ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [อยู่ระหว่างการรีไรต์ค่ะ] When I became a Mermaid เมื่อโชคชะตาเล่นตลกผลักฉันตกทะเลมาเป็นเงือก!

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 : บรรจบกัน

    • อัปเดตล่าสุด 21 พ.ย. 65


    *สำหรับตอนนี้เป็นตอนที่มีความเปลี่ยนแปลงมากถึงมากที่สุดเลยค่ะ เนื่องจากต้องอุดรูความไม่สมเหตุสมผลบางส่วน และเพิ่มบทบาทของเหล่าเทพในจักรวาลนี้ลงไปให้มากขึ้น ทางทีดีก็อยากให้นักอ่านทุกท่านอ่านใหม่ทั้งตอนเลยค่ะ เพื่อเพิ่มความครบถ้วนและสมบูรณ์ของเนื้อหาให้มากยิ่งขึ้น*

     

    บทที่ 2 บรรจบกัน

              “...อือ” เซเรียลืมตาขึ้นท่ามกลางพื้นที่โล่งกว้างสีขาวโพลน เธอใช้สองแขนยันพื้นเพื่อพยุงร่างของตัวเองขึ้นมาอยู่ในท่านั่ง พลางเหลียวมองรอบกายที่ว่างเปล่า “ที่นี่คือ...”

              ทันใดนั้นหญิงสาวก็สังเกตเห็นก้อนอะไรบางอย่างวางเด่นอยู่กลางพื้นไกลออกไปมาก แต่พอเพ่งดูให้ดีแล้วมันคือร่างของใครคนหนึ่งที่นอนอยู่ตรงนั้นต่างหาก

              คนเหรอ? ทำไมมีคนนอนอยู่ตรงนั้น เป็นอะไรรึเปล่านะ

              พอคิดว่าคนคนนั้นอาจจะต้องการความช่วยเหลือฉันจึงตัดสินใจเดินเข้าไปหาเขา แต่ก้าวได้ไม่กี่ก้าวร่างของฉันก็ราวกับถูกลมพัดวูบเดียวเข้ามาประชิดร่างนั้น

              โดนลมพัดตัวปลิวว่าตกใจแล้ว แต่พอมาเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้ที่นอนอยู่ฉันก็ถึงกับตกตะลึง

              เธอคือนางเงือกผู้มีผมสีเหลืองทอง และมีหน้าตาเหมือนฉันไม่มีผิด!

              เป็นไปได้ยังไงเนี่ย เธอคือใครกัน หรือว่า...ฉันอยู่ในฝันซ้อนฝันเหรอ?

              หมับ

              “ว้าย!” ขณะที่ก้าวถอยหลังออกมาเพราะความตกใจ อยู่ ๆ ก็มีมือของใครบางคนมาจับที่ไหล่ทำเอาฉันหลุดร้องออกมาเสียงดัง พอหันไปมองข้างตัวก็พบกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่ง... พระเจ้า เธอสวยมาก! รูปตาคมให้ความรู้สึกน่าเกรงขาม ชุดเกราะสีทองที่สวมอยู่ก็แสดงถึงความแข็งแกร่ง แถมยังรัศมีจับอย่างกับไม่ใช่มนุษย์

              “หากทำให้ตกใจก็ขอโทษด้วย” โอ้โห ยิ่งพออ้าปากพูดเสียงทุ้มเท่อย่างที่หายากในผู้หญิงก็เปล่งออกมา จนฉันเผลอยกมือขึ้นกุมใจจ้องคุณพี่สาวคนนี้ค้างอยู่อย่างนั้น “ระหว่างมาที่นี่ ไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนใช่หรือไม่”

              “คะ? อ๋อ ค่ะ...เมื่อกี้คุณบอกว่าระหว่างมาที่นี่เหรอคะ หมายความว่ายังไง”

              พอถามไปแบบนั้นคุณพี่สาวก็มีแววตาลำบากใจขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะละสายตาจากฉันไปมองพื้น “โกริ

              พอมองตามไปก็พบว่าที่ร่างของเงือกผมทองตนนั้นมีเงือกอีกตนอยู่ด้วยตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ อีกทั้งเงือกตนนั้นยัง...สวยมากอีกแล้ว!คนนี้มาแนวสวยหวานน้ำตาลเชื่อม ชุดที่ดูนุ่มนิ่มกับผ้าพลิ้วไหวราวกับลอยอยู่ในน้ำตลอดเวลา ขับให้ภาพลักษณ์ของเธอดูอ่อนโยนน่ารักน่าทะนุถนอม ขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกของผู้ใหญ่ที่น่านับถือ

              ฟังจากที่พี่สาวสุดเท่บอกเธอน่าจะมีชื่อว่าโกริใช่ไหมนะ ขนาดชื่อยังน่ารักเลย

              “เด็กน้อย ตื่นขึ้นมาเถิด” คุณพี่สาวผู้น่ารักพูดขึ้นด้วยเสียงนุ่มหวานชวนใจสั่น พลางจับไหล่ของเงือกที่นอนหลับอยู่เขย่าเบา ๆ ไม่นานนักเธอก็ลืมตาขึ้น

              “อือ...” เงือกผู้มีหน้าตาเหมือนฉันเป๊ะยกเว้นทรงผมและสีผมค่อย ๆ ลุกขึ้นจากพื้น ก่อนจะกวาดตามองจากคุณพี่สาวเบอร์สอง ฉัน แล้วก็พี่เบอร์หนึ่ง “พวกคุณคือใครคะ แล้วทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่”

              “ที่นี่คือห้วงฝันที่ลิธารากอชเนรมิตขึ้น เพื่อให้พวกเจ้าติดต่อกันได้” พี่สาวชุดเกราะพูด แต่นั่นก็ทำให้ฉันและเงือกผมทองได้แต่มองหน้ากันเลิกลั่ก อารมณ์ว่าพวกเจ้านี่หมายถึงพวกเราเหรอ?

