"แต่งงาน!!!? บ้าไปแล้วรึไงห๊ะ!!! ฉันไม่แต่งกับไอ้หมอนั่นหรอกนะ!!!"
ประโยคสุดก้าวร้าวดังขึ้นจากเด็กสาวร่างเล็กที่อายุอานามไม่เกิน15ปีก่อนที่เธอจะกระทืบเท้าปึงปังออกจากบ้านที่เป็นเรือนญี่ปุ่นทันทีโดยไม่สนใจเหล่าผู้อาวุโสที่วิ่งตามกันเป็นพรวน
"คุณหนู!!! กลับมาก่อนครับ!!!"
"คุณหนูคะ!!!"
"โว้ยยยย!!!! หนวกหู!!!"
เพล้ง!!!!
ดูเหมือนเสียงเรียกของพวกเขาจะสร้างความรำคาญและความหงุดหงิดให้แก่เด็กสาวอย่างมาก มือเล็กๆก็คว้าเอาแจกันลายสวยราคาแพงขึ้นก่อนจะปาลงพื้นเต็มแรงทำให้คณะผู้อาวุโสต้องชะงักฝีเท้ากันแทบไม่ทัน
"ฮึ่ย! อย่ามาเรียกฉันว่าคุณหนู!!! พวกแกมันก็แค่สุนัขรับใช้ตาแก่นั่นเท่านั้นแหละ!!! ไสหัวไปให้หมด!!!!"
เพล้ง!!!!
และแจกันอีกหลายใบก็กลายเป็นเศษกระเบื้องตามๆกันไป รวมถึงกรอบรูปทั้งเล็กใหญ่เท่าที่จะคว้าได้ก็ถูกปาทิ้งอย่างไม่ใยดีจนผู้ติดตามถึงกับเข่าทรุดกับค่าเสียหายที่ทะลุหลักล้าน
เด็กสาวยังคงเดินเร็วๆจนแทบเป็นวิ่งเพื่อออกจากบ้านหลังใหญ่จนแทบเรียกได้ว่าเป็นคฤหาสญี่ปุ่นจนกระทั่งมาถึงโรงรถได้สำเร็จ
บรื้นนน!!!!!
ร่างเล็กเพรียวตวัดขาขึ้นนั่งบนมอเตอร์ไซยี่ห้อดังสีดำก่อนจะสวมหมวกกันน็อคและสตาร์ทออกไปทันทีจนคนรับใช้เปิดประตูให้แทบไม่ทัน
เธอบิดเร่งเครื่องยนต์จนความเร็วทะลุ200กิโลเมตรต่อชั่วโมงแต่กระนั้นเธอก็ยังคงเพิ่มความเร็วเรื่อยๆ เพราะบริเวณนี้เป็นเส้นทางตัดตรงผ่าภูเขา ซึ่งภูเขาลูกนี้ก็เป็นพื้นที่ส่วนบุคคลที่ตั้งของเรือน'ไฮสึกิ' ตระกูลคนทรงเก่าแก่อายุกว่าร้อยปีหรือก็คือภูเขาลูกนี้เป็นของเธอ ทายาทคนทรงที่เป็นผู้หญิงคนแรกของตระกูล
ส่วนสาเหตุการทะเลาะของเธอกับพวกผู้อาวุโสก็คือกฏบ้าๆของตระกูลที่ว่า
'หากตระกูลไฮสึกิได้ให้กำเนิดทายาทเป็นเด็กผู้หญิง เธอจะต้องเป็นคู่หมั้นของลูกชายตระกูลคนทรงที่เป็นเครือญาติกัน'
หรือก็คือเธอต้องแต่งกับลูกพี่ลูกน้องตัวเองและต้องให้กำเนิดทายาทภายใน1ปีหลังจากที่แต่ง!!!!
"บ้าบอ!!!! บ้าบอที่สุด!!!!!!!"
เฟี้ยว!!!
เธอขับตรงดิ่งลงจากภูเขาบวกกับความเร็วที่สะสมมาทำให้รถยิ่งพุ่งแรงขึ้นอีกจนน่าหวาดเสียว
แต่สุดท้ายพอใกล้ถึงตีนเขาเธอก็ยอมผ่อนความเร็วลงจนมาหยุดจอดที่ศาลเจ้าอันเปรียบเสมือนประตูบ้านของตระกูลเธอเอง
เด็กสาววัย14ย่าง15ในชุกเสื้อฮู้ดแขนกุดสีเทาและกางเกงขาสั้นสีดำเดินกระทืบเท้าจนส้นรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อกระทบพื้นดังเป็นจังหวะจนกระทั่งเธอสามารถเดินมานั่งที่พื้นไม้ยกสูงของศาลเจ้าได้สำเร็จ
เธอยกขาขึ้นมาและกอดเข่าเอาไว้พร้อมกับซุกใบหน้าลง
เรือนผมสีครามเข้มมัดทวิลเทลลวกๆพริ้วไหวตามแรงลมที่พัดผ่านราวกับกำลังจะปลอบใจ ทำให้ความหงุดหงิดและความเครียดสะสมจากที่บ้านเริ่มคลายลง
"เกลียดที่สุด..."
