"..."
กลิ่นหอมอ่อนลอยมาพร้อมสายลมเอื่อยและกลีบดอกไม้บางชนิดทำให้ร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งรู้สึกตัว
เปลือกตาบางประดับแพขนตาสีขาวขยับไปมาก่อนจะเปิดขึ้น
จันทร์เสี้ยวสองสีเหม่อมองขึ้นไปที่กลุ่มกลีบสีชมพูอ่อนก่อนจะเบิกตาขึ้นเล็กน้อยแล้วหลับลงไปเช่นเดิม
ร่างบางที่นอนหงายแผ่อยู่ใต้ต้นซากุระค่อยๆขยับกายลุกขึ้นช้าๆ
ดวงตาที่ปิดสนิทหันมองรอบกาย
ทิวทัศน์แปลกตา สถานที่ที่ไม่รู้จักแต่กลับรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยอย่างหาที่ใดเปรียบไม่ได้
"ที่นี่..."
"ยินดีต้อนรับท่านซานิวะขอรับ"
ก่อนจะได้คิดประมวลผลอะไร เสียงเล็กแหลมใสก็ดังขึ้นที่ปลายเท้าทำให้เธอต้องก้มลงมองก่อนจะเลิกคิ้วแปลกใจ
จิ้งจอกหน้าขาวที่ถูกแต่งแต้มสีแดงที่ดูเหมือนอักขระอะไรสักอย่างกำลังใช้นัยน์ตาสีทองกลมโตจ้องมองมาที่เธอ
"...เธอ?"
"กระผมมีชื่อว่าคอนโนะสุเกะขอรับ ท่านซานิวะ"
เสียงเล็กๆดังมาอีกครั้งเป็นเครื่องยืนยันว่าจิ้งจอกน้อยตรงหน้ากำลังพูดกับเธออยู่
"ตอนนี้ท่านอาจจะกำลังสับสน แต่โปรดวางใจเถอะขอรับ เพราะอย่างไรเสีย ท่านก็จะเข้าใจทุกสิ่งเองนั่นแหละขอรับ"
จิ้งจอกน้อยลุกขึ้นเดินมาใกล้เธอแล้วปีนขึ้นไปอยู่บนไหล่ของหญิงสาว
"ไปกันเถอะขอรับ ไปที่ฮงมารุกัน"
คอนโนะสุเกะจัดท่าของตัวเองให้อยู่บนบ่าเล็กๆก่อนจะส่งเสียงเจื้อยแจ้วจนเธอต้องลุกขึ้นเดินไปตามทางที่จิ้งจอกน้อยบอกอย่างเสียไม่ได้
หญิงสาวเดินไปเรื่อยๆก่อนจะพบทางขั้นบันไดที่ทอดยาวขึ้นไปสูงจนไม่อาจกะระยะทางได้ เธอเดินขึ้นไปรื่อยๆโดยไร้อาการเหนื่อยหอบก่อนจะพบเสาสีแดงที่เป็นทางเข้าสู่ศาลเจ้าที่พบได้บ่อยในเมืองบ้านเกิดก่อนจะเดินผ่านมันเข้าไป
"ถึงแล้วขอรับ"
ผ่านไปไม่นาน เธอก็มาหยุดอยู่ที่เรือนญี่ปุ่นหลังใหญ่
คอนโนะสุเกะลงจากบ่าของเธอแล้วเดินนำหน้าไป
"ทางนี้ขอรับ หากท่านสงสัยอะไรก็ค่อยถามหลังจากนี้นะขอรับ"
คอนโนะสุเกะนำเธอมาที่ห้องๆหนึ่ง ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าเป็นห้องโถงกลาง
หญิงสาวทรุดตัวลงนั่งพับขาบนเบาะสีนํ้าตาลเข้ม โดยฝั่งตรงข้ามเป็นจิ้งจอกตัวน้อย
"สิ่งใดที่ท่านสงสัย สามารถถามข้าได้เลยขอรับ"
เธอฟังแล้วก็นิ่งไป ก่อนจะเอียงคอน้อยๆ
"เกิดอะไรขึ้น?..."
