คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3 : เงือกตนนั้น...?
บทที่ 3 เงือกตนนั้น…?
...เอ่อ
คือครั้งแรกที่ได้ยินก็แอบคิดนะว่าสัตว์ที่สั่งไว้ที่ว่าเนี่ย คงจะไม่ใช่สัตว์น้ำธรรมดาอย่างพวกกุ้งหอยปูปลาหรอก
แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นถึงสัตว์ในเทพนิยายอย่างฮิปโปแคมปัส!
ก่อนที่จะมาอยู่ในร่างนี้ ฉันเคยอ่านพวกปกรณัมกรีกมาเยอะ ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอตัวจริงแบบนี้
ฮิปโปแคมปัสหลายสิบตัวที่อยู่ตรงหน้าฉันมีขนาดแตกต่างกันไป บ้างก็มีสีเดียวตลอดทั้งตัวบ้างก็มีลำตัวไล่สีกับครีบและหาง พอมองรวมกันแล้วก็พลันเกิดภาพที่งดงามเหนือคำบรรยาย
พวกมันทั้งสวย ทั้งสง่างาม และน่าเกรงขามเอามาก ๆ
จริงสิ! รู้สึกว่าเซเรน่าจะเลี้ยงฮิปโปแคมปัสไว้ด้วยนี่นา กลับไปต้องไปเล่นด้วยซะแล้วสิ
“เซเรน”
“อ๊ะ” ดูเหมือนเมื่อกี้ฉันจะใจลอยไปหน่อย รู้สึกตัวอีกทีมือของซามูเอลก็วางอยู่บนไหล่ของฉันแล้ว “อะ...อะไรเหรอ”
“เจ้าดูเหม่อ ๆ เป็นอะไรหรือเปล่า?”
“เปล่าหรอก แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ” ฉันตอบเขาในขณะที่เบนสายตาไปมองฮิปโปแคมปัสตัวสีดำสนิทซึ่งอยู่ในคอกแยกจากตัวอื่นด้านริมขวาสุดของโรงเลี้ยงสัตว์
“เจ้าชอบรึ”
“เอ๊ะ”
“ก็เห็นเจ้าเอาแต่จ้องนางไม่วางตาเลยนี่ ฮิปโปแคมปัสของข้าตัวนั้นน่ะ”
“อ้อ อืม...ก็ใช่อ่ะนะ” ใช่แล้ว เจ้าฮิปโปแคมปัสที่อยู่ในคอกพิเศษตัวนั้นก็คือตัวที่ซามูเอลสั่งเอาไว้นั่นเอง
“อยากเข้าไปดูใกล้ ๆ ไหม”
“เข้าไปใกล้ ๆ ได้เหรอ”
“อืม หากเจ้าต้องการ ข้าจะพาไป”
“ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนด้วยนะ” ฉันจะพลาดโอกาสที่มีเพียงครั้งเดียวในชีวิตแบบนี้ไปได้ยังไงล่ะ~
“ตามมาสิ” ว่าแล้วซามูเอลก็จูงมือพาฉันว่ายฝ่าดงฮิปโปแคมปัสไปอย่างง่ายดาย ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะเขามีความสามารถในการพูดคุยกับสัตว์ได้ จึงขอทางจากพวกฮิปโปแคมปัสได้ง่ายขึ้น ส่วนเหตุผลที่พวกเราไม่ว่ายข้ามไปทางด้านบน เพราะฮิปโปแคมปัสเป็นสัตว์ประจำชาติของเซเรเนียซึ่งเงือกทุกตนในอาณาจักรย่อมต้องเกรงใจ ...แต่เอาเข้าจริงดูเหมือนเงือกที่นี่จะเกรงอกเกรงใจกันมาก เพราะพวกเขาจะไม่ว่ายข้ามหัวเงือกตนอื่นเด็ดขาด เว้นแต่จะหลีกเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ
ผ่านมาไม่กี่อึดใจ เราสองคนก็มาโผล่ที่คอกพิเศษซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางได้สำเร็จ ทันทีที่เห็นพวกเราเข้ามาในคอก เจ้าฮิปโปแคมปัสตัวนั้นก็รีบปรี่เข้ามาหาพวกเราอย่างรวดเร็วราวกับรู้งาน
“ไง” ซามูเอลทักทายพลางลูบหัวฮิปโปแคมปัสตัวนั้นอย่างอ่อนโยน ทำเอาฉันรู้สึกอิจฉาขึ้นมานิด ๆ
...เฮ้ย! ไม่สิ จะรู้สึกแบบนั้นไม่ได้ ใจของเซเรน่า ตัวของเซเรน่า มีแค่วิญญาณที่เป็นของฉัน ฉันก็ส่วนฉันอย่าให้ความรู้สึกปนกับของเซเรน่าเชียว
“หืม...อยากให้ตั้งชื่อให้เหรอ เอาเป็นอะไรดีล่ะ” ซามูเอลครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมามองที่ฉันแล้วทำท่าเหมือนนึกอะไรออก “เฮเลน่า ข้าจะตั้งชื่อให้เจ้าว่าเฮเลน่า”
“อ๊ะ! ชื่อคล้ายฉันเลย”
“ก็ได้แรงบันดาลใจจากชื่อของเจ้านี่นา เพราะดีใช่ไหมล่ะ”
“แน่นอนสิ ถ้ามาจากฉันล่ะก็ไม่ว่าอะไรก็ดีไปหมดนั่นแหละ”
“ฮะ ๆ จริงของเจ้า”
“หือ?” ทำไมถึงเห็นด้วยซะงั้นล่ะ นี่ฉันอุตส่าห์คิดว่าเขาจะมันเขี้ยวแล้วขยี้หัวฉันแบบที่พวกพระเอกในนิยายเค้าทำกันซะอีกนะ ผิดคาดแฮะ
“ก็...สำหรับคนอื่นข้าไม่รู้หรอกนะ แต่สำหรับข้า...ยังไงเจ้าก็ดีที่สุดอยู่แล้ว”
ตึกตัก~ตึกตัก
ขวับ!