บ้านแบบนั้น...ทำไมฉันต้องเกิดมาเป็นผู้หญิงคนแรกของตระกูลด้วย แล้วยังกฏปัญญาอ่อนนั่นอีก ใครเป็นคนคิดฟะ! แม่จะตามไปตบเกรียนให้!!
ด้วยความเหนื่อยทั้งทางกายและใจบวกกับบรรยากาศร่มเย็นของศาลเจ้าและธรรมชาติทำให้เปลือกตาเริ่มหนักอึ้ง
'งีบสักหน่อยแล้วกัน...'
คิดเสร็จก็เริ่มเลื้อยตัวลงกับพื้น เอาแขนหนุนหัวแล้วเข้าสู่นิทราไปอย่างง่ายดาย
สำหรับเธอ ที่ศาลเจ้าแห่งนี้นั้นปลอดภัยที่สุดถึงแม้มันจะเป็นแค่ประตูหน้าบ้านก่อนเข้าเรือนใหญ่ก็เถอะ แต่พวกผู้อาวุโสสุดครํ่าครึนั้นไม่มีทางก้าวออกมาถึงที่นี่แน่นอน เธอจึงหลับได้อย่างสบายใจ...
"..."
ก่อนที่จะหลับไปจริงๆ เสียงเพลงแว่วหวานก็ดังคลอมากับสายชมราวกับจะปลอบประโลมและขับกล่อมให้ฝันดี
แม้ในใจเด็กสาวเธออยากจะตามหาที่มาของมัน แต่ความง่วงบวกกับเพลงกล่อมทำให้ไม่อยากขยับตัวลุกขึ้นแม้เพียงกระดิกนิ้ว
และในที่สุดเธอก็หลับเสียที....
"อืม..."
เปลือกตาบางลืมขึ้นเผยจันทร์เสี้ยวสองสีบนผืนนภาสีครามก่อนที่ร่างจะค่อยๆขยับลุกขึ้นนั่งและบิดตัวไล่ความเมื่อยล้า
"หลับสบายเลยเรา....ซะที่ไหนเล่า! ที่นี่มันที่ไหนฟะ!!!"
เด็กสาวลุกขึ้นยืนพรวดจนเผลอกระทืบพื้นดังตึง ใบหน้างามออกอาการเหลอหราแต่ความหงุดหงิดและงุนงงมีมากกว่าทำให้เธอดูน่าตลกไม่น้อย
เด็กสาวกวาดสายตาไปรอบๆ เธออยู่ในห้องแบบญี่ปุ่นที่โล่งและกว้างราวๆ20เสื่อได้
ใต้เท้าของเธอคือฟูกนอนสีขาวหนานุ่มและข้างๆฟูกมีชุดกิโมโนสีดำมีลายซากุระสีชมพูแดงที่ปลายของชุดและแขนเสื้อพร้อมกับกระดาษโน๊ตสีขาว
เธอหยิบชุดขึ้นมาและหยิบกระดาษขึ้นอ่านอย่างแปลกใจ
[ถ้าตื่นแล้วก็สวมชุดนี้นะครับ ผมรอคุณอยู่
ปล. หากคุณใส่ไม่เป็นก็เรียกคนของผมได้และเธอจะพาคุณมาหาผมเอง]
ใครฟะ??
อีตาคู่หมั้น? ไม่ๆ พวกเรายังไม่เคยเจอกันด้วยซํ้า แม้แต่เงาก็ไม่เคยเห็นนอกจากรูปถ่ายใบเดียวที่เห็นแค่3วิก็ถูกเธอฉีกทิ้งจนจำหน้าไม่ได้
เด็กสาวยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจแล้วขยํ้ากระดาษนั้นทิ้งไปก่อนจะหันมาคลี่ชุดออกดู
"เอิ่ม..."
ใส่ไม่เป็นอ่ะ...
"มีใครอยู่ไหม??"
เด็กสาวตะโกนขึ้น ในกระดาษนั้นบอกว่าให้เรียกได้เธอก็เรียก แม้มันจะดูเสียมารยาทที่ไม่มีคำลงท้ายก็เถอะแต่จะให้มาพูด 'คะ ขา' เนี่ยมันกระดากปากเกินไป
"ขออนุญาตค่ะ"
เพียงไม่นานก็มีเสียงผู้หญิงดังขึ้นด้านนอนพร้อมกับประตูกระดาษที่เลื่อนเปิดออกอย่างแผ่วเบา
หญิงสาวร่างบางในชุดกิโมโนสีเหลืองอ่อนลายซากุระแดงดูอ่อนหวานและองอาจอย่างน่าประหลาดค่อยๆก้าวเข้ามา
เรือนผมสีดำสนิทดุจเส้นไหมทิ้งตัวยาวระสะโพก บางส่วนถูกมวนและปักปิ่นไว้พองาม
แต่ใบหน้ากลับถูกปกปิดด้วยหน้ากากจิ้งจอกเผยแค่ใบหน้าส่วนล่างให้เห็นเพียงริมฝีปากสีพีชเท่านั้น
"ข้าจะช่วยแต่งตัวให้นะคะ"
"อ่า อืม..."
