ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Polaris ปริศนาดวงดาวสาบสูญ

    ลำดับตอนที่ #9 : ออกเดินทางสู่อาเทียร์

    • อัปเดตล่าสุด 10 ส.ค. 64


    หลังจากกาลาเทียตอบตกลง ทั้งห้องก็อยู่ในความเงียบทันที ไดแลนกับเลย์ตันใบ้รับประทาน ผมช็อคหน้าเหวอ มีริสคนเดียวล่ะนะที่ยิ้มแก้มแตกกับคำตอบของกาลาเทีย

    "เย่! ขอบคุณค่ะพี่กาลาเทีย"

    ริสโผไปก่อนกาลาเทียก่อนจะส่งสายตาแบบผู้ชนะมายังสองหนุ่มตรงหน้า อยากยกนิ้วโป้งให้ริสเลย หาลูกเรือได้ดีมากไอน้อง

    "เออผมว่าทุกคนไปนอนก่อนดีไหม นี่ก็ดึกมากแล้วนะ ค่อยคุยกันต่อพรุ่งนี้ดีไหมครับ"

    เลย์ตันรีบทำลายความเงียบทันที

    "ก็ดีนะ ผมก็ง่วงแล้วด้วย"

    ผมง่วงมากๆด้วยแถมแผลเต็มตัว ได้อิลิกเซอไปขวดเดียวมันไม่พอหรอกนะ

    "เลย์ตันเจ้าช่วยพาเบนวิคไปห้องพักทีนะ คุณกาลาเทียก็พักห้องเดิมเลยนะครับ"

    "ครับ"

    "ค่ะ ขอบคุณค่ะ"

    ผมรีบลุกตามเลย์ตันไปอย่างไวเลย ตอนนี้ผมจะดับคาอากาศอยู่แล้ว

    "ริสไม่นอนหรอ"

    ผมหันไปถามริสที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม

    "เดี๋ยวตามไปน่า"

    เพราะที่นี่มีแต่คนรู้จักผมเลยค้อนข้างวางใจว่าจะไม่เกิดอันตรายกับริส ผมเดินไปหาวไปตามเลย์ตันไปตลอดทาง พอถึงห้องผมก็ล้มลงนอนทันที ใครเรียกตอนนี้ผมก็ไม่ได้ยินแล้วละเจอกันพรุ่งนี้นะครับ

     

    "พี่ไดแลนที่นี่พอจะมีที่ที่มองเห็นวิวท้องฟ้าไหมคะ"

    "มีสิ เดี๋ยวพี่พาไปนะ"

    ไดแลนเดินนำริสไปที่บันได ก่อนจะพาขึ้นไปด้านบน

    "ท่านจะไม่มากับพวกเราหรือครับ"

    จู่ๆหนุ่มผมฟ้าก็พูดขึ้น ริสหลับตาลงก่อนจะก้าวไปยังบันไดขันสุดท้าย สายลมเย็นพัดผ่านร่างบาง ท้องฟ้ายามราตรีประดับดาวมากมาย เด็กสาวเงยหน้ามองท้องฟ้าอันคุ้นเคย

    "ข้ามีอย่างอื่นให้พวกเจ้าช่วย ส่วนดาวเหนือข้ากับเบนวิคจะหาเอง ฝากบอกลาวีอองด้วยแล้วกัน"

    ริสดึงแขนไดแลนแล้วเข้าไปกระซิบข้างหู

    "เข้าใจแล้วครับ ข้าว่าท่านควรไปพักผ่อนได้แล้วนะครับ"

    ไดแลนมองเด็กผมขาวที่ตอนนี้หาวจนน้ำตาเล็ดก่อนจะยิ้มเอ็นดู

    "ข้ามีเรื่องอยากจะถามพวกเจ้าอีกเยอะ วันนี้พักผ่อนกันก่อนเถอะ"

    "ฮ้าๆๆ ครับผม"

    จบการสนทนาทั้งสองก็เดินลงไปพักผ่อนทันที

    ...............................