ทันทีที่ซามูเอลพูดจบประโยค ตัวฉันก็หันหนีเขาโดยอัตโนมัติ ส่วนหนึ่งก็คงเพื่อปกปิดใบหน้าที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ และอีกส่วน...ก็เพื่อกลบเกลื่อนเสียงหัวใจที่กำลังเต้นระรัวนี้
อย่านึกจะหยอดก็หยอดแบบนี้สิยะ คนบ้า!
“อ่า ข้าต้องไปหาเจ้าของที่นี่ก่อนแล้วล่ะ เจ้ารออยู่นี่ไปก่อนนะเดี๋ยวข้ามา”
ว่าแล้วซามูเอลก็ว่ายฝ่าฝูงฮิปโปแคมปัสกลับไปทางเดิมที่พวกเราเพิ่งผ่านเข้ามาเมื่อกี๊ ทิ้งให้ฉันอยู่กับเฮเลน่าตามลำพัง
...อย่างนี้ก็สวยสิ ฉันไม่ใช่คนที่เห็นม้าแล้วจะทนยืนดูอยู่เฉย ๆ ได้ซะด้วย ถึงจะไม่ได้ขี่มาพักใหญ่แล้วก็เถอะ
“ขออนุญาตนะเฮเลน่า” ว่าแล้วฉันก็ดันตัวขึ้นไปนั่งบนหลังของเฮเลน่าตามแบบที่เคยเรียนมาในคอร์สเรียนขี่ม้า จะว่าไปการขึ้นหลังม้าใต้น้ำสะดวกกว่าบนบกมากทีเดียว
ขอดูหน่อยซิว่าจะขี่ยากกว่าม้าสักแค่ไหนกันเชียว อ๊ะ แต่ตอนนี้ฉันไม่มีขานี่นา แถมเฮเลน่าก็ไม่มีบังเหียนอีก อืม...งั้นจับตรงครีบหลังนี่แทนก็ได้มั้ง
แตะ~
“ฮี้~~~!”
“ว้าย!” ทันทีที่ฉันแตะโดนบริเวณนั้น เฮเลน่าก็ร้องเสียงดังลั่นพลางยกสองขาขึ้นชี้ฟ้าจนตัวตั้งฉากกับพื้นดิน ส่งผลให้ฉันซึ่งนั่งอยู่บนนั้นหงายหลังและกำลังจะตกลงมากระแทกพื้น!
“เซเรน!!” เสียงซามูเอลนี่นา ถ้าเป็นในนิยายล่ะก็พระเอกคงจะมารับนางเอกได้ทันสินะ แต่ในความเป็นจริงฉันกับเขาอยู่ห่างกันตั้งหนึ่งคอกฮิปโปแคมปัสใหญ่ ๆ เขาคงจะมารับฉันไม่ทันหรอก
ดังนั้นก็... เตรียมตัวเพื่อการกระแทกพื้นอย่างปลอดภัยดีกว่าเนอะ คงไม่เจ็บเท่าไหร่หรอกมั้ง
ฟุ่บ!
อื๋อ? รู้สึกเหมือนโดนใครกอดอยู่เลย...หรือว่าจะเป็นซามูเอล!? นี่เขามารับฉันทันแบบพวกพระเอกในนิยายจริง ๆ เหรอเนี่ย
คิดได้ดังนั้นฉันก็ลืมตาขึ้นหันไปมองหน้าของคนที่ช่วยไว้ด้วยความหวังพองโตในใจ
เอ๊ะ ตาสีม่วงกับผมสีเงินแบบนี้...
ไม่จริงน่า... ทำไมถึงเป็นเขาไปได้ล่ะ???
เซน!
เท่าที่ได้รู้จากความทรงจำของเซเรน่า รู้สึกว่าเขาจะเป็นองค์ชายแห่งอาณาจักรเครสต้าที่ชอบเมินเฉยใส่เธอเวลาที่โดนพี่สาวรังแกนี่นา คิดแล้วก็โมโห! องค์ชายอะไรไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ ทนเห็นผู้หญิงบอบบางอย่างเซเรน่าโดนกลั่นแกล้งต่อหน้าต่อตาทุกวี่ทุกวันได้ยังไง แย่ที่สุด!
แล้วนี่อะไร ผีเข้ารึไงถึงได้มาช่วยฉันไว้แบบนี้เนี่ย!?
“นึกคึกอะไรถึงขึ้นไปขี่มันแบบนั้นล่ะ องค์หญิง :)” หมอนั่นพูดพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ในขณะที่ฉันพยายามถอยห่างอย่างสุดกำลัง ออกไปนะเจ้าคนนิสัยไม่ดี! “ไม่รู้รึไงว่าเจ้านี่น่ะควบคุมได้ด้วยบังเหียนเท่านั้น เป็นสัตว์เศรษฐกิจสำคัญของอาณาจักรตัวเองแท้ ๆ”
“แล้วยังไงล่ะ! ฉันจะลองขี่เล่นแบบไม่ใช้บังเหียนบ้างไม่ได้รึไง นี่มันสัตว์เศรษฐกิจอาณาจักรฉันนะ ไม่เกี่ยวกับนายสักหน่อย” ฉันบุ้ยปากพลางยกมือขึ้นดัน...เอ่อ อกของเซนเพื่อทิ้งระยะห่างให้ได้มากที่สุด เพราะไอ้หมอนี่มันไม่ยอมปล่อยตัวฉันสักที ไอ้คนฉวยโอกาส!
