จรจากฟากฟ้ามหากานน - จรจากฟากฟ้ามหากานน นิยาย จรจากฟากฟ้ามหากานน : Dek-D.com - Writer
NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด

    จรจากฟากฟ้ามหากานน

    สุดท้ายแล้ว ก็เป็นเขาที่เป็นไข่เน่าทุกที

    ผู้เข้าชมรวม

    107

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    107

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  11 พ.ค. 67 / 00:18 น.
    คำเตือนเนื้อหา NC

    มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ



    ข้อมูลเบื้องต้น

    :: คำชี้แจง ::

    อันที่จริงเรื่องนี้เป็นเรื่องยาวแฟนตาซีเซตติ้งสวรรค์ทั้งหกชั้นตามความเชื่อของไทย โดยเจาะจงไปสวรรค์ชั้นจตุมหาราชิกาภายใต้การปกครองของท้าววิรุฬหกที่ปกครองเผ่าพันธุ์ครุฑและการเมืองภายในของเผ่าครุฑที่มีชนชั้นปกครองและชนชั้นถูกปกครอง เรื่องมันยาวและละเอียดมาก แต่หมดไฟ เราจึงเอาบทที่ชอบมากมาแชร์ค่ะ

    (เขียนไว้ตั้งแต่ปี 2565)

    เซตติ้งหิมพานต์+ปจบ

     

    ;

    ธนุสก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาเอาแต่เฝ้ามองพญาครุฑผู้นั้น

    ท่านปงศ์ปณตคือทายาทของผู้นำตระกูลเวนไตยองค์ก่อน มีฐานะเป็นหลานชายของท่านนิธิศนฤเบศผู้นำตระกูลเวนไตยองค์ปัจจุบัน เป็นหนึ่งในผู้ชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลเวนไตยคนต่อไป ปงศ์ปณตมีบริวารมากมาย มีตระกูลสดายุและพญาครุฑอีกหลายตระกูลคอยหนุนหลัง ปราดเปรื่องรอบด้าน มีหน้าที่การงานที่ดี เหมือนตอนนี้อีกฝ่ายจะเป็นหนึ่งในคณะกรรมการของบริษัทส่งออกใหญ่ในโลกมนุษย์ ร่ำรวยเทียบเท่าท่านนิธิศนฤเบศก็ว่าได้ และมีคู่ครองที่ดี

    “ฉันให้เธอจ่ะธนุส”

    “ขอบคุณครับท่านเกตน์นิภา” ธนุสรับของฝากด้วยความไม่เต็มใจเท่าไหร่ แม้จะมีค่าไม่มากในสายตาท่านเกตน์นิภา แต่มันกลับล้ำค่าจนเขาไม่กล้าหยิบขึ้นมาใช้

    ท่านเกตน์นิภาแต่งงานท่านปงศ์ปณตหลังจากเขามาอาศัยในวังตระกูลเวนไตยได้ห้าปี งานแต่งครั้งนั้นเป็นที่กล่าวขานของชาวหิมพานต์ก็ว่าได้

    ฝ่ายหญิงคือหลานสาวเพียงหนึ่งเดียวของผู้นำตระกูลสดายุ เธอพรั่งพร้อมไปด้วยทรัพย์ อำนาจและรูปโฉม ส่วนฝ่ายชายก็เป็นหลานชายเจ้าของวังตระกูลเวนไตย ไม่มีใครเสียเปรียบใคร สินสอดมากมายถูกนับจำนวนกันอยู่สามวัน ขบวนขันหมากมีครุฑในชนชั้นปกครองมาร่วมขบวนนับหมื่นตน ดนตรีถูกบรรเลงโดยคนธรรพ์ การร่ายรำได้เชื้อเชิญนางอัปสรจากชั้นดาวดึงส์มาสร้างความเจริญหูเจริญตา

    ตามปกติแล้วจะไม่มีการแต่งงานกันในเครือญาติ แต่พญาเวนไตยเองก็ไม่ได้คัดค้าน การแต่งงานจัดร่วมสามวันแล้วจึงแล้วจบ