    ใครไม่งงไม่รู้แต่ตอนนี้ผมงง ผมจำได้ว่าผมกำลังนอนหลับสบายอยู่ในที่กบด่านใต้หลุมของพวกไดแลนแต่ตอนนี้ ผมกลับมาลอยคออยู่ในทะเล แถมยังมีสิ่งมีชีวิตผมฟ้ากับผมเขียวยืนหัวเราะน้ำตาร่วงอยู่บนกาบเรืออีก

    "โว้ยย ดึงผมขึ้นไปเดี๋ยวนี้เลยนะ ทำไมผมมาอยู่ตรงนี้ได้นี่"

    "กะก็ เราปลุกเท่าไหร่คุณก็ไม่ตื่น ริสเลยให้ผมโยนคุณลงทะเลน่ะครับ"

    เลย์ตันพูดไปหัวเราะไป ส่วนไดเลนใช้เวทควบคุมน้ำแล้วพาผมขึ้นมา

    โครก

    "หิวข้าวอะ"

    โครม!

    จู่ๆก็มีลูกบอลน้ำขนาดยักลอยมาอัดหน้าผมเต็มๆ ผมเซไปหลายก้าวก่อนจะเอามือลูบน้ำบนหน้าออก

    "พี่ไดแลนบอกว่าเวลาขึ้นจากทะเลแล้วให้ล้างด้วยน้ำจืดเพื่อไม่ให้ตัวเหนียวน่ะ เป็นไงสดชื้นไหม ปะ ไปกินข้าวกัน"

    ริสเดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มาหาผม ข้างๆมีกาลาเทียที่ถือผ้าขนหนูมาให้

    "อ่า ขอบคุณ"

    ผมรับผ้าขนหนูมาเช็ดผมก่อนจะโดดมือเล็กคว้าแขนแล้วฉุดกระชากผมลงไปห้องอาหาร แรงวัวแรงควายจริงๆเด็กคนนี้

    ระหว่างทางไปห้องอาหารผมได้คุยกับกาลาเทียนิดหน่อย ทำให้รู้ว่าผมถูกกาลาเทียอุ้มมาขึ้นเรือเพราะปลุกไม่ตื่น

    "คุณเบนวิคอยากกินอะไรก็หยิบเลยนะครับ เรือจะไปถึงมิดทาวน์ตอนประมาณเที่ยงๆ ระหว่างนั้นเรามาคุยเรื่องการเดินทางของคุณกันดีกว่า"

    เลย์ตันเดินมาข้างๆผมก่อนจะยงจานเปล่าๆมาให้ ผมรับไปแล้วกำลังจะไปตังกับข้าวก็ได้รับรังสีอำมหิตจากเด็กผมขาวทำให้ผมต้องรีบตักอาหารด้วยความไวแสงก่อนจะมานั่งที่โต๊ะ

    "จากข่าวที่มีตอนนี้ เรือขนสินค้าของแดนมังกรลงของที่แรกที่อาณาจักรสุวรรณภูมิ จากนั้นจึงค่อยไปแดดมังกร อีกสองสัปดาห์เรือนั้นจะออกจากแดนสุวรรณภูมิ จากสุวรรณภูมิไปแดนมังกรใช้เวลาอีกสามสัปดาห์..."

