ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [อยู่ระหว่างการรีไรต์ค่ะ] When I became a Mermaid เมื่อโชคชะตาเล่นตลกผลักฉันตกทะเลมาเป็นเงือก!

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 4 : พลันกระจ่าง

    • อัปเดตล่าสุด 15 มิ.ย. 65


    บทที่ 4 พลันกระจ่าง

    ถือเป็นเรื่องธรรมดาสามัญสำหรับการพูดจากระทบกระทั่งน้องสาวของโจเซฟีน นางไม่ชอบเซเรน่ามาตั้งแต่จำความได้ แรกเริ่มมันก็เป็นเพราะเรื่องเล็กน้อยอย่างน้องมีผมยาวสวยประหนึ่งเส้นไหมสีทอง ในขณะที่ผมของโจเซฟีนเป็นสีแสดแปลกแยกจากคนในครอบครัว อีกทั้งตั้งแต่ยาวถึงระดับบ่าผมของนางก็ไม่ยาวขึ้นอีกเลย ซึ่งผิดปกติจากเงือกทุกตนในอาณาจักรจนถึงกับมีข่าวลือในหมู่ชาวเมืองว่า ‘องค์หญิงใหญ่ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของราชาราชินี’ บ้างก็ถึงขั้นว่า ‘นางอาจไม่ใช่เงือกจริง ๆ ด้วยซ้ำ’

    แต่ถึงกระนั้นโจเซฟีนในวัยเด็กก็เลือกที่จะปล่อยผ่านข่าวลือไม่มีมูลแบบนั้นไป เพราะยังไงมันก็ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว

    ทว่าความเชื่อนั้นก็ถูกทำลายลงจนหมดสิ้น...ในวันที่เซเรน่าถูกแต่งตั้งเป็นองค์หญิงรัชทายาทผู้สืบทอดบัลลังก์คนต่อไป โจเซฟีนซึ่งทนกดโทสะไว้จนจบพิธีแต่งตั้งก็ปรี่เข้าไปหาองค์ราชาทันที

    “ท่านพ่อลำเอียง ท่านรักเซเรนมากกว่าข้า” โจเซฟีนในวัยสิบห้าขึ้นเสียงกับบิดาเป็นครั้งแรก นางทั้งโมโหและอับอายจนไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน สิ่งที่นางมั่นใจที่สุดว่าจะได้อย่างการสืบทอดบัลลังก์ท้ายที่สุดแล้วนางก็ไม่อาจครอบครองมันได้อยู่ดี

    ราวกับว่าที่แห่งนี้มันไม่ใช่ที่ของนาง...บางทีอาจจะไม่ใช่มาตั้งแต่แรกแล้ว

    “เซฟีนลูกรัก พ่อรักลูกทั้งสองเท่ากัน” องค์ซาซีอุสกล่าวพลางจับไหล่ของลูกสาวไว้อย่างแผ่วเบา น้ำเสียงอ่อนโยนพยายามเกลี้ยกล่อมเด็กสาวผู้เป็นดั่งเปลวเพลิงให้ใจเย็นลง ใจจริงเขาอยากจะบอกเหตุผลที่ทำแบบนั้นให้นางรู้ เพราะการเห็นนางเป็นแบบนี้มันก็ทำให้รู้สึกเจ็บปวดไม่แพ้กัน แต่ว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม...

    “ไม่จริง! ท่านพ่อไม่รักข้า ถ้าท่านรักข้าก็คงให้ข้าเป็นรัชทายาทไปแล้ว”

    “ลูกรักของพ่อ...เมื่อเวลานั้นมาถึงเจ้าจะเข้าใจ”

