"บ้าเอ๊ย! หมอนั่นพานายท่านไปที่ไหนกัน!!!"
คาเนะซาดะสบถอย่างหัวเสียโดยมีโฮริคาวะคอยปรามอยู่ไม่ห่างเพราะกลัวอีกฝ่ายจะทำอะไรไม่คิด
นับตั้งแต่ชายผู้มีเรือนผมสีซากุระปรากฏตัวขึ้นและนำพาหญิงสาวผู้เป็นนายของพวกเขาไปก็ปาไปเกือบ5ชั่วโมงแล้วที่ไม่ได้ข่าวคราวอะไรเลยจนหลายๆคนเริ่มนั่งไม่ติดที่
"ข้าจะไปตามหานายท่าน!!"
"ใจเย็นก่อนสิฮาเซเบะ!!!"
คะเซ็นเข้ามาล็อคตัวชายผู้จงรักภัคดีเอาไว้ก่อนที่เขาจะพุ่งออกนอกเรือนไป
"ปล่อยข้าคะเซ็น!!!"
"เลิกบ้าสักที! ถึงเจ้าออกไปเจ้าก็ไม่รู้ที่อยู่ของเขาไม่ใช่รึไง!!?"
"ฮาจิสึกะ!"
ฮาเซเบะมองชายอีกคนที่ทำหน้าเครียดไม่