              “พินาเจ้าพูดขึ้นมาทื่อ ๆ แบบนั้น คิดว่าเด็กสองคนนี้จะเข้าใจหรือ โดยเฉพาะเด็กน้อยเซเรีย” พี่สาวเงือกกล่าวขณะมองอีกฝ่ายด้วยสายตาตำหนิเล็กน้อย ดูเหมือนคุณพี่สุดเท่คนนี้จะชื่อพินาสินะ

              “...” แอนโฟรพินาทำหน้าครุ่นคิดจนคิ้วขมวดแล้วแต่ก็ดูเหมือนจะยังคิดไม่ออก ถึงได้ถอนหายใจแล้วหันไปพึ่งโกริกอร์นาแทน “เจ้าก็ช่วยข้าอธิบายทีสิ”

              “คิก ๆ บางทีข้าก็สงสัยว่าเจ้าอยู่กับโซอาที่คุยเก่งขนาดนั้นได้อย่างไร” คุณเงือกสาวสีพาสเทลหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะยกมือขึ้นทาบอกมองตรงมาทางพวกเราแล้วเริ่มอธิบาย “ข้ามีนามว่าโกริกอร์นา ส่วนทางนี้คือแอนโฟรพินา พวกเรา...”

              “ท่านโกริกอร์นา...เทพีแห่งเงือกน่ะหรือคะ! แล้วก็ท่านแอนโฟรพินาเทพีแห่งมนุษย์!?” เงือกที่หน้าตาเหมือนฉันโพล่งขึ้นมาเสียงดังจนฉันสะดุ้ง ที่สำคัญคือเธอเรียกพวกพี่สาวพวกนี้ว่าเทพี!?เทพีที่หมายถึงเทพผู้หญิงเหมือนอย่างในตำนานกรีกน่ะเหรอ

              “ใช่” แอนโฟรพินาพูดขึ้น ขณะที่ฉันกำลังสับสนงุนงงผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็โค้งตัวลงจนเกือบจะขนานกับพื้นคล้ายทำความเคารพ ท่าทางนั้นทำให้ฉันอดที่จะทำตามไปด้วยไม่ได้

              “อะ เอียร์ช่าเจ้าค่ะ ช่างเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบองค์เทพีทั้งสอง!” เอ่อ แต่อันนี้ไม่รู้ว่าต้องพูดตามด้วยมั้ย เงียบไว้ก่อนดีกว่า

              “ไม่ต้องพิธีรีตองนักหรอกองค์หญิงเซเรน่า” อ๊ะ ชื่อนี้คือชื่อของฉันตอนที่อยู่ในฝันเมื่อกี้นี่นา ที่แท้เธอก็คือเซเรน่างั้นเหรอ ฉันไม่ได้ส่องกระจกก็เลยไม่รู้แต่ชุดช่วงล่างกับหางก็สีเดียวกันเลย ทำไมก่อนหน้านี้ไม่สังเกตเห็นเลยนะ “เนื่องจากเด็กน้อยเซเรียเป็นผู้เดินทางและไม่เคยรู้เกี่ยวกับพวกเรามาก่อน ดังนั้นก็ขอแนะนำตัวอีกครั้งแล้วกัน พวกเราเป็นธิดาแห่งองค์มหาเทพนีซีออส ข้าคือเทพีแห่งเงือกส่วนพินาคือเทพีแห่งมนุษย์ พวกข้าจึงมาที่นี่เพื่อชี้แจงให้เจ้าทั้งสองซึ่งต้องสลับร่างกันกะทันหัน-”

              “เดี๋ยวๆๆๆ!” ฉันโพล่งออกมาอย่างอดไม่ได้ หลังจากฟังมาทั้งหมดทำไมมันถึงดูไม่เหมือนฝันมากขึ้นทุกทีล่ะ “ขอโทษนะคะ พวกคุณบอกว่าฉันกับเงือกตนนี้สลับร่างกันเหรอคะ ...นี่มันเรื่องอะไรกัน ไม่ใช่ความฝันหรอกเหรอ!?”

              “นี่คือฝันถูกแล้ว” เสียงของแอนโฟรพินาทำให้ฉันที่เกือบจะทึ้งหน้าตัวเองหยุดชะงัก อ้าว? ตกลงมันยังไงเนี่ย “โกริก็บอกแล้วไงว่านี่คือห้วงฝันที่เจ้าและเซเรน่าจะได้ใช้ติดต่อกัน”

              แต่พอได้ยินประโยคต่อมาฉันก็ร้องตะโกนและทึ้งหน้าทึ้งผมตัวเองต่อไป นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย จะบอกว่าเมื่อกี้นี้มุกหรือไง แต่หน้าจริงจังซะขนาดนั้นดูไม่ออกเลยสักนิด ฉันอุตส่าห์โล่งใจไปแวบหนึ่งเลยนะ แงงงง

              “ตายจริง เจ้าเล่นมุกเป็นกับเขาด้วยเหรอเนี่ย”

              “ข้าเปล่านะ”

              “จะ...จะบอกว่า ทั้งหมดนี่คือเรื่องจริง ฉันตกแม่น้ำแล้วทะลุมิติมาอยู่ในร่างเซเรน่า เหมือนอย่างในนิยายน่ะเหรอคะ??” ฉันถามพลางหันไปมองเซเรน่า เธอเองมองกลับมาด้วยสีหน้าจนปัญญาไม่แพ้กัน

