ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Polaris ปริศนาดวงดาวสาบสูญ

    ลำดับตอนที่ #6 : คนคุ้นหน้ามารวมกัน

    • อัปเดตล่าสุด 11 พ.ย. 67


    หลังจากสลบไปซักพักริสก็ตื่นขึ้น เธอสะบัดหัวไล่ความมึนซักพัก

    "ไงริส ตื่นแล้วหรอเป็นไงบ้าง"

    ผมทักริสทันทีเมื่อเห็นเธอฟื้นแล้ว

    "เบนวิค...นายนั้นแหละเป็นไงบ้าง"

    ริสมองสภาพรุ่งริ่งผ้าขี้ริ้วเรียกพี่ของผมแล้วชักหน้าเครียด

    "ก็ดี เลือดหยุดไหลแล้ว เดี๋ยวก็หายน่า"

    ริสพยักหน้าน้อยๆ ถึงเธออยากจะช่วยผมมากแค่ไหนแต่ตอนนี้ก็ทำไม่ได้อยู่ดีเพราะตอนนี้เธอกลายเป็นดักแด้หัวขาวไปแล้ว

    "นี่มันเวทอะไรกัน"

    ริสก้มมองไปยังรยางค์มากมายที่แปรสภาพเธอจากเด็กน้อยน่ารักเป็นดักแด้สีดำผมขาว แถมยังสูบเวทเธอไปเกือบหมด

    "มันถูกเรียกว่า เซบันเป็นเวทคำสาปที่นิยมใช้ปราบพวกนักเวทน่ะ มันสามารถสูบพลังเวทของผู้คนได้อย่างไม่จำกัด เวลามันเจอพลังเวทสูงๆมันจะปล่อยรยางค์มามัดแบบนี้ล่ะ"

    "ยุ่งยากจริงๆ ทั้งที่ไม่เคยมีใครหรืออะไรมาแย่ชิงพลังเวทจากเราไปได้แท้ๆ"

    "หะ อะไรนะริส"

    จู่ๆริสก็ทำเสียงเข้มเหมือนจะกระโดดไปงับหัวใคร น่ากลัวนะครับนั้น

    "เปล่าๆ แค่จะบอกว่าอย่าให้หนูได้โดนแสงจันทร์เลยเชียว ไม่งั้นไอเวทบ้านี่ได้กลายเป็นผงแน่"

    "โห มั่นใจจริงๆเลยนะคุณหนู"

    ราเอลกับลูกน้องกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาใกล้กรงที่ขังผมกับริสไว้ ริสเชิดหน้าอย่างหยิ่งๆทำให้ราเอลคันมือยุบยิบ

    "นายลงมาด้านล่างนี้เพราะคิดถึงผมใช่ปะ"

    เปรี้ยง

    แส้สีดำฟาดเข้าที่ลูกกรงเต็มๆ อื้อหือ ห้องกรงช่วยชีพ

    "ข้าละอยากจับเจ้าออกมาถอนฟันเสียจริง"

    ไม่พูดเปล่าแส้ในมือขยับดุ๊กดิ๋กอีก

    "นายจะตบให้ผมปากเจ่อก็ได้แต่ขอเก็บฟันไว้กินข้าวเถอะ"

    "หึ ปากดี"

    เอ้าแน่นอน สกิลปากหมามันมีมาแต่กำเนิดนะขอบอก ถึงใจกากแต่ปากเก่งนะครับ

    "ทุกกรงเรียบร้อยดีครับ"

    ลูกน้องคนนึงเดินมารายงานความเรียบร้อย

    "ก็ดี เตรียมเอาของขึ้นเลย"

    ราเอลหันไปสั่งลูกน้องทันที ไม่นานก็มีออร์คตัวใหญ่เกือบสามเมตรเดินมายกกรงขึ้นไปที่ดาดฟ้าเรือ ตัวใหญ่ขนาดนี้ ขึ้นเรือมาได้ไงฟะ

    ทันทีที่เรือจอดเทียบท่าก็มีออร์คอีกมากเดินมายังเรือ พวกมันช่วยกันขนกรงของทั้งหมดลงจากเรือไปด้านข้างของท่าเรือ ออร์คเป็นสิบแบบนี้เรือไม่จมได้ไงเนี่ย

    "นั่นมัน...เวทเคลื่อนย้าย"

    ริสพูดอย่างแผ่วเบา

    ด้านข้างของท่าเรือมีนักเวทกลุ่มหนึ่งยืนล้อมวงกันอยู่ ตรงใจกลางมีเวทเคลื่อย้ายขนาดใหญ่ พวกออร์คยกกรงมาวางไว้ตรงใจกลางวงเวทอย่างเป็นระเบียบ

