ตอนที่ 2 : BAIT NAVA #นาวาล่าลม 1 : สบตาสายลม
นาวาล่าลม
1
สบตาสายลม
อ่า ทำไมวันนี้อากาศถึงได้ร้อนแบบนี้กันนะ ฉันบ่นกับตัวเองในใจพร้อมกับเดินไปตามทางเดินท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนจัด แดดประเทศไทยขึ้นชื่อว่าแรงมาก จนเหงื่อฉันไหลท่วมตัวอยู่แล้ว ฉันเลยยกมือของตัวเองขึ้นมาปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นตามกรอบหน้าของฉันออกอย่างลวกๆ ก่อนที่จะเดินเข้าไปในร้านเบเกอรี่แห่งหนึ่งซึ่งภายในร้านถูกตกแต่งสไตล์น่ารักๆ เหมาะสำหรับนั่งพักผ่อนหย่อนใจ แต่ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อนที่จะมาพักผ่อนหรอก ฉันทำงานพิเศษที่นี่นะ
“ลม มาแล้วเหรอ”
เสียงของหญิงสาววัยกลางคนที่เป็นเจ้าของร้างเบเกอรี่แห่งนี้เอ่ยทักฉันด้วยความสนิทสนม
“ค่ะ วันนี้ร้อนจังเจ๊”
ฉันบ่นขึ้นมาพร้อมกับเดินเข้าไปทางหลังร้าน ดีที่ร้านนี้ติดแอร์ไว้จนทำให้ภายในร้านไม่ร้อนอบอ้าวเหมือนกับข้างนอก ฉันเป็นคนขี้ร้อนนะ เจออากาศร้อนๆ แบบนี้ทีไรหงุดหงิดทุกทีเลย
“แบบนี้แหละ โลกเปลี่ยนอากาศก็เปลี่ยน”
พี่นิด คนที่ฉันเรียกว่าเจ๊ซึ่งเป็นเจ้าของร้านแห่งนี้เอ่ยขึ้นตามภาษาคนอายุเข้าเลขสี่ และมันก็ทำให้ฉันระบายยิ้มออกมากับคำพูดที่ดูเป็นทางการของแก
“ลม ไปเปลี่ยนเสื้อก่อนนะคะ”
ฉันเอ่ยขึ้นแล้วเดินเข้าไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเปลี่ยนเป็นยูนิฟอร์มของร้าน ฉันทำงานที่นี่มาได้สองปีแล้ว เลยทำให้เจ๊เจ้าของร้านเอ็นดูฉันเป็นพิเศษ ที่นี่ไม่ใช้ร้านขายเบเกอรี่ธรรมดาๆ ทั่วไป แต่เป็นร้านที่ขายพวกกาแฟเครื่องดื่มอะไรพวกนี้ด้วย อ่อ และพนักงานที่นี่ก็มีอยู่แค่สี่คนรวมทั้งฉันด้วย ก็จะมีพี่หน่อย พี่ตาล แล้วก็แชมป์ซึ่งเป็นคนทำหน้าที่ชงกาแฟและเครื่องดื่มต่างๆ ส่วนพวกผู้หญิงมีหน้าที่รับออเดอร์และเก็บโต๊ะอะไรแบบนี้
อ่อลืมไป ฉันชื่อว่าสายลม เรียกง่ายๆ ว่าลม ตอนนี้ฉันเป็นนักศึกษาชั้นปีที่สี่แล้วละ เรียนอยู่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์นะ ชีวิตฉันก็ไม่ได้มีอะไรมาก ก็แค่ผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่งที่ต้องทำงานพิเศษหาเลี้ยงตัวเอง ฉันไม่ได้ทำงานแค่ที่นี่แค่ที่เดียวหรอก ฉันมีงานหลักๆ อยู่อีกอย่างคือเป็นพริตตี้ที่โชว์รูมชื่อดังแห่งหนึ่ง รายได้ดีพอสมควรเลยละ ฉันทำได้มาสามปีแล้ว เลยไม่ค่อยเป็นอุปสรรคต่อฉันซักเท่าไหร่ ส่วนงานที่ร้านเบเกอรี่แห่งนี้ฉันทำเป็นบางวันคือวันศุกร์ เสาร์แล้วก็วันอาทิตย์แค่นั้นแหละ