แม้จะแปลกใจในการแต่งกายและคำแทนตัวของอีกฝ่ายแต่เธอก็ไม่ได้ซักไซร้อะไรผิดวิสัยพูดมากและติดจะปากเสียนิดๆ
เวลาผ่านไปไม่นานนักเธอก็ถูกจับใส่ชุดกิโมโนเรียบร้อย ส่วนผมนั้นถูกปล่อยสยายถึงกลางหลังและจัดทรงอย่างดีจนตรงสวย
"งั้นตามข้ามานะคะ นายท่านรอท่านอยู่"
พูดจบแม่สาวหน้ากากจิ้งจอกก็เดินนำไปทันทีจนเด็กสาวต้องก้าวตามเร็วๆเพราะชุดทำให้วิ่งไม่ได้
แต่ไหงแม่สาวนั่นเดินเร็วจังฟะ! ทั้งที่ใส่ชุดเหมือนกันแท้ๆ!!?
"ทางนี้ค่ะ"
ไม่นานนักทั้งคู่ก็มาถึงห้องใหญ่ สาวหน้ากากเลื่อนเปิดประตูให้เธอเข้าไปก่อนจะปิดไล่หลัง
'ถอยไม่ได้สินะ'
เด็กสาวมองดูรอบกายอย่างสนอกสนใจก่อนจะเบ้หน้าเมื่อเห็นแต่กองหนังสือกระจัดกระจายอยู่ตามมุมไม่ก็กองเป็นตั้งหลายๆตั้ง รวมทั้งชั้นหนังสือที่แทบจะกลายเป็นผนังห้องอีกชั้น
เธอเกลียดหนังสือ...
"อ่า โทษทีนะ ห้องผมค่อนข้างรกน่ะ~"
"เฮือก!!"
เด็กสาวสะดุ้งและขยับกายหนีทันทีและหันไปด้านหลังของตน
"โอ๊ะ? ทำให้ตกใจหรอ ขอโทษนะ~"
เจ้าของเสียงทุ้มนุ่มยกยิ้มบางก่อนจะก้าวออกมาจากมุมมืด
ชายร่างสูงหุ่นบางราวกับสตรี ผมสีขาวแซมชมพูยาวระสะโพกมัดรวบไว้หลวมๆพาดมาที่บ่าข้างซ้ายด้ายเชือกสีแดง ผิวขาวใสราวกับเอาโอโม่มาฟอกและนัยน์ตาสองสีแปลก
เขาอยู่ในชุดยูกาตะสีขาวกางเกงฮากามะแดงราวกับมิโกะในศาลเจ้า
"อ่า เราไปนั่งจิบชากันไหมครับ?"
ไม่รอคำตอบ เขาเดินลิ่วเขี่ยกองหนังสือตามทางและเปิดประตูเลื่อนด้านในสุดออก เผยให้เห็นสวนญี่ปุ่นขนาดย่อมที่มีต้นซากุระผลิดอกอยู่ไม่ไกลและแสงจากจันทราดวงโตช่วยขับให้สวนสวยขึ้นอีกเท่าตัว
"เชิญครับ~"
ชายหนุ่มยกเบาะมาวางไว้ริมระเบียบนั่งชมซากุระสองเบาะ เขานั่งลงและเริ่มชงชาก่อนจะเทใส่แก้วดินเผาสองแก้วที่ตั้งอยู่ข้างจานขนมที่ไม่รู้ว่าเอามาจากไหน
เด็กสาวได้แต่มองอย่างงงๆแต่ก็ยอมเดินมาทรุดตัวลงนั่งบนเบาะข้างๆที่ตรงกลางระหว่างทั้งสองเป็นแก้วชาและจานขนม
"มืดแล้วหรอ"
เด็กสาวมองออกไปนอกระเบียง...
หวังว่าพวกตาแก่จะไม่โวยวายน่ารำคาญนะ
"คุณหลับไปนานพอตัวเลยล่ะครับ...เหนื่อยรึเปล่า?"
เด็กสาวหันมาอย่างไม่เข้าใจคำถามก็พบเพียงใบหน้างามเกินชายกำลังมองมาเช่นกัน...ไม่สิ เขามองเลยหัวเธอไปต่างหาก
เธอลองยกมือขึ้นโบกไปมาตรงหน้าเขาแต่ก็ยังไร้ปฏิกิริยาใดๆ
มองไม่เห็น??
"อ่า จริงสิ ผมลืมบอกไปว่าผมมองไม่เห็นหรอกนะครับ...ว่าแต่ คุณคงไม่ได้กำลังจะทำอะไรแปลกๆกับผมนะ?"
ยูเรย์ชะงักมือที่กำลังจะโบกลงไปบนหัวสีชมพูเพื่อพิสูจน์ความคิดของตัวเองแล้วหันมายกแก้วชาขึ้นจิบแทน
"คุณอาจสงสัยในตัวผม แต่ว่าอย่างสงสัยเลยครับ รู้แค่ว่าผมอยู่ข้างคุณก็พอ"
พูดจบก็ยกแก้วชาขึ้นซดเบาๆและนั่งยิ้มเหม่อออกไปที่ต้นซากุระ
เด็กสาวมองเขานิ่งๆ...
"ยูเรย์..."
"ครับ?"