    จบการแต่งงานอันยิ่งใหญ่ของครุฑชนชั้นปกครอง

    “เธอดูซูบผอมไปนะเดี๋ยวนี้” ความเป็นห่วงเป็นใยถูกส่งผ่านทางคำพูด เขาคิดว่าเธอดูน่าคบหาสุดในบรรดาลูกหลานพญาครุฑชนชั้นปกครอง

    “ไม่ค่อยได้พักผ่อนน่ะครับ ท่านเนกษ์ลงพื้นที่บ่อย”

    “เนกษ์กำลังจะขยายสาขาไปที่ชั้นดาวดึงส์ใช่ไหม”

    “ครับ มันค่อนข้างยุ่งยากนิดหน่อย เพราะพวกที่ได้ผลประโยชน์อยู่แถบนั้นคอยจ้องแต่จะหาเรื่อง ท่านเนกษ์ก็เลยต้องออกไปคุมงานเอง”

    “อ่า ฉันเองก็ไม่ค่อยจะเข้าใจงานที่พวกเธอทำกัน แต่ยังไงก็อย่าลืมพักผ่อนกันบ้างนะ กลายเป็นครุฑผอมแห้งเดี๋ยวสาวไม่เหลียวเอา!”

    ธนุสหัวเราะกับมุกตลก ก่อนจะมองเลยหลังของท่านเกตน์นิภาไป เห็นท่านปงศ์ปณตที่ออกมาจากห้องทำงานท่านนิธิศนฤเบศ เขาพนมมือไหว้ผู้มีอาวุโสกว่า “สวัสดีครับท่านปงศ์ปณต”

    อีกฝ่ายเพียงครางรับคำว่า “อืม” แล้วพยักหน้าให้ผู้เป็นภริยาเดินตามมา “กลับกันได้แล้ว”

    ท่านเกตน์นิภาพยักหน้ารับ ก่อนจะหันมาพูดกับเขา “ฉันคงต้องกลับก่อน อย่าลืมเอาของฝากให้ถึงมือเนกษ์เขาด้วยนะจ๊ะ”

    เขามองสองร่างที่เหมาะสมกันเดินเคียงคู่จากไป ธนุสมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกหลากหลาย ก่อนจะเสตาหลบท่านปงศ์ปณตที่หันมองกลับมา รีบนำพาตัวเองกลับไปห้องหนังสือทันที เขาวางของฝากลงบนโต๊ะ ไม่มีความคิดที่จะแกะดูเพราะรู้ว่าต้องเป็นสิ่งของราคาแพงยิบ ท้องนิ้วไล่สัมผัสสันหนังสือ เขาหยิบมาเล่มหนึ่งแล้วไปนั่งที่โซฟาตัวยาวกลางห้อง

    เนกษ์นฤชิตที่หายหน้าหายตาไปสามชั่วโมงถ้วนเดินมาทิ้งตัวนอนบนโซฟา มันยกเท้าขึ้นวางบนตักเขา

    “ไม่วางบนหัวกูเลยล่ะ” ธนุสชายตาแลทายาทเจ้าของวัง

    “เอ้าได้เหรอ”

    “กูต่อยนะ”

    เนกษ์หัวเราะ มันโรคจิต แค่ได้แกล้งเขามันก็สบายใจแล้ว ก่อนจะกลับไปซึมต่อ พูดด้วยน้ำเสียงติดเนือยๆ ขึ้นมาว่า “กูทะเลาะกันอีกแล้ว”

    ธนุสละสายตาจากหนังสือ มือเท้าขมับวางบนพนักพิง จ้องเนกษ์ที่เอาแต่มองเพดานห้อง

    “อะไรอีกล่ะ” เขาถาม

    “มึงก็รู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าปกเกศเข้าหากูเพราะอะไร” เนกษ์ถอนหายใจหนัก เหมือนว่าปัญหาครั้งนี้จะหนักหนาสาหัสจริงๆ “กูเองก็รู้ตั้งแต่แรกแต่เลือกที่จะเดินตามเกมเหล่านั้น”

    “จะบอกว่าหลวมตัวไปรักเขาแล้วใช่ไหม”

    เนกษ์ : “...”