    ตั้งแต่ตอนนั้นก็ผ่านมาเกือบสิบปีแล้ว เพราะไม่รู้จะเอาความโกรธไปลงที่ไหน เมื่อใดที่ราชาซาซีอุสและราชินีมาเรียเดินทางออกจากอาณาจักรเพื่อไปเจริญสัมพันธไมตรีกับต่างแดน โจเซฟีนก็มักจะคอยกลั่นแกล้งรังแกเซเรน่าอยู่ร่ำไป และทุกครั้งองค์หญิงรัชทายาทก็ทำเพียงนั่งนิ่งไม่โต้ตอบใด ๆ เพราะเข้าใจความเจ็บปวดของพี่สาว อีกทั้งเซเรน่ายังรู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอสำหรับตำแหน่งที่ได้รับมา ถ้าเป็นไปได้นางก็อยากให้พี่สาวเป็นคนรับตำแหน่งนี้แทน แต่พอไปขอให้พระบิดาตัดสินใจใหม่อีกครั้งสิ่งที่ท่านตอบกลับมาก็มีเพียงคำว่า ‘ไม่ได้’ กับ ‘สักวันจะได้รู้เหตุผลเอง’ เท่านั้น

    แต่ถึงเซเรน่าจะเก็บเรื่องที่ตัวเองโดนแกล้งไว้ไม่บอกใคร ทว่ามีอยู่แน่ ๆ หนึ่งคนที่รู้เรื่องนี้นั่นคือองค์ชายเซนแห่งอาณาจักรเครสต้าผู้มาเยือนอาณาจักรเซเรเนียอยู่บ่อย ๆ แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดองค์ชายถึงได้ไม่เคยปริปากห้ามโจเซฟีนหรือแม้แต่ปกป้องเซเรน่าเลยสักครั้งเดียว เขาเพียงแค่นั่งทานอาหารต่อไปอย่างกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    ซึ่งสำหรับคนในยุคปัจจุบันอย่างเซเรียที่ผ่านการขัดเกลาทางความคิดมานับครั้งไม่ถ้วน การเมินเฉยต่อผู้ที่เดือดร้อนก็ไม่ต่างกับการเป็นผู้ลงมือเสียเอง เพราะเหตุนั้นตั้งแต่ได้ความทรงจำของร่างนี้มาเซเรียถึงได้หมั่นไส้ไปจนถึงเกลียดขี้หน้าเซนมากขนาดนั้น

    อย่างไรก็ตามที่เซเรน่าไม่ยอมต่อต้านจนถึงตอนนี้ ก็เพราะเธอยังคงหวังว่าสักวันหนึ่งพี่สาวของตนจะเบื่อและเลิกราไปเอง ทว่าจนแล้วจนรอดมันก็ยังไม่ถึงวันนั้นเสียที...

     

    ย้อนกลับไป ก่อนที่เซเรน่าจะเจอไลแคนท์ที่ทางเดินเมื่อวานนี้

    [ในห้องของโจเซฟีน]

    “ฮึ่ย! น่าหงุดหงิดจริง!” องค์หญิงใหญ่แห่งอาณาจักรเซเรเนียว่ายเข้ามาในห้องด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง ก่อนจะนั่งลงบนเตียงนอนใช้หางปัดหมอนอิงจนตกลงไปบนพื้น ซ้ำยังฟาดหางใส่หมอนที่นอนนิ่งอยู่นั้นซ้ำไปอีกที แต่ถึงจะเห็นปฏิกิริยาแบบนั้นข้ารับใช้คนสนิทอย่างไลแคนท์ก็หาได้เอะใจสงสัยไม่ เพราะมันเป็นเรื่องที่นางคาดการณ์ไว้อยู่แล้วว่าเจ้านายจะต้องหงุดหงิด นั่นก็เพราะว่า

    องค์หญิงรัชทายาทที่ทุกคนรอคอย... จะไม่ได้กลับไปทานอาหารต่อแล้วนี่นา

    พอคิดถึงตอนที่มือคู่นี้ของตัวเองบรรจงทาพิษไว้ที่ขอบถ้วยชาขององค์หญิงเซเรน่าแล้ว หัวใจก็เต้นรัวความกลัวเอ่อล้นขึ้นจากส่วนลึกของจิตใจ ถึงจะคิดว่าตนเองวางแผนมาอย่างรอบคอบแล้ว ทั้งการทำรอยร้าวบนถ้วยชาเพื่อหาจังหวะเปลี่ยนเป็นถ้วยที่ไม่ได้ทาพิษไว้ ทั้งการเอาถ้วยชาที่มีพิษไปทุบให้แหลกแล้วฝังดินเพื่อทำลายหลักฐาน