"ไฮสึกิ ยูเรย์...คือชื่อของฉัน"
"ผมซากุไรครับ~"
ประโยคแนะนำตัวสั้นๆจบลงเพียงเท่านั้น ทั้งสองนั่งจิบชากินขนมชมบรรยากาศยามคํ่าคืนและต้นซากุระไปเรื่อยๆจนชายหนุ่มวางแก้วชาลง
"พักผ่อนเถอะครับ พรุ่งนี้ผมจะไปส่งที่ศาลเจ้า"
ซากุไรลุกขึ้นตามด้วยยูเรย์ที่ลุกตามก่อนที่เธอจะคว้าแขนเสื้อของเขาไว้
"ที่นี่ที่ไหน นายลักพาตัวฉันมาจากศาลเจ้าหรอ?"
ชายหนุ่มไม่ตอบในทันที เพียงแต่ยิ้มบางๆและวางมือลงบนหัวของเธอและโยกไปมาเบาๆ
"ความ~ ลับ~"
พูดจบเขาก็เดินหนีหายไปทันทีทิ้งให้เด็กสาวยืนสตั๊นอยู่นานจนสาวหน้ากากจิ้งจอกคนเดิมเข้ามาเรียกถึงได้สติ
"ชิ แค่ครั้งนี้ล่ะน่า..."
เธอบ่นอุบก่อนจะยกมือขึ้นวางบนหัวตำแหน่งเดียวกับที่อีกคนวาง
ความรู้สึกอุ่นวาบในใจทั้งๆที่ไม่ชอบให้ใครเล่นหัวแท้ๆ แต่กลับชายที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกแถมยังรู้แค่ชื่อมันกลับรู้สึกแปลกใหม่...
หญิงสาวหน้ากากพาเธอกลับมาห้องเดิมและบอกให้เธอพักผ่อนก่อนจะจุดกำยานกลิ่นหอมจางๆไว้ให้
ยูเรย์ค่อยๆปิดเปลือกตาลงอย่างง่ายดายก่อนจะหลับไป...
"เหอ?"
เด็กสาวกระพริบตาปริบๆ เธอตื่นขึ้นมาที่ศาลเจ้าเดิมในตอนเย็น ชุดของเธอก็เป็นเสื้อฮู้ดแขนกุดตัวเดิมไม่ใช่กิโมโนสีดำ...
ฝัน??
สิ่งที่สัมผัสได้ทั้งบรรยากาศ รสของชาและขนม กลิ่นของหนังสือและกำยานมันสมจริงเกินกว่าจะบอกว่าเป็นความฝัน...
"ไม่ได้ฝันหรอก"
"เชี่ย!!!"
ผลัก!!!
ชายหนุ่มที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหนปรากฏตัวขึ้นอย่างกระทันหันทำให้เธอตกใจจนเผลอถีบไปเต็มๆใบหน้างามนั้นจนเจ้าตัวหงายหลังนอนกุมใบหน้าโดยไร้เสียงร้องเพราะจุก...
"ห หวา!! ป เป็นไรไหม!!?"
"โอยย ไม่เท่าไหร่ครับ แค่ปากแตกเอง"
ซากุไรค่อยๆลุกขึ้นนั่งโดยมีเด็กสาวทอดมองมาอยู่ไม่ไกล
เลือดสีสดไหลจากมุมปากนิดๆยืนยันคำของเขาว่าไม่ได้ประชดแต่อย่างใด
"อ่า ขอโทษแล้วกัน ว่าแต่ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?"
ยูเรย์ประคองร่างสูงมานั่งบนพื้นศาลเจ้าข้างๆกันก่อนจะถามสิ่งที่อยากรู้พร้อมกับยื่นผ้าเช็ดหน้าให้
"ความลับครับ~"
ชายผมยาวยังคงไว้ซึ่งรอยยิ้มบางเบาแม้จะเจ็บปากก็ตาม
ส่วนเด็กสาวนั้นมุ่ยหน้าลงนิดแต่ก็ไม่ถามอะไรต่อ
"ผมมาส่งน่ะ กลับบ้านได้แล้วนะครับ"
"ไม่กลับ!!!"
พอพูดถึงเรื่องบ้าน เด็กสาวก็ชักสีหน้าขึ้นทันที ร่องรอยความไม่พอใจและโกรธเคืองฉายชัดจนชายหนุ่มได้แต่ยิ้มแห้ง
แม้จะไม่เห็น แต่นํ้าเสียงนั้นทำให้เขาจินตนาการใบหน้าของเธอออกได้ไม่ยาก
"งั้น มีอะไรไม่สบายใจก็เล่ามาได้นะครับ"
นัยน์ตาสองสีมองเธอเล็กน้อยก่อนจะหันมาทอดมองออกไปไกล นํ้าเสียงอ่อนโยนราวกับจะปลอบประโลมนั้นทำให้เธอเอ่ยปากเรื่องงานหมั้นและเงื่อนไขที่ทำให้เธอต้องแต่งงานทั้งที่อายุยังน้อยและยังลามไปถึงปัญหาต่างๆนานาที่ตระกูลของเธอโยนมาให้จนเวลาล่วงเลยไปถึงยามคํ่าคืน
"งั้นหรอครับ ลำบากน่าดูเลยนะครับ"
ซากุไรเอ่ยมาสั้นๆก่อนจะเงียบไป
"ผมเข้าใจนะครับ แต่ยังไงคุณก็ปฏิเสธมันไม่ได้อยู่ดี"
ยูเรย์ตั้งท่าจะเถียงแต่กลับถูกนํ้าเสียงอ่อนโยนนั้นขัดไว้
"สิ่งที่เรียกว่า 'หน้าที่' น่ะ มันหนักหนากว่าที่คุณคิดเยอะนะครับ..."