“หืม... ฉันบ้างล่ะนายบ้างล่ะ ไหนจะวิธีการพูดนั่นอีก เจ้าเปลี่ยนไปมากจนข้าชักจะสงสัยแล้วสิว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเจ้ากันแน่” อีตาองค์ชายเซนยิ้มอย่างมีเลศนัย ก่อนจะหรี่ตาลงแล้วจ้องมาที่ฉันอย่างกับจะมองทะลุเข้าไปในสมอง แต่ตอนนี้เริ่มจะไม่มีที่หายใจแล้วโว้ยยย ถอยออกไปห่าง ๆ เลยนะยะ! “นี่...บอกข้าหน่อยได้ไหม องค์หญิงเซเรน่า”
“สิ่งเดียวที่เกิดขึ้นกับฉันมันก็มีคงมีแค่การกลั่นแกล้งจากพี่สาวที่นายเมินเฉยใส่มาตลอดนั่นแหละ”
พอโดนพูดแบบนั้นใส่เซนก็ตาโตขึ้นและชะงักไป จังหวะนี้แหละ--
หมับ!
ฉับพลันท่อนแขนแข็งแรงก็ถูกมือของใครบางคนฉุดกระชากให้ออกห่างจากร่างของฉัน และเจ้าของมือข้างนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น...
“มาทำรุ่มร่ามกับองค์หญิงแบบนี้...เกรงว่าจะไม่เหมาะสมพ่ะย่ะค่ะ องค์ชาย”
“สะ...ซามู” แย่แล้วสิ ว่าจะหนีออกมาจากหมอนั่นให้ทันก่อนซามูเอลจะมาเห็นเพราะกลัวว่าเขาจะรู้สึกไม่ดีแท้ ๆ
“กรุณาขออภัยจากองค์หญิงด้วยพะย่ะค่ะ” แต่ดูจากที่เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก ฉันก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่แผ่ออกมาอย่างชัดเจนพอแล้วล่ะ ว่าซามูเอลกำลังโกรธสุด ๆ
“...”
“...”
ต่างฝ่ายต่างจ้องกันไปมาด้วยสีหน้าปราศจากความเป็นมิตร ส่วนฉันก็ได้แต่หันไปมามองทั้งสองคนด้วยความกระอักกระอ่วนใจ
เอาไงดีล่ะ ทั้งสองคนทำท่าเหมือนจะมีเรื่องกันเลย อันที่จริงต่อให้เซนจะไปมีเรื่องกับใครฉันก็ไม่สนใจหรอก แต่กลัวว่าถ้าสู้กันขึ้นมาแล้วซามูเอลจะบาดเจ็บนี่สิ อีกอย่างถึงจะไม่อยากยอมรับแต่เซนก็เป็นเจ้าชายจากเมืองอื่น ถ้ามามีเรื่องทะเลาะวิวาทกันในดินแดนของเซเรน่าฉันนี่แหละจะลำบาก ต้องรีบห้าม! “เอ่อ ซามู-”
“องค์ชายเซนขอรับ~!” อ่า ใครอีกล่ะเนี่ยแต่ก็ดีที่โผล่มาได้ถูกจังหวะ ไม่งั้นสองคนนี้คงได้จ้องกันจนตาถลนอยู่ตรงนี้แหละ “ในที่สุดก็เจอตัวเสียทีนะขอรับ”
เมื่อผู้มาเยือนคนใหม่ว่ายเข้ามาในระยะที่ใกล้พอจะมองเห็น ฉันจึงได้รู้ว่าเขามีรูปร่างหน้าตาเหมือนเซนไม่มีผิด จะต่างก็แค่สีผมที่ดูเทาหม่นกว่านิดหน่อยกับนัยน์ตาสีเหลืองเท่านั้น ฝาแฝดเหรอ?
“อ๊ะ! ขอประทานอภัยขอรับ กระผมไม่รู้ว่าท่านทั้งสามกำลังสนทนากันอยู่” เซนสอง(?)พูดพลางค่อมตัวลง เผยให้เห็นครีบที่โผล่ออกมาจากแผ่นหลัง อย่างกับฉลามเลย!
“อย่ากังวลไปเลยบาโร” อีตาเซนพูดก่อนจะยอมผละออกจากฉัน แล้วขยับแขนของตัวเองเป็นเชิงบอกให้ซามูเอลปล่อยมือที่จับแขนเขาไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ ซึ่งซามูเอลก็ทำตามแต่โดยดี “องค์หญิงไม่ว่าอะไรหรอก ดีไม่ดีคงจะนึกขอบคุณเสียด้วยซ้ำ จริงไหม :)”
โว้ยยย อีตาบ้านี่อย่ามาอ่านใจฉันนะยะ!
“อ่า...ถ้าเช่นนั้นกระผมขออนุญาตนะขอรับ” พอฉันพยักหน้ารับเป็นเชิงอนุญาตคุณฉลามที่น่าจะชื่อว่าบาโรก็หันกลับไปหาอีตาองค์ชายเซนซึ่งน่าจะเป็นเจ้านายของเขาแล้วรายงานธุระด่วนให้ตานั่นฟัง “มีราชกิจด่วนเข้ามาขอรับ ขอเชิญองค์ชายกลับไปที่ปราสาทเดี๋ยวนี้เลยขอรับ”
“เข้าใจแล้ว เช่นนั้นก็...ไว้พบกันใหม่นะองค์หญิง”
เออออ จะไปไหนก็ไปไป๊!
นี่ถ้าไม่เกรงใจว่าร่างกายนี้เป็นของเซเรน่านะแม่จะด่าให้ยับเลย ทั้งเรื่องที่ไม่ยอมช่วยเซเรน่าเพิกเฉยต่อความรุนแรงในครอบครัว พอมาตอนนี้จะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังหางเข้ามาทำตัวเป็นคนดีช่วยเหลือฉันที่ตกจากหลังม้าเนี่ยนะ แล้วยังกอดไม่ปล่อยจนเนื้อตัวเซเรน่าต้องมีมลทินอีก ไอ้คนเฮงซวย!
ว่าแล้วหมอนั่นและคุณฉลามก็ว่ายน้ำจากไป ทิ้งให้ฉันอยู่กับซามูเอลสองคน พวกเราถูกความเงียบปกคลุมอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายเริ่มต้นบทสนทนา “เจ้าไม่เป็นอะไรนะ”
“เอ๊ะ?”
“ก็ที่องค์ชายทำ...เมื่อครู่”
“อ๋อ ไม่เป็นอะไรมากหรอก ก็แค่ตกใจแล้วก็อึดอัดนิดหน่อยน่ะ ยังไงก็ขอบคุณซามูมากนะที่มาช่วยฉัน”
“เขา...องค์ชายน่าจะเป็นฝ่ายที่ช่วยเจ้าไว้มากกว่านะ” ซามูเอลพูดเบาราวกระซิบทว่าหูของเงือกนั้นมีประสิทธิภาพมากพอที่จะทำให้ฉันได้ยินสิ่งที่เขาพูดอย่างชัดเจน
“เรื่องนั้นไม่นับสิก็ซามูอยู่ห่างฉันตั้งไกลนี่นา ฉันรู้หรอกน่าว่าถ้าซามูเอลอยู่ข้าง ๆ ฉันตอนนั้นซามูจะต้องเป็นคนมาช่วยฉันแทนอีตาองค์ชายนั่นแน่นอน” ว่าแล้วฉันก็ยิ้มหวานส่งให้ซามูเอล ไม่อยากให้เขาต้องมารู้สึกผิดเพราะเรื่องเล็กน้อยแบบนี้เลย
“เซเรน...”
“ช่างเรื่องนั้นเถอะ ฉันไม่อยากนึกถึงตานั่นแล้ว คนอะไรนิสัยเสียชะมัด”
“อ่า ก็ได้ งั้นข้าขอถามเจ้าบ้าง ไปทำยังไงถึงตกลงมาจากเฮเลน่าแบบนั้นหือ?”
“อ๊ะ! คือเรื่องนั้น...” ว่าแล้วฉันก็เล่าทุกอย่างให้เขาฟังอย่างละเอียดซึ่งแน่นอนว่าซามูเอลก็บ่นฉันชุดใหญ่ แต่อย่างน้อยฉันก็ได้รู้ข้อมูลสำคัญมาแล้วว่าฮิปโปแคมปัสนั้นห้ามสัมผัสโดนครีบหลังของมันโดยตรงเด็ดขาด ต้องบังคับด้วยบังเหียนหรือใช้เทียมรถม้าเท่านั้น สรุปก็คือฉันไม่สามารถขี่ม้าที่อยู่ในคอกแบบนี้ได้จนกว่าพวกมันจะถูกสวมอานและบังเหียน “เข้าใจแล้วค่า ขอโทษค่า จะไม่ทำอีกแล้วค่า~”
“ทำให้ได้อย่างที่พูดก็แล้วกัน”
“ท่านขุนนางขอรับ~” โอ๊ะ! นั่นคุณลุงเจ้าของโรงเลี้ยงสัตว์นี่นา ลุงเขาว่ายกระหืดกระหอบมาทางพวกเราพลางส่งเสียงเรียก แต่พอสังเกตเห็นฉันก็โค้งตัวลงเคารพก่อนจะหันกลับไปพูดกับซามูเอลต่อ “อ๊ะ ขอพระราชทานอนุญาตพ่ะย่ะค่ะองค์หญิง สินค้าที่ท่านสั่งไว้พร้อมแล้วขอรับ”
“อ้อ งั้นข้าคงต้องขอตัวกลับก่อนแล้วล่ะ” ซามูเอลพูดพลางหันมามองหน้าฉันเหมือนขออนุญาตฉันจึงพยักหน้าตอบกลับไป “ให้ไปส่งที่ห้องไหม”
“ไม่เป็นไร ๆ ฉันกลับเองได้ แล้วเจอกันใหม่นะ”
“อืม แล้วจะมารบกวนใหม่” ซามูเอลว่าแล้วก็คล้องเชือกที่คอของเฮเลน่าก่อนจะดึงมันให้ว่ายจากไปพร้อมกับตัวเองและคุณลุงเจ้าของโรงเลี้ยงสัตว์ ระหว่างนั้นฉันก็ได้ยินบทสนทนาที่พวกเขาคุยกันนิดหน่อยด้วยหูแสนมีประโยชน์ของนางเงือก
“กระผมต้องขออภัยอีกครั้งนะขอรับที่พันธุ์สีนิลของเราหมดคลังพอดี”
“ท่านพ่อค้าอย่าได้กังวลไปเลย เรื่องนั้นข้าจะอธิบายให้ท่านพี่ฟังเอง หากมีเหตุผลเพียงพอนางคงไม่ว่าอะไร”
อ๋อ งี้ก็แปลว่าซามูเอลตั้งใจจะซื้อมากกว่าหนึ่งตัวแล้วก็ตั้งใจจะเอาไปให้ท่านพี่ของเขาสินะ
จะว่าไป...ลองไปเยี่ยมซามูเอลที่อาณาจักรเขาบ้างก็น่าจะดีนะเนี่ย เดี๋ยวไว้หาเวลาว่างลองไปดูดีกว่า
อ๋า~ มัวแต่แวะดูนู่นนี่ข้างทางจนลืมเวลาเลย ป่านนี้จะมีใครรู้รึยังนะว่าฉันหายไปจากห้อง ไม่ใช่ว่าทุกคนจะกำลังวิ่งวุ่นตามหาฉันกันอยู่หรอกนะ แต่ตรงทางเดินนี่ก็เงียบกริบไม่มีใครเดินผ่านเลยคงยังไม่มีใครรู้หรอกมั้ง
“ไสหัวไปซะ! เจ้ากล้าดียังไงถึงเอาชารสแย่นั่นมาให้ข้ากินหา!”
อ๊ะ! เสียงอย่างนี้มันยัยเจ๊โจเซฟีนนี่นา กำลังด่าใครอยู่รึไงนะ ต้องเสียงดังออกมาถึงทางเดินขนาดนี้เลย? กลัวคนไม่รู้รึไงว่าเป็นนางร้ายน่ะ
แอ๊ดดด
หวา! ตกใจหมดเลย จู่ ๆ ประตูห้องโจเซฟีนก็เปิดออกมา ยังดีที่หยุดทันไม่งั้นได้หน้าบี้แบนติดประตูแน่ฉัน ทีหลังต้องว่ายห่างจากผนังมากขึ้นแล้วสิเรา
“โอ๊ะ!” ยัยคนที่เปิดประตูออกมาอุทานเมื่อเห็นว่าฉันยืนอยู่ พอได้เห็นชัด ๆ ฉันถึงได้รู้นางคือไลแคนท์สาวใช้คนสนิทของโจเซฟีนนั่นเอง “ขะ...ขะ...ขออภัยเพคะ หมะ...หม่อมฉันขอตัวเพคะ”
ว่าแล้วนางก็ว่ายหนีไปอีกทางอย่างรวดเร็ว “น่าสงสาร คงกลัวโจเซฟีนมากเลย ยัยนั่นก็นะแค่ชาไม่อร่อยไม่เห็นต้องโกรธขนาดนั้นเลยนี่”
แต่ฉันก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรแค่ว่ายผ่านไปเพื่อมุ่งหน้ากลับห้องของตัวเอง ว่าก็ว่าไลแคนท์เองก่อนหน้านี้ก็คอยร่วมมือกับโจเซฟีนแกล้งเซเรน่าอยู่ตลอด พรรคพวกของตัวร้ายโดยเฉพาะกับคนที่ไม่มีเพื่อนอย่างโจเซฟีนน่ะเดี๋ยวก็คงดีกันแล้วแหละ ไม่จำเป็นต้องไปเห็นอกเห็นใจนางขนาดนั้นหรอก
...ฉันคิดแบบนั้น
“ฮิปนอสส~” ฉันตะโกนเรียกพลางกระโจนเข้ากอดฮิปโปแคมปัสตัวเล็กสีขาวเผือกที่นอนคุดคู้อยู่บนหมอนใบใหญ่ ภายในห้องที่จัดเตรียมไว้สำหรับฮิปนอสตัวน้อยของฉันโดยเฉพาะ
เท่าที่รู้มาจากความทรงจำของเซเรน่า ฮิปนอสคือลูกฮิปโปแคมปัสพันธุ์หายากที่เธอเลี้ยงเอาไว้ ปกติจะนอนแทบตลอดเวลาซึ่งเป็นหนึ่งในผลเสียที่ฮิปโปแคมปัสพันธุ์นี้ทุกตัวต้องมี จะว่าไงดีล่ะ เหมือนประมาณว่าถึงจะเป็นพันธุ์พิเศษที่มีราคาแพงและสวยมากแค่ไหน แต่ก็ต้องมีข้อเสียติดตัวกันหมด แต่ละตัวก็มีข้อเสียแตกต่างกันไปอย่างในกรณีนี้ ข้อเสียของฮิปนอสก็คือขี้เซามาก ๆ นอนอย่างต่ำยี่สิบเอ็ดชั่วโมงต่อวัน และเพราะอย่างนั้นเซเรน่าเลยตั้งชื่อให้น้องว่าฮิปนอสซึ่งเป็นชื่อของเทพแห่งการหลับใหลนั่นเอง
แน่นอนว่าเทพแห่งการนอนในตำนานของเซเรเนียคือลิธารากอชแต่มันยาวเกินไปหน่อย เซเรน่าเลยเอาเทพจากตำนานของเพื่อนบ้านอย่างจักรวรรดิเฟริเชียมาตั้งแทนนั่นเอง ซึ่งดูเหมือนตำนานของเพื่อนบ้านจะคล้ายกับตำนานเทพกรีกที่ฉันเคยได้ยินมาเลย น่าหาโอกาสไปสักครั้งแฮะ
ฮิปนอสน้อยเงยหน้าขึ้นมองฉันแวบหนึ่ง ก่อนจะซุกหน้าลงกับขาของตัวเองเพื่อนอนต่อ “เดี๋ยวซี่~ อุตส่าห์ได้มีฮิปโปแคมปัสเป็นของตัวเองทั้งที ตื่นมาเล่นกับฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
ว่าแล้วฉันก็ยกหัวฮิปนอสน้อยขึ้นมาจ้องแต่น้องก็ไม่ยอมตื่น
“ฮึ่ย! ไม่ตื่นก็ไม่ตื่น เอาไว้ค่อยมาเล่นทีหลังก็ได้”
“องค์หญิงเพคะ องค์หญิงอยู่ที่ไหนเพค้า~” หือ? เสียงเนียร์นี่นา กำลังเรียกฉันอยู่เหรอ
แอ๊ดด
คิดได้ดังนั้นฉันก็ว่ายไปเปิดประตูห้องก่อนจะชะโงกหน้าออกไปมองหาต้นเสียง “เนียร์”
“อ๊ะ! องค์หญิงอยู่ที่นี่เองเหรอเพคะ”
“อืม ฉะ...เราแวะมาหาฮิปนอสน่ะ เนียร์มีธุระอะไรเหรอ?”
“อ่า พอดีหม่อมฉันเห็นว่าถึงเวลาบรรทมแล้วแต่พระองค์ไม่มาเสียที หม่อมฉันก็เลยมาตามน่ะเพคะ”
“อ๋อ จริงสิถึงเวลานอนแล้วนี่เนอะ งั้นเราไปกันเถอะ” ฉันพูดพลางว่ายนำเนียร์ไปที่ห้องของตัวเองอย่างรวดเร็ว
เพราะฉัน...มีเรื่องสำคัญที่อยากจะคุยกับเซเรน่าอยู่
.
.
.
[ในห้วงฝันของลิธารากอช]
“...คิดว่าทำไมตัวเองถึงปวดหัว?” เซเรน่าพูดทวนสิ่งที่ฉันถามขณะกำลังพยายามคิด
ใช่แล้ว นั่นคือเรื่องที่ฉันสงสัย เพราะอย่างกรณีที่ฉันหน้ามืดจมน้ำไม่มีคนอยู่แถวนั้นเลยดังนั้นการจะตายเลยไม่ใช่เรื่องยาก แต่ของเซเรน่าแค่มีอาการปวดหัวและขึ้นมานอนบนห้องเท่านั้น ลำพังแค่ปวดหัวมันจะตายได้เลยเหรอ ฉันก็ดันไม่รู้เรื่องการแพทย์เท่าไหร่ด้วยสิ
ยิ่งกว่านั้นไม่รู้ทำไมความทรงจำในช่วงก่อนจะสลับร่างมันถึงเลือนรางนัก ฉันจำอะไรที่เกิดขึ้นตอนกินข้าวกับโจเซฟีนและเซนไม่ได้เลย ถึงต้องมาถามกับเซเรน่าโดยตรงแบบนี้
“เราเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ แต่ที่จริงไม่ใช่แค่เวียนหัวอย่างเดียว เรายังรู้สึกหนาวแล้วก็ร้อนผ่าว ๆ ตรงช่วงอกกับท้องด้วย เป็นอาการที่ไม่เคยเป็นมาก่อนก็เลยไม่รู้ว่าเกิดจากอะไรค่ะ” เซเรน่าพูดพลางก้มหน้าลงเล็กน้อย “ตอนนั้น...เรากำลังรับประทานอาหารร่วมกับท่านพี่และองค์ชายเซน จู่ ๆ ก็มีอาการแบบนั้น แถมยังรู้สึกง่วงจนทนไม่ไหวเลยขอตัวกลับไปพักบนห้อง พอรู้สึกตัวอีกทีเราก็ตื่นขึ้นมาในร่างของคุณเสียแล้วล่ะค่ะ”
“อืม...ถ้าอย่างนั้นอาการเธอก็หนักเอาเรื่องเข้าเค้าข้อสันนิษฐานของฉันพอดี เงื่อนไขการสลับร่างน่าจะต้องอยู่ในสภาวะเฉียดเป็นเฉียดตายแน่ ๆ แล้วล่ะ แต่ฉันไม่คิดว่าการที่อยู่ ๆ เธอมีอาการแบบนั้นมันจะเป็นเรื่องปกติหรอกนะ ในอาหารมีพิษหรือเปล่า!?”