              “เราเองก็สลบไปหลังจากทานอาหารกับพวกท่านพี่ รู้สึกตัวขึ้นมาก็กลายเป็นมนุษย์...ที่รูปลักษณ์เหมือนคุณตอนนี้เลยค่ะ” คำตอบของเธอทำให้ฉันมั่นใจ นี่มันไม่ใช่ความฝันอีกต่อไปแล้ว

              “พวกเจ้าคงจะตกใจกันมาก ข้าในนามของตัวแทนแห่งปวงเทพต้องขออภัยด้วยจริง ๆ” ทั้งสองคนยกมือขึ้นทาบอก แต่นั่นก็แสดงว่าที่ฉันต้องมาอยู่ที่นี่ในตอนนี้ เป็นเพราะเทพองค์ใดองค์หนึ่งงั้นเหรอ

              “สาเหตุที่ทำให้พวกเราสลับร่างกันคืออะไรคะ! พวกท่านแก้ไขมันไม่ได้เหรอ” 

              “แน่นอนว่าในสภาเทพสูงสุดพวกเราได้หารือกันเรื่องนั้นแล้วแต่ก็ไม่พบผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้เลย ดังนั้นเราจึงคาดว่าเป็นฝีมือขององค์ปฐมเทพ

              “ถะ ถ้าอย่างนั้นก็ให้ปฐมเทพนั่นแก้ไขไม่ได้เหรอคะ”

              “เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้หรอก” แอนโฟรพินาที่เงียบมาพักใหญ่ก้าวมาข้างหน้าคล้ายจะขวางฉันที่เดินเข้าใกล้โกริกอร์นามากขึ้นเอาไว้ คงเพราะสีหน้าวิตกระยะสุดท้ายของฉันทำให้เธอกลัวว่าฉันจะบ้าคลั่งและทำร้ายโกริกอร์นาขึ้นมาล่ะมั้ง “องค์ปฐมเทพเป็นบุคคลที่ลึกลับมากไม่เคยมีใครพบเห็นท่านมาก่อน แม้แต่นามของท่านพวกเราก็ไม่อาจรู้ ทั้งหมดที่รู้ก็คือท่านเป็นผู้คุมเวลาและกุมโชคชะตาของทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ หากจะมีใครที่ทำเรื่องใหญ่อย่างการสลับดวงวิญญาณข้ามมิติเวลาได้ก็คงมีแค่ท่านนั่นแหละ”

              สลับวิญญาณ ข้ามมิติเวลางั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นหรือว่าแท้จริงแล้วฉันและเซเรน่าอยู่ในโลกเดียวกันแต่เป็นคนละเวลา แล้วแบบนี้...

              “แบบนี้...ฉันก็ไม่มีทางได้กลับร่างเดิมเลยเหรอคะ”

              “เรื่องนั้นคงทำได้แค่รอเวลา” โกริกอร์นาพูดขึ้นสีหน้ารู้สึกผิดอย่างเห็นได้ชัด ถ้าสาเหตุมันเกิดจากเทพองค์แรกอย่างที่พวกเธอบอกจริง ๆ ฉันก็คงจะโกรธพวกเขาไม่ได้ แต่สถานการณ์แบบนี้ฉันควรจะทำยังไงดี ทำได้แค่รอเวลาเท่านั้นเหรอ

              “หมดเวลาแล้วโกริ” จู่ ๆ แอนโฟรพินาก็พูดขึ้นมา หมายความว่าทั้งสองคนต้องไปแล้วงั้นเหรอ แต่ฉันยังไม่ทันเข้าใจเรื่องนี้เลยนะ!

              “เมื่อถึงเวลาพวกเจ้าจะเข้าใจ”

              “ดะ เดี๋ยว!!” ทันใดนั้นแอนโฟรพินาก็เคาะหอกกับพื้นและทั้งสองคนก็หายวับไปทันที ฉันที่พุ่งเข้าไปจะคว้าโกริกอร์นาจึงได้แต่เซถลาไปข้างหน้าจนเกือบล้มลง

              อะไรกันเนี่ย ยังอธิบายไม่ชัดเจนเลยนี่นา!?

              “ให้ตายสิ! ยังไม่ทันเข้าใจเลย”

              พอพูดแบบนั้นแล้วหันไปมอง เซเรน่าก็ยังคงยืนอยู่เงียบ ๆ ไม่พูดอะไรสักคำ ทำเอาฉันรู้สึกเหมือนตัวเองตีโพยตีพายไปคนเดียว ฮู่ว...อันดับแรกลองสรุปเรื่องราวทั้งหมดก่อนละกัน มันอาจจะไม่ได้แย่ขนาดที่ฉันคิดก็ได้นี่

              เรื่องมันเริ่มจากตอนที่กำลังเดินกลับคอนโด ซึ่งแดดอันแสนจะร้อนก็ทำให้ฉันหน้ามืดพลัดตกแม่น้ำไป และหลังจากนั้นฉันก็ตื่นขึ้นมาในร่างของนางเงือกที่ชื่อเซเรน่าคนนี้ ซึ่งดูเหมือนว่าเธอจะสลบไปด้วยเหตุผลบางอย่างอยู่ก่อนแล้ว เป็นไปได้ว่าพวกเราสองคนผ่านการเฉียดตายมาด้วยกันทั้งคู่ และวิญญาณของพวกเราก็สลับกันด้วยฝีมือขององค์ปฐมเทพอะไรนั่น แต่ที่โกริกอร์นาบอกให้รอเวลาแสดงว่ามันอาจจะไม่ได้ไร้ทางแก้เสียทีเดียว พวกเราอาจจะกลับร่างเดิมของตัวเองได้...ด้วยวิธีที่ยังไม่รู้ในตอนนี้

              ฉะนั้นเราก็คงทำได้แค่รอ ไม่สิ ไม่เห็นต้องรอเลยเราก็หาวิธีซะตั้งแต่ตอนนี้เลยสิ! แต่จะหายังไงล่ะ

              “เอ่อ ขอโทษนะคะ” ทันใดนั้นเซเรน่าก็พูดขึ้นมาทำให้ฉันต้องหันไปมอง จะว่าไปแทนที่จะคิดเอง ฉันควรจะต้องปรึกษากับคนที่ร่วมชะตากรรมกันอย่างเธอมากกว่า “อย่างไรก็เป็นเช่นนี้แล้ว...เรามาพูดคุยปรึกษากันดีไหมคะ”

              “อ่า เอาสิ” ฉันพยักหน้าก่อนจะหันมาประจันหน้ากับเซเรน่าตรง ๆ “ก่อนอื่นก็แนะนำตัวกันก่อนไหม ถึงน่าจะรู้กันหมดแล้วก็เถอะ”

              “ค่ะ! สวัสดีค่ะ นามของเราคือเซเรน่า เอส. ไฮเดสเพียร์องค์หญิงลำดับที่สองแห่งอาณาจักรเซเรเนีย เป็นเจ้าของร่างที่ท่านอยู่ในตอนนี้ค่ะ” ท่าทางเหมือนแนะนำตัวหน้าชั้นเรียนของเธอทำให้ฉันอมยิ้ม ทั้งที่เซเรน่าก็หน้าตาเหมือนฉันแท้ ๆ แต่บุคลิกและนิสัยกลับต่างกันลิบลับเลย เธอดูน่ารักน่าเอ็นดูเอามาก ๆ

              “สวัสดี ฉันชื่อเซเรีย บลานเชตต์ เรียกว่าเซเรียก็ได้ เป็น...นักศึกษาชาวมนุษย์ธรรมดา ๆ” อีกฝ่ายแนะนำมาซะเต็มยศแบบนั้นฉันไม่รู้จะแนะนำตัวเองว่าอะไรเลย “ถึงเราจะมาพบกันแบบแปลกไปหน่อย แต่ก็ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

              ฉันยื่นมือไปข้างหน้าเพื่อทักทาย ส่วนเซเรน่าก็ชะงักมองมือนั้นอยู่พักหนึ่งก่อนจะยอมจับ “ยะ ยินดีเช่นกันค่ะที่ได้พบท่านเซเรีย นี่คงจะเป็นวิธีทักทายแบบมนุษย์สินะคะ”

              “อือ แล้วก็ไม่ต้องเรียกว่าท่านหรอกนะ เรียกว่าคุณก็พอ” ฉันไม่ใช่คนใหญ่คนโตเสียหน่อยเรียกแบบนั้นคงไม่เหมาะ

              พอเห็นเซเรน่าพยักหน้าหงึกหงักเป็นเชิงเข้าใจ ฉันก็เริ่มเข้าประเด็น “เอาล่ะ ก่อนอื่นเธอช่วยบอกสิ่งที่เกิดขึ้นตามที่เธอเข้าใจให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม”

              “อืม...ตามที่เราเข้าใจคือวิญญาณของพวกเราถูกทำให้สลับกัน โดยมีองค์ปฐมเทพอยู่เบื้องหลังตามที่เทพีทั้งสองบอกค่ะ เพราะก่อนจะถูกดึงเข้ามาอยู่ในห้วงฝันนี้เราตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกำลังได้รับความช่วยเหลือจากผู้ชายคนหนึ่ง ถ้าประกอบกับที่คุณเซเรียเล่าแล้วน่าจะถูกช่วยเอาไว้จากการจมน้ำสินะคะ เราไม่เคยจมน้ำมาก่อนเลยแต่ความรู้สึกแสบข้างในจมูกไปจนถึงอกมันน่ากลัวมาก ๆ เลยค่ะ” เซเรน่าเล่าพลางยกมือแตะจมูกตัวเอง ว่าแล้วก็น่าสงสารเธอคงจะเป็นเงือกตนแรกเลยล่ะที่ได้มีประสบการณ์จมน้ำ ว่าแต่ผู้ชายคนที่ช่วยไว้คือใครกันนะ ถ้าได้เจอกันฉันคงต้องขอบคุณเขาสักหน่อย เพราะไม่แน่ถ้าเซเรน่าไม่ได้ฟื้นขึ้นมาในร่างฉัน พวกเราทั้งคู่อาจจะตายกันไปจริง ๆ เลยก็ได้

              ว่าแต่ร่างกายของเซเรน่าไปโดนอะไรมาล่ะ?

              “อ้อ! แล้วก็ได้เจอเพื่อนของคุณที่ชื่อเกลินด้วย เธอเป็นคนพาฉันกลับบ้านค่ะ”

              “อ๊ะ จริงเหรอ!? ถ้าอย่างนั้นก็ค่อยโล่งอกหน่อย” ทีแรกก็กังวลอยู่ว่าเซเรน่าจะหาทางกลับบ้านถูกมั้ยเพราะฉันดันไปเป็นลมอยู่ข้างนอก ดีที่เธอได้เจอเกลิน “แล้วเกลสงสัยหรือเปล่าเกี่ยวกับนิสัยของเธอน่ะ ...แบบว่ามันน่าจะต่างจากฉันพอตัวเลย”

              “คุณเกลินก็พูดแบบนั้นจริง ๆ นั่นแหละค่ะ แถมตอนนั้นเรายังไม่ค่อยเข้าใจเลยได้แต่ตามน้ำไปเรื่อย”

              “อืม... แต่ยังไงเกลก็เป็นเพื่อนสนิทที่สุดของฉันเลย กลัวว่าจะปิดบังไปได้ไม่นานน่ะสิ” ดูจากการพูดจาและนิสัยที่ดูสงบเสงี่ยมของเซเรน่าแล้ว นึกถึงหน้าเกลตอนพูดว่า ‘หัวแกกระเทือนมากรึเปล่า ไปหาหมอไหม’ พร้อมมองด้วยสายตาเป็นห่วงออกเลย (ฮ่าๆ)

              แต่จะว่าไปการเก็บเป็นความลับจากทุกคนอาจทำให้เซเรน่าใช้ชีวิตลำบากก็ได้ สำหรับโลกอนาคตแล้วอะไร ๆ ก็อันตรายไปหมด

              “งั้นเอาอย่างนี้นะ ถ้าเธอพยายามปิดบังเต็มที่แล้วแต่เกลยังเค้นถามไม่เลิก ถ้าถึงตอนนั้นก็ให้เธอบอกความจริงไปเลย เพราะเพื่อนฉันคนนี้ไว้ใจได้ที่สุดแล้ว อ้อ แต่ว่าเรอัน...น้องชายฉันน่ะ ไม่ต้องบอกก็ได้ฉันไม่อยากให้เขาเป็นห่วง” แถมเรอันกับฉันเราก็แยกกันอยู่เซเรน่าคงไม่ได้เจอกับเขาบ่อย ๆ หรอก

              “เข้าใจแล้วค่ะ”

              “อืมม แล้วของเธอล่ะ มีเพื่อนที่ฉันพอจะบอกเรื่องนี้ด้วยได้รึเปล่า”

              “เอ่อ...เพื่อนของเรา มีแค่ซามูตนเดียวค่ะ” อุ่ย พอพูดเรื่องเพื่อนแล้วหน้าเศร้าสุด ๆ ไปเลยแฮะ ถึงสำหรับฉันเพื่อนสนิทแค่คนเดียวจะเพียงพอแล้วแต่เซเรน่าเป็นถึงองค์หญิงรัชทายาทคงยังไม่พอสินะ “แต่ว่าคุณเซเรียห้ามบอกซามูเด็ดขาดเลยนะคะ เราขอร้อง”

              “ทะ...ทำไมล่ะ เท่าที่ดูพวกเธอก็สนิทกันมากเลยไม่ใช่เหรอ ถ้าบอกดีไม่ดีเขาอาจจะช่วยเราแก้ปัญหานี้ได้ก็ได้นะ”

              “เพราะอย่างนั้นแหละค่ะ ซามูเป็นคนที่ใกล้ชิดที่สุดและคอยดูแลเราเป็นอย่างดีตลอดมา ถ้ารู้ว่าเกิดเรื่องใหญ่แบบนี้ขึ้น เขาจะต้องเป็นห่วงเรามากแน่ ๆ เราไม่อยากให้เขาเป็นกังวลมากเกินไป”

              โอ้โห แววตาแบบนั้น เจ้าหญิงน้อยของเราชอบพี่เขาแหง ๆ ถึงว่าล่ะตอนเจอซามูเอลครั้งแรกหัวใจฉันนี่เต้นรัวอย่างกับกลอง เพราะความเคยชินของร่างกายนี่เอง แต่ปากบอกว่าเป็นเพื่อนแสดงว่ายังไม่รู้ใจตัวเองรึเปล่านะ

              “โอเค ถ้าเธอว่าอย่างนั้นฉันก็จะเก็บเป็นความลับให้ ว่าแต่งานขององค์หญิงรัชทายาทนี่มีอะไรบ้างเหรอ?”

              “เอ่อ...ตอนนี้ท่านพ่อท่านแม่เสด็จไปต่างทวีปพอดี เราจึงเป็นผู้ดูแลงานของทั้งสองท่านแทน นอกจากงานด้านกฎหมายที่ท่านพี่ดูแลอยู่ เราก็ต้องเป็นผู้จัดการทุกอย่างเลยล่ะค่ะ”

              “...หา!!?” บ้าไปแล้ว นี่เซเรน่า(หรือก็คือคนที่ต่อไปนี้จะเป็นฉัน)ต้องทำงานทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวเลยเหรอ! ทั้งที่พี่สาวทำแค่งานเดียว ส่วนพ่อแม่ก็ไปเที่ยวกันเนี่ยนะ? “คะ คือฉันไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลย ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะบริหารประเทศได้หรอกนะ ถ้าฉันทำประเทศเธอเป็นอะไรขึ้นมา...”

              ฉันยกมือขึ้นโบกไปมาอย่างร้อนรน จนถึงก่อนหน้านี้ก็คิดว่าการอยู่ในร่างเซเรน่าคงได้ใช้ชีวิตสุขสบายเหมือนเจ้าหญิงในนิยายอิเซไกที่เคยอ่าน แต่พอมารู้ว่าแบกหน้าที่ตั้งมากมายไว้บนไหล่แบบนี้ ...ฉันขอลาออกตอนนี้ทันไหม

              “อย่าเพิ่งตกใจไปนะคะ ถึงจะดูเหมือนงานเยอะแต่อาณาจักรเซเรเนียค่อนข้างสงบสุข แถมความทรงจำของเราน่าจะช่วยคุณเซเรียในการทำงานได้ไม่น้อย ดังนั้นไม่ต้องกังวลไปนะคะ”

              “เอ๊ะ เมื่อกี้พูดว่าความทรงจำเหรอ”

              “ใช่ค่ะ คุณเซเรียก็เหมือนกันใช่ไหมคะ ที่ตอนตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกคุ้นเคยกับบางสิ่งหรือชื่อของสิ่งนี้ผุดขึ้นมาในหัวทั้งที่ไม่เคยรู้จักน่ะค่ะ อย่างชื่อของคุณเกลินเองก็ด้วย”

              “จะว่าไปก็จริงอย่างที่เธอบอก จู่ ๆ ฉันก็รู้ชื่อของเนียร์และโจเซฟีน ซามูเอลเองก็ด้วย แต่เหมือนความทรงจำที่ได้มามันยังไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ หรือว่า...” ฉันลากเสียงยาวเพราะนึกไอเดียบางอย่างออก เซเรน่าที่เห็นแบบนั้นก็ทำตาเป็นประกายมองมาด้วยความสงสัยใคร่รู้

              “หรือว่า อะไรเหรอคะ”

              “ปกติแล้วถ้าเป็นอย่างในนิยายที่ฉันอ่าน ตัวเอกจะต้องมีอาการปวดหัวก่อนจะได้รับความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมเข้ามาน่ะ แล้วก่อนที่พวกเราจะมาอยู่ที่นี่ฉันก็ปวดหัวแทบตายจนสลบไป เธอก็เป็นเหมือนกันใช่ไหม”

              พอเซเรียเอ่ยถาม เซเรน่าก็พยักหน้าตอบกลับมา โดยนึกสงสัยในใจว่า ‘นิยาย’ ของโลกมนุษย์มีเรื่องราวแนวสลับวิญญาณเช่นนี้มากมายขนาดไหนหนอ

              “ถ้าอย่างนั้นหลังจากที่ตื่นจากห้วงฝันนี้แล้ว พวกเราอาจจะได้รับความทรงจำทั้งหมดของกันและกันมาก็ได้นะ แต่ปัญหาก็คือเราไม่รู้วิธีเข้าออกที่นี่น่ะสิ”

              “อืม...ถ้าพวกเราสลบแล้วจึงเข้ามาที่นี่ เป็นไปได้ไหมคะว่าพวกเราต้องหลับหรือหมดสติในเวลาใกล้เคียงกัน ถ้าเช่นนั้นแล้ววิธีออกไปอาจจะคล้ายกันก็ได้”

              จากที่เซเรน่าพูดก็มีเหตุผล พวกเราอาจจะต้องตื่นพร้อมกันถึงจะออกไปได้ก็ได้ “ถ้างั้นมาลองดูกันเถอะ”

              ฉันและเซเรน่าหันหน้าเข้าหากันพลางยกมือขึ้นจับแขนไว้ในท่าเตรียมพร้อม

              “นับสามแล้วหยิกสุดแรงเลยนะ”

              “ค่ะ”

              “หนึ่ง...” ฉันนับช้า ๆ ขณะเดียวกันก็มองหน้าเซเรน่าไปด้วย จะว่าไปแล้วก็ตลกดีที่พวกเรานึกถึงวิธีนี้ขึ้นมาเป็นวิธีแรกเหมือนกัน “สอง...”

              “อึก!” ฉันเห็นเซเรน่ากลืนน้ำลายอึกใหญ่ก็อดที่จะเอ็นดูไม่ได้ ตื่นเต้นอะไรขนาดนั้นนะนางเงือกน้อย

              “สา-”

              [เซ...น]

              [...เรีย]

              “เอ๊ะ?” ก่อนจะพูดจบทั้งฉันและเซเรน่าก็อุทานขึ้นแทบจะพร้อมกัน เพราะได้ยินเสียงของคนสองคนร้องเรียก ทีแรกเสียงนี้ทั้งเบาและขาดห้วงแต่แล้วก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ

              [เซเรน ตื่นสิ!]

              [แกเป็นอะไรอีกเนี่ย! เซเรีย]

              “ซามู!/เกล!” หลังจากเสียงชัดขึ้นพวกเราก็ได้รู้ว่าเป็นเสียงของทั้งสองคนที่พยายามปลุกพวกเราอยู่จากข้างนอก ซึ่งการที่พวกเราได้ยินก็เข้าใจได้ว่าร่างกายน่าจะใกล้ตื่นเต็มทีแล้ว

              “ถ้าอย่างนั้นไว้เจอกันใหม่คืนนี้นะคะคุณเซเรีย”

              “อือ หวังว่าสิ่งที่พวกเราคิดจะถูกต้องนะ ส่วนเรื่องวิธีกลับร่างเดิม-!” ยังพูดไม่ทันจบก็เกิดแสงสว่างวาบ ร่างของฉันถูกสิ่งที่มองไม่เห็นดึงออกห่างจากร่างของเซเรน่าอย่างรวดเร็วในขณะที่รอบข้างมืดมิดลงเรื่อย ๆ มืดจนไม่อาจมองเห็นสิ่งใดได้อีก ฉันได้แต่ตะโกนออกไปหวังให้เสียงส่งไปถึงเธอก่อนจะออกจากที่นี่ “วิธีกลับร่างเดิมฉันจะหาให้เจอให้ได้!”

              .

              .

              .

              พรึ่บ!

              “เซเรน! เจ้าฟื้นแล้ว” โอ๊ะ หน้าเขาจะอยู่ใกล้เกินไปหรือเปล่าเนี่ย ตื่นมาก็เจอคนหล่อเลยเกือบหัวใจวายแล้ว

              “อ่า...” พิจารณาดูแล้วตอนนี้ฉันน่าจะ...กำลังนอนอยู่ในอ้อมกอดของซามูเอลงั้นเหรอ อะฮ่า ใช่จริง ๆ ด้วยดูจากมุมมองแล้วตอนนี้ฉันน่าจะกำลังนอนเอาหัวพิงไหล่เขาอยู่ ส่วนเขาก็นั่งพิงเตียงนอนของฉันอีกที

              ตอนนี้ฉันก็ได้รับความทรงจำของเซเรน่ามาน่าจะทั้งหมดแล้ว แต่ตั้งแต่รู้จักกันมาเขายังไม่เคยใกล้ชิดเซเรน่าขนาดนี้มาก่อนเลย ทำเอาอดรู้สึกดีไม่ได้...หัวใจของเซเรน่านี่ก็ช่วยเต้นเบา ๆ หน่อยได้ไหม ฉันเขินแทนจนตัวจะแตกแล้วนะ

              “เจ้าทำข้าเป็นห่วงแทบแย่รู้มั้ย ถ้าเจ้าฟื้นช้ากว่านี้อีกเพียงนิดข้าจะไปตามหมอหลวงมาแล้ว”

              “เอ๊ะ! แต่ถ้าทำอย่างนั้น พวกคนในวังก็จะรู้ว่าซามูมาที่นี่น่ะสิ”

              “ช่างเรื่องนั้นสิ ความปลอดภัยของเจ้าสำคัญกว่าอยู่แล้ว” แง่ะ เขาโกรธฉันล่ะทุกคน คนอะไรกันเนี่ยแม้แต่โกรธก็ยังน่ารัก ถึงแม้จะไม่ใช่คนก็เถอะ

              เฮ้ย ๆ ไม่ได้สิ คนนี้ของเซเรน่านะ ห้ามเผลอใจตามสัญชาตญาณเด็ดขาด!

              แต่ว่าดูเขาสิ เหมือนเขาจะกำลังโกรธไปเขินไปอยู่นะ แบบว่าโกรธจนเผลอพูดแบบนั้นออกมา แล้วพอรู้สึกตัวอีกทีว่าพูดอะไรออกไปก็เขินขึ้นมาอะ งู้ย~น่าร้ากก

              ว้ากกก หยุดเดี๋ยวนี้นะโว้ย เซเรียตั้งสติ...สติ

              “นี่! ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้นล่ะ” อุ่ย สงสัยฉันจะเผลอทำสีหน้าสุดแสนจะประหลาดออกไปซะแล้ว ตีเนียนไปก่อนดีกว่าเรา

              “แหะๆ ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะ”

              “อย่าสลบไปดื้อ ๆ แบบนั้นอีกแล้วกัน”

              “เรื่องแบบนั้นมันบังคับกันได้ที่ไหนล่ะ” ฉันพูดก่อนจะมองไปที่แขนของซามูที่ยังคงโอบกอดฉันอยู่แล้วพูดต่อ “ว่าแต่ว่า...จะไม่กอดฉันนานไปหน่อยเหรอ”

              “อ๊ะ! ขอโทษ” ว่าแล้วซามูก็รีบคลายวงแขนที่โอบรอบตัวฉันไว้ออก ก่อนจะช่วยพยุงฉันให้ลุกขึ้นมาจากพื้น “ข้าไม่ได้ตั้งใจจะฉวยโอกาสเจ้านะ อย่าเข้าใจผิดล่ะ”

              “จ้าๆ ดูเหมือนซามูจะกลัวฉันเข้าใจผิดจังเลยนะ ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันรู้ดีว่าซามูไม่ใช่คนแบบนั้น”

              “อือ เข้าใจก็ดีแล้ว”

              “จะว่าไป...ที่ซามูเคยบอกฉันก่อนหน้านี้ว่ามีธุระที่โรงเลี้ยงสัตว์น่ะ ธุระที่ว่านั่นคืออะไรเหรอ?”

              “อ้อ ข้ามารับสัตว์ที่สั่งไว้น่ะ แต่นี่ก็ใกล้จะถึงเวลานัดแล้วข้าคงต้องขอตัวก่อ-”

              “ฉันขอไปด้วยสิ” อ๊ะ เผลอพูดออกไปซะแล้ว มันดูน่าสงสัยไปรึเปล่านะ แต่เรื่องนั้นจะเป็นยังไงก็เอาไว้ก่อนแล้วกัน ฉันปล่อยให้เขาไปตอนนี้ไม่ได้จริง ๆ เพราะหัวใจมันกำลังบอกว่าอยากมีเวลาอยู่ด้วยกันต่อ...แค่อีกสักนาทีก็ยังดี

              ให้ตายเถอะ ต้องใช้สมองสู้กับหัวใจนี่มันยากชะมัด โดยเฉพาะเมื่อทั้งหัวใจและสมองมันเป็นของอีกคนน่ะ

              “อะ...อืม ได้สิ แต่ว่าวันนี้เจ้าแปลกไปนะ ปกติไม่เห็นจะอยากออกไปข้างนอกเท่าไหร่เลย

              “คือฉัน...ก็แค่อยากลองเปลี่ยนบรรยากาศบ้างน่ะ นานๆ ทีออกไปข้างนอกบ้างก็น่าจะดีไม่ใช่เหรอ”

              “ก็จริงของเจ้า ถ้าอย่างนั้นแล้วเรื่องที่เรียกตัวเองว่าฉันอยู่นี่ล่ะ ไม่ใช่ว่าสำหรับเซเรเนียแล้วมันเป็นคำเรียกแทนตัวของสามัญชนหรือ”

              จริงสิ เซเรน่าเรียกตัวเองว่าเรานี่นา อยู่กับเขาแล้วสบายใจเกินไปจนเผลอลืมตัวเลย แต่จะเปลี่ยนกลับไปกลับมาก็ดูพิลึกรึเปล่า

              “อ่า...ก็แค่ลองพูดดูไง เผื่อจะเข้าถึงวิถีชีวิตของประชาชนชาวเซเรเนียมากขึ้นอะไรแบบนี้น่ะ แต่ถ้าซามูคิดว่าฉันพูดแบบนี้แล้วมันไม่เหมาะก็บอกได้ แต่ตอนนี้ช่างเรื่องเราก่อนแล้วรีบไปรับสัตว์ของซามูกันได้แล้วเดี๋ยวก็เลยเวลานัดหรอก” ไม่ได้การ ขืนคุยกันต่อก็มีแต่จะเสี่ยงจะหลุดความจริงออกไปมากขึ้น ต้องรีบพาเขาออกจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด

              ไม่อย่างนั้นแผนการเดตอย่างแนบเนียน ที่ฉันวางแผนสร้างขึ้นมาอย่างลวกถึงลวกที่สุดเมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้วคงจะไม่มีทางสำเร็จแน่

              ใช่แล้วล่ะ ฉันวางแผนจะจับคู่ให้สองคนนี้ได้ลงเอยกัน! ก็แหม...ไม่ว่าจะเป็นในความทรงจำของเซเรน่าที่ฉันเพิ่งได้รับมาหมาด ๆ หรือความรู้สึกที่หลงเหลืออยู่ในร่างกายนี้ ทั้งหมดทั้งมวลมันบ่งชี้ว่าเซเรน่าชอบซามูเอลมากกกก และนอกจากนั้นซามูเอลเองก็แสดงออกว่าชอบเซเรน่าอย่างชัดอยู่เสมอเพียงแค่ไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ ทำให้เซเรน่าที่ใสซื่อเกินไปจนออกจะซื่อบื้อดูไม่ออกว่าซามูเอลชอบตัวเองอยู่ ดังนั้น! ฉันจึงจะช่วยให้ซามูเอลได้พูดความในใจที่เขามีต่อเซเรน่าออกมา หรือถ้าเขาไม่พูดฉันนี่แหละจะเป็นฝ่ายพูดให้เอง เพื่อที่พอเซเรน่ากลับมาทั้งสองคนจะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีหวานชื่น!

              เดี๋ยวคืนนี้ต้องบอกเซเรน่าด้วย หวังว่าเธอจะเห็นด้วยกับแผนนี้นะ

              “เอางั้นก็ได้ แต่ข้าไม่ว่าอะไรหรอกนะถ้าเจ้าจะเรียกตัวเองแบบอื่นบ้างน่ะ เรียกว่าฉัน...ก็น่ารักไปอีกแบบ” ซามูเอลที่กำลังจะว่ายออกไปนอกหน้าต่างหันกลับมาพูดกับฉัน ซึ่งประโยคนั้นก็ทำเอาฉันชะงักรู้สึกร้อนขึ้นมาน้อย ๆ ตรงแก้ม

              “...อื้อ”

              ตาคนบ้า ชมกันแบบไม่ให้ทันตั้งตัวแบบนี้... ฉันก็เขินแย่สิ!

     

     

    โปรดติดตามตอนต่อไป

     

     

    รวมตัวละครที่ถูกกล่าวถึง/เปิดตัวในตอนนี้

    เกลิน (เกล) : เพื่อนสนิทของเซเรีย

    เรอัน : น้องชายของเซเรีย

    แอนโฟรพินา : เทพีแห่งมนุษย์ (และศัตราวุธ)

    โกริกอร์นา : เทพีแห่งเงือก (และเครื่องดนตรี)

    ลิธารากอช : เทพแห่งนิทรา

    นีซีออส : องค์มหาเทพ เทพแห่งการสรรค์สร้าง

    องค์ปฐมเทพ : เทพองค์แรกผู้ลึกลับ เทพแห่งกาลเวลาและโชคชะตา

     

             ชี้แจงแถลงไข

    ขออภัยสำหรับความล่าช้าในการอัพด้วยนะคะ ด้วยความที่ตอนนี้มีการเสริมเนื้อหาที่ไม่เคยมีมาก่อนค่อนข้างเยอะ+คอมของไรต์แบตหมดไวมากกก(แบตเสื่อมแล้วมั้ง55)+ช่วงนี้ต้องเตรียมยื่นคะแนนเข้ามหาลัยเลยไม่ค่อยมีไฟแต่งเท่าไหร่ แต่ก็จะพยายามเต็มที่ค่ะ!!

    แล้วก็กำหนดการอัพตอนรีไรต์จะขึ้นอยู่กับความสะดวกของจีนะคะ ดังนั้นวันที่อัพจึงจะไม่ค่อยตายตัวเท่าไหร่ค่ะ ขออภัยในส่วนนี้ด้วยนะคะ

    ใครมีคำถามอะไรก็คอมเม้นต์ถามไว้ด้านล่างได้เลยน้า แล้วจะตามไปตอบให้ค่ะ สำหรับวันนี้จีก็ต้องขอตัวลาไปก่อนนะคะ บ๊ายบาย~

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×