    แต่ถ้าทั้งหมดนั่นมันยังไม่เพียงพอล่ะ ถ้ามีคนรู้ความจริงเข้า...นางจะทำอย่างไร

    “เป็นบ้าอะไรขึ้นมา! อยู่ดี ๆ ก็เปลี่ยนไปอย่างกับเป็นคนละคน ถึงกับกล้าต่อว่าข้านางต้องเสียสติไปแล้วแน่ ๆ” ทันทีที่โจเซฟีนพูดจบไลแคนท์ซึ่งก่อนหน้านั้นเอาแต่ก้มหน้างุดก็เงยหน้าขึ้นมองเจ้านายของตนด้วยใบหน้าถอดสี

    “...อะไรนะเพคะ” นางทวนคำถามด้วยเสียงสั่นเครือ พลางคิดในใจว่าเป็นไปไม่ได้ นางต้องกลัวจนได้ยินแบบนั้นไปเองแน่

    “ข้าบอกว่ายัยเด็กนั่นกล้าเถียงข้าคำไม่ตกฟาก ถ้าไม่กลัวจนเป็นบ้าไปแล้วจะเป็นอะไรได้อีกล่ะ” 

    “อะ...องค์หญิงเซเรน่า ยังมี...ชีวิตอยู่อีกหรือเพคะ” ไลแคนท์เริ่มสั่นไปทั้งตัวหัวใจเต้นเร็วขึ้นเสียจนคล้ายจะทะลุออกมาจากทรวงอก

    “พูดอะไรอย่างนั้น เจ้าพูดเหมือนนางน่าจะตายไปแล้วงั้นแหละ--หรือว่า...!”

    “หมะ...หม่อมฉันขอประทานอภัยเพคะ! หม่อมฉันแค่อยากช่วยให้พระองค์ได้เป็นองค์หญิงรัชทายาทก็เท่านั้น หม่อมฉันคิดน้อยไปขอประทานอภัยเพคะ!”

    “อะไรนะ!? ยัยโง่เอ๊ย เจ้ารู้ตัวมั้ยว่าทำอะไรลงไปน่ะหา??” โจเซฟีนลุกพรวดขึ้นจากเตียงแล้วตรงเข้าไปกระชากสร้อยคอของหญิงรับใช้คนสนิทอย่างแรง “หากมีคนล่วงรู้เข้าโทษของเจ้าคือประหารสถานเดียว เรื่องแค่นี้ไม่รู้หรือไง!?”

    “หม่อมฉันรู้เพคะรู้ทั้งรู้ แต่กว่าจะรู้สึกตัวหม่อมฉันก็ทำมันลงไปแล้ว หม่อมฉันกลัวเหลือเกิน ได้โปรดประทานอภัยให้หม่อมฉันด้วยเถิดเพคะ” ไลแคนท์ว่าพลางน้ำตานองหน้านางสำนึกแล้วว่าตัวเองใจร้อนเกินไป ยิ่งองค์หญิงเซเรน่ารอดจากพิษที่นางลอบวางไว้ได้ยิ่งแล้วใหญ่ หากองค์หญิงสงสัยในเรื่องนี้และได้รู้ความจริงขึ้นมา ไม่ใช่แค่นางที่จะเดือดร้อนแต่อาจรวมถึงผู้เป็นนายที่นางรักยิ่งกว่าชีวิตของตนเองคนนี้ด้วย

    “เจ้านี่มัน…” โจเซฟีนกัดฟันแน่นเมื่อรู้ความจริงจากปากข้ารับใช้คนสนิท ใครเลยจะคิดว่านางรับใช้นางหนึ่งจะกล้าวางยาพิษองค์รัชทายาทเพื่อให้เจ้านายของตนได้ตำแหน่งนั้นไป

    ยิ่งคิดองค์หญิงใหญ่ก็ยิ่งคับแค้นใจ!ขนาดไลแคนท์ยังไม่เห็นโอกาสที่นางจะได้ขึ้นครองบัลลังก์จนต้องใช้วิธีสกปรกแบบนี้เลย