"แต่ฉัน..."
"เพียงคุณเปิดใจสักนิด คุณจะยอมรับมันได้เองนั่นแหละครับ~"
ซากุไรผินหน้ามาจากดวงจันทร์บนฟ้า
ใบหน้างามเกินชายส่งยิ้มอ่อนละมุนให้ราวกับจะขับกล่อมให้คล้อยตามถ้อยคำที่เอื้อนเอ่ย
"..."
เด็กสาวทำแค่เพียงก้มหน้าลงก่อนจะลุกขึ้นเดินไปที่มอเตอร์ไซค์คันงามแล้วหยิบเอาหมวกกันน็อคมาใส่พร้อมกับขึ้นคร่อมรถสีดำสนิทก่อนจะสตาร์ทเครื่องออกไปทันทีโดยมีจุดหมายคือเรือนใหญ่บนยอดเขา...
"กลับดีๆนะครับ"
ชายหนุ่มเอ่ยอย่างแผ่วเบา ฝากเสียงไปกับสายลมพร้อมรอยยิ้มบางที่ประดับอยู่บนหน้าไม่เสื่อมคลาย
"นายท่าน..."
กลุ่มหมอกสีขาวขุ่นก่อตัวขึ้นก่อนจะสลายไป แทนที่ด้วยร่างของชายหนุ่มเรือนผมสีขาวโพลนที่มีหูทรงสามเหลี่ยมประดับ
ใบหน้าหล่อเหลาแต่งแต้มสีแดงเป็นลวดลายที่เข้ารับกับใบหน้าอย่างลงตัวและพวงหางสีเหลืองทองที่ขยับไปมาเบาๆที่ด้านหลัง...
เขาคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าของชายหนุ่มที่ยังคงปั้นรอยยิ้มประดับไว้พร้อมกับสายตาที่ไม่จดจ่อกับสิ่งใด
"เด็กก็เหมือนผ้าขาว แต่งแต้มสีใดก็ย่อมเป็นตามนั้น~ ว่างั้นไหมคอนโนะสุเกะ~~"
"อย่ามัวแต่เล่นสิขอรับ"
ผู้ถูกเรียกว่าคอนโนะสุเกะทำสีหน้าเหนื่อยหน่ายที่มีนายเหนือหัวเป็นพวกเห็นทุกอย่างเป็นของเล่นแบบนี้
"น่าๆ อีกไม่นานหรอก..."
พลันรอยยิ้มนั้นก็หายไป ปรากฏเพียงใบหน้าเรียบนิ่งยามที่กลีบซากุระนับร้อยพันเข้าโอบล้อมร่างและสลายไป
รูปลักษณ์แท้จริงที่เป็นถึงเทพจิ้งจอกเงินถูกเผยท่ามกลางแสงจันทร์ยิ่งขับเน้นให้เรือนผมและพวงหางสีเงินทั้ง9นั้นยิ่งงดงาม
"ข้าจะ แก้ไขมันให้ได้...ความผิดพลาดในชาติก่อน"
ความผิดที่สร้างดาบนั่นขึ้นมา ความผิดที่มักง่ายนำจิตอาฆาตนั้นใส่ในเด็กคนนั้น...
หากไม่รีบ อีกไม่นานดวงจิตนั้นจะต้องครอบครองร่างนั้นจนสำเร็จและสร้างความเดือดร้อนอีกเป็นแน่
"เงื่อนไขผนึก ขาดแค่อย่างเดียวแล้วนะขอรับ"
"อืม..."
การผนึกจิตดวงนั้น เขาต้องและเปลี่ยนกับดวงตาทั้งสอง ร่างกายของเขา จิตใจของยูเรย์...
และวิญญาณบริสุทธิ์ของทายาทไฮสึกิ
ซึ่งสองอย่างหลังนั้นยังไม่ถึงเวลา...ต้องรอไปก่อน
ตอนนี้จึงทำได้แค่ใช้ 'ผนึกร้อยบุปผา' กันเอาไว้ก่อน แต่อีกไม่กี่ปีก็คงจะเอาไม่อยู่...
"อีก3ปี เธอจะแต่งงานและมีลูกในปีเดียวกัน...จากนั้นอีก2ปีคือเวลาที่กำหนด..."
อายุของเธอก็จะครบ20ปีพอดี ถึงตอนนั้นเธอคงลดความพยศลงไม่มากก็น้อย
"ระหว่างนี้ข้าคงต้องตีสนิทไปก่อนล่ะนะ"
คอนโนะสุเกะไม่กล่าวอะไรตอบนอกเสียจากเตรียมตัวกลับสู่ที่พำนักของเทพอินาริ ผู้ให้กำเนิดจิ้งจอกเก้าหางตรงหน้านี่...