    "แต่จากฟรานส์ไปอาเทียร์ก็เกือบเดือนแล้วนะ ถ้าไปอาณาจักรสุวรรณภูมิอีกก็อีกห้าวัน ตามกันยาวๆเลยแหะ"

    ผมลองคำนวณวันเวลาในการเดินทางคร่าวๆ อ่าคิดแล้วอยากจะถอนตัวจริงๆ

    "อาเทียร์คืออะไรหรอค่ะ"

    "มันเป็นชื่อทวีปทางตะวันออกครับ โดยทวีปนั้นปกครองด้วยอาณาจักรสามอาณาจักร คือหนึ่งแดนมักร สองอาณาจักรสุวรรณภูมิ สี่อาณาจักรสุริยาครับ"

    ผมกำลังจะอ้าปากพูดแต่พ่อหัวฟ้าตัวดีดันพูดตัดบทผมเสียนี่ มันน่าเหยียบตีนนัก

    "จริงสิ คุณโพลาริสยังไม่รู้ระบบของโลกนี้เลยนี่หน่า เดี๋ยวผมเล่าให้ฟังนะ"

    ไดแลนด์ดีดนิ้วเป๊าะแป๊ะและเริ่มสาธยายเรื่องราวต่างๆทันที

    "โลกนี้ถูกแบ่งเป็นสี่ทวีปครับ หนึ่งอาเทียร์ที่ผมพึ่งเล่าไป สองโยเซีย ปกครองโดยอาณาจักรฟรานส์ อาณาจักรอิสแกรนและอาณาจักรเกียอา สามเฮสเทีย เฮลเทียจะแบ่งเป็นเหนือกับใต้ เหนือปกครองโดยอาณาจักรเลอีทัส ใต้ปกครองโดยชนพื้นเมือง พวกเขาจะอยู่เป็นเมืองๆไป สุดท้ายคือแอตแลนตา ดินแดนลึกลับที่อยู่เหนือสุด เป็นทวีปที่หนาวเย็นและมีพลังเวทสูง และนั้นทำให้เข็มทิศชี้ทิศเหนือได้"

    "ไม่ใช้เสียหน่อยเข็มทิศน่ะชี้ทิศเหนือเพราะสนามแม่เหล็กโลกดึงดูดตาหาก"

    ไดแลนยังพูดไม่จบกาลาเทียก็สวนขึ้นทันที

    "เพราะเวทมนตร์ไม่ใช้หรือครับ คุณกาลาเทียดูนี้ก่อนครับ"

    ไดแลนหยิบเข็มทิศออกมาจากกระเป๋าเสื้อ

    "บ้าน่า! ทำมาจากเวทมนตร์ ได้ไงกัน!ก็ของข้ามัน..."

    กาลาเทียหยิบเข็มทิศของเธอออกมาจาก...จากไหนวะเนี่ย จู่ๆก็มีเข็มทิศโผล่มาในมือเธอเลย ไดแลนเอียงคออย่างไม่เข้าใจเทียก็งงๆเช่นกัน

    "ก็ผู้ผลิตคนละคนมันจะไปเหมือนกันได้ยังไง นี้นายออกทะเลมากี่ปีทำไมเรื่องเข็มทิศก็ยังไม่รู้หะ เข็มทิศเวทจะมีราคาสูงกว่าเพราะใช้พลังเวทในการจับทิศทาง มันจะมีความแม่นยำกว่าเข็มแบบปกติ ส่วนเข็มทิศปกติมีราคาถูกกว่า แต่จะถูกรบกวนจากพลังเวทอื่นๆหรืออุปกรณ์บางอย่างรบกวนได้ นายจะไม่เคยใช้เข็มแบบปกติก็ไม่แปลกหรอก ลาวีอองเคยใช้อะไรที่มันธรรมดาๆบ้างไหมล่ะ"

    "นั้นสินะ ลืมไปเลย ว่าแต่ผมเล่าถึงไหนแล้วนะ"

    ไดแลนเก็บเข็มทิศเข้ากระเป๋าแล้วยกแก้วกาแฟมาจิบอย่างสบายใจ

    "มันก็มีอยู่แค่สามทวีปนี้ล่ะ แล้วก็ผู้ปกครองของแต่ละอาณาจักรได้ตกลงกันก่อตั้งองค์กรทหารขึ้นเพื่อรักษาความปลอดภัยของโลกและป้องกันการเกิดสงครามระหว่างอาณาจักร โดยใช้ชื่อว่าวอร์แดน"