"ท่านถูกดึงตัวมาที่นี่ขอรับ ที่นี่คือห้วงมิติหนึ่งที่อยู่นอกเหนือกาลเวลา ดังนั้น ไม่ว่าเวลาที่นี่จะผ่านไปเท่าใด เวลาที่โลกของท่านก็ยังคงเดิมในตอนที่ท่านจากมาขอรับ"
จิ้งจอกน้อยตอบยืดยาว
"ทำไม?..."
"เอ่อ ช่วยพูดให้เป็นประโยคกว่านี้ได้ไหมขอรับ?? กระผมไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่ท่านซานิวะจะสื่อเลยขอรับ"
"..."
คอนโนะสุเกะตีหน้ายุ่ง หญิงสาวคนนี้พูดน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย และพอพูดทีก็ตัดคำ ย่อคำจนไม่รู้ความหมาย มันเองก็จนปัญญาจะแปล
"ทำไมถึงเป็นฉัน?"
"ถ้าเรื่องนั้นล่ะก็ กระผมไม่รู้หรอกขอรับ ผู้ที่ตัดสินใจคือท่านซา--ท่านอินาริขอรับ"
คอนโนะสุเกะชะงักไปแวบนึ่งแล้วเหลือบมองใบหน้านิ่งเรียบไร้การเปลี่ยนแปลงของหญิงสาวผิวซีดก่อนจะเอ่ยต่อ
"แต่หากจะถามในความเห็นของกระผมแล้วล่ะก็...คงเป็นเพราะว่าท่านซานิวะมีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งล่ะมั้งขอรับ วิญญาณของท่านบริสุทธิ์และทรงพลังที่สุดเท่าที่กระผมเคยพบเลยขอรับ"
คอนโนะสุเกะจ้องมองไปที่ตำแหน่งดวงตาที่ปิดสนิทราวกับจะจ้องให้ทะลุเปลือกตาไปสู่จันทร์เสี้ยงสองสีที่ซ่อนไว้
"...หรอ...งั้น ซานิวะล่ะ?"
"ซานิวะคือคนทรงนั่นแหละขอรับ แต่ซานิวะที่ข้าหมายถึงนั้นสามารถจะปลุกจิตวิญญาณของดาบเพื่อนำมาต่อสู้กับกองทัพมารได้ขอรับ"
"ดาบ? ทัพมาร??"
ยูเรย์นิ่งไปชั่วครู่กับคำว่า 'คนทรง' แล้วจึงเอ่ยถาม จิ้งจอกตัวเล็กเห็นแบบนั้นแต่มิได้ถามอะไรไปก่อนจะตอบคำถาม
"ขอรับ ท่านที่ตอนนี้ได้เป็นซานิวะแล้ว จะต้องทำการปลุกจิตของดาบ และส่งพวกเขาไปต่อสู้กับทัพมารที่จะเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ขอรับ"
คอนโนะสุเกะหยุดไปพักหนึ่งแล้วกล่าวต่อ
"ท่านจะต้องปกป้องประวัติศาสตร์เดิมเอาไว้ และกำจัดทัพมารหรือเคบิอิชิให้สิ้น และเมื่อนั้น ท่านก็จะได้กลับไปยังที่ที่ท่านจากมาขอรับ"
หญิงสาวยังคงนิ่งเงียบ จิ้งจอกน้อยไม่สามารถอ่านกระแสอารมณ์ใดๆจากเธอได้เลยนอกจากความว่างเปล่า
"...สรุป ฉันถูกดึงมาที่นี่ เพื่อปลุกจิตของดาบ ไปไฝว้กับทัพมาร แล้วถึงจะกลับบ้านได้สินะ?"
"เอิ่ม จะว่าเช่นนั้นก็ได้ขอรับ"
ว่าแต่ อะไรคือ'ไฝว้'ขอรับ!!?
"เข้าใจแล้ว..."