“เจ๊ลม เสร็จยัง”
เสียงของแชมป์พนักงานชายเพียงคนเดียวของร้านเอ่ยเรียกฉันที่กำลังเดินออกมาจากห้องเปลี่ยนชุด อ่อ แชมป์เป็นรุ่นน้องฉันที่มหาลัยนะแต่อยู่คนละคณะ อยู่ปีหนึ่งเป็นเด็กผู้ชายที่หน้าตาดีใช้ได้เลยละ แต่นิสัยมันออกจะกวนตีนไปหน่อย ๆ ฉันเลยเรียกมันว่าไอ้แชมป์ไปตามปริยาย
“เสร็จแล้วๆ”
ฉันเอ่ยขึ้นก่อนที่จะเดินไปที่เค้าเตอร์สำหรับสั่งเครื่องดื่มและพวกเบเกอรี่ต่างๆ วันนี้ลูกค้าไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่พวกฉันเลยไม่ได้วุ่นวายทำงานกัน และพนักงานที่นี่ก็ไม่ได้เข้มงวดเรื่องกฎเกณฑ์อะไร เวลาว่างของพวกฉันเลยสามารถเล่นโทรศัพท์ได้ และฉันก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบเล่นโทรศัพท์ในเวลาว่าง ฉันเป็นพวกที่ชอบทำอะไรในไอจีนะ ชอบระบายความรู้สึกของตัวเองในนั้น รู้สึกว่ามันช่วยให้ฉันผ่อนคลายความเครียดที่สะสมมาทั้งวันได้ดีเลยละ
วันนี้ฉันยังไม่ได้อัพรูปลงไอจีเลยนี่นา คิดได้อย่างนั้นฉันก็อัพรูปลงไอจีของตัวเองทันที รูปที่ฉันลงเป็นรูปที่ฉันยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายเมื่อกี้นี่แหละ เป็นรูปที่ถ่ายในร้านแต่ภายออกไปนอกร้านเพื่อถ่ายบรรยากาศร้อนอบอ้าวของวันนี้ ส่วนมากรูปที่ฉันลงจะเป็นพวกรูปทิวทัศน์ต่างๆ มากกว่ารูปถ่ายของตัวเองนะ
NAVA Tattoo Liked your post . 3 second
ทันทีที่ฉันลงรูปเสร็จก็มีคนมากดถูกใจรูปของฉันทันที ฉันจะไม่แปลกใจอะไรเลยถ้าคนที่ถูกฉันคนแรกจะเป็นคนคนเดียวกันที่ชอบกดไลค์รูปของฉันคนแรกอยู่ตลอด ฉันไม่รู้ว่าคนคนนี้เป็นใครเพราะฉันไม่กล้าที่จะกดติดตามเขา เพราะรู้สึกว่าคนคนนี้น่ากลัวแปลกๆ จนฉันรู้สึกได้ ไม่รู้สิ ทันทีที่ฉันลงรูปไม่ว่าจะเป็นเมื่อไหร่เวลาไหนเขาจะเป็นคนแรกที่ครั้งที่เป็นคนกดไลค์แบบนี้มันเรียกว่าแปลกไปไหม
ฉันเลยกดเข้าไปดูโปรไฟล์ของเขาแต่บัญชีของเขาเป็นแบบส่วนตัวเลยทำให้ฉันไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเขาคนนี้เป็นใครกันแน่ แค่ยอดคนที่ติดตามเขาอยู่ทำเอาฉันตกใจมากพอสมควร มันเยอะมากจนฉันเองยังรู้สึกแปลกใจ นี่เขาเป็นใครกันนะ ด้วยความอยากรู้ฉันเลยตัดสินใจกดคำร้องขอติดตามเขา