    ผมรีบพูดขัดทันที นี่ผมออกทะเลมาสิบปีความรู้ผมมี อย่ามาตัดบทผม

    "งั้นทหารที่ไล่หนูตรงลานประหาญก็ทหารของวอร์แดนหรอคะ"

    "ใช่แล้วครับ มีแค่ราชองครักษ์เท่านั้นที่เป็นทหารของอาณาจักร ที่เหลือจะขึ้นตรงต่อวอร์แดน ผู้บันชาการสูงสุดของวอร์แดนจะมีสองคนเพื่อถ่วงดุลอำนาจกัน และถ้าจะใช้กำลังทหารเกินสองหมื่นนายต้องทำเรื่องของอนุมัติกับจักรพรรดิของอาณาจักรต่างๆเกินห้าคน เพื่อเป็นการป้องกันการฮุบอำนาจและการก่อกบฎครับ"

    แย่งบทเก่งเชียวน้าไอแว่นหน้าจีด แหนะมียิ้มละมุนละไมด้วย แต่ทำไมมันดูดีแปลกๆหว่า

    "จริงสิคุณเบนวิค ไปถึงมิดทาวน์แล้วไปพบคุณลาวีอองด้วยนะครับ"

    "เรื่องสิ!"

    ใครเขาอยากไปเอาคอขึ้นเขียงเอาตีนก่ายมีดกัน ไปก็โดนสับเละเป็นเนื้อบดกันพอดี ตังยังไม่มีด้วยถ้าลาวีอองจับผมควักไตไปขายจะทำยังไง

    "จะไปดีๆหรือไปด้วยน้ำตาครับ"

    ไม่พูดเปล่าขยับมือดุ๊กดิ๊กอีก ลูกน้องก็ใช่ย่อยหยิบปืนสีขาวสวยมาควงโชว์แล้วนั้น ผมมองซ้ายมองขวา มีทางไหนจะหนีได้ไหมหนอ หรือต้องโดดน้ำแล้วว่ายข้ามทะเลไป...อันนี้ขอผ่านตายก่อนถึงฝั่งชัวร์ๆ

    "เบนวิคบอกจะไปด้วยน้ำตาค่ะ มาๆเดี๋ยวหนูช่วย"

    เท่านั้นล่ะผมรีบลุกพรวดออกจากเก้าอี้ทันที เวทไฟลูกน้อยๆซัดเข้ากลางเก้าอี้ตัวนั้นก่อนมันจะกลายเป็นขี้เถ้าในพริบตา นี้จะจับหรือฆ่ากันฟะ!!

    "พี่กาลาเทียจับเบนวิคเร็ว"

    "เออ ได้จะ"

    สิ้นเสียงหวานใสเกมวิ่งไล่จับแบบเอาถึงตายก็เริ่มขึ้น เลย์ตันยิงปืนสกัดผมตลอดทางไดแลนก็ใช้เวทน้ำฟาดซ้ายฟาดขวาทำเอาผมเบี่ยงตัวหลบแทบไม่ทัน

    "ไปไหนรอเบนวิค"

    "แว้กกกก"

    สองสิ่งมีชีวิตผมขาวที่สุดแสนจะอันตราย ตอนนี้ได้มาวิ่งขนาบข้างซ้ายขวาของผมเรียบร้อย ผมรีบเบรกตัวโก่งนั้นทำให้ผมโดนกระแสน้ำของไดแลนเข้าเต็มๆ สายน้ำค่อยๆเปลี่ยนเป็นคุกน้ำที่มีลักษณะเหมือนลูกบอลกลมๆ

    "อ้ายอัยไอ่ออก ออค"

    ผมพูดไม่เป็นคำเพราะสำลักน้ำ นี้เขาคิดจะฆ่าผมแล้วเอาไตไปขายจริงๆใช้ไหมเนี่ย โว้ยเล่นแรงไปแล้ว ไม่นานคุกน้ำก็แตกออกทำให้ตัวผมร่วงกระแทกพื้นเรืออย่างแรงจนไอเอาน้ำออกมา

    "แค้กๆ นี่จะฆ่ากันรึไง"

    "ตกลงจะไปพบคุณลาวีอองไหมครับ"

    คำพูดกับจิตสังหารนี่คนละเรื่องเลยครับคุณไดแลน คุณเล่นปล่อยจิตสังหารขนาดดับลมหายใจวัวได้ทั้งฝูงแต่พูดสุภาพแถมรอยยิ้มเป็นมิตรให้อีก น่ากลัวนะครับ

    "พี่ไดแลนยิ้มใหม่เถอะค่ะ"

    นั้นไงๆ มีคนช่วยประท้วงแล้ว

    "จริงครับคุณไดแลน ช่วยยิ้มให้เหี่ยมๆหน่อยได้ไหมครับ"

    "รอยยิ้มกับเจตนาคนละเรื่องกันเลยค่ะ"

    "ผมพยายามแล้วนะครับ อย่าทักผมสิโถ่"

    จากบรรยากาศน่ากลัวเป็นน่าสงสารไปเสียแล้ว ดูเหมือนคนผมฟ้าของเราจะจริงจังเรื่องรอยยิ้มมากเลยนะนั้น เจ้าตัวทำหน้าหงอยเหมือนหมาก่อนจะลงไปวนนิ้วในมุมมืด เป็นโอกาสให้ผมหนีได้ดี

    "ไปไหนละเบนวิค มีหนี้ก็ต้องใช้นะ"

    สายเวทสีขาวจากมือริสพุ่งตรงมามัดผมไว้ทันทีก่อนจะถูกบาทางามๆของเด็กหญิงถีบลงห้องเก็บของไป

    "แว้กกกกกกกกก"

    ผมแหกปากรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ รู้แต่เจ็บคอมาก ใครก็ได้ขอน้ำมะนาวที ฮืออออ

    "อยู่ใต้นั้นไปก่อนนะครับ เดี๋ยวถึงแล้วจะลงไปรับนะครับคุณเบนวิค"

    เลย์ตันโบกมือบ้ายบายก่อนจะเดินจากไป ปล่อยให้ผมนอนเหน็บอยู่ใต้ห้องเก็บของยาวไปจนถึงท่าที่มิดทาวน์

    .......................................

    บรรยากาศในห้องหนาวยิ่งกว่าภูเขาน้ำแข็งในแอตแลนต้าเสียอีก นัยตาสีแดงสดจับจ้องมาที่ผมพร้อมจิตสังหารที่สามารถลบเงาหัวชาวบ้านได้ ผมได้แต่นั่งแข็งทื่อสบตาปิ้งๆขอความเห็นใจ แต่ไม่ได้หรอเชื่อผม ผมเรียนมาผมรู้

    "ค่าข่าว นายอยากจ่ายด้วยอะไร"

    "เออ ขอเวลาซักสองสามเดือนได้ไหม ป้าก็ไม่ได้ติดขัดอะไรนี่ เห็นใจเด็กตาดำๆ แว้กกก"

    ถ้าไม่หลบคงโดนลบเงาหัวเป็นแน่

    "แค่ดอกไม้เองกลัวอะไรล่ะ"

    "ดอกไม้บ้าอะไรคมกว่ามีดอีโต้กันหะ ขืนไม่หลบก็ได้ไปรายงานตัวหน้าท่านยมกันพอดี"

    พูดจริงไม่อิงนิยาย เห็นดอกกุหลาบแดงๆบนมือลาวีอองกี่ดอกๆก็อันตราย ผมเคยเห็นพวกดอกสวยๆพวกนี้ฆ่าคนมาแล้ว บางดอกระเบิดได้ บางดอกดูดเลือดได้ยังกับปลิง บางดอกกินวัวได้ทั้งตัว