กลีบซากุระพัดพามาและหมุนวนรอบกายของชายหนุ่มก่อนจะหายไปพร้อมๆกับกลุ่มหมอกของจิ้งจอกรับใช้
"ได้เวลาแล้วนะคะคุณหนู"
"..."
เด็กสาวเพียงพยักหน้ารับคำของสาวใช้ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นสำรวจตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายที่หน้ากระจกบานใหญ่
หญิงสาววัย18ปีในชุดพิธีแบบญี่ปุ่นสีขาว ใบหน้าถูกแต่งแต้มเสียหนาเตอะแต่ก็ไม่อาจจะลบออกได้จนกว่าจะจบพิธี
3ปี...
ยูเรย์มองเงาสะท้อนของตนอย่างสงบ
ตลอดระยะเวลา3ปี ชายตาบอดผู้นั้นมักแอบแวะเวียนมาหาเธอเสมอไม่ก็เธอเองที่ลงไปหาเขา พวกเธอสนิทกันขึ้นเรื่อยๆ
เธอคิดว่า หากมีพี่ชายความรู้สึกก็คงประมาณนี้จึงได้พลั้งปากขอเป็นน้องสาวของคนๆนั้นไป ซึ่งเขาก็ทำแค่ยิ้มรับอย่างน่าหมั่นไส้จนเธอเผลอดร็อปคิกค์ใส่ไปเสียจนอีกฝ่ายหลังยอก(?)
มุมปากบางที่ถูกฉาบด้วยสีแดงสดกระตุกขึ้นเล็กน้อยอย่างขบขับ
การรู้จักกับคนๆนั้นทำให้เธอที่เคยแก่นกะโหลก เอาแต่ยกพวกตีกับคู่อริเมื่ออยู่ที่โรงเรียนเพราะตัวเองเป็นถึงบอสหญิงของแก๊งอันธพาลที่ใหญ่สุดของโรงเรียนและใหญ่ที่สุดในเขตนี้กลายเป็นผู้หญิงที่เอื่อยเฉื่อยและเยือกเย็นได้ถึงเพียงนี้
ด้วยอุปนิสัยของซากุไรที่เรื่อยๆเอื่อยๆและชอบยิ้มรับทุกสิ่งทันทำให้เธอเผลอซึมซับมาจนแทบจะกลายเป็นคนหน้ายิ้มตามแต่ก็นั่นแหละ ถ้าเธอยิ้มตลอดเวลาก็โดนหาว่าบ้ากันพอดี เธอเลยกลายเป็นคนหน้านิ่งไปซะงั้น
ยูเรย์หันตัวออกไปจากห้องเมื่อสาวใช้เอ่ยเรียกอีกรอบ
วันนี้ เธออายุได้18ปี วันแต่งงานของเธอ
แม้จะเร็วไปสำหรับเด็กในยุคนี้ แต่มันคือ 'หน้าที่' ของตระกูลและ 'กฏ' ที่ต้องทำตาม
ถึงจะเสียดายชีวิตวัยเรียนและเสียดายช่วงเวลาสนุกสนานกับลูกน้องในแก๊ง
แต่มันคือ 'หน้าที่' ...
มันก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ...
เจ้าบ่าวของเธอเป็นลูกชายตระกูลคนทรงที่ยิ่งใหญ่พอๆกับตระกูลของเธอ
ทั้งสองบ้านเป็นพันธมิตรมาแต่โบราณตั้งแต่ก่อตั้งตระกูล ทำให้มีสัมพันธ์เชื่อมโยงกันแน่นแฟ้น
และกฏที่เธอเผชิญอยู่ก็เป็นผลจากผู้ก่อตั้งทั้งสองที่ต่างเป็นชายและหญิงที่รักกัน แต่ชะตาทำให้ไม่อาจครองคู่จึงได้ตั้งกฏ1ข้อว่า หาทั้งสองฝ่ายมีบุตรที่เป็นชายหญิงจะให้ทั้งสองครองคู่กันอย่างไร้ข้อแม้
แปลกเนาะ เรื่องของทวดแต่เอามาลงกับเหลน...
เวลาผ่านไปพิธีก็จบลง
ถามว่าเธอยอมรับได้อย่างไรกับการแต่งงาน?
ก็แค่ 'เปิดใจ'
เจ้าบ่าวของเธอก็เป็นคนดี เป็นหนุ่มอายุมากกว่าราวๆ2ปีและดูสุภาพเจ้าสำอางเล็กน้อย
ก็น่ารักดี...
และในปีเดียวกันหลังจากงานแต่งเพียง3เดือนก็มีข่าวดี
เธอกำลังจะเป็นแม่...
ครอบครัวทั้งสองฝ่ายดูแลถะนุดถนอมเธอดีมาก สามีของเธอก็ยิ่งเอาใจ
เธอยอมรับจากใจจริงว่ามันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้
แล้ววันหนึ่ง ตอนบ่ายๆที่อากาศปลอดโปร่ง เธอนั่งเล่นอยู่ที่ริมระเบียง จิบชาชมซากุระที่เริ่มผลิดอกจนมีสีชมพูสวย
มือบางลูบท้องที่ป่องนูนด้วยอายุครรถ์8เดือนเศษด้วยรอยยิ้ม...