หญิงสาวพยักหน้าเบาๆ พอนึกดูแล้วที่โลกของเธอนั้น ตัวเธอเองก็ไม่ต่างจากคนว่างงานเท่าไหร่นัก ถึงจะบอกว่าเป็นนักเขียนชื่อดังก็เถอะ...
เธอสรุปในใจและยอมรับความจริงที่เผชิญอยู่อย่างง่ายดาย
แต่เมดของเธอล่ะ? ตอนนี้เธอค่อนข้างกังวลแต่พอนึกย้อนดูจิ้งจอกตรงหน้าก็ได้บอกไปก่อนหน้าแล้วว่าหากเธอทำหน้าที่สำเร็จเธอจะถูกส่งกลับไปในเวลาเดิมนี่นะ...
"เช่นนั้น ท่านจะยอมรับภาระการเป็นซานิวะใช่ไหมขอรับ?"
"อืม..."
เธอค่อยๆพยักหน้า
จิ้งจอกน้อยเห็นดังนั้นก็ลุกขึ้น และให้เธอเดินตามมา
"กระผมจะพาท่านไปอัญเชิญดาบเล่มแรกขอรับ"
นั่นคือสิ่งที่คอนโนะสุเกะบอก จนกระทั่งพวกเธอมาถึงห้องอีกห้องหนึ่ง
คอนโนะสุเกะบอกว่าที่นี่คือห้องอัญเชิญ เธอจะสามารถอัญเชิญจิตวิญญาณดาบได้ที่ห้องนี้ โดยมีสื่อกลางในการใช้พลังอัญเชิญให้เลือกอยู่2ทางคือ ใช้กิ่งซากุระเป็นสื่อนำ แต่หากดอกซากุระร่วงหมดกิ่งก็ต้องหากิ่งใหม่เรื่อยๆและทำพิธีปลุกเสก(?)ก่อนนำมาใช้ ซึ่งในการอัญเชิญ1ครั้งดอกซากุระก็ร่วงแทบหมดกิ่งแล้ว ทั้งยังยุ่งยากอีกด้วย
และอีกทางคือใช้เลือดของเธอ โดยให้หยดลงบนใบดาบและกล่าวคำอัญเชิญเป็นอันเสร็จ ซึ่งการใช้เลือดจะทำได้เท่าที่ต้องการหากไม่เป็นโรคซับจางไปเสียก่อนน่ะนะ...
เธอเลือกทางที่สอง เพราะมันสะดวกดี
ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำคือเลือกดาบ1ใน5เล่มตรงหน้าของเธอ เพื่อนำมาเป็นดาบคู่กายและดาบเริ่มต้นของเธอ
ดาบทั้งห้าที่คอนโนะสุเกะบอกกับเธอได้แก่
คะชู คิโยมิทสึ
คะเซ็น คาเซนาดะ
มุทสึโนะคามิ โยชิยูกิ
ฮาจิสึกะ โคเท็ตสึ
ยามัมบะกิริ คุนิฮิโระ
เธอเลือกไม่ถูก เพราะดาบแต่ละเล่มนั้นมีความงามที่ต่างกันไป
หากแต่มีชื่อหนึ่งที่เธอติดใจอยู่...
"นี่..."
เรียวนิ้วขาวชี้ไปที่ดาบเล่มหนึ่ง คอนโนะสุเกะมองตามแล้วพยักหน้าเบาๆ
"เช่นนั้นท่านก็หยดเลือดของท่านและกล่าวว่า'จิตวิญญาณที่หลับใหล จงตื่นขึ้น'นะขอรับ"
ร่างบางพยักหน้าแล้วกัดนิ้วตัวเองด้วยฟันเขี้ยวเล็กๆก่อนจะนำไปไว้เหนือดาบเล่มนั้นแล้วบีบนิ้วเบาๆเพื่อให้เลือดหยดลงมา
ติ๋ง...
"จิตวิญญาณที่หลับใหล จงตื่นขึ้น..."
