใช่มาปิดบังกันแบบนี้ คิดหรือว่าพี่จะกล้าโกรธอัญได้ลงคอ”
อ่า พี่เทวานี่ช่างเป็นพี่ชายที่แสนดีจริงๆ
“บอกพี่มาเถอะ พี่จะได้รู้ว่าพี่ควรโกรธหรือไม่ควรโกรธดี”
ฉันเม้มริมฝีปากของตัวเองไว้แน่นแล้วมองสบตากับพี่เทวาไปตรงๆ ซึ่งตอนนี้พี่เทวาก็กำลังสบตาฉันอยู่เหมือนกัน เอาวะ ยังไงซะพี่เทวาก็รู้เรื่องที่ฉันโกหกหมดแล้ว บอกความจริงไปตอนนี้ฉันว่าพี่เขาไม่น่าจะโกรธฉันมากซักเท่าไหร่หรอก จริงไหม
“ก็ได้ค่ะ”
“...”
“เพื่อนที่อัญบอกว่าเป็นตุ๊ด จริงๆแล้วเขาเป็นแฟนอัญเองค่ะ”
เฮ้อ ในที่สุดฉันก็กล้าที่จะพูดมันออกไปสักที รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกเลย เหมือนยกภูเขาทั้งลูกออกไปจากอกยังไงยังไง เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฉันปิดบังมานานแล้วไง พอมาบอกความจริงให้รับรู้แบบนี้แล้วโล่งใจขึ้นเยอะเลยจริงๆ
“แฟน?”
“ใช่คะ ชื่อพี่เซน อายุเท่าพี่เทวาเลยนะ อัญคบมาเกือบปีแล้ว”
ฉันเอ่ยออกไปด้วยความภาคภูมิใจที่ตัวเองมีความกล้าที่จะพูดออกไปแบบนั้น แต่..ทำไมพี่เทวาถึงได้ทำหน้าตาน่ากลัวแบบนั้นอีกแล้วละ
“ไปเลิกกับมันซะ”
วะ ว่าไงนะ
555 พี่เซนยังไม่ได้เจอกับเทวาตอนนี้หรอก
รอให้พี่เทวาหายดีก่อนก็แล้วกัน
สองคนนั้นได้เจอกันแน่
แต่จะเจอในสภาพไหน
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อ้าว เพร่เพื่อน รึแฟน ก้อให้เลิกคบ จบไม่สวยอิ