"สายัณห์สวัสดิ์ครับ น้องสาวที่รัก~"
"พี่!!?"
ยูเรย์ยกมือขึ้นปิดปากหันซ้ายหันขวาไม่เห็นใครก็ละมือออกพร้อมกับถอนหายใจยาวก่อนจะยกยิ้มมองผู้ที่หายหน้าหายตาไปเกือบปี
"พี่หายไปนานเลยนะคะ"
"อืม ทางนู้นมีเรื่องยุ่งยากนิดหน่อยน่ะ~ ว่าแต่เจ้าตัวน้อยเป็นไงบ้างเอ่ย~~?"
ไม่พูดเปล่า เขายกมือขึ้นทาบที่หน้าท้องนูนของเธอและหลับตาพริ้มแม้ว่ามันจะไม่ต่างกันเลยกับตอนลืมตาก็ตาม
"แข็งแรงดีค่ะ ทุกคนดูแลฉันอย่างดี อีกไม่นานเธอจะออกมาเล่นกับพี่แล้วล่ะค่ะ"
ยูเรย์ระบายยิ้มเต็มหน้า นํ้าเสียงของเธอทำให้ชายหนุ่มอดยิ้มตามไม่ได้
"ดีแล้วล่ะ..."
"ว่าแต่พี่เข้ามาแบบนี้ไม่เป็นไรหรอ?"
เธอถามอย่างกังวล เพราะช่วงนี้พวกผู้อาวุโสตั้งเวรยามกันแน่นหนา อ้างว่ากลัวคนลอบทำร้ายเธอ
"อ่า พี่ซะอย่าง~"
ซากุไรยิ้ม แว้บนึงที่นัยน์ตาสองสีเป็นประกายพาดผ่านเมื่อนึกถึงเหล่าชายชุดดำที่เฝ้าอยู่รอบบ้านกำลังอยู่ใน 'มนต์จิ้งจอกนิทรา'
"หรอคะ"
ยูเรย์ไม่ถามอะไรต่อและชักชวนให้เขานั่งเล่นด้วยกัน
จวบจนกระทั่งท้องฟ้าเริ่มมีสีส้มอยู่ประปลายเขาจึงแยกออกจากเธอมา
"เอาล่ะรีบเข้าเรือนได้แล้วนะ เดี๋ยวไม่สบายขึ้นมาจะแย่เอา"
"ค่าาา"
ยูเรย์รับคำก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นโดยมีพี่ชายร่วมสาบาณประคองอยู่
"ไปนะ~"
เธอไม่ตอบแต่ยิ้มส่งและมองร่างที่ดูจะบอบบางพอๆกับเธอค่อยๆห่างออกไปจนมองไม่เห็น
"นายท่านคะ! รีบเข้าเรือนกันเถอะค่ะ เดี๋ยวจะป่วยเอานะคะยิ่มมีเจ้าตัวเล็กอยู่ด้วย!"
ทันทีที่ชายหนุ่มหายไป ร่างเล็กของเด็กสาวตัวน้อยที่อายุราวๆ15ปีก็โผล่มาเอ็ดเธอเสียยกใหญ่พลางประคองเธอไป
เธอคือ 'มิกิ' เด็กผู้หญิงที่เธอเจอโดยบังเอิญและรู้สึกถูกชะตาจึงนำมาเป็นเมดส่วนตัวเมื่อตอนที่เธอตั้งครรถ์ใหม่ๆ
"โถ่ มิกิ เธอเป็นเมดส่วนตัวหรือแม่กันฮะ~?"
"นายท่านคะ! ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่องเลยนะคะ"
"คิก~ ขอบคุณนะ มิกิ"
"ข ขอบคุณอะไรกันคะ!?"
"ก็ ที่ดูแลมาตลอด...ขอบคุณนะ"
"ค่ะ"
สองนายบ่าวอมยิ้มกันไปและกลับเข้าเรือนเพื่อร่วมทานอาหารเย็นก่อนจะเข้านอนตามกิจวัฒรประจำของเธอ
"..."
" 'หน้าที่' เป็นคำที่ชวนคลื่นไส้ชะมัด...ว่างั้นไหมคอนคุง~?"
"แล้วแต่ท่านจะคิด แต่ตอนนี้ท่านควรจะกลับไปทำหน้าที่ของท่านที่ฮงมารุได้แล้วนะขอรับ"
คอนโนะสุเกะที่อยู่บนหลังคาเยื้องไปด้านหลังของร่างบางเหลือบมองผู้เป็นนายอย่างเหนื้อยใจ
"อ๊าา คอนคุงอ่ะ ข้าเพิ่งปลีกตัวมาได้ไม่ถึงครึ่งวันเองนะ"
ผู้เป็นถึงจิ้งจอกเก้าหายทำหน้าเบ้นิดๆเมื่อคิดถึงกองเอกสารที่ทิ้งไว้ให้นายดาบผู้หนึ่งจัดการก่อนจะแอบหนีออกมา
"อย่าทำตัวเป็นเด็กสิขอรับ อายุก็ปาไปกี่พันปีแล้ว คำว่าทวดก็ไม่พอเรียกแล้วขอรับ"
"คอนโนะสุเกะ!!"