ทันทีที่หยดสีแดงตกลงกระทบใบดาบ เสียงหวานโมโนโทนก็กล่าวบทอัญเชิญทันที
ดาบเล่มนั้นเรืองแสงขึ้นก่อนจะแตกกระจายเป็นกลีบซากุระที่ล้อมรอบร่างสูงของใครอีกคนไว้
“ข้าคือคะชูคิโยมิทสึ เด็กที่มาจากทางต้นน้ำ เรียกว่าบุตรแห่งริมฝั่งน้ำก็คงได้ ข้าอาจใช้งานยากสักหน่อย แต่ความสามารถของข้ายอดเยี่ยมนะ ข้าน่ะ ไม่ปิดกั้นที่จะเต็มใจรับใครสักคนหากจะใช้ข้าด้วยความรักและทำให้ข้าสวยกว่าเก่าหลังจากนั้นล่ะ”
ชายหนุ่มร่างบางในชุดสีดำผ้าพันคอแดงปรากฏขึ้น
นัยน์ตาสีทับทิมจ้องตรงไปที่นายท่านคนใหม่ของเขา
หญิงสาวร่างบางแต่ครอบครองความยิ่งใหญ่ที่หญิงสาวหลายคนใฝ่หาในชุดแสนจะจืดชืดแต่กลับดูเย้ายวนอย่างน่าประหลาดจนใบหน้าของดาบหนุ่มขึ้นสีระเรื่อ
คะชูมองสำรวจเธอไปเรื่อยๆก่อนจะสะดุดที่ใบหน้า
"เอ่อ...นายท่าน ข้าขอถามอะไรได้ไหมครับ?"
หญิงสาวไม่ตอบ เพียงแต่พยักหน้าเบาๆแล้วมองสำรวจอีกฝ่ายเงียบๆ
"ท่านหลับตาอยู่แบบนี้ จะมองเห็นข้าได้ยังไงกันครับ??"
คะชูอดที่จะน้อยใจนิดๆไม่ได้ เขานั้นคาดหวังว่านายท่านคนใหม่นี้จะชอบเขาตั้งแต่แรกเห็น แต่เธอคนนี้กลับหลับตาอยู่เสียอย่างนั้น มันทำให้เขารู้สึกเสียหน้าเล็กๆ
"เห็นสิ..."
หญิงสาวได้ยินแบบนั้นก็ค่อยๆก้าวเดินไปหาชายหนุ่มที่สูงกว่าเธอไม่กี่เซนฯ ซึ่งคงเป็นผลจากส้นสูงที่เจ้าตัวใส่ หากถอดออกเขาก็คงจะเตี้ยกว่าเธอด้วยซํ้ากระมัง ถึงแม้ว่าเธอจะใส่ส้นสูงเหมือนกันก็เถอะ...
คะชูเผลอก้าวถอยไปนิดหน่อยที่จู่ๆนายสาวก็ก้าวเข้ามาเสียงจนความนุ่มนิ่มทั้งสองนั้นเกือบจะชนอกเขา
"ฉันมองเห็น'ทุกอย่าง'นั่นแหละ...คะชู"
แพขนตาขาวขยับเปิดขึ้นเล็กน้อยให้ชายตรงหน้าให้ยล
"ท ท่านมิคาสึกิ!!?"
คะชูชะงักไปก่อนจะแทบตบปากตัวเอง เมื่อครู่เขาได้ทำการเสียมารยาทอย่างการตะโกนใส่หน้าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นนายของเขา แถมยังตะโกนชื่อศาสตราเล่มหนึ่งที่มีจันทร์เสี้ยวในดวงตาเหมือนกันนั้นอีก...
ตอนแรกเขาแค่รู้สึกคุ้นหน้าของเธอเท่านั้น แต่พอเห็นเสี้ยวจันทร์ในดวงตาของเธอเขาก็อดที่จะโพลงออกมาไม่ได้
แม้ว่าจันทร์เสี้ยวของหญิงคนนี้จะมีสีแดงซ้อนทับอยู่ก็เถอะ...
"มิคา...สึกิ..."