“ปะ เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ! อาหารของเชื้อพระวงศ์มีการพิสูจน์พิษก่อนทานเสมอนะคะ แล้วเราก็ไม่คิดว่า...” ไม่คิดว่าจะมีใครกล้าวางยาพิษองค์หญิงกลางวันแสก ๆ แถมยังมีทูตจากต่างอาณาจักรอยู่ด้วย แต่เงือกสาวก็หยุดพูดไว้เท่านั้นเพราะพอลองนึกดู ทำไมจะไม่กล้าทำล่ะ ตัวเธอมันก็แค่องค์หญิงที่แทบจะไม่มีอำนาจอะไรอยู่เลยไม่ใช่หรือไง พอคิดได้ดังนั้นความเศร้าก็ก่อตัวขึ้นในใจ
แต่ถึงอย่างนั้นนี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งจะเกิดเสียหน่อย เธอก็แค่ทำเหมือนทุกที...กลบฝังความรู้สึกนั้นไว้ในก้นบึ้งของหัวใจ และกลับมาตั้งสมาธิกับบทสนทนาตรงหน้า
“ไม่คิดว่าอะไรเหรอ”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
“อ่า ถ้าอย่างนั้นปกติเขาพิสูจน์พิษกันยังไงล่ะ”
“จะให้ข้ารับใช้ประจำตัวพิสูจน์โดยการจุ่มไข่มุกสำหรับพิสูจน์พิษลงไปค่ะ ถ้าไข่มุกนั้นเปลี่ยนสีแสดงว่าในอาหารมีพิษผสมอยู่”
“อาฮะ งั้นก็แสดงว่าพิษไม่ได้อยู่ในอาหารโดยตรง แต่อาจจะอยู่ที่มีดกับส้อมก็ได้” เซเรน่าชะงักเล็กน้อยกับความปราดเปรื่องของอีกฝ่าย ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะเซเรียอ่านนิยายมามากมาย หลากหลายประเภท และนิยายสืบสวนก็เป็นหนึ่งในประเภทที่เธอชอบเอามาก ๆ
“จริงสิ มีวิธีนั้นอยู่ด้วยสินะคะ อ๊ะ! แต่ถ้าทาไว้บนมีดหรือส้อมจริงๆ ตอนที่คุณเซเรียทานก็ต้องโดนพิษไปด้วยสิคะ”
“นั่นมันก็จริงแต่ถ้าแอบเอาไปสลับกับของที่เตรียมไว้ล่ะ เธอลองนึกดูดี ๆ สิว่ามีใครเปลี่ยนอะไรให้เธอบ้างหรือเปล่า พวกอุปกรณ์ที่ใช้ทานอาหารน่ะ”
“อืม...ถ้าเป็นมีดหรือส้อมล่ะก็ไม่มีหรอกค่ะ สิ่งที่เปลี่ยนระหว่างทานอาหารเหรอคะ อ๊ะ!! นึกออกแล้วค่ะ มีอยู่อย่างหนึ่งที่มีข้ารับใช้มาเปลี่ยนให้ระหว่างนั้น!”
“มันคืออะไร!?”
“มันคือ...ถ้วยชาค่ะ”
วูบ!
ทันทีที่เซเรน่าพูดจบทั้งสองก็ถูกดึงออกจากกันอย่างรวดเร็ว ห้วงฝันยุติลงกะทันหัน!
.
.
.
พรึ่บ!
“เฮือก!” ให้ตายสิ เพราะคราวนี้สะดุ้งตื่นขึ้นมาเองก็เลยรู้สึกเหนื่อยกว่าครั้งที่แล้วงั้นเหรอเนี่ย “แฮ่ก...แฮ่ก”
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามานั่งหอบ ฉันต้องรีบไปสืบหาตัวคนร้ายที่คิดจะฆ่าเซเรน่าให้เจอให้ได้!
คิดได้ดังนั้นเซเรียในร่างของเซเรน่าก็เอื้อมมือไปคว้าตลับนาฬิกาหอยมุกที่วางอยู่ข้างเตียงขึ้นมาเปิดดู ไข่มุกสีทองหนึ่งเม็ดปรากฏแก่สายตาสื่อให้รู้ว่ายังไม่ถึงเวลาฟ้าสาง
โอเค...พวกคนใหญ่คนโตคงยังไม่ตื่นกันหรอกมั้ง ถ้าจะลงมือทำอะไรก็ควรจะเป็นตอนนี้แหละ
แอ๊ดด
เซเรน่าแง้มเปิดประตูอย่างเบามือแล้วว่ายออกจากห้องนอนของตัวเองอย่างระมัดระวัง เพราะการลอบปลงพระชนม์องค์รัชทายาทเป็นความผิดขั้นร้ายแรง เงือกสาวจึงต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้ใครรู้ เพื่อป้องกันเรื่องวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง
“อ๊ะ! องค์หญิงเพคะ ออกมาทำอะไรข้างนอกเวลานี้เพคะ” สาวใช้นางหนึ่งรี่เข้ามาหาเธอ “ยังไม่ถึงเวลาตื่นบรรทมเลยนะเพคะ”
“อ่า...เราแค่อยากลองตื่นเช้าดูบ้างน่ะ ไม่มีอะไรหรอกเนียร์” ใช่แล้ว สาวใช้นางนั้นคือเนียร์บ่าวรับใช้ประจำตัวเซเรน่านั่นเอง “จะว่าไป...เราขอถามอะไรอย่างหนึ่งได้ไหม”
“อะไรหรือเพคะ”
“ก่อนอื่นย้ายที่คุยกันก่อนเถอะ”
[ในห้องของเซเรน่า]
“มีอะไรหรือเพคะองค์หญิง ทำไมพวกเราต้องทำลับ ๆ ล่อ ๆ ด้วยล่ะเพคะ” เนียร์ถามขึ้นทันทีที่พวกเราเข้ามาในห้องได้สำเร็จ
“ก็แค่ไม่อยากให้คนอื่นมาได้ยินเข้าน่ะ เอาเป็นว่าเข้าประเด็นเลยแล้วกันนะ!”
“พะ...เพคะ!”