ก่อนที่จะได้ทำอะไร ร่างสูงของจิ้งจอกหนุ่มก็หายไปกับกลุ่มหมอก ทิ้งให้นายเหนือยืนหน้าหงิกอยู่บนหลังคาตระกูลไฮสึกิ
"ชิ จำไม่เห็นได้ว่าเจ้าจะกวนประสาทเก่งแบบนี้นะ"
ซากุไรคาดโทษจิ้งจอกหน้าตายไว้ในใจก่อนจะยกยิ้มบางด้วยนัยน์ตาเลื่อนลอย
"ขอโทษนะคุณน้องสาว...แต่เจ้าจะได้รู้ซึ้งแล้วว่าพี่ชายคนนี้มันน่ารังเกียจแค่ไหน"
ดวงตาทอประกายหม่นออกมาวูบหนึ่งก่อนที่กลีบซะกุระจะละจากต้นมาโอบล้อมร่างสีเงินจนหายไปราวกับไม่เคยมีผู้ใดอยู่ตรงนั้นมาก่อน...
"ขอรับวิญญาณของเจ้าไปล่ะนะ"
ในคืนวันเกิดครบรอบ2ปีของเจ้าตัวน้อยที่เป็นแก้วตาดวงใจของหญิงสาวผู้ไม่เคยรู้จักความรักแท้จริง
เขาปรากฏตัวในงานวันเกิดของลูกของเธอ...
พร้อมกับดาบสีขาวพิสุทธิ์ราวกับหิมะในฤดูเหมันต์...
"พี่..."
ยูเรย์ในวัย20ปีมองผู้ที่เปรียบเสมือนพี่ชายที่เคารพรักอย่างสับสน
รอบกายของเธอถูกอาบด้วยสีแดงฉานและกลิ่นคาวคละคลุ้งชวนอาเจียน
และในอ้อมแขนของเธอคือร่างของเด็กน้อยที่นิ่งสงบผิดธรรมชาติ
"มัน หมายความว่าอะไรกันคะ"
ยูเรย์ยังคงคเนหาคำตอบในดวงตาสองสีที่เลื่อนลอยของชายตรงหน้า แต่ทว่าตอนนี้มันกลับดูเย็นเฉียบเสียงจนอดที่จะสั่นกลัวไม่ได้
กลัว?
พรึบ!
"อยู่เฉยๆ"
พริบตาเดียวร่างสูงก็มาอยู่ตรงหน้าพร้อมฝ่ามือขาวที่ทาบทับลงมาที่ตาทั้งสองก่อนที่ร่างจะหนักอึ้งจนต้องทรุดกายลงคุกเข่าเอามือยันพื้นไว้
เด็กน้อยถูกเปลี่ยนมือจากมารดาไปสู่มือของจิ้งจอกสีเงิน
"ม ไม่"
หญิงสาวเงยหน้าอย่างยากลำบาก เปลือกตาก็เริ่มจะหนักตาม
ไม่ได้! หลับไม่ได้!!!!
"...ขอโทษ"
ฉึก!!!!!!!!!
ตัวดาบสีขาวถูกย้อมด้วยสีแดงสด
ซากุไรชักดาบออกปล่อยให้ร่างเล็กๆร่วงหล่น หากแต่พวงหางสีเงินกลับมารับร่างนั้นไว้ก่อนจะถึงพื้น
ยูเรย์เบิกตากว้างมองร่างของสายเลือดตนที่ถูกพรากจากโดยไร้คำใดๆเอื้อนเอ่ย
เสียงทุ้มนุ่มแว่วดังเป็นทำนองประหลาดหากแต่มันไม่เข้าโสตประสาทของเธอเลย
หูของเธออื้อและดวงตาพร่าไปหมด สิ่งสุดท้ายที่รับรู้คือความกลัวค่อยๆหายไป
ประสาทสัมผัสของเธอหายไป...
"จดจำวันนี้ไว้ซะ..."
และนั่นคือคำสุดท้ายที่เธอได้ยิน
"และจงรู้ไว้ว่า 'ข้าทำได้ทุกอย่างเพื่อตัวข้าเอง' "
THeEnD
========================================================
หลังจากนั้นนางก็กลายเป็นคนเงียบ เย็นชาและหน้าตาย สิ่งที่เหลืออยู่คือเมดสาวมิกิ และทรัพย์สินบางส่วนให้สร้างตัวใหม่
ส่วนสามีของเธอก็หายจ๋อง ไม่ปรากฏตัวให้เห็นอีกเลยนับตั้งแต่รู้ว่าตระกูลไฮสึกิถูก 'ฆ่าล้างตระกูล'
ส่วนคำสุดท้านนั้น ซากุไรพูดเหมือนจะสื่อว่า
'เขาทำได้ทุกอย่างเพื่อยับยั้งความผิดที่เขาก่อขึ้น และกันไม่ให้ผลของมันมาถึงตัวเขาเอง'
แม้ว่าสุดท้ายผลมันจะย้อนมาเล่นตัวเองอยู่ดีก็เถอะ(?)
ก็ ประมาณนี้แหละน้า~
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย