คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : คนคุ้นหน้ามารวมกัน
หลังจากสลบไปซักพักริสก็ตื่นขึ้น เธอสะบัดหัวไล่ความมึนซักพัก
"ไงริส ตื่นแล้วหรอเป็นไงบ้าง"
ผมทักริสทันทีเมื่อเห็นเธอฟื้นแล้ว
"เบนวิค...นายนั้นแหละเป็นไงบ้าง"
ริสมองสภาพรุ่งริ่งผ้าขี้ริ้วเรียกพี่ของผมแล้วชักหน้าเครียด
"ก็ดี เลือดหยุดไหลแล้ว เดี๋ยวก็หายน่า"
ริสพยักหน้าน้อยๆ ถึงเธออยากจะช่วยผมมากแค่ไหนแต่ตอนนี้ก็ทำไม่ได้อยู่ดีเพราะตอนนี้เธอกลายเป็นดักแด้หัวขาวไปแล้ว
"นี่มันเวทอะไรกัน"
ริสก้มมองไปยังรยางค์มากมายที่แปรสภาพเธอจากเด็กน้อยน่ารักเป็นดักแด้สีดำผมขาว แถมยังสูบเวทเธอไปเกือบหมด
"มันถูกเรียกว่า เซบันเป็นเวทคำสาปที่นิยมใช้ปราบพวกนักเวทน่ะ มันสามารถสูบพลังเวทของผู้คนได้อย่างไม่จำกัด เวลามันเจอพลังเวทสูงๆมันจะปล่อยรยางค์มามัดแบบนี้ล่ะ"
"ยุ่งยากจริงๆ ทั้งที่ไม่เคยมีใครหรืออะไรมาแย่ชิงพลังเวทจากเราไปได้แท้ๆ"
"หะ อะไรนะริส"
จู่ๆริสก็ทำเสียงเข้มเหมือนจะกระโดดไปงับหัวใคร น่ากลัวนะครับนั้น
"เปล่าๆ แค่จะบอกว่าอย่าให้หนูได้โดนแสงจันทร์เลยเชียว ไม่งั้นไอเวทบ้านี่ได้กลายเป็นผงแน่"
"โห มั่นใจจริงๆเลยนะคุณหนู"
ราเอลกับลูกน้องกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาใกล้กรงที่ขังผมกับริสไว้ ริสเชิดหน้าอย่างหยิ่งๆทำให้ราเอลคันมือยุบยิบ
"นายลงมาด้านล่างนี้เพราะคิดถึงผมใช่ปะ"
เปรี้ยง
แส้สีดำฟาดเข้าที่ลูกกรงเต็มๆ อื้อหือ ห้องกรงช่วยชีพ
"ข้าละอยากจับเจ้าออกมาถอนฟันเสียจริง"
ไม่พูดเปล่าแส้ในมือขยับดุ๊กดิ๋กอีก
"นายจะตบให้ผมปากเจ่อก็ได้แต่ขอเก็บฟันไว้กินข้าวเถอะ"
"หึ ปากดี"
เอ้าแน่นอน สกิลปากหมามันมีมาแต่กำเนิดนะขอบอก ถึงใจกากแต่ปากเก่งนะครับ
"ทุกกรงเรียบร้อยดีครับ"
ลูกน้องคนนึงเดินมารายงานความเรียบร้อย
"ก็ดี เตรียมเอาของขึ้นเลย"
ราเอลหันไปสั่งลูกน้องทันที ไม่นานก็มีออร์คตัวใหญ่เกือบสามเมตรเดินมายกกรงขึ้นไปที่ดาดฟ้าเรือ ตัวใหญ่ขนาดนี้ ขึ้นเรือมาได้ไงฟะ
ทันทีที่เรือจอดเทียบท่าก็มีออร์คอีกมากเดินมายังเรือ พวกมันช่วยกันขนกรงของทั้งหมดลงจากเรือไปด้านข้างของท่าเรือ ออร์คเป็นสิบแบบนี้เรือไม่จมได้ไงเนี่ย
"นั่นมัน...เวทเคลื่อนย้าย"
ริสพูดอย่างแผ่วเบา
ด้านข้างของท่าเรือมีนักเวทกลุ่มหนึ่งยืนล้อมวงกันอยู่ ตรงใจกลางมีเวทเคลื่อย้ายขนาดใหญ่ พวกออร์คยกกรงมาวางไว้ตรงใจกลางวงเวทอย่างเป็นระเบียบ
"ยกลงหมดทุกกรงแล้วครับหัวหน้า"
ลูกน้องคนหนึ่งเดินไปรายงานราเอลที่กำลังคุยกับนายท่าอยู่
"ดี งั้นเราไปกันเลย"
ราเอลหยิบถุงเงินถุงหนึ่งให้นายท่าก่อนจะเดินมายังวงเวทเคลื่อนย้าย
"ไปได้แล้ว"
เขาสั่งเสียงเรียบ เหล่านักเวทที่ยืนล้อมวงอยู่ก็ท่องเวททันที ฉับพลันวงเวทก็เรืองแสงขึ้นและกลืนทุกสิ่งที่อยู่ใจกลางวงหายไป
เวทเคลื่อย้ายพาทุกกรงและทุกคนมาส่งยังที่กบด่านใต้ดิน ซึ่งเมื่อก่อนที่ตรงนี้เคยเป็นบ้านคนนั้นล่ะ แต่พอโดนลาวาถล่มก็กลายสภาพเป็นโพรงดินสวยๆไว้ซอนตัวเนียนๆไป มันก็ให้ความรู้สึกเหมือนรังมดดี พอมาถึงก็ตามเดิม ออร์คหลายตัวก็มายกกรงไปวายตามจุดต่างๆ นี้เค้าเลี้ยงออร์คเป็นฟาร์มกันหรือไง มีเยอะแยะแบบนี้ มันคันปากอยากถามนะแต่เกรงใจสิ่งมีชีวิตตัวใหญ่นับสิบนี่จริงๆ
"อ่าว...ไงไอหนุ่ม"
เสียงทุ้มต่ำคุ้นๆแบบนี้....
"ละ ลุงจอร์น!"
ดั่งบุพเพสันนิวาส(?)ให้เราได้พบเจอ ด้านข้างคือกรงขนาดใหญ่ด้านในมีลุงจอร์นกับลูกน้องของลุงนับสิบนั่งหงอยกันอยู่
"รู้จักกันด้วยหรอเนี่ย"
ราเอลเดินมาที่กรงผมก่อนจะเปิดมันออก
"ผมน่ะเป็นมิตรกับทั้งคนและสัตว์ ไม่ใจจืดจำดำโหดเหี้ยมอำมหิตเหมือนนายหรอก--แว้ก"
ราเอลกระชากคอเสื้อผมและเหวี่ยงผมไปชนกับกรงที่ขังลุงจอร์นทันที ก่อนจะเตะเสยเข้าที่ปากผม
"เบนวิค!"
ริสร้องเสียงหลงก่อนจะถูกนำตัวออกจากกรงเหมือนกัน
"เอาเด็กนี่ไปขังรวมกับพวกนักเวท ส่วนไอเบนวิคขังรวมกับโจรสลัดที่เหลือ"
ราเอลพูดจบริสก็ถูกนำตัวไปขังไว้อีกกรงทันที ส่วนผม...ราเอลกระชากคอเสื้อผมขึ้นมาก่อนต่อยปากไปอีกที นี่ผมไปเหยีบหางพ่อนายมาหรือไง โกรธอะไรกันขนาดนั้น ต่อยปากชาวบ้านเสร็จก็เหวี่ยงผมเข้ากรงอย่างแม่นยำทำให้ผมแลนดิ้งไปทับลุงจอร์นเต็มๆ
"อย่าลืมเก็บฟันไว้กินข้าวล่ะ"
ราเอลปิดกรงดังปั้งก่อนล็อคกรงอย่างแน่นหนา ผมถ่มเลือดออกมาก่อนจะตะโกนสวนไป
"รู้แล้วน่า มื้อนี้ขอข้าวต้มนะเบื่อซุปผักแล้ว"
ราเอลยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนเดินจากไป มื้อต่อไปซุปผักแน่นอนพนันสิบเหรียญ
"อะ คุณเบนวิค คุณเบนวิคจริงๆด้วย"
ทันทีที่ผมลุกขึ้นจากตัวลุงจอร์นก็ถูกเด็กหนุ่มผมสีเขียวคว้าตัวไปทันที
"นะ นาย เลย์ตัน!"
เด็กชายผมเขียวสวมแว่นตาข้างเดียว(monocle) ผมซอยสั้นสีเขียวนัยน์ตาสีเหลืองเข้ม ที่เสื้อมีเข็มกลัดรูปดอกกุหลาบสีฟ้าติดอยู่ทำให้รู้ว่าคนๆนี้เป็นสายข่าวของลาวีออง
"เลย์ตัน นี่นาย...มาได้ไงเนี่ย"
"ผมมาทำงานให้คุณไดแลนแต่พลาดท่าถูกจับมาน่ะครับ"
"งาน...งานอะไร"
"ความลับครับ"
ชิชะอยากรู้อะครับ
"เห พวกนายสองคนรู้จักกันด้วยหรอ"
ลุงจอร์นจากที่นั่งเงียบมานานก็เริ่มพูดบ้าง ไอหัวเขียวเป็นคนของเจ้าหนี้ผมเองครับลุง ฮือ
"ครับ เบนวิคเขาเป็นลูกหนี้ของหัวหน้าผมน่ะครับ"
ว่าแล้วนายต้องพูดแบบนี้ ไอเด็กแสบ!
ลุงจอร์นทำตาปรือแบบไม่เชื่อสายตาก่อนจะมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า
"อื่อ ข้าเชื่อ"
น่าตบทั้งลุงทั้งเด็ก โว้ยย
"เออลุง ไหงมาอยู่นี้ได้ละ"
"โดนรวบระหว่างหนีในป่าน่ะ พวกข้าน่ะหนีจากทหารมากันได้เกือบสิบคน เลยว่าจะใช้เส้นทางธรรมชาติหนีไปกบด่านอยู่ที่โลวแลนด์ แต่ใครจะรู้ว่าจะมีนักล่าค่าหัวดักอยู่ โดนรวมหมดตี้เลยล่ะ"
ลุงพูดไปน้ำตาซึมไป
"แล้วเจ้าล่ะ"
ถ้าไม่บอกจะโดนรุมสกรัมไหม แต่ละคนจ่องกันแบบว่า ถ้าไม่บอกจะพุ่งไปขย้ำคอเดี๋ยวนี้
"ขึ้นเรือผิดครับ"
"ฮ้าๆ สมเป็นคุณเบนวิคจริงๆ ยังโง่และง่อยเหมือนเดิมเลยครับ"
เลย์ตันหัวเราะท้องแข็ง ส่วนพวกลุงจอร์นหน้าเครียดไปตามๆกัน ถึงพวกข้าจะกากแต่ก็ไม่โง่ขึ้นเรือผิดหรอกนะ
.
.
เวลาล่วงเลยมาจนถึงตอนเที่ยงแน่นอนว่าข้าวเที่ยงมาเสิร์ฟแล้วจ้า
"ซุปผักจริงๆด้วย ใครลงพนันข้าวต้มจ่ายมาเลย"
ลูกน้องลุงแกหลายคนนั่งหน้าหงอยทันที หึ พนันกับพี่ก็แพ้ไปสิไอน้อง
"เช้าก็ซุปผัก เที่ยงก็ซุปผัก เย็นไม่ซุปผักอีกละราเอล"
ขอบ่นหน่อยเถอะหน้าจะเป็นผักแล้วนะ ผมหันไปบ่นใส่ราเอลที่ตอนนี้กำลังสั่งในลูกน้องยกโลงศพขนาดใหญ่มาวางไว้ตรงกลางห้อง
"มื้อเช้ามีอะไรให้กินตั้งหลายอย่าง เจ้าอยากเลือกซุปผักเองช่วยไม่ได้"
"โถ่เพื่อน งั้นมือเย็นขอข้าวต้มนะ นะๆๆๆ อาหารมือสุดท้ายเลยนะเพื่อน"
"ใครเพื่อนแก หายเจ็บปากแล้วสิพูดมากเสียขนาดนี้"
ราเอลทพท่าคันเท้ายุบยิบเหมือนอยากเตะปากใครบางคนอีกซักทีสองที โถ่ใจร้ายที่สุด
"เรียบร้อยแล้วครับคุณราเอล งานประมูลในเย็นนี้ต้องครึกครื้นแน่ครับ"
ชายหนุ่มผมสีส้มนัยตาสีเขียวเข้มเดินมาหาราเอลอย่าสุภาพเรียบร้อย
"ข้าก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นนะออตโต้"
ปากคุยกับเขาแต่ตาจ้องผมเขม็ง นี่ถ้าเป็นปลากัดคงท้องไปแล้ว(แค้กๆ)
"อะไร ก็บอกอยู่ว่าเรือหายเพื่อนตายตี้แตกแหกกลางทะเลยังจะไม่เชื่อกันอีกหรือไง"
"นายคิดว่าเขาเชื่อได้หรือเปล่าออตโต้"
"อ่า...ไม่ครับ สำหรับเจ้านั้นไม่น่าเชื่อถือสักนิด ครั้งก่อนก็เล่นมุกเรือล่ม ครั้งที่แล้วก็บอกโดนทรยศ ครั้งนี้จะอ้างอะไรก็ไม่เชื่อทั้งนั้นครับ"
ราเอลพยักหน้าอย่างพอใจในคำตอบของลูกน้องของตน ก่อนจะมองมาที่ผมแบบจะจับกินเลือดกินเนื้อให้ได้
"ให้ตายสิพวกนาย เอานี่!ดูให้เต็มตา"
ผมถลกแขนเสื้อข้างขวาให้ดู นั้นทำให้ราเอลกับออตโต้อึ้งไปเลย
"พวกนายมีพลังเวทนี่ คงเห็นชัดละสิ"
"เออ เต็มสองตาเลย หวังว่าจะไม่ติดตาเก็บเอาไปฝันหรอกนะ"
ราเอลลูบหน้าเสียหลายทีส่วนออตโต้...ทางนั้นวิ่งไปหาน้ำมาล้างตาแล้ว ลุงจอร์นกับเลย์ตันรีบกระเถิบตูดมาดูทันที แต่ในสายตาของพวกไม่มีเวทก็จะเห็นเพียงรอยแผลเป็นธรรมดาๆเท่านั้น
"ไม่เห็นมีอะไรเลย"
ลุงจอร์นคว้าแขนผมไปดูใกล้ๆ แต่ก็เห็นแค่รอยแผลเป็นเท่านั้น
"พวกแกไม่มีพลังเวทนี่ ลองมีดูสิรับรองหลอนไปถึงชาติหน้าแน่"
พูดจบออตโต้รีบหาอะไรมาบังตาทันทีส่วนราเอลหันไปจ้องริสแทน อย่างน้อยไอเด็กนี่ก็พอล้างตาได้บ้าง ราเอลไม่อยากอยู่ชมภาพหน้าสยอดสยองนานจึงรีบออกไปจากห้องทันทีโดยมีออตโต้ตามไปติดๆ พอเห็นสองคนนั้นออกไปแล้วผมก็ดึงแขนเสื้อลงทันที
"โลงศพนั่นมัน..."
เลย์ตันจ้องไปยังโลงศพสีแดงสดที่วางอยู่กลางห้อง มันมีโซ่พัดอยู่รอบๆเต็มไปหมด ตรงฝาโลงมีสัญลัษณ์บางอย่างสลักอยู่
"โลงนั้นมันทำไมหรอ"
"เปล่าครับแค่...มันสวยดี"
เลย์ตันตอบแบบบ่ายเบี่ยง โกหกไม่เนียนนะไอน้อง
"เบนวิคมีวิธีทำลายเพดาหรือเปล่า"
ริสที่ถูกขังอยู่กรงข้างๆพูดขึ้นเรียกความสนใจจากทุกสิ่งมีชีวิตได้เป็นอย่างดี
"คืนนี้พระจันทร์เต็มดวง ถ้าหนูได้รับแสงจันทร์ของคืนนี้ละก็ ไอเวทเซบันนี่ก็เอาไม่อยู่หรอกนะ"
"ไม่มีใครเคยทำลายเวทเซบันได้นะครับ"
เลย์ตันพูดแบบตัดความหวังสุดๆ
"แต่ก็ไม่มีใครหรืออะไรเอาพลังเวทของข้าไปได้เช่นกัน!"
ริสคำรามอย่างองอาจ น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นทั้งทรงอำนาจและน่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน มันไม่ใช้เสียงน้ำของเด็กหญิงวัยสิบขวบที่จะพูดออกมาได้ทำเอาแต่ละคนขนลุกกันทั่วหน้า
"ว่ายังไง พวกเจ้าพอจะมีวิธีทำลายเพดานบ้างไหม"
น้ำเสียงอันทรงอำนาจบวกกับแววตาที่ดูดุดันทำให้แต่ละคนรู้สึกว่าเด็กคนนี้สามารถทำเลยเวทเซบับได้ เดี๋ยวสินั้นใช่โพลาริสที่ผมรู้จักหรือเปล่าเนี่ย
"กะ ก็พอมีอยู่นะ แต่ต้องใช้สิ่งที่อยู่ในโลงนั้น"
เลย์ตันชี้ไปยังโลงศพสีแดง
"ในโลงนั้นมีอะไรหรอ"
ลุงจอร์นถามอย่างสงสัย แน่นอนละทุกคนก็สงสัยเช่นกัน
"ผมคิดว่าน่าจะเป็น...."
เลย์ตันเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มพูดต่อ
"โฮโมนครูส"
ความคิดเห็น