คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ประชุมในหลุม สุขุมดี
สองสาวเริ่มเปิดฉากโจมตีกันอย่างดุเดือด ถึงดูไกลๆแล้วริสเหมือนจะเสียเปรียบเพราะอีกฝ่ายทั้งไวทั้งแม่นยำ แถมโจมตีได้ทั้งระยะใกล้และไกลได้อย่างคล้อแคล่ว แต่ทั้งหมดก็ไม่ได้ตึงมือเด็กสาวเลยซักนิด ริสสามารถหลบหลีกแถมหาจังหวะซัดเวทเข้าใส่ได้อย่างต่อเนื่อง
"แว้ก!อย่ามาทางนี้สิโว้ยยย"
ผมรีบก้มหลบลูกหลงที่จู่ๆก็ลอยมาตกใกล้ๆ
"ไอหนุ่มเบนวิค มาหลบหลังบาเรียสิ"
ทุกคนเข้าไปหลบหลังบาเรียที่พวกนักเวทร่ายป้องกันไว้รอรับแรงกระแทก แน่นอนว่าทุกคนอยู่ในนั้นยกเว้นผมทำให้ลุงจอร์นต้องเรียกผมพร้อมกวักมือเรียก ผมค่อยๆคลายเข้าไปในบาเรียอย่างระมัดระวัง ใช้ว่าไม่อยากหนีหรอกนะแต่ไม่รู้ว่าจะหนีไปไหน ถ้าเกิดเดินไปแบบไม่มีจุดหมายล่ะก็ได้หลงกันตายพอดี โลวแลนด์ไม่ใช้เมืองที่ใหญ่แต่เขตที่ยังไม่ได้ฟื้นฟูค่อนข้างมีผังเมืองที่ซับซ้อนเหมือนรังมด ถ้าไม่เซียนจริงๆคงได้ตั้งรกรากอยู่จนแก่แน่นอน
"สองคนนั้นจะสู้ไปถึงไหนนะ"
เลย์ตันมองความตูมตามด้านนอกบาเรีย สิ่งมีชีวิตผมขาวสองคนเข้าฝาดฟันกันแบบไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย ทางริสก็สนุกเสียเต็มประดา ส่วนอีกฝ่ายก็บ้าคลั้งไร้การควบคุม
"เธอสามารถเปลี่ยนพวกหินดินเหล็กได้ดั่งใจเลยหรอ"
จากการสังเกตุอยู่นานทำให้ผมพบว่าหญิงผมขาวสามารถเปลี่ยนสภาพหินดินเหล็กได้ตามใจสุดๆ เธอเปลี่ยนหินให้กลายเป็นหอกหินแหลมคม เปลี่ยนแท่งเหล็กให้กลายเป็นมืดสั้นนับสิบ เปลื่อนเศษทรายให้กลายเป็นเศษแก้วคมกริบ
"ผู้ใช้เวทแบบพิเศษหรอ?"