    ทั้งที่ได้เกิดเป็นลูกคนแรกแต่กลับไม่ได้เป็นรัชทายาท อีกทั้งหลังจากงานแต่งตั้งครั้งนั้นก็ผ่านมาเป็นสิบปีแล้วแต่ก็ยังไม่เคยมีใครบอกเหตุผลที่แท้จริงกับนางเลยสักคน นานวันเข้าพวกขุนนางก็โจษจันกันไปต่าง ๆ นานาถึงเหตุผลที่โจเซฟีนชวดตำแหน่ง บ้างก็ว่าเพราะนางมีผมสั้นสีแสดแตกต่างจากเงือกทุกตัว บ้างก็ว่าเพราะรูปหูต่างจากเงือกตนอื่น บ้างก็ว่าเพราะเลือดของนางเป็นสีทองต่างจากทุกคนในอาณาจักร ซึ่งถึงทุกข้อที่กล่าวมานั้นจะเป็นความจริงแต่สำหรับโจเซฟีนมันก็ไม่ใช่เหตุผลที่ยอมรับได้อยู่ดี

    ก่อนที่ไฟแค้นในอกจะแผดเผาความรู้สึกไปมากกว่านี้โจเซฟีนดึงสติตัวเองกลับมาจากความทรงจำในอดีต ภาพไลแคนท์ตัวสั่นเทิ้มด้วยความกลัวยังปรากฏอยู่ตรงหน้า นางละมือจากสร้อยคอของข้ารับใช้พลางตวาดไล่นางไปจากห้องของตัวเองให้เสียงดังจนคนที่อยู่ภายนอกได้ยิน

    “ไสหัวไปซะ! เจ้ากล้าดียังไงถึงเอาชารสแย่นั่นมาให้ข้ากินหา!”

    “องค์หญิง...” เพียงเท่านั้นไลแคนท์ก็ตื้นตันจนพูดอะไรไม่ออก เจ้านายของนาง ถึงจะโกรธนางสักแค่ไหนแต่ก็ยังให้ความช่วยเหลือ เพื่อให้คนอื่นเข้าใจว่าไลแคนท์เสียใจเพราะถูกเจ้านายต่อว่ายังดีกว่าต้องมาคอยระวังไม่ให้ถูกจับได้ว่าไปทำความผิดที่ร้ายแรงยิ่งกว่าเสิร์ฟชารสห่วยแตกให้เจ้านายมา “ขอบพระคุณมากเพคะ...ขอบพระคุณจริงๆ”

    ว่าแล้วนางก็เปิดประตูห้องและว่ายออกจากห้องเจ้านายไป ทว่า...

    “โอ๊ะ!” หลังบานประตูนั้นนางกลับพบบุคคลที่นางเพิ่งจะลอบสังหารไปลอยเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงหน้า!

    ไลแคนท์รู้สึกราวกับหัวใจหยุดเต้น นางลนลานอย่างเห็นได้ชัดจนอีกฝ่ายทำหน้าสงสัย “ขะ...ขะ...ขออภัยเพคะ หมะ...หม่อมฉันขอตัวเพคะ”

    พูดจบข้ารับใช้สาวก็ว่ายหนีไปอีกทางอย่างรวดเร็ว ในขณะที่องค์หญิงแห่งเซเรเนียมองตามด้วยความเห็นใจ “น่าสงสาร คงกลัวโจเซฟีนมากเลย ยัยนั่นก็นะแค่ชาไม่อร่อยไม่เห็นต้องโกรธขนาดนั้นเลยนี่”

     

    ณ เวลาปัจจุบัน

    “ไลแคนท์ เจ้าจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานได้มั้ย”

    สาวใช้นางหนึ่งเอ่ยถามเพื่อนร่วมงาน ไลแคนท์ชะงักมือที่กำลังเก็บกวาดโต๊ะอาหาร รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายหมายถึงเรื่องอะไร นางพยักหน้าแทนคำตอบ “ข้าว่ามันต้องมีเงื่อนงำอะไรเป็นแน่ มิเช่นนั้นอยู่ ๆ องค์หญิงจะเวียนหัวอย่างไร้สาเหตุได้อย่างไร ถ้าองค์หญิงเล็กร่างกายอ่อนแอหรือเป็นโรคร้ายก็คงเป็นอีกเรื่องแต่นี่ไม่ใช่ แสดงว่า...มันต้องมีอะไรที่ไม่ธรรมดาซ่อนอยู่แน่ ๆ เจ้าคิดเหมือนกันไหม?”