    “ที่ร่ายมายาวขนาดนี้เพื่ออะไร กูช่วยอะไรไม่ได้หรอก โตเสียเปล่า แค่ความรู้สึกของตัวเองยังควบคุมไม่ได้ กระจอก” แต่จนแล้วจนรอดก็ต้องพูดปลอบ เขาไม่ชอบที่เนกษ์เป็นแบบนี้ คล้ายว่ามันเจ็บเขาก็เจ็บ “เดี๋ยวก็ดีกัน”

    “แต่ผ่านมาสามวันแล้ว”

    “แค่สามวันเองเนกษ์ อดทนหน่อย”

    “เขาไม่กลับคอนโด เสื้อผ้าไม่มีสักชิ้น ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวหายหมด แบบนี้ควรอดทนอีกไหม”

    “ตามตัวกลับมา แค่นี้ไม่เกินความสามารถนาย”

    “ถ้าตามตัวกลับมาแล้วทำยังไงต่อ” เนกษ์ถอนหายใจอีกครั้ง แววตาหม่นแสงจนธนุสต้องเสมองทางอื่น “ปกเกศไม่เคยรักกู ที่ยอมทนอยู่ ที่ยอมมีเซ็กซ์ ที่ยอมกอดกู เขาบอกว่าทุกอย่างมันก็แค่เรื่องหลอกลวง”

    ธนุส : “...”

    “แล้วกูเป็นตัวอะไรสำหรับปกเกศกันแน่ แค่ครุฑโง่ๆ ตัวนึงใช่ไหม”

    “ตอนนี้เขาอยู่ไหน”

    “ไม่รู้แต่จะมีคนเห็นเขาที่ผับแถวทองหล่อทุกคืน”

    “ไปดักรอหน่อยเป็นไง”

    เนกษ์นฤชิตสบตาเขา เราสื่อสารกันอย่างไม่ต้องเอ่ยปาก

    “อยากได้คนของตัวคืนก็ต้องลงมือทำสิ จะมาพร่ำเพ้ออยู่ตรงนี้ให้ได้อะไร เขาไม่ได้มารับรู้ความรู้สึกของนายตลอดหรอกนะ”

    คนตัวสูงกว่าลุกขึ้นนั่ง มือลูบหน้าคล้ายกำลังตัดสินใจ ไม่มีใครฉลาดกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เลยว่าไหม แม้แต่พญาครุฑที่มีทุกอย่างเพรียบพร้อมในชีวิตอย่างเนกษ์นฤชิตก็ไม่ได้รับการยกเว้น

    ธนุสไม่รอให้เนกษ์ตัดสินใจไปมากกว่านี้ เขาลากอีกฝ่ายมาโลกมนุษย์ นัดพบกับท่านอสมาที่กำลังมาเที่ยวพักผ่อนอยู่พอดี แต่วันนี้มันก็จะแปลกตาหน่อยที่..

    “เมียมาคุมเหรอวะ” เนกษ์โน้มตัวไปกระซิบกระซาบกับท่านอสมา

    ธนุสกลอกตา เนียนมากมั้ง กระซิบยังไงให้ได้ยินไปสามบ้านแปดบ้านเอ่ย เขาเลิกใส่ใจกับพญาครุฑเหล่านั้นแล้วยกมือไหว้คู่หมั้นของท่านอสมาแทน “สวัสดีครับท่านภคนางค์”

    “สวัสดีค่ะคุณธนุส ไม่เจอกันนานเลยนะคะ สบายดีใช่ไหม” ท่านภคนางค์รับไหว้ นัยน์ตาคมเฉี่ยวหยีเล็กน้อย รอยยิ้มพิมพ์ใจทำเอาเขาตาพร่า ปกติไม่เคยเห็นอีกฝ่ายยิ้ม วันนี้มาแปลก สงสัยจะมีเรื่องน่ายินดีกระมัง

    “ผมสบายดีครับ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ”

    ท่านภคนางค์เหลือบมองเนกษ์กับท่านอสมา ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงปกติแต่เชือดใจพญาครุฑแถวนั้นว่า “โอเคค่ะ นางค์รู้มาว่าคุณธนุสอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมพวกพญาครุฑสติไม่ดี นางค์เลยเป็นห่วงคุณธนุสเอามากๆ”

    เนกษ์ : “...”

    ท่านอสมา : “...”

    “อ่า ครับ” ธนุสปั้นหน้าเอาไว้ กระแอมแล้วกระแอมอีก ก็รู้ว่าพวกพญาครุฑมันหน้าใหญ่แล้วก็บาง ไม่ชื่นชอบการถูกหัวเราะเยาะ เขาจึงแก้สถานการณ์ด้วยการผายมือเชื้อเชิญให้ทุกคนขึ้นไปชั้นวีไอพีบนชั้นลอย เมรัยชั้นดีถูกนำขึ้นกรอกปาก ใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมง สถานการณ์ที่ตึงๆ ก็เริ่มผ่อนคลาย

    “ไปเที่ยวที่ไหนมา” เนกษ์ถามท่านอสมาที่กำลังชงเมรัยแก้วใหม่ให้ท่านภคนางค์ เทคแคร์ดีมากเลยนะ ถ้าไม่บอกว่านี่คือการคลุมถุงชน เขาจะคิดว่าทั้งคู่เป็นคู่รักที่พบรักกันเอง

    “เชียงราย หมอกกำลังดี หิ้วหมูกะทะไปแดกฟินๆ”

    “ไม่ชวนกูบ้าง”

    ท่านอสมายื่นแก้วให้คู่หมั้น ก่อนจะเอาที่คีบน้ำแข็งชี้หน้าเนกษ์ “มึงเคยอยู่ให้กูชวนด้วยเหรอ เสร็จงานนอนกกเมีย เพื่อนฝูงญาติพี่น้องคืออะไรจำไม่ได้”

    ท่านอสมาพูดน้ำไหลไฟดับ แววตาของท่านภคนางค์เจือรอยยิ้มเอาไว้ แล้วเขาจะไปเหลืออะไร

    เนกษ์ชี้หน้าเขา “หัวเราะกูหรือธนุส”

    ธนุสกลอกตาไหวไหล่ ก่อนบทสนทนาทั้งหลายจะลื่นไหลไปทิศทางอื่น เขาหลุบตามองไปด้านล่างของผับชื่อดังย่านทองหล่อ เสียงกระหึ่มดังกึกก้องจนหน้าอกสะเทือน แสงไฟสลัวยิ่งเพิ่มความเย้ายวนให้แก่ชาวมนุษย์ที่กำลังเต้นเบียดเสียด เสื้อผ้าน้อยชิ้นเผยถึงเนื้อหนังยิ่งเพิ่มความปรารถนาในใจประปราย อ่า เขาไม่ได้ระบายมันมานานแค่ไหนแล้วนะ

    “สงสัยคงต้องแยกกลับแล้วล่ะมั้ง”

    ธนุสหลุดจากภวังค์ เขามองตามที่ท่านอสมาบุ้ยปากแล้วพยักหน้าเห็นด้วย “คงต้องเป็นอย่างนั้นครับ”

    เขาเห็นเนกษ์ที่เคยไปข้างล่างตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ มันเดินเข้าไปคุยกับคุณปกเกศ มีการยื้อยุดกันเล็กน้อย คุณปกเกศร้องไห้ขอบตาแดงก่ำ เนกษ์กอดปลอบ สักครู่ใหญ่ทั้งคู่จึงออกไปด้านนอกด้วยกัน สมาร์ทโฟนในกระเป๋ากางเกงก็เด้งข้อความของเนกษ์ขึ้นมา มันบอกให้เขากลับก่อนได้เลย มันคงจะนอนที่โลกมนุษย์

    ก็นั่นแหละ พอคืนดีกับเมียก็ทิ้งเพื่อน มันเป็นสัจธรรมที่ต้องยอมรับอะเนอะ เลือกไม่ได้เลย

    “แล้วงานเป็นไงบ้าง ติดขัดบ้างไหม” ท่านอสมาถาม

    “ก็ติดขัดบ้างเป็นปกติครับ แต่จะเหนื่อยก็ตอนแย่งประมูลกัน”

    “ก็เงินตรามันทำให้ครุฑมั่งคั่งและมีอำนาจนี่นะ” ท่านอสมายกแก้วเมรัยขึ้นดื่ม ตระกูลสัมพาทีไม่เคยแย่งพื้นที่การทำธุรกิจกับตระกูลอื่น ท่านอกฤษณ์ที่เป็นผู้นำตระกูลสัมพาทีจึงลอยตัวไม่ไปแย่งพื้นที่ทำมาหากินกับใคร แต่แอบมีหลังไมค์หางานให้บริษัทลูกที่เนกษ์บริหารอยู่บ่อยครั้ง

    “ทำไมคุณไม่ทำงานเหมือนเนกษ์บ้างล่ะคะอสมา”

    “ถ้าผมทำงานผมจะเอาเวลาไหนไปจีบคุณล่ะครับคุณภคนางค์”

    ท่านภคนางค์ : “คุณคิดว่านางค์จะเขินเหรอคะ นี่มันเป็นคำตอบของพวกไม่เอาถ่านเอามากๆ แล้วนางค์จะเอาชีวิตไปฝากกับพญาครุฑง่อยๆ งอมืองอเท้าแบบคุณได้ยังไง คุณเคยวางแผนอนาคตไว้บ้างไหม ถึงนางค์จะรวยมากถึงขนาดเลี้ยงดูชายบำเรอได้อีกยี่สิบคนแต่นางค์ก็อยากหาหลักประกันว่าวันใดวันหนึ่งถ้...”

    เอาล่ะ นี่มันปัญหาครอบครัวเลยนะเนี่ย ธนุสรีบปลีกตัวออกมาทันที ไม่อยู่รอฟังอะไรที่มันค่อนข้างส่วนตัวแบบนี้ ท่านอสมาเองคงไม่สะดวกใจเหมือนกัน

    เขาเดินลงไปชั้นล่าง เห็นพวกติดตามหกเจ็ดตนพยักหน้า พวกเขามีหน้าที่อารักษ์ขาธนุสตามคำสั่งของเนกษ์โดยเฉพาะ

    จะว่ายังไงดีล่ะ ครุฑกับพญาครุฑมันมีความแตกต่างกันนะ ครุฑในชนชั้นถูกปกครองอย่างเขา มีฤทธิ์ มีร่างครุฑแบบสมบูรณ์แบบแต่ไม่อาจเทียบชั้นกับพญาครุฑชนชั้นปกครอง ที่มีฤทธิ์มาก มีพละกำลังเกินจะคาด มีรูปร่างครุฑที่สูงใหญ่กว่าพวกครุฑชนชั้นถูกปกครอง และเขาใช้ชีวิตท่ามกลางความเสี่ยงสูง ยิ่งช่วงที่มีการประมูลแย่งงานกันแบบนี้อีกยิ่งต้องระวัง ไม่รู้ว่าพญาครุฑตระกูลใดเหม็นขี้หน้าแล้วอยากขยี้เขาให้แหลกเป็นเศษเนื้อบ้าง

    เขาดูเหมือนอ่อนแอเลยว่าไหม แต่ไม่ใช่หรอก สังคมที่เขากำลังอยู่มันก็แค่แข็งแกร่งไป มันเหมือนว่าเขากำลังอยู่ผิดที่ผิดทาง เป็นแก้วอันแสนเปราะบางท่ามกลางเพชรที่ถูกเจียระไนอย่างปราณีต

    “พวกคุณไปรอที่รถก่อน ผมขอเวลาสูบบุหรี่ห้านาที”

    “ครับ” พวกองครักษ์เดินล่วงหน้าออกไปก่อน

    ธนุสเดินไปยังพื้นที่พ่นควัน เรียวนิ้วหยิบบุหรี่ขึ้นจ่อปากแล้วจุดไฟ ริมฝีปากสีสดพ่นควันพิษสู่อากาศ ความปลอดโปร่งโล่งปอดทำให้เขามีสติมากขึ้น แต่อารมณ์อยากมันไม่ได้หายไป สงสัยคงต้องหาซื้อจากแถวนี้แล้วล่ะ

    ขณะปล่อยให้ตัวเองจมปลักกับความคิดเรื่องอย่างว่า เขาไม่อาจรับรู้ถึงผู้มาใหม่ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ปรากฏหน้าห้องน้ำ

    “ท่านปงศ์ปณต?”

    ท่านปงศ์ปณต : “...”

    เขาถูกปลักเข้าห้องน้ำห้องสุดท้าย ชายตาเหลือบเห็นท่านปงศ์ปณตหยิบคอนดอมตรงซิงค์ติดมือมาด้วย ประตูห้องน้ำถูกปิดลง มือหนาลงกลอนอย่างหนาแน่น ก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากัน

    ปรางค์ทั้งสองของท่านปงศ์ปณตแดงก่ำ นัยน์ตาคมมองมาเขาจนรู้สึกทำตัวไม่ถูก ริมฝีปากแดงระเรื่อ กรามขบแน่นจนนูน กลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนกึก “ท่านกำลังเมา?”

    “ฉันไม่ได้เมา”

    ปงศ์ปณตย่างหนึ่งก้าว ธนุสถอยหลังหนึ่งก้าว

    ห้องน้ำมันก็แคบแค่นี้ ไม่กี่ก้าวก็ถึงทางตัน แขนแกร่งกักขังเขาเอาไว้ ธนุสย่นคอตอนท่านปงศ์ปณตโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ ปลายจมูกโด่งคมสันโฉบโดนแก้มขวาของเขา

    “ช่วยฉัน”

    “ผมไม่เข้าใจ”

    แผ่วหายใจอุ่นร้อนกระทบแก้ม องศาของริมฝีปากห่างเพียงปลายนิ้วกั้น เราสองมองตาหยั่งเชิงกัน ไม่มีใครยอมใครในสังเวียนนี้ คล้ายว่าเขากำลังมัวเมากับความสง่างามของบุคคลตรงหน้า คล้ายว่าเขากำลังตกหลุมพลางที่อีกฝ่ายขุดเอาไว้ คล้ายว่าเขากำลังเผลอไผลไร้ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีกับสิ่งนี้

    เราจูบกัน

    ความเร่าร้อนแผดเผาเขาจนมอดไหม้ ทุกสัมผัสจากปลายนิ้วกระตุ้นทุกความกระสัน สรรพางค์กายทุกตารางนิ้วถูกนวดเฟ้น เขาไม่อาจหยุดรั้งมันได้อีกต่อไป

    ความรู้สึกแรกยามชำแรกเข้ามา น้ำตาแห่งความเจ็บปวดเปรอะเปื้อนขนตา เรือนร่างสูงใหญ่หยุดชะงักคล้ายจะผละตัวออกแต่เขาเองที่ดึงดันจะทำมันต่อ เสียงหยาบโลน ความกระสัน หยาดเหงื่อและความใคร่ ไม่มีใครหน้าไหนจะหยุดมันอีกแล้ว

    ท่อนขาเหนี่ยวกระหวัดรัดเอวสอบ สองมือระบายความเสียวกระสันกับแผ่นหลังของอีกฝ่าย ปล่อยให้ร่างกายเสพสมกับต้องการที่โหมกระพือยิ่งกว่าไฟกัลป์

    “อ่า”

    เขาเงยหน้าขึ้นรับจุมพิตที่หวานล้ำดุจมธุรส เรียวลิ้นต่างพัวพันไม่มีใครยอมใคร สูบลมหายใจจนต้องยกมือผลักอกแกร่งพักยก อีกฝ่ายหัวเราะแผ่วเบาในลำคอ ก่อนมือหนาจะยกขาเรียวทั้งสองพาดบ่าแล้วขยับตัวเข้าออกถี่ขึ้น ร่างของธนุสบดเบียดเสียดสีกับผ้าปูที่นอนจนยับยู่ยี่

    ลมหายใจหอบถี่ แผ่นอกกระเพื่อมขึ้นลง อีกฝ่ายโน้มตัวลงมาดูดดึงยอดปทุมถันสีอ่อนทั้งสอง เรียวลิ้นอ่อนตวัดคลึงจนเขาต้องแอ่นอกขึ้น

    “ผะ ผมจะเสร็จ”

    เสียงครวญครางแห่งความสุขสมดังขึ้นยาวนาน เรือนร่างสูงใหญ่ที่มีรูปร่างสมส่วนปรากฏเป็นเงารางท่ามกลางความมืด กล้ามเนื้องดงามแข็งเกร็งยามร่างกายส่วนล่างของเขาตอดรัด การเสียดสีที่สร้างความเจ็บปวดและความกระสันทำให้เขาพลั้งเผลอข่วนแผ่นหลังของอีกฝ่าย

    “ผมขอโทษครับ”

    ท่านปงศ์ปณตขบกรามแน่นคล้ายกำลังอดทนกับความเย้ายวนของครุฑใต้ร่าง นัยน์ตาคมกริบส่องประกายวาววับ รอยยิ้มที่ยากจะพบเห็นถูกแต้มตรงมุมปาก โน้มหน้าเข้าไปใกล้ใบหูขาว เป่าลมราวกับหยอกล้อ ขบเม้มติ่งหูจนขนกายลุกซู่ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า “ไม่เป็นไร”

    ร้ายกาจเหลือเกิน

    “อ๊ะ!”

    เหมือนมันจะขยายใหญ่ขึ้นมาอีกแล้ว มือแกร่งจับขาให้แยกออกจากกัน บีบเจลหล่อลื่นลงตรงปลายนิ้วแล้วสอดมันเข้าไปทั้งที่ยังมีส่วนนั้นอยู่ในช่องทาง

    “เจ็บ”

    “ฉันจะหยุด”

    หยุดเอานิ้วเข้าไปแล้วเสือกไสร่างกายส่วนนั้นเข้าออกต่อ ความจุกเสียดตรงท้องน้อยเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า แทบจะแหลกสลายแล้ว รสชาติแห่งความใคร่กำลังแผดเผาเขาจนเป็นเถ้าธุลี

    มิอาจทราบว่าเวลาล่วงเลยไปนานเท่าไหร่ ขาทั้งสองรู้สึกเหนื่อยล้าจนต้องการหยุดพัก

    “ผะ ผมเหนื่อยแล้ว”

    “โอเค เราจะหยุดกันแค่นี้”

    ธนุสมองเงาร่างที่ขยับเข้าออกอีกสองสามครั้ง ก่อนจะถอนตัวออกไป เขารีบหุบขาตัวเองแล้วนอนตะแคง มันยังคงมีความอยากอยู่แต่เขาคิดว่าเราควรหยุดได้แล้ว หอบหายใจเพียงชั่วครู่ก็ลุกขึ้นเดินไปเก็บเสื้อผ้าที่กองอยู่ปลายเตียง โอเค ไม่รู้เหมือนกันว่ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง

    เขาหยิบสมาร์ทโฟนที่โดนเขวี้ยงทิ้งขึ้นมารับสาย “ครับ พวกคุณกลับก่อนได้เลย ผมเจอคนรู้จัก ครับ ขอโทษที่ทำให้เสียเวลา”

    เรือนร่างที่ผอมจนเห็นแนวกระดูกสันหลังเดินเข้าห้องน้ำ ธนุสมองกายหยาบผ่านกระจกเงา เคยคิดว่าตัวเองเป็นพวกทนไม้ทนมือ แต่พอเจอแรงพวกโอปปาติกะเข้าไป เขาก็เป็นได้แค่สำลีชุ่มน้ำให้พวกเขาขยำเล่นเท่านั้น

    ธนุสมองแผ่นหลังกว้างผ่านกระจก พญาครุฑผู้นั้นไม่แม้แต่จะไหวตัว ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ คงหลับไปแล้วกระมัง เขารีบใส่เสื้อผ้าแล้วออกจากคอนโดในโครงการราคาเกือบยี่สิบล้านแห่งนี้ ถามว่าทำไมเขาถึงรู้น่ะหรือ หึ เนกษ์นฤชิตประมูลชนะโครงการนี้ยังไงล่ะ

    เขาวาร์ปกลับวังของเนกษ์ ทิ้งตัวลงบนเตียงนอนในห้องส่วนตัว มองเพดานห้องร่วมสิบนาทีแล้วผล็อยหลับไป

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×