หลายคนก็เริ่มสงสัยเช่นกัน ในโลกกนี้มีเวทมนต์หลายรูปแบบ ผู้ใช้เวทปกติคือนักเวทที่ใช้เวทเสกพลังจิปาถะทั่วๆไป ดินน้ำลมไฟ เวทสังหาร เวทฟื้นฟู และอื่นๆ ส่วนผู้ใช้เวทพิเศษคือพวกที่ใช้เวททำอะไรที่แปลกๆไม่เหมือนชาวบ้านเขาและไม่สามารถใช้เวทจิปาถะแบบนักเวทปกติได้ ยกตัวอย่างเช่น ออตโต้ที่เขาสามารถใช้เวทในการอัญเชิญสัตว์อสูรและควบคุมพวกมันได้ แต่ไม่สามารถใช้เวทรักษาหรือเวทโจมตีอื่นๆได้
"ริสอย่าฆ่าเธอนะ!แค่ให้สลบก็พอ"
ผมตะโกนบอกริสเมื่ออีกฝายเริ่มมีสภาพยับเยินในขณะที่ริสยังเรียบเชียบไร้รอยขีดข่วน
"รู้แล้วน่า"
ปากบอกรู้แต่มือซัดไม่ยั้ง พลังเวทสีขาวถูกซัดใส่อีกฝ่ายแบบไม่เว้นช่องว่าสักนิด โฮโมนครูสสาวจึงได้แต่ป้องกันเท่านั้น จู่ๆสายน้ำสายหนึ่งก็พุงเข้ามาแทรกกลางวงทำให้สาวๆทั้งสองขยับถอยห่างกันทันที สายน้ำเคลื่อนที่ไปล้อมรอบโฮโมนครุสสาวก่อนจะก่อตัวเป็นพายุหมุนน้ำขนาดใหญ่โดยมีโฮโมนครุสสาวอยู่ด้านใน ริสกระโจนกลับมายืนข้างๆผมพร้อมใบหน้าบึ้งตึงคิ้วขมวดเป็นโบและเบาะปากอย่างเด็กน้อยที่อารมณ์เสีย ไม่นานพายุน้ำก็สลายไปจึงปรากฎร่างของชายหนุ่มผมสีฟ้านัยตาสีเขียวมิ้นสวมแว่นกลมโดยอุ้มหญิงสาวผมสีขาวไว้ในอ้อมแขน
"ดะ ไดแลน!"
"คุณไดแลน!"
ไดแลนยิ้มหล่อละมุนให้ก่อนจะหันไปมองด้านหลังและดึงหน้าเครียด
"พวกนาย...ทั้งหมดเลยตามข้ามา"
พูดจบไดแลนก็กระโจนไปยังรูที่ผนังด้านหนึ่งทันที ผม เลย์ตัน ลุงจอร์นและพักพวก แถมนักเวทและผู้คนที่ถูกจับมาขายเป็นทาสอีกจำนวนหนึ่งรีบจ้ำอ้าวตามไปทันที ตลอดทางเป็นเส้นทางในโพรงดิน เพราะเป็นเขตที่ยังไม่ได้ฟื้นฟูจากเหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิดทำให้ทั้งเขตเป็นเมืองใต้ดินที่มีสภาพคล้ายรังมดและเป็นเส้นทางที่คดเคี้ยวเลี้ยวรถยากมากสัตว์ป่า(ค้างคาวและปีศาจมดตัวเท่าช้าง) ไดแลนพาทุกคนวิ่งมายังประตูเหล็กดัดสูงประมาณสองเมตรลายกุหลาบสีแดง ด้านหลังประตูเป็นทุ่งดอกกุหลาบสีแดงสด
"โดด!"
"หะ!?"
ไดแลนกระโดดข้ามประตูเหล็กและหายไปในทุ่งกุหลาบแดง เลย์ตันก็กระโดดตามไปแล้วก็หายไปอีกคนทำให้คนอื่นๆชักใจแป้ว
"โดดเลยทุกคน ด้านล่างปลอดภัยครับ"
เสียงเลย์ตันดังขึ้นมาจากทุ่งดอกกุหลาบแต่หลายคนก็ยังไม่กล้าโดด ไม่นานก็มีสายน้ำสายใหญ่โผล่มาจากทุ่งดอกกุหลาบก่อนจะพุ่มมาหอบทุกคนที่อยู่ตรงนั้นไปยังทุงดอกกุหลาบและทุกคนก็หายไปในทุ่งนั้น
ผมค่อยๆลืมตาขึ้นและสบัดหัวไล่ความมึนนิดๆ แต่แปลกที่ไม่มีใครตัวเปียกเลยสักนิดทั้งๆที่ทุกคนถูกน้ำพัดมา
"พะ พ่อหนุ่ม..ลุงจะตายแล้ว.."
"เฮ้ยลุง! ขะ ขอโทษครับ"
ผมรีบลุกขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าผมนั่งทับลุงจอร์นจนหน้าลุงแกเริ่มเขียวจากการขาดอากาศหายใจ
"ที่นี่ที่ไหนเนี่ย"
หลายคนมองไปรอบๆห้อง(หรือเปล่า) จะซ้ายจะขวาก็เห็นแต่ดินกับคบเพลิง
"ที่นี่คือหลุมหลบภัยของพวกเรา กลุ่มlight rouse ไงละครับ"
ไดแลนเดินมาพร้อมกลุ่มคนที่มีเข็มกลัดดอกกุหลาบสีชมพูและสีฟ้าเกือบสิบคน หลายคนยังคงระแวงกับเหตุการตรงหน้าอยู่
"ไม่ต้องกลัวนะคะ พวกเราหน่วย pink rouse(พิ้งโรส) รับหน้าที่ให้ความช่วยเหลือผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการค้าทาสอยู่แล้วค่ะ เชิญพวกคุณไปพักที่ห้องรับรองก่อนนะคะ รายระเอียดเดี๋ยวค่อยคุยกันด้านในนะ"
หญิงสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างเป็นมิตร เธอยิ้มหวานวาจาสุภาพชัดท่อยชัดคำประดุจนางฟ้ามาจุติบนโลก หนุ่มๆหลายคนมองเธออย่าเคลิบเคลิ้ม เธอผายมือไปยังทางที่จะพาไปห้องรับรองก่อนจะมีคนติดเข็มกลับกุหลาบสีชมพูหลายคนไปช่วยรักษาคนเจ็บคล้าวๆและช่วยกันพยุงไปยังห้องรับรอง ที่ห้องรับรองมีหมอหลายคนนั่งรออยู่แล้ว
"อะแฮม นายน่ะมาทางนี้เลย เด็กคนนั้นด้วย"
ไดแลนหันมาชี้หน้าผมอย่าเจาะจง ก่อนจะเดินไปส่งยิ้มหวานอย่างเอ็นดูให้ริสแล้วจูงมือเธอเดินไปอีกทาง ทหาร!อยู่ไสมีคนจะพรากผู้เยาว์!
ผมจำใจเดินตามไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ นี่ถ้าโดนดักตบเพราะหนีหนี้จะไม่แปลกเลย ผมเดินตามไดแลนมาจนถึงห้องโถงลึกสุด ด้านในสภาพเหมือนห้องรับแขกดีๆของบ้านสักหลังมาวางไว้ในโพรงดิน โซฟาตัวยาวเก้าอี้นวมนุ่มๆจัดวางล้อมรอบโต๊ะไม้ขัดเงา บนเพดานประดับลูกแก้วเวทที่ไว้ให้แสงสว่าเรียงตัวกันเป็นพวงๆเหมือนองุ่น ไดแลนพาริสไปนั่งบนโซฟาส่วนเขานั่งเก้าอี้ตรงข้าม ผมจึงเข้าไปนั่งใกล้ๆริส ไม่นานเลย์ตันก็เดินมาพร้อมคุกกี้ที่พิ่งอบใหม่ๆพูนจานแถมนมหนึ่งแก้ว
"เธอต่อสู้มานานคงเหนื่อยสินะ พี่เอาขนมกับนมมาให้ เชิญตามสบายเลย"
เลย์ตันยกขนมและนมทั้งหมดให้ริส เด็กสาวตาวาวก่อนจะหยิบคุกกี้ไปกินอย่างสะบายอารมณ์
"เออแล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ"
"เธอนอนพักอยู่ห้องข้างๆเดี๋ยเธอก็ตื่นแล้ว แต่ไม่ต้องห่วงเธอไม่บ้าคลั่งแน่นอน"
"นายทำอะไรเธอ"
"พลังเวทของข้าทำอะไรได้บ้างก็ทำตามนั้นล่ะ"
ไอแว่นน่าตบเอ้ย
"จริงสิคุณเบนวิคคืนเข็มกลัดผมด้วย"
เลย์ตันมานั่งเก้าอี้ข้างๆไดแลนก่อนจะยื่นมือมาของเข็มกลัดคืน
"โถ่ อยากเก็บไว้ใช้เองจริงๆ"
ผมหยิบเข็มกลัดดอกกุหลาบสีฟ้าออกจากกระเป๋าแล้วคืนให้เลย์ตัน
"เข็มกลัดนั้น อุปกรณ์เวทนี่!"
ริสหรี่ตามองเข็มกลัดก่อนจะพุ่งไปคว้ามาจากมือเลย์ตัน มารยาทนิดก็ดีนะ
"มันเป็นอุปกรณ์เวทที่สามารถสร้างภาพลวงตาได้นะครับ ผมให้เบนวิคไว้ใช้ซ้อนโลงศพจากสายตาราเอล โลงศพนั้นมีเวทป้องกันตราอยู่หลายชั้น เพราะงั้นเลยหลอกราเอลว่าไม่มีโลงอยู่แถวนั้น แน่นอนว่าเขาที่หัวเสียกับเบนวิคอยู่จึงไม่ทันฉุดคิด พอรู้ตัวอีกทีเขาก็โดนเราหลอกให้ทำลายโลงศพไปแล้วล่ะครับ"
เลย์ตันยืดอกพูดอย่างภูมิใจกับแผนของเขาพร้อมแบมือเพื่อขอเข็มกลัดคืน ริสขอโทษขอโพยเขาแล้วรีบคืนให้ทันที
"พวกเราหน่วย blue rouse (บลูโรส)มีหน้าที่สืบข่าวเป็นหลักเลยต้องมีตัวช่วยสักหน่อยน่ะ แต่ว่าเข็มกลัดมันไม่มีเวทรักษานี่ครับ แล้วเบนวิคที่โดนเวทไปเต็มๆแบบนั้น..."
"ออ ผมใช้อิลิกเซอร์ในกระเป๋านายไง ดีจังที่เหลือบไปเห็นพอดีเลยรอดไปล่ะนะ"
"หา!? อะไรนะ!"
เลย์ตันรีบหยิบกระเป๋าที่สะพายไว้ข้างตัวขึ้นมาก่อนละควานหายาในกระเป๋า แต่สิ่งที่เขายิบได้คือขวดยาเปล่าๆ
"คะ คุณเบนวิค!!"
เลย์ตั้นน้ำตาแตกเป็นน้ำตกแล้ว ก่อนจะทำหน้าแบบคนยอมแพ้ ก็แน่นสิ ใช้ให้ไปวิ่งเสียงตายแบบนั้นก็ต้องมีของตอบแทนที่สมน้ำสมเนื่อหน่อย
"อะ เออ คือว่า ขอโทษนะคะ"
จู่ๆก็มีเสียงหนึ่งแทรกเข้ามา ทุกคนรีบทันไปทางต้นเสียงก็สบกับนัยตาสีแดงสดแปลงประกายดุจทับทิม
"ตื่นแล้วหรอครับ คุณคงมีอะไรอยากถามเยอะแยะเลยใช้ไหมครับ มานั่งก่อนสิ"
ไดแลนยิ้มหล่อให้เธอก่อนจะภายมือไปยังเก้าอี้ที่ว่าง เลย์ตันเดินไปยิบขนมกับน้ำผลไม้มาให้เธอ เอ แล้วไม่มีให้ผมบ้างหรอ
เธอเดินมาแบบกล้าๆกลัวก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ เธอค่อยหยิบคุกกี้กินที่ละชิ้น
"ผมชื่อไดแลน คนผมเขียวตรงนั้นชื่อเลย์ตันครับ ส่วนเด็กผมข่าวชื่อโพลาริสคนสุดท้ายชื่อเบนวิคครับ"
ไดแลนไล่แนะนำชื่อทุกคนในห้องอย่างสุภาพราวเทวดามาจุติ
"กะ กาลาเทีย ข้าชื่อกาลาเทีย เออ ข้าทำให้พวกเจ้าเดือดร้อนหรอเปล่า"
เธอทำหน้ากังวลอย่างไม่ปิดบัง
"แค่นี้เล็กน้อยครับ คุณละครับ เป็นยังไงบ้าง"
ไดแลนยังคงความสุภาพอ่อนโยนจนกาลาเทียเริ่มมีสีแดงขึ้นที่หน้า ริสทำหน้าเคลิ้ม เลย์ตันยิ้มอ่อย หยุดโปรงเสน่ได้แล้วไอแว่นน่าตบ โว้ย
"ข้าไม่เป็นไรแล้วค่ะ ขอบคุณพวกท่านมากจริงๆ แล้วก็ขอโทษเธอด้วยนะ เพราะข้าควบคุมตัวเองไม่ได้เลยเผลอทำร้ายเจ้า"
"ไม่เป็นไรค่ะ พี่ไม่บาดเจ็บอะไรมากก็ดีแล้ว"
ใช้ครับถูกต้อง ปกติใครซัดกับน้องแกคงได้กลายเป็นปุ๋ยไปแล้ว รอดมาครบสามสิบสองถือว่าเก่งสุดๆ
"ว่าแต่พวกคุณเป็นใคร?"
"พวกเราคือกลุ่ม light rouse ครับ พวกเราเป็นองกรค์ขายข่าวกับช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากรัฐบาล เอาง่ายๆก็เป็นองค์กรใต้ดินที่ทำงานช่วยเหลือประชาชน คุณไม่ต้องกลัวนะครับ พ่อของคุณกับหัวหน้าองค์กรเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน เราจะไม่ทำร้ายคุณและจะเก็บเรื่องของคุณเป็นความลับทุกอย่างครับ"
ไดแลนยังคงพูดอย่างสุภาพจนน่าหมั่นใส่
"งั้นหรอค่ะ พ่อขอพวกคุณไว้สินะ"
"ครับ พวกเราตามหาคุณมานานมากแต่ก็ไม่พบเสียที ไม่คิดว่าคุณจะถูกพวกนักล่าทาสเจอตัวเสียก่อน"
"ข้ารบกวนพวกเจ้าแล้วล่ะ"
"ถ้าไม่รังเกียจช่วยเล่าเรื่องของคุณให้พวกเราได้ไหมครับ"
"ค่ะ ข้าเป็นนักเล่นแร่แปลธาตุค่ะ ข้าอาศัยอยู่กับพ่อมาโดยตลอด แต่ว่าเพราะพ่อเป็นคนฉลาดและงานวิจัยของท่านค่อนข้างเป็นที่สนใจ ทำให้คุณพ่อโดนคนหลายกลุ่มไล่ล่า ข้าจึงต้องค่อปกป้องพ่ออยู่ตลอด จนกระทั่ง...วันนั้นมีคนกลุ่มหนึ่งบุกมาที่บ้าน พวกเขาแข็งเกร่งและมีกำลังคนมากมาย ข้าสู้พวกเขาไม่ได้เลยพาพ่อหนี ตลอกทางที่เราหนีเจ้าพวกนั้นก็ตามมาตลอด แล้วจู่ๆก็เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง ภูเขาไฟก็ระเบิด พวกนั้นก็ไล่มาไม่เลิก ข้าที่ตอนนั้นไม่รู้จะทำยังไงเลยเกิดอาละวาดขึ้น ข้าฆ่าผู้คนไปมากมายจากนั้น พ่อก็ร่ายอะไรบางอย่างใส่ข้า แล้วข้าก็รู้สึกเหมือนจมอยู่ในความมืด ข้าตะโกนเท่าไรก็ไม่มีใครได้ยิน ข้ารู้สึกตัวอีกทีก็มานอนบนเตียงที่พวกเจ้าจัดให้แล้ว"
กาลาเทียเล่าไปร้องไห้ไป เธอถูกพ่อของเธอผนึกพลังไว้ในความมืด เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า เธอก็ต้องทนทุกทรมาณอยู่ในนั้น ผมเห็นแล้วรู้สึกหดหู่เป็นอย่างมาก โชคดีที่เราปลดปล่อยเธอออกมา ไม่อย่างนั้นจิตใจเธออาจจะแตกสลายในเร็วๆวันนี้แน่
"พี่กาลาเทียไม่ร้องนะคะ ตอนนี้พี่ไม่ได้อยู่ในความมืดอีกแล้วนะ พี่เป็นอิสระแล้ว ไม่มีใครจะมาทำร้ายพี่แล้วนะ ถ้ามีละก็หนูจะตบมันให้หน้าหงายกลับบ้านไปนอนตักแม่เลยคอยดู"
ริสเดินไปหากาลาเทียพร้อมยืนมือของเธอไปเช็ดน้ำตาให้สาวผมขาว นัยตาสีดำสบกับนัยตาสีแดง ทั้งสองจ้องมองกันก่อนกาลาเทียจะดึงริสไปกอด ริสก็มีโมเม้นน่ารักอยู่น้า
"พี่กาลาเทียคิดว่าจะทำอะไรต่อหรอ"
"พี่ อยากตามหาพ่อ เออ..."
"ขอโทานะครับคุณกาลาเทีย แต่ดูเหมือนว่าคุณต้องหาสิ่งอื่นทำแทนแล้วละครับ"
ไดแลนพูดขัดขึ้นก่อนจะตีหน้าเศร้า ทำให้สาวผมขาวปากสั่นทันที
"มะ ไม่จริงน่า"
"หลุมศพเขาอยู่ที่โบสถ์ใหญ่กลางเมือง ถ้าคุณจะไปละก็ค่อยไปพรุ่งนี้เช้านะครับ"
"ละแล้ว ข้าควรทำอย่างไรละ ที่ผ่านมาข้าทำตามที่พ่อสั่งตลอดเลย ถ้าไม่มีพ่อละก็"
"ก็ไม่เห็นยากเลย เธออยากทำอะไรก็ทำ เธอเป็นอิสระแล้วนี้ เธอก็เริ่มต้นชีวิตใหม่ในแบบที่เธออยากทำสิ"
นั่งนานเดี๋ยวเขาหาว่าเป็นใบ้ พูดซักหน่อยละกัน
"แต่ข้าไม่รู่จะเริ่มจากตรงไหน โลกนี้กว้างใหญ่ข้าต้องเรียนรู้อีกมาก จู่ๆให้ออกไปผจญภัยเองแบบนั้นบ้าชัดๆ"
ผมหน้าชาไปเลย เพราะผนนี้ล่ะไอบ้าไม่รู้อะไรเลยแล้วผจญภัยในโลกกว้าง แหนะไปพวกใส่แว่นไม่ต้องส่งสายตาน่าสมเพจมาทางนี้เลยนะ
"งั้นคุณ----"
"งั้นพี่เทียมาช่วยหนูกับเบนวิคตามหาดาวเหนือไหม"
ไดแลนเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่กลับโดนริสแทรกขึ้นมาก่อน ผมจึงสงสายตาล้อเลียนใส่ฝั่งนั้นทันที หึรู้หรอกว่าอยากได้ลูกน้องเพิ่ม แต่ช้าไปนะคราบ
"ตามหาดาวเหนือหรอ"
"ใช้ค่ะ เรามาออกผจญภัยตามหาดาวเหนือกันดีกว่านะ ไปกันหลายๆคนต้องสนุกมากแน่ๆเลย"
ริสยิ้มกว้างตาลุกวาว ตูมตามมากๆเลยนะสิไม่ว่า แค่ริสคนเดียวก็พินาศแล้วถ้าเพิ่มกาลาเทียมากอีกคนนี้ไปถล่มเมืองสบายๆเลยนะ กาลาเทียทำหน้าเลิกลักเหมิอนกำลังจะพูดว่าขอคิดดูก่อนแต่หนูริสของเราก็ใช้สกิลอ้อน ทำตาแป๋วปิ้งๆมีใครบ้างละจะไม่ใจอ่อน ขนาดสองหนุ่มแว่นยังใบ้กินไม่เถียงซักทำ นี้รู้ไหมว่ากำลังปล่อยสองภัยพิบัตแห่งชาติให้มารวมทีมกันอยู่นะ
"ตกลง"
ความคิดเห็น