    “อะ...อืม นั่นสินะ”

    “เป็นไปได้ไหมว่า...จะมีคนวางยาพิษในอาหารขององค์หญิง!”

    ไลแคนท์เบิกตาโพลง นางหันไปมองหน้าคนถามทันที หวังจะดูให้รู้ว่าใครกันที่พูดเหมือนรู้อะไรไปเสียทุกอย่างแบบนี้! ทว่าเงือกที่อยู่ตรงหน้ากลับเป็นข้ารับใช้ที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน ผมหน้าม้าปิดใบหน้าครึ่งบนไว้ สิ่งที่เห็นก็มีเพียงผมสีน้ำตาลซึ่งพบเห็นได้ง่าย แล้วก็...เสียงที่คุ้นหูราวกับเคยได้ยินมาก่อน เสียงใครกันนะ?

    “หมะ...ไม่รู้สิ”

    “แต่ก็นะ! ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ อีกไม่นานคนร้ายก็คงถูกจับได้นั่นแหละ ก็เพราะว่าองค์หญิงเซเรน่ายังไม่สิ้นพระชนม์นี่นา เนอะ?” สาวใช้ปริศนาพูดพร้อมรอยยิ้มที่ทำเอาคนฟังถึงกับหน้าถอดสี

    “เจ้า...เป็นใครกัน” ไลแคนท์ถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มตอบราวกับเป็นเรื่องที่คาดการณ์ไว้แล้ว

    “ข้าเซเรีย”

     

    คืนนั้น

    เงาของบุคคลปริศนาเคลื่อนไหวอยู่บนทางเดินทอดยาว จุดหมายคือห้องขององค์หญิงเซเรน่ารัชทายาทแห่งอาณาจักรเซเรเนีย ในมือข้างหนึ่งกำมีดทำครัวไว้แน่น โดยมีเป้าหมายคือการใช้มีดเล่มนั้นปลิดชีวิตองค์หญิงเสีย!

    ใช่...เงือกตนนั้นคือไลแคนท์ หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเงือกแปลกหน้าเมื่อตอนเย็น นางก็ตัดสินใจว่าต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลม ก่อนที่เรื่องจะแดงขึ้นมานางต้องกำจัดเซเรน่าให้ได้เสียก่อน ไลแคนท์แหวกว่ายอย่างระมัดระวังจนกระทั่งถึงหน้าห้องบรรทมของเป้าหมาย นางผลักประตูบานใหญ่ช้า ๆ แล้วพุ่งตัวเข้าห้องไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนกำลังสะกดรอยตามตนเองอยู่

    หญิงรับใช้หันมองผู้สืบบัลลังก์นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงด้วยความหวั่นใจ พลางเคลื่อนเข้าใกล้องค์หญิงขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งเข้าประชิดขอบเตียงได้สำเร็จ ไลแคนท์แหวกผ้าม่านออกแล้วนั่งลงบนเตียงนั้น มือข้างที่ถือมีดสั่นระริกรูปปากขยับพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก

    “โปรดประทานอภัย...ให้หม่อมฉันด้วยนะเพคะ หม่อมฉันจำเป็นต้องทำ มิฉะนั้นคนที่เดือดร้อนจะมิได้มีแค่หม่อมฉันเพียงคนเดียว หม่อมฉันขอประทานอภัย...จริง ๆ เพคะ”

    ทันทีที่พูดจบใบมีดสีเงินก็ถูกเงื้อขึ้นเหนือศีรษะ ก่อนจะเหวี่ยงลงสู่ร่างที่นอนอยู่บนเตียงอย่างรวดเร็ว!