หญิงสาวนิ่งไป เธอจำได้ว่าก่อนมาที่นี่ เธอกำลังดูดาบที่ชื่อมิคาสึกิมุเนะจิกะอยู่พอดี
แต่พอรู้ตัวอีกทีก็มาอยู่สถานที่แปลกๆอย่างฮงมารุนี่เสียแล้ว
"ข ขออภัยครับนายท่าน!! ข ข้าไม่..."
"ไม่เป็นไรคะชู...เด็กดี"
คะชูที่เพิ่งรู้สึกตัวละลํ่าละลักขอโทษเธอเป็นการใหญ่ เพราะคิดว่าเขาคงต้องโดนโกรธและโดน'ทิ้ง'ด้วยเพราะไปล่วงเกินเธอเป็นแน่
แต่ยังไม่ทันจะได้กล่าวจบประโยค มือเล็กขาวซีดก็ยกขึ้นลูบหัวของเขา แม้นํ้าเสียงที่พยายามจะปลอบประโลมนั้นจะแข็งทื่อราวกับหุ่นกระบอก เขาก็รับรู้ได้ถึงความอ่อนโยนของเธอ
"หากทักทายกันเสร็จแล้ว ต่อไปก็คือการรบนะขอรับ"
คอนโนะสึเกะกระโดดขึ้นมาบนไหล่ของเธออีกครั้ง
"รบ?"
หญิงสาวเอียงคอเล็กน้อยเหลือบมองจิ้งจอกบนไหล่ของตน
"ขอรับ เพื่อเพิ่มประสบการในการต่อสู้กับทัพมารจึงต้องทำการส่งดาบออกไปรบขอรับ"
ร่างบางหลับตาลงเช่นเดิมแล้วหันกายเดินออกจากห้องอัญเชิญโดยมีศาสตราเล่มแรกเดินตามมาเงียบๆ
"...ส่งยังไง"
แม้จะแอบเป็นห่วงชายหนุ่มที่เพิ่งเจอกันไม่ถึง3นาที แต่พอมาคิดๆดูแล้วมันก็สมเหตุสมผลดี อยากเก่งก็ต้องลงสนามจริง
"ทางนี้ขอรับ"
คอนโนะสุเกะบอกทางพลางแอบปาดเหงื่อในใจที่ซานิวะสาวคนนี้ไม่โวยวายจะบีบคอเขาเหมือนซานิวะท่านอื่น
ทั้งหมดเดินมาถึงลานกว้างหน้าฮงมารุ ที่ตรงนั้นมีเครื่องจักรที่คล้ายฟันเฟืองของนาฬิกาอยู่ จิ้งจอกตัวน้อยบอกว่ามันคือสิ่งที่จะกำหนดช่วงเวลาที่จะส่งศาสตราของเธอไปสู่สนามรบ
"งั้น ข้าขอตัวก่อนนะครับ"
"..."
หญิงสาวเพียงพยักหน้าให้เขา คะชูแอบหน้าเจื่อนลงเล็กน้อยก่อนจะปรับฟันเฟืองเพื่อเดินทาง
แสงสีทองสว่างวาบขึ้น ก่อนที่คะชูจะไปเพียงเสี้ยววิเขาก็ได้ยินเสียงหนึ่งที่เรียบนิ่งราวกับเสียงจากเครื่องอัดแต่มันกลับทำให้มุมปากของเขายกสูงอย่างยินดี
'โชคดีนะ...'
"งั้นเราก็ไปโรงตีดาบกันนะขอรับ"
เมื่อทำการส่งดาบแรกลงสนามรบแล้ว คอนโนะสุเกะก็พาเธอไปต่อทันที
"...?"
"อ่า ไปโรงตีดาบก็เพื่อตีดาบใหม่นั่นแหละขอรับ"
ดูเหมือนคอนโนะสุเกะจะได้สกิลการอ่านใจท่านซานิวะมาแล้วล่ะ....
========================================================
รีไรท์ครั้งที่ 1 วันที่ 10/3/60
" 2 " 25/3/60
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
คอนโนะไม่งงเหรอถามจริง