    "ยกลงหมดทุกกรงแล้วครับหัวหน้า"

    ลูกน้องคนหนึ่งเดินไปรายงานราเอลที่กำลังคุยกับนายท่าอยู่

    "ดี งั้นเราไปกันเลย"

    ราเอลหยิบถุงเงินถุงหนึ่งให้นายท่าก่อนจะเดินมายังวงเวทเคลื่อนย้าย

    "ไปได้แล้ว"

    เขาสั่งเสียงเรียบ เหล่านักเวทที่ยืนล้อมวงอยู่ก็ท่องเวททันที ฉับพลันวงเวทก็เรืองแสงขึ้นและกลืนทุกสิ่งที่อยู่ใจกลางวงหายไป

     

    เวทเคลื่อย้ายพาทุกกรงและทุกคนมาส่งยังที่กบด่านใต้ดิน ซึ่งเมื่อก่อนที่ตรงนี้เคยเป็นบ้านคนนั้นล่ะ แต่พอโดนลาวาถล่มก็กลายสภาพเป็นโพรงดินสวยๆไว้ซอนตัวเนียนๆไป มันก็ให้ความรู้สึกเหมือนรังมดดี พอมาถึงก็ตามเดิม ออร์คหลายตัวก็มายกกรงไปวายตามจุดต่างๆ นี้เค้าเลี้ยงออร์คเป็นฟาร์มกันหรือไง มีเยอะแยะแบบนี้ มันคันปากอยากถามนะแต่เกรงใจสิ่งมีชีวิตตัวใหญ่นับสิบนี่จริงๆ

    "อ่าว...ไงไอหนุ่ม"

    เสียงทุ้มต่ำคุ้นๆแบบนี้....

    "ละ ลุงจอร์น!"

    ดั่งบุพเพสันนิวาส(?)ให้เราได้พบเจอ ด้านข้างคือกรงขนาดใหญ่ด้านในมีลุงจอร์นกับลูกน้องของลุงนับสิบนั่งหงอยกันอยู่

    "รู้จักกันด้วยหรอเนี่ย"

    ราเอลเดินมาที่กรงผมก่อนจะเปิดมันออก

    "ผมน่ะเป็นมิตรกับทั้งคนและสัตว์ ไม่ใจจืดจำดำโหดเหี้ยมอำมหิตเหมือนนายหรอก--แว้ก"

    ราเอลกระชากคอเสื้อผมและเหวี่ยงผมไปชนกับกรงที่ขังลุงจอร์นทันที ก่อนจะเตะเสยเข้าที่ปากผม

    "เบนวิค!"

    ริสร้องเสียงหลงก่อนจะถูกนำตัวออกจากกรงเหมือนกัน

    "เอาเด็กนี่ไปขังรวมกับพวกนักเวท ส่วนไอเบนวิคขังรวมกับโจรสลัดที่เหลือ"

    ราเอลพูดจบริสก็ถูกนำตัวไปขังไว้อีกกรงทันที ส่วนผม...ราเอลกระชากคอเสื้อผมขึ้นมาก่อนต่อยปากไปอีกที นี่ผมไปเหยีบหางพ่อนายมาหรือไง โกรธอะไรกันขนาดนั้น ต่อยปากชาวบ้านเสร็จก็เหวี่ยงผมเข้ากรงอย่างแม่นยำทำให้ผมแลนดิ้งไปทับลุงจอร์นเต็มๆ

    "อย่าลืมเก็บฟันไว้กินข้าวล่ะ"

    ราเอลปิดกรงดังปั้งก่อนล็อคกรงอย่างแน่นหนา ผมถ่มเลือดออกมาก่อนจะตะโกนสวนไป

    "รู้แล้วน่า มื้อนี้ขอข้าวต้มนะเบื่อซุปผักแล้ว"

    ราเอลยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนเดินจากไป มื้อต่อไปซุปผักแน่นอนพนันสิบเหรียญ

    "อะ คุณเบนวิค คุณเบนวิคจริงๆด้วย"

    ทันทีที่ผมลุกขึ้นจากตัวลุงจอร์นก็ถูกเด็กหนุ่มผมสีเขียวคว้าตัวไปทันที

    "นะ นาย เลย์ตัน!"

    เด็กชายผมเขียวสวมแว่นตาข้างเดียว(monocle) ผมซอยสั้นสีเขียวนัยน์ตาสีเหลืองเข้ม ที่เสื้อมีเข็มกลัดรูปดอกกุหลาบสีฟ้าติดอยู่ทำให้รู้ว่าคนๆนี้เป็นสายข่าวของลาวีออง

    "เลย์ตัน นี่นาย...มาได้ไงเนี่ย"

    "ผมมาทำงานให้คุณไดแลนแต่พลาดท่าถูกจับมาน่ะครับ"

    "งาน...งานอะไร"

    "ความลับครับ"

    ชิชะอยากรู้อะครับ

    "เห พวกนายสองคนรู้จักกันด้วยหรอ"

    ลุงจอร์นจากที่นั่งเงียบมานานก็เริ่มพูดบ้าง ไอหัวเขียวเป็นคนของเจ้าหนี้ผมเองครับลุง ฮือ

    "ครับ เบนวิคเขาเป็นลูกหนี้ของหัวหน้าผมน่ะครับ"

    ว่าแล้วนายต้องพูดแบบนี้ ไอเด็กแสบ!

    ลุงจอร์นทำตาปรือแบบไม่เชื่อสายตาก่อนจะมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า

    "อื่อ ข้าเชื่อ"

    น่าตบทั้งลุงทั้งเด็ก โว้ยย

    "เออลุง ไหงมาอยู่นี้ได้ละ"

    "โดนรวบระหว่างหนีในป่าน่ะ พวกข้าน่ะหนีจากทหารมากันได้เกือบสิบคน เลยว่าจะใช้เส้นทางธรรมชาติหนีไปกบด่านอยู่ที่โลวแลนด์ แต่ใครจะรู้ว่าจะมีนักล่าค่าหัวดักอยู่ โดนรวมหมดตี้เลยล่ะ"

    ลุงพูดไปน้ำตาซึมไป

    "แล้วเจ้าล่ะ"

    ถ้าไม่บอกจะโดนรุมสกรัมไหม แต่ละคนจ่องกันแบบว่า ถ้าไม่บอกจะพุ่งไปขย้ำคอเดี๋ยวนี้

    "ขึ้นเรือผิดครับ"

    "ฮ้าๆ สมเป็นคุณเบนวิคจริงๆ ยังโง่และง่อยเหมือนเดิมเลยครับ"

    เลย์ตันหัวเราะท้องแข็ง ส่วนพวกลุงจอร์นหน้าเครียดไปตามๆกัน ถึงพวกข้าจะกากแต่ก็ไม่โง่ขึ้นเรือผิดหรอกนะ

    .

    เวลาล่วงเลยมาจนถึงตอนเที่ยงแน่นอนว่าข้าวเที่ยงมาเสิร์ฟแล้วจ้า

    "ซุปผักจริงๆด้วย ใครลงพนันข้าวต้มจ่ายมาเลย"

    ลูกน้องลุงแกหลายคนนั่งหน้าหงอยทันที หึ พนันกับพี่ก็แพ้ไปสิไอน้อง

    "เช้าก็ซุปผัก เที่ยงก็ซุปผัก เย็นไม่ซุปผักอีกละราเอล"

    ขอบ่นหน่อยเถอะหน้าจะเป็นผักแล้วนะ ผมหันไปบ่นใส่ราเอลที่ตอนนี้กำลังสั่งในลูกน้องยกโลงศพขนาดใหญ่มาวางไว้ตรงกลางห้อง

    "มื้อเช้ามีอะไรให้กินตั้งหลายอย่าง เจ้าอยากเลือกซุปผักเองช่วยไม่ได้"

    "โถ่เพื่อน งั้นมือเย็นขอข้าวต้มนะ นะๆๆๆ อาหารมือสุดท้ายเลยนะเพื่อน"

    "ใครเพื่อนแก หายเจ็บปากแล้วสิพูดมากเสียขนาดนี้"

    ราเอลทพท่าคันเท้ายุบยิบเหมือนอยากเตะปากใครบางคนอีกซักทีสองที โถ่ใจร้ายที่สุด

    "เรียบร้อยแล้วครับคุณราเอล งานประมูลในเย็นนี้ต้องครึกครื้นแน่ครับ"

    ชายหนุ่มผมสีส้มนัยตาสีเขียวเข้มเดินมาหาราเอลอย่าสุภาพเรียบร้อย

    "ข้าก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นนะออตโต้"

    ปากคุยกับเขาแต่ตาจ้องผมเขม็ง นี่ถ้าเป็นปลากัดคงท้องไปแล้ว(แค้กๆ)

    "อะไร ก็บอกอยู่ว่าเรือหายเพื่อนตายตี้แตกแหกกลางทะเลยังจะไม่เชื่อกันอีกหรือไง"

    "นายคิดว่าเขาเชื่อได้หรือเปล่าออตโต้"

    "อ่า...ไม่ครับ สำหรับเจ้านั้นไม่น่าเชื่อถือสักนิด ครั้งก่อนก็เล่นมุกเรือล่ม ครั้งที่แล้วก็บอกโดนทรยศ ครั้งนี้จะอ้างอะไรก็ไม่เชื่อทั้งนั้นครับ"

    ราเอลพยักหน้าอย่างพอใจในคำตอบของลูกน้องของตน ก่อนจะมองมาที่ผมแบบจะจับกินเลือดกินเนื้อให้ได้

    "ให้ตายสิพวกนาย เอานี่!ดูให้เต็มตา"

    ผมถลกแขนเสื้อข้างขวาให้ดู นั้นทำให้ราเอลกับออตโต้อึ้งไปเลย

    "พวกนายมีพลังเวทนี่ คงเห็นชัดละสิ"

    "เออ เต็มสองตาเลย หวังว่าจะไม่ติดตาเก็บเอาไปฝันหรอกนะ"

    ราเอลลูบหน้าเสียหลายทีส่วนออตโต้...ทางนั้นวิ่งไปหาน้ำมาล้างตาแล้ว ลุงจอร์นกับเลย์ตันรีบกระเถิบตูดมาดูทันที แต่ในสายตาของพวกไม่มีเวทก็จะเห็นเพียงรอยแผลเป็นธรรมดาๆเท่านั้น

    "ไม่เห็นมีอะไรเลย"

    ลุงจอร์นคว้าแขนผมไปดูใกล้ๆ แต่ก็เห็นแค่รอยแผลเป็นเท่านั้น

    "พวกแกไม่มีพลังเวทนี่ ลองมีดูสิรับรองหลอนไปถึงชาติหน้าแน่"

    พูดจบออตโต้รีบหาอะไรมาบังตาทันทีส่วนราเอลหันไปจ้องริสแทน อย่างน้อยไอเด็กนี่ก็พอล้างตาได้บ้าง ราเอลไม่อยากอยู่ชมภาพหน้าสยอดสยองนานจึงรีบออกไปจากห้องทันทีโดยมีออตโต้ตามไปติดๆ พอเห็นสองคนนั้นออกไปแล้วผมก็ดึงแขนเสื้อลงทันที

    "โลงศพนั่นมัน..."

    เลย์ตันจ้องไปยังโลงศพสีแดงสดที่วางอยู่กลางห้อง มันมีโซ่พัดอยู่รอบๆเต็มไปหมด ตรงฝาโลงมีสัญลัษณ์บางอย่างสลักอยู่

    "โลงนั้นมันทำไมหรอ"

    "เปล่าครับแค่...มันสวยดี"

    เลย์ตันตอบแบบบ่ายเบี่ยง โกหกไม่เนียนนะไอน้อง

    "เบนวิคมีวิธีทำลายเพดาหรือเปล่า"

    ริสที่ถูกขังอยู่กรงข้างๆพูดขึ้นเรียกความสนใจจากทุกสิ่งมีชีวิตได้เป็นอย่างดี

    "คืนนี้พระจันทร์เต็มดวง ถ้าหนูได้รับแสงจันทร์ของคืนนี้ละก็ ไอเวทเซบันนี่ก็เอาไม่อยู่หรอกนะ"

    "ไม่มีใครเคยทำลายเวทเซบันได้นะครับ"

    เลย์ตันพูดแบบตัดความหวังสุดๆ

    "แต่ก็ไม่มีใครหรืออะไรเอาพลังเวทของข้าไปได้เช่นกัน!"

    ริสคำรามอย่างองอาจ น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นทั้งทรงอำนาจและน่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน มันไม่ใช้เสียงน้ำของเด็กหญิงวัยสิบขวบที่จะพูดออกมาได้ทำเอาแต่ละคนขนลุกกันทั่วหน้า

    "ว่ายังไง พวกเจ้าพอจะมีวิธีทำลายเพดานบ้างไหม"

    น้ำเสียงอันทรงอำนาจบวกกับแววตาที่ดูดุดันทำให้แต่ละคนรู้สึกว่าเด็กคนนี้สามารถทำเลยเวทเซบับได้ เดี๋ยวสินั้นใช่โพลาริสที่ผมรู้จักหรือเปล่าเนี่ย

    "กะ ก็พอมีอยู่นะ แต่ต้องใช้สิ่งที่อยู่ในโลงนั้น"

    เลย์ตันชี้ไปยังโลงศพสีแดง

    "ในโลงนั้นมีอะไรหรอ"

    ลุงจอร์นถามอย่างสงสัย แน่นอนละทุกคนก็สงสัยเช่นกัน

    "ผมคิดว่าน่าจะเป็น...."

    เลย์ตันเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มพูดต่อ

    "โฮโมนครูส"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×