“เนียร์อยู่ด้วยตอนที่เราทานอาหารร่วมกับท่านพี่แล้วก็อีตา...องค์ชายเซนหรือเปล่า”
“อยู่สิเพคะ หม่อมฉันอยู่ตรงที่สังเกตการณ์บนชั้นสองเหมือนปกติ ตอนเห็นองค์หญิงกลับขึ้นมาบนห้องหม่อมฉันตกใจแทบแย่ นึกว่าจะโดนองค์หญิงใหญ่รังแกอีกเสียแล้ว”
องค์หญิงใหญ่...โจเซฟีนน่ะเหรอ รายนั้นก็มีความแค้นส่วนตัวกับเซเรน่าอยู่นี่นะ อาจจะเป็นยัยนั่นก็ได้ ไม่สิ...อย่างนั้นมันง่ายเกินไป ส่วนใหญ่คนร้ายจะไม่ใช่คนที่ทำตัวน่าสงสัยที่สุด แล้วก็ฉันรู้สึกได้ว่าโจเซฟีนไม่มีความคิดที่จะถึงขนาดฆ่าเซเรน่าให้ตายหรอก อย่างยัยนั่นแกล้งเล่นไปเรื่อยน่าจะสนุกกว่า ที่สำคัญตอนที่ฉัน (ในร่างเซเรน่า) กลับมากินข้าวต่อเธอก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาที่ผิดปกติเลย ถ้าเจ๊นั่นเป็นคนทำจริง ๆ ก็ต้องตกใจที่เห็นว่าเซเรน่ายังไม่ตายสิแต่นี่ไม่เลยสักนิด ดังนั้นตัดโจเซฟีนออกไปก่อนเลย
“อ่า...แล้วตอนนั้นมีคนมาเปลี่ยนถ้วยชาให้เราใช่ไหม”
“ใช่เพคะ เพราะมีคนสังเกตเห็นว่าถ้วยชาขององค์หญิงมีรอยร้าวก็เลยเอาไปเปลี่ยนให้เพคะ”
“มีคนสังเกตเห็น? แปลว่าไม่ใช่เนียร์เหรอ”
“ไม่ใช่หม่อมฉันหรอกเพคะ คนที่สังเกตเห็นรอยร้าวบนถ้วยรวมถึงคนที่เปลี่ยนถ้วยชาให้พระองค์คือไลแคนท์ข้ารับใช้ขององค์หญิงใหญ่เพคะ ปกตินางจะอยู่ที่ชั้นสังเกตการณ์กับหม่อมฉันจนกว่าองค์หญิงใหญ่จะกลับห้อง แต่เมื่อวานพอเปลี่ยนถ้วยชาให้องค์หญิงแล้วก็ไม่เห็นนางอีกเลยเพคะ”
ไลแคนท์...สาวใช้ที่เจอตอนนั้นนี่!
“โอ๊ะ!” ยัยคนที่เปิดประตูออกมาอุทานเมื่อเห็นว่าฉันยืนอยู่ พอได้เห็นชัด ๆ ฉันถึงได้รู้นางคือไลแคนท์สาวใช้คนสนิทของโจเซฟีนนั่นเอง “ขะ...ขะ...ขออภัยเพคะ หมะ...หม่อมฉันขอตัวเพคะ”
ว่าแล้วนางก็ว่ายหนีไปอีกทางอย่างรวดเร็ว “น่าสงสาร คงกลัวโจเซฟีนมากเลย ยัยนั่นก็นะแค่ชาไม่อร่อยไม่เห็นต้องโกรธขนาดนั้นเลยนี่”
ถ้าสิ่งที่เราได้ยินคือการกลบเกลื่อน และไลแคนท์ไม่ได้หวาดกลัวเพราะถูกโจเซฟีนตะหวาด แต่เป็นเพราะ...ตกใจที่เห็นฉัน
“อย่างนี้นี่เอง”
“อะ...อะไรหรือเพคะ”
“ถึงว่าท่าทางมีพิรุธ”
“หม่อมฉันหรือเพคะ??”
“ขอบใจเจ้ามากนะเนียร์ เราขอตัวไปทำภารกิจก่อน แล้วเจอกัน” พูดจบฉันก็ว่ายออกจากห้อง โดยทิ้งเนียร์ที่ยังคงสับสนมึนงงไว้ทั้งอย่างนั้น
เจอตัวง่ายกว่าที่คิดอีกนะ...ผู้ร้ายลอบสังหาร
โปรดติดตามตอนต่อไป
รวมตัวละคร(+สัตว์เลี้ยง)ที่เปิดตัวในตอนนี้
เฮเลน่า : ฮิปโปแคมปัสพันธุ์ซีรีเบลมที่ซามูเอลซื้อไปให้พี่สาว มีลำตัวสีดำ ดวงตาสีฟ้า ไม่มีเกล็ดและค่อนข้างหายาก
บาโร (บาโรนอฟ) : องครักษ์ประจำตัวของเซน ร่างดั้งเดิมเป็นฉลามสามารถแปลงกายเป็นสิ่งมีชีวิตอื่นได้ ส่วนใหญ่จะกลายร่างเป็นเซน
ไลแคนท์ : สาวใช้คนสนิทของโจเซฟีน
ฮิปนอส : ฮิปโปแคมปัสพันธุ์เมดัลลอฟที่เซเรน่าเลี้ยงไว้ มีลำตัวสีขาว ดวงตาสีชมพูอ่อน เกล็ดเล็กละเอียดและหายากมาก ๆ
ชี้แจงแถลงไข
+ ทุกคนน~จีกลับมาแล้วค่ะ! ในที่สุดจีก็มีที่เรียนแน่นอนสักที นั่นก็คือ...อักษรศิลปากรนั่นเองค่าวู้ววว//เย่ แปะๆๆ นักอ่านคนไหนอยู่ที่เดียวกันก็คอมเม้นต์มาคุยกันได้น้า เพราะจีติดที่นี่คนเดียวเลยในกลุ่มเพื่อน มันก็จะเหงาๆ นิดนึง T^T
+ ส่วนกำหนดการอัพตอนรีไรต์จะขึ้นอยู่กับความสะดวกของจีเหมือนเดิมนะคะ ขออภัยในส่วนนี้ด้วยค่ะ ถ้าทุกคนจะรอให้รีไรต์ครบ 100% ก่อนแล้วค่อยมาอ่านรวดเดียวเลยก็ได้นะ แล้วแต่ความสะดวกเลยค่ะ!
ความคิดเห็น