กริ๊งๆ
เสียงประตูของร้านถูกเปิดขึ้นมันเป็นสัญญาณของลูกค้านะ ฉันเลยเงยหน้าขึ้นมาแล้วเก็บโทรศัพท์ของตัวเองไว้ในกระเป๋าทันที
“ยินดีต้องรับค่ะ รับอะไรดีคะ”
ฉันเอ่ยถามเสียงใส พร้อมกับมองหน้าลูกค้าที่มาใหม่เพื่อรอคำตอบจากเขา เอ๋ ผู้ชายคนนี้อีกแล้ว ฉันคิดกับตัวเองในใจหลังจากที่ฉันเห็นใบหน้าของลูกค้าที่กำลังยืนอยู่ต่อหน้าฉัน เขาเป็นลูกค้าประจำของที่นี่นะ เขาชอบมาทุกเย็นวันศุกร์ซ้ำกันทุกๆ อาทิตย์จนพนักงานทุกคนจำหน้าของได้แล้ว หรือเป็นเพราะว่าเขาหน้าตาดีด้วยแหละเลยทำให้จำง่ายไปหน่อย
เขาเป็นผู้ชายตัวสูงผิวขาวมาก ใบหน้าคมเข้มแต่ดูน่ากลัวไปหน่อย ก็แบบว่าเขาสักไปทั้งตัวมันเลยทำให้เขาดูเหมือนพวกอันธพาล และฉันเป็นคนที่ไม่ชอบคนสักด้วยฉันเลยแอนตี้เรื่องนี้นิดหนึ่ง แต่พวกพี่หน่อยกับพี่ตาลนี่กรี๊ดกร๊าดเขาใหญ่เลยละ เขามาที่นี่ทีไรสองคนนั้นจะชอบแย่งกันไปเสิร์ฟทุกที ส่วนฉันนะเหรอ ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ซักเท่าไหร่หรอก ไม่ว่าจะผู้ชายหล่อขนาดไหน คนอย่างสายลมคนนี้ก็ไม่หวั่นไหวหรอก
“ลาเต้ กับบราวนี่”
เขาเอ่ยสั่งเสียงเรียบก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาสบตาฉันครั้งหนึ่ง
“รอสักครู่นะคะ”
“อืม”
เขาตอบเพียงแค่นั้นก่อนที่จะหันไปหลังเดินไปนั่งที่โต๊ะที่เขาชอบนั่งประจำ
“แชมป์ ลาเต้ที่หนึ่ง”
ฉันหันไปสั่งไอ้แชมป์เสียงเรียบก่อนที่จะก้มลงไปหยิบบราวนี่ขึ้นมาใส่จานเตรียมเสิร์ฟ
“เดี๋ยวพี่เอาไปเสิร์ฟเอง”
พี่ตาลเดินมาบอกฉัน ฉันเลยยื่นจานที่บรรจุบราวนี่หน้าตาน่าทานไปให้เธอ
“ตามสบายเลยค่ะ ลมไม่แย่งหน้าที่พี่หรอก”
ฉันเอ่ยแล้วก็ขยิบตาให้พี่ตาลครั้งหนึ่งก่อนที่จะหันไปทำงานของตัวเองต่อ แต่ระหว่างที่ทำงานอยู่นั้นจู่ๆ ฉันก็รู้สึกเหมือนมีใครกำลังจ้องฉันอยู่พอฉันเงยหน้าขึ้นไปมองก็ไม่เห็นว่ามีใครมองฉันอยู่เลย สงสัยฉันคงคิดไปเองแหละ
“ลาเต้เสร็จแล้ว”
ไอ้แชมป์พูดขึ้นฉันเลยหันไปมอง แต่ไม่มีใครเอาเครื่องดื่มไปเสิร์ฟเลย พี่หน่อยกับพี่ตาลก็ไม่ว่าง สงสัยฉันคงต้องเอาไปเสิร์ฟเองแล้วละ ไม่ค่อยอยากจะไปเลยแฮะ แต่นี่มันเป็นหน้าที่ยังไงฉันก็ต้องทำมันอยู่ดี อย่าเลือกลูกค้าสิลม ฉันบอกกับตัวเองก่อนที่จะเดินไปหยิบแก้วกาแฟวางบนถาดแล้วยกขึ้นมาถือไว้
“เจ๊จะไปเสิร์ฟเหรอ”
ไอ้แชมป์เอ่ยขึ้นพร้อมกับเลิกคิ้วมองฉันด้วยสายตาแปลกใจ
“อืม ไม่มีใครว่างนี่ เลยต้องไปเอง”
ฉันตอบพร้อมกับถือถาดเดินอ้อมไปฝั่งที่ผู้ชายคนนั้นนั่งอยู่
“ลาเต้ได้แล้วค่ะ”
ฉันเอ่ยขึ้นแล้วก็ค่อยๆ วางแก้วกาแฟที่เขาสั่งลงบนโต๊ะ และตอนนั้นเองฉันก็เผลอไปสบเข้ากับสายตาที่ดูดุดันนั่นเข้าอย่างจัง สายตาของเขาดูดุมากจนฉันรู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที ฉันเลยรีบหันหน้าหนีเพราะถ้าเผลอจ้องนานกว่านี้ฉันกลัวว่ามันคงไม่ใช่เรื่องดีเข้านี่สิ
หลังจากที่เสิร์ฟเสร็จแล้วฉันก็รีบเดินกลับมายืนที่ตำแหน่งเดิมด้วยหัวใจที่เต้นผิดจังหวะ ฉันรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ฉันไม่ควรที่จะเข้าใกล้เขาเลยจริงๆ ดูอันตรายยังไงก็ไม่รู้สิ
“เป็นไรเจ๊ รีบเดินมาแบบนั้น”
ไอ้แชมป์เอ่ยถามขึ้นมาทันทีที่ฉันเดินมาถึงพร้อมกับเอื้อมมือขึ้นมาจับไหล่ของฉันด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง
“เปล่า”
ฉันตอบเสียงเรียบแล้วหันไปยิ้มบางๆ ให้ไอ้แชมป์ เพราะไม่อยากให้น้องมันกังวลไปกับฉันด้วยไง และอีกอย่างความรู้สึกนี้มันเป็นกับฉันแค่คนเดียว ฉันไม่อยากทำให้คนอื่นพลอยไม่ชอบเขาไปด้วย ยังไงเขาก็ยังคงเป็นลูกค้าอยู่ ฉันเลยเลิกสนใจแล้วหันมาตั้งใจทำงานต่อจนผู้ชายคนนั้นเขาเดินมาจ่ายเงินแล้วก็เดินออกจากร้านไป ฉันถึงค่อยรู้สึกหายใจสะดวกขึ้นมาหน่อย
เวลาต่อมา
ตอนนี้ร้านปิดแล้วและพวกฉันก็กำลังช่วยกันเก็บร้านกันอยู่ด้วยความขยันขันแข็ง เพราะถ้าขืนชักช้าพวกฉันก็พลอยกลับบ้านช้าไปด้วย รีบทำรีบกลับมันน่าจะดีกว่า
“เจ๊ลม เก็บร้านเสร็จแล้วไปกินหมูกระทะกัน”
ไอ้แชมป์เอ่ยปากขึ้นมาชวน
“วันนี้คงไม่ได้ เจ๊ต้องแวะกลับไปบ้านแม่นะ”
ฉันบอกพร้อมกับทำสีหน้าขอโทษไอ้แชมป์ไปด้วย
“ไม่เป็นไรเจ๊ ไว้วันหลังก็ได้”
“โทษนะ เดี๋ยววันหลังเจ๊เลี้ยงเอง”
ฉันบอกพร้อมกับยิ้มออกมาให้ไอ้แชมป์
“สัญญาแล้วนะ ห้ามลืมละ”
“จ้า น้องรัก เจ๊ไปก่อนนะ”
ฉันเอ่ยจบพร้อมกับถือกระเป๋าตัวเองขึ้นมาสะพายพร้อมกับเดินออกมาจากร้านทันที วันนี้ฉันต้องรีบหน่อยเพราะต้องเดินแวะไปบ้านแม่ของฉันก่อนแล้วค่อยกลับหอ ส่วนพาหนะที่ฉันใช่เดินทางก็คงเป็นรถเมล์เหมือนเดิมนั่นแหละ ฉันใช้เวลาไม่นานก็เดินทางมาถึงบ้านที่มีขนาดกลางหลังหนึ่ง มันเป็นบ้านของฉันเองแหละ
“มาแล้วสินะยัยลม นึกว่าแกจะไม่มาซะอีก”
ทันทีที่ฉันเดินเข้ามาในบ้านเสียงของคนคนหนึ่งที่ฉันเรียกว่าแม่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความถากถาง ฟังไม่ผิดหรอก แม่ฉันเป็นแบบนี้ตลอดแหละ
“ลมบอกว่าจะมาก็มาสิคะ”
ฉันตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเหนื่อยๆ พร้อมกับมองหน้าแม่บังเกิดเกล้าของตัวเองที่กำลังนั่งอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งที่มีสถานะเป็นพ่อเลี้ยงของฉัน
“นึกว่าจะลืมไปแล้วเสียอีกว่าฉันยังเป็นแม่แกอยู่”
แม่ของฉันเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง ฉันเลยถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยๆ เหนื่อยที่ต้องมาเจอกับสถานการณ์แบบนี้ เหนื่อยที่ต้องทนฟังคำพูดที่แสนร้ายกาจจากแม่ของตัวเอง หึ ชีวิตของฉันมันไม่ได้สวยหรูอย่างใครคิดหรอก ครอบครัวฉันมีปัญหานะ ฉันเลยโตมาเป็นคนมีปัญหาแบบนี้ไง
พ่อแท้ๆ กับแม่ของฉันแยกทางกันตอนที่ฉันอายุ 13 ปี ตอนนั้นฉันเริ่มรู้อะไรเป็นอะไรแล้ว ฉันเห็นพ่อกับแม่ฉันทะเลาะกันทุกวัน ส่วนมากแม่ฉันจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เธอหาเรื่องทะเลาะกับพ่อของฉันได้ทุกวัน จนในที่สุดทั้งคู่ก็ตัดสินใจหย่ากันแล้วก็แยกทางอย่างที่เห็นนี่แหละ
อ่อ ฉันมีน้องชายที่อายุห่างจากฉันแค่ปีเดียวอยู่คนหนึ่ง แต่ตอนที่พ่อกับแม่หย่ากันพวกเขาตัดสินใจแยกเราทั้งคู่ออกจากกัน โดยพ่อฉันรับน้องชายฉันไปเลี้ยง และแม่ก็พาฉันออกจากบ้านหลังนั้นมาและเลี้ยงฉันอย่างที่เห็นนี่แหละ และต่อมาไม่นานแม่ของฉันก็มีสามีใหม่ แล้วต่อมาชีวิตของฉันก็เริ่มเหมือนละครหลังข่าวเข้าไปทุกที เมื่อสามีใหม่ของแม่ฉันไม่ได้ดีอย่างที่คิด เขาทำตัวดีต่อหน้าแม่ฉัน แต่ชอบข่มเหงฉันตอนลับหลัง
แต่เรื่องข่มเหงหรือทำไม่ดีใส่ฉันมันไม่เท่าไหร่กับการที่พ่อเลี้ยงของฉันพยายามที่จะลวนลามฉันนี่สิ นับวันยิ่งลวนลามฉันหนักขึ้นเรื่อยๆ จนมีวันหนึ่งที่แม่ฉันไม่อยู่บ้านแล้วจู่ๆ พ่อเลี้ยงฉันก็บุกเข้าห้องฉันมาแล้วเขาก็ทำท่าเหมือนจะข่มขืนฉัน แต่ตอนนั้นฉันไหวตัวทันฉันเลยรอดออกมาได้ แล้วหลังจากนั้นฉันก็ย้ายมาอยู่หอพักทันทีเพราะทนอยู่ที่นั่นต่อไปไม่ได้แล้ว
ฉันออกมาอยู่ที่หอตั้งแต่ปีหนึ่งฉันทำงานหาเลี้ยงตัวเองโดยไม่พึ่งเงินของแม่ฉันสักบาท หนำซ้ำฉันยังต้องคอยส่งเงินมาให้แม่ฉันใช้จ่ายด้วยนี่สิ ฉันเลยต้องทำงานหนักอย่างที่เห็นนั่นแหละ และวันนี้ก็เป็นวันที่ฉันต้องนำเงินที่ฉันหาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองมาให้แม่ฉัน
“นี่คะ”
ฉันไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อดี เลยยื่นซองที่บรรจุไปด้วยเงินจำนวนหนึ่งไปให้แม่ของฉัน ทันทีที่แม่ของฉันเห็นสิ่งที่อยู่ในมือฉันเธอก็รีบคว้าไปทันทีพร้อมกับยิ้มออกมาด้วยความพอใจ หึ ฉันคงอยู่ในสายตาของเธอก็ตอนที่ฉันมีเงินสินะ นี่เหรอคือสิ่งที่แม่ทั่วไปเขาทำกัน
ฉันรู้สึกน้อยใจนะที่ฉันเกิดมาเป็นอย่างนี้ ไม่ได้มีความสุขเหมือนคนทั่วไป ใช้ชีวิตแบบทุกข์ทรมานมาด้วยตัวเอง มีแม่ แม่ก็ไม่รักเพราะแม่ของฉันรักพ่อเลี้ยงมากกว่าฉันไง ฉันไม่รู้ว่าแม่ฉันไปรักไอ้แมงดานั่นได้ยังไง วันๆ เอาแต่ขี้เกียจ งานการก็ไม่ไปทำ ทุกวันนี้เงินที่ใช้จ่ายอยู่ก็เป็นเงินของแม่ฉันและส่วนหนึ่งก็มาจากฉันด้วย และมันใกล้แล้วที่ฉันจะไม่ทนกับเรื่องนี้
“นี่แกคงไปขายตัวมาสินะ ถึงได้เงินมาเยอะแบบนี้”
“แล้วแต่แม่จะคิดก็แล้วกันค่ะ ลมกลับนะคะ”
ฉันเอ่ยออกมาด้วยความเหนื่อยใจที่ถูกแม่ของตัวเองดูถูกมาแบบนั้น ทั้งๆ งานที่ฉันทำอยู่มันไม่ได้เป็นอย่างที่แม่ฉันพูดเลย งานพริตตี้ที่ฉันทำอยู่เป็นงานที่ค่อนข้างได้เงินสูงนะ ฉันเลยได้เงินมาจุนเจือจนถึงทุกวันนี้ยังไงละ
“จะกลับแล้วเหรอ ไม่ค้างที่นี่ซะละ”
ไอ้พ่อเลี้ยงแมงดาเอ่ยขึ้นพร้อมกับแสยะยิ้มให้ฉัน แต่สายตาที่มันมองมาที่ฉันนี่สิมันทำให้ฉันรู้สึกขยะแขยงสิ้นดี ฉันรู้ว่าในหัวมันกำลังคิดอกุศลอะไรกับฉันอยู่ สันดานมันก็คงเป็นสันดานและ คงแก้ไม่หาย
“ไม่ดีกว่าค่ะ ลมกลัวเชื้อแมงดาแถวนี้จะติด”
ฉันเอ่ยแล้วไอ้พ่อเลี้ยงแมงดาก็ทำสีหน้าโกรธจัดใส่ฉันทันที
“นี่นังลม แกกล้าดียังไงมาว่าผัวฉัน”
“ไม่ด่ามากกว่านี้ก็บุญเท่าไหร่แล้วค่ะ ไปนะคะ”
ฉันเอ่ยแล้วก็ยกมือไหว้แม่ฉันก่อนที่จะเดินออกมาโดยไม่สนใจเสียงด่าทอที่ดังตามหลังฉันมาเลยสักนิด ถามว่าฉันรู้สึกเสียใจไหมที่แม่ตัวเองทำแบบนี้กับฉัน ฉันเสียใจนะแต่มันด้านชาจนฉันไม่รู้สึกอะไรแล้วละ
แปะๆ ๆ
เหมือนฟ้าฝนจะเป็นใจกับฉันเหลือเกิน คงรู้สินะว่าฉันกำลังรู้สึกแบบไหนท้องฟ้าถึงได้ร้องไห้ออกมาแทนฉันแบบนี้ ฉันแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่มืดครึ้มที่กำลังมีหยาดฝนตกลงมากระทบใบหน้าของตัวเองด้วยสายตาเหม่อลอย
ตอนนี้ฉันกำลังเดินกลับหอนะ แต่ฝนดันตกซะก่อน แต่ฉันไม่คิดที่จะวิ่งไปหลบฝนหรอก เพราะฉันรู้สึกว่าตอนนี้สายฝนกำลังรับฟังความรู้สึกของฉันอยู่ ฉันปล่อยให้น้ำฝนชโลมไปทั่งร่างกายของฉันจนเปียกชื้น จนในที่สุดน้ำตาที่ฉันกลั้นตั้งแต่อยู่ในบ้านก็ไหลลงมาไปพร้อมกับสายฝน
“ฮึก”
ฉันสะอื้นออกมาเบาๆ พร้อมกับปล่อยน้ำตาของตัวเองให้ไหลไปอย่างนั้น ฉันหลับตาลงปล่อยให้สายฝนตกกระทบหน้าของตัวเองไปทั้งอย่างนั้น หลายคนอาจจะคิดว่าฉันมายืนบ้าอะไรกลางสายฝนตอนนี้ แต่ฉันแค่ไม่อยากให้ใครเห็นว่าตอนนี้ฉันกำลังร้องไห้อยู่ต่างหาก
พรึบ!
แล้วจู่ๆ สายฝนที่กำลังตกกระทบหน้าของฉันก็หยุดลง ฉันเลยลืมตาขึ้นมองท้องฟ้า แต่มันกลับถูกบดบังด้วยร่มสีดำคันหนึ่ง
‘ใคร’
ฉันพึมพำขึ้นกับตัวเองในใจก่อนที่จะหันไปมองผู้มาใหม่ที่กำลังถือร่มอยู่ แต่ทันทีที่เห็นใบหน้านั่นฉันก็เบิกตาขึ้นมาด้วยความตกใจ ผู้ชายคนนี้มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
“ให้”
เขาเอ่ยเสียงเรียบพร้อมกับยัดร่มใส่มือฉัน ฉันมองหน้าเขาด้วยสายตาอึ้งๆ ทำอะไรไม่ถูก เพราะรู้สึกตกใจจริงๆ ที่ต้องมาเจอกับเขาในสถานการณ์แบบนี้
“มะ ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ”
ฉันเอ่ยกลับไปแล้วยัดร่มใส่มือที่เต็มไปด้วยรอยสักของเขากลับคืนไป
“อย่าปฏิเสธ”
เขาเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงดุดันแล้วก็ยัดร่มใส่มือฉันอีกครั้ง ฉันเลยรับมาแต่โดยดีเพราะสายตาที่เขากำลังมองฉันตอนนี้มันน่ากลัวเหลือเกิน
“ขอบคุณค่ะ”
“อืม”
เขากล่าวเพียงแค่นั้นก่อนที่จะเดินตากฝนออกไป ทิ้งให้ฉันที่ยังคงยืนงงอยู่ที่เดิม ผู้ชายคนนี้เขาทำแบบนี้ไปทำไมกันนะ แล้วเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน
นาวานายทำให้ลมกลัวนะเออ
นางเป็นผู้ชายฮาร์ดคอร์ แต่แอบน่ารักเบาๆ
ติดตามได้นะคะ ฝากนาวาไว้ในอ้อมกอดด้วย
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ใช้ได้เลย(ละ) ล่ะ** ใช้คำผิดค่อนข้างเยอะ เเต่เนื้อเรื่องเเละการเล่าดีมากเลยค่ะ สู้ๆนะคะ
ยังใช้ ค่ะ คะ ผิดอยู่นะ ฝากเเก้ด้วยค่ะ