    หมับ!

    ทว่า...ในเสี้ยววินาทีก่อนที่ปลายมีดจะจรดลงบนร่างนั้น ไลแคนท์ก็หยุดชะงักไปครู่หนึ่งส่งผลให้มือของใครบางคนคว้าแขนของเจ้าหล่อนไว้ได้ทัน

    “นี่เจ้า...ทำบ้าอะไรของเจ้าอีกแล้วเนี่ย!?” เจ้าของมือข้างนั้นตวาดใส่ผู้ร้ายลอบสังหารด้วยความโกรธเคือง เพียงเท่านี้นางก็รู้ได้เลยว่าผู้ที่ยั้งแขนของตนเองไว้คือใคร

    “องค์หญิง...”

    “ไม่ต้องพูดเลยไลแคนท์! นี่เจ้าไม่เข้าใจที่ข้าบอกเมื่อวานเลยหรือไง ทำไมถึงทำแบบนี้!?” โจเซฟีนดึงตัวข้ารับใช้ให้ออกห่างจากเตียงของน้องสาวก่อนจะเขย่าร่างนั้นอย่างแรงหวังจะทำให้อีกฝ่ายมีสติขึ้นมาบ้าง

    “หม่อมฉัน...ขอประทานอภัยเพคะ” ไลแคนท์ว่าพลางร่ำไห้นางทำผิดไปอีกแล้ว เพราะคำพูดของเงือกตนนั้นแท้ ๆ ที่ทำให้นางหวั่นวิตกและคิดว่าจะต้องทำอะไรสักอย่าง นางทำให้เจ้านายผู้มีพระคุณต้องโกรธเคืองอีกแล้ว และครั้งนี้มันคงไม่ได้จบแค่นางถูกไล่ออกจากห้องไปอย่างคราวที่แล้วแน่

    “คราวที่แล้วเจ้าก็พูดเช่นนี้ เพราะตอนนั้นเจ้าไม่ถูกทำโทษก็เลยคิดว่าคราวนี้ก็เหมือนกันอย่างนั้นสิ!”

    “ไม่ใช่อย่างนั้นนะเพคะ ครั้งนี้หม่อมฉันตั้งใจว่าถ้าสังหารองค์หญิงแล้ว หม่อมฉันจะฆ่าตัวตายตามไป...”

    เพียะ!

    ผู้เป็นนายฟาดมือลงบนแก้มของสาวใช้คนสนิทอย่างแรง

    “เจ้า...ใช้อะไรคิด” โจเซฟีนโกรธจนพูดไม่ออก ได้แต่กัดฟันกรอดและพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเอง นางจะโกรธมากเกินไปไม่ได้เวลาเช่นนี้ต้องมีสติให้มากเท่าที่จะมากได้เพื่อแก้ปัญหา มิเช่นนั้นหากมีใครมารู้เห็นเข้าต้องแย่แน่

    “หม่อมฉันคิดว่า...หากจัดฉากให้เหมือนมีผู้ร้ายลอบเข้ามาสังหารองค์รัชทายาทแล้วฆ่านางรับใช้ที่เห็นเหตุการณ์เข้า เรื่องมันก็คงจะจบลงตรงนี้ไม่สาวไปถึงตัวองค์หญิง...ฮึก...ก็เท่านั้นเองเพคะ” ไลแคนท์ว่าพลางกุมแก้มของตัวเอง นางร่ำไห้ให้กับความคิดโง่เง่าที่เกิดขึ้นจากอารมณ์ชั่ววูบของตน และละอายใจเสียจนอยากคว้ามีดที่หล่นอยู่บนพื้นขึ้นมาแทงตัวเองให้ตายไปเสียตอนนี้

    “เจ้านี่มัน...โง่ที่สุดเลย” น้ำตาของโจเซฟีนเองก็หลั่งไหลออกมาเช่นกัน “ยังดีที่ข้าตามเจ้ามาเลยห้ามไว้ทัน ไม่เช่นนั้นป่านนี้เจ้าจะทำเรื่องบ้า ๆ อะไรลงไปอีกก็ไม่รู้”

    “แต่องค์หญิงเซเรน่า...ไม่ได้อยู่ตรงนั้นเพคะ”

    “ห้ะ!? หมายความว่ายังไง”

    “ก่อนจะแทงหม่อมฉันเห็นว่าผ้าห่มมันนิ่งเกินไปเพคะ ถ้ามีองค์หญิงนอนอยู่ผ้าห่มก็ต้องขยับขึ้นลงตามจังหวะหายใจสิคะ”

    “งั้นก็หมายความว่า...”

    “เราอยู่นี่” เจ้าของเสียงนั้นปรากฏตัวขึ้นจากเงามืดที่มุมห้อง

    “องค์หญิง!” ไลแคนท์อุทานอย่างตกใจเมื่อเห็นคนที่คิดจะลอบสังหารปรากฏอยู่ตรงหน้า พอคิดว่าเซเรน่าจะได้ยินทุกอย่างที่นางพูดไปเมื่อครู่นั้น นางก็หน้าซีดตัวสั่นกลัวโทษขึ้นมาโดยพลัน

    “เธอนี่เองสินะ ผู้ร้ายที่ลอบวางยาพิษเราตอนนั้นรวมถึงลอบสังหารเราเมื่อครู่นี้”

    “ขะ...ขะ...ขอประทานอภัยอย่างยิ่งเพคะ อย่าประหารหม่อมฉันเลยนะเพคะ” ข้ารับใช้สาวโค้งตัวลงจนศีรษะเกือบติดพื้น ในขณะที่อีกฝ่ายเพียงปรายตามองอย่างสังเวชใจเท่านั้น

    “เดี๋ยวก่อน!” ในขณะที่เซเรน่ายื่นมือมาจะจับตัวไลแคนท์ โจเซฟีนก็พุ่งเข้ามาขวางหน้าข้ารับใช้คนสนิทของตัวเองไว้ “ไลแคนท์เป็นสาวใช้ของข้า การที่นางทำผิดส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะข้าสั่งสอนไม่ดีเอง ฉะนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นข้าเองก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วยเช่นกัน”

    “องค์หญิงเพคะ...”

    “เดี๋ยวนะ เรายังไม่ได้บอกว่าจะลงโทษนางเสียหน่อย อย่าเพิ่งดราม่าสิ”

    “ห้ะ?” ทั้งสองตนที่ฟังอยู่อุทานออกมาพร้อมกัน พลางหันมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายพูด ทั้งที่บอกว่าไม่ได้จะลงโทษ แล้วยังคำว่าดราม่านั่นอีก

    “ก็นะ...จริง ๆ เราก็แค่อยากรู้ว่าใครกันที่คิดอาจหาญวางยาองค์รัชทายาทได้” อีกอย่างโดยส่วนตัวแล้วเซเรียที่อยู่ในร่างนี้ไม่กล้าสั่งประหารคนอื่นสุ่มสี่สุ่มห้าหรอก และเธอคาดว่าเซเรน่าเองก็เช่นกัน “แล้วพอได้รู้เหตุผลเราก็ค่อนข้างเข้าใจได้ล่ะนะ... อีกอย่างคนที่เป็นคนยุเธอให้มาสังหารเราเมื่อตอนเย็นนั่นก็คือเราเองนี่แหละ”

    เป็นเซเรียนั่นเองที่ลงทุนหาวิกผมและยืมชุดเนียร์มาใส่ เพื่อแฝงตัวเข้าไปยุยงให้สาวใช้นางนี้ลงมืออีกครั้ง และจัดฉากนำหมอนมาเรียงไว้ใต้ผ้าห่มทำให้เหมือนตัวเองนอนหลับอยู่ในห้อง ด้วยต้องการจะจับนางให้ได้คาหนังคาเขา

    “อะไรนะเพคะ!?” ไลแคนท์ตกใจมากเมื่อรู้ว่าเงือกที่ตนเจอตอนนั้นคือองค์หญิงเซเรน่า นั่นหมายความว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้มันเป็นไปตามที่รัชทายาทองค์นี้คาดการณ์เอาไว้งั้นหรือ

    “ก็ตามที่พูดไปนั่นแหละ ดังนั้นก็ถือว่าเราสองหายกันเพียงเท่านี้นะ เราจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใครเธอเองก็อย่าทำแบบนี้อีกล่ะ ถ้ามีครั้งหน้าเราจะลงโทษเธอจริง ๆ แล้ว เข้าใจไหม?”