    "ฝากนายดูแลริสได้ไหม"

    หะอะไรนะขออีกที

    "ไม่ต้องทำมึน ต่อจากนี้นายต้องดูแลริสให้ดี ช่วยเหลือเธอจนกว่าจะหาดาวเหนือเจอ เธอไม่ค่อยรู้จักโลกนี้เท่าไหร่นัก นายก็สอนเธอด้วย แลกกับข่าวฟรีตลอดการเดินทาง สนใจไหม"

    หะ!อะไรนะ ขออีกที ข่าวฟรี หูผมฝาดหรือเปล่า ผมลองเอามือตบหูสองสามที

    "จะเอาไม่เอา! ไม่งั้นข้าจะตัดไตเจ้าไปขายเดี๋ยวนี้"

    "เอาครับเอา ไม่ปฎิเสธครับ!"

    "พรุ่งนี้เรือจะออกจากเมืองไปยังแดนสุวรรณภูมิ ข้าคุยกับคณะเดินทางไว้ว่าจะให้นายไปช่วยงานบนเรือเขา ริสกับผู้หญิงอีกคนให้แอบขึ้นไปกับกล่องใส่ของละกันนะ ถ้าความแตกก็จัดการกันเอาเอง ข้าช่วยได้แค่นี้"

    "เออครับ แล้วต่อจากนั้นให้ผมจัดการเองใช้ไหมครับ"

    "เออสิ! ต่อจากนั้นเจ้าจะทำอะไรก็เรื่องของเจ้า ข้าช่วยแค่นี้ก็บุญเจ้าแล้วไหม"

    "ครับคุณลาวีออง ผมขอตัวไปเตรียมตัวนะครับ"

    ผมทำมือตะเบะแล้วโกยออกจากห้องอย่างไวก่อนรังสีอำมหิตจากนัยตาสีแดงจะฆ่าผมตายคาห้อง

    "เขาไปสงสัยหรือถามอะไรเลยหรอครับ แปลกไปไหมครับ"

    "เจ้าไม่ได้ยินข่าวเกี่ยวกับแฟรงคลินหรือ ตอนแรกข้าคิดว่าเบนวิคตายไปแล้วด้วยซ้ำ รอดมาได้ครอบสามสิบสองก็บุญแล้ว การออกทะเลครั้งนี้ของเขาคงเจ็บปวดน่าดู"

    นัยตาสีแดงมองไล่หลังคนผมสีน้ำตาลไป สีหน้าห่วงใยปนสงสารฉายขึ้นมาชัดบนหน้าของลาวีออง

    "ให้คนของผมคอยตามไปไหมครับ"

    "ก็ดีนะ ฝากนายด้วยแล้วกัน"

    "ครับ"

    ไดแลนโค้งให้อย่างสุภาพก่อนเดินออกจากห้องไป ความเงียบปกคลุมห้องอีกครั้งก่อนจะมีเสียงหวานใสกังวาลดังขึ้น

    "ลำบากเจ้าแล้ว ลาวีออง"

    "ไม่หรอก ถ้าเทียบกับสิ่งที่ท่านทำแล้วแค่นี้ไม่ลำบากข้าหรอก อย่าห่วงเลยถึงจะเป็นแบบนั้นแต่เขาก็เก่งพอตัวนะ"

    "ข้าเชื่อเจ้านะ ฝากเจ้าด้วยข้าไปพักล่ะ"

    นัยตาสีแดงมองกลับไปทางต้นเสียแต่ก็เห็นเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น มือเรียวหยิบแก้วไวน์สุดหรูขึ้นมาจิบก่อนจะเดินตรงไปยังหน้าต่าง

    เอาล่ะ พายุในอดีตกำลังจะกลับมาหาเจ้าแล้วนะ เจ้าจะทำยังไงกันนะเจ้าเด็กน้อย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×