    ไลแคนท์ซาบซึ้งในความมีเมตตาขององค์หญิงรัชทายาทผู้นี้ยิ่งนัก นางร้องไห้โฮแทบจะโผเข้ากอดอีกฝ่ายทว่าก็ถูกเจ้านายห้ามปรามไว้ก่อน “สรุปว่า เจ้าจะไม่เอาเรื่องนางงั้นหรือ”

    “อืม ท่านพี่ไม่ต้องกังวล เราพูดแล้วไม่คืนคำแน่นอน”

    “ให้มันจริงแล้วกัน”

    หลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายก็แยกย้ายกลับห้องของตัวเองยกเว้นเซเรน่าที่อยู่ในห้องของตนตั้งแต่แรก เงือกสาวทิ้งตัวลงบนเตียงด้วยความเหนื่อยล้า

    เฮ้อ...วันนี้ก็มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเต็มไปหมด รู้สึกอย่างกับหลุดเข้ามาเป็นตัวเอกในนิยายสืบสวนอะไรเทือกนั้นเลย จนตอนนี้ก็ล่วงยามไข่มุกสีเงินสี่เม็ดหรือก็คือเลยเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว ฉันควรจะนอนได้เสียทีจะได้เอาเรื่องนี้ไปบอกเซเรน่าด้วย หวังว่าเธอจะไม่ว่าเราที่ปล่อยไลแคนท์ไปหรอกนะ...

     

     

    โปรดติดตามตอนต่อไป

     

     

    ชี้แจงแถลงไข

              สำคัญ! จีจะนำเอาเรื่องนี้เวอร์ชั่นรีไรต์ไปลงใน readAwrite ด้วยสามารถตามไปให้กำลังใจกันได้นะคะทั้งสองทางเล้ยยย อ้อ แต่ในรอร.จีจะใช้นามปากกา อัญประกาศ แทนนะคะเห็นชื่อคนแต่งไม่เหมือนกันก็ไม่ต้องตกใจน้า~ ลิ้งก์นี้เบยย https://www.readawrite.com/a/61d493bc73a7b6eb5c624e58d444a75d 

              แล้วก็เนื้อเรื่องตอนนี้ออกแนวลึกลับหน่อยเนอะ จริง ๆ จีค่อนข้างชอบแนวนี้นะรู้สึกว่ามันตื่นเต้นดี แต่จะทำออกมาได้ดีรึเปล่าอันนี้ต้องถามนักอ่านทุกท่านค่ะ ถ้าชอบแนวนี้ก็คอมเม้นต์บอกจีกันหน่อยน้า ถ้ามีคนชอบเยอะจะได้แต่งแนวนี้อีกอิ ๆ

              ปล. อย่าลืมกดหัวใจให้กำลังใจจีกันด้วยนะคะ มีความคิดเห็นอย่างไรก็คอมเม้นต์บอกกันด้านล่างได้เลยค่ะ แล้วก็ถ้าไม่อยากพลาดตอนใหม่กดปุ่ม FAVORITE เพื่อติดตามนิยายเรื่องนี้ไว้ด้วยน้า ยิ่งไปกว่านั้นถ้าชอบมากแล้วแชร์ไปให้เพื่อนอ่านด้วย จีก็จะดีใจมาก ๆ เลยค่ะ ขอขอบคุณล่วงหน้านะคะ แล้วเจอกนใหม่ค่า~

     

    รวมตัวละครที่เปิดตัวในตอนนี้

              อ๊ะ ตอนนี้ไม่มีตัวละครใหม่เลยล่ะ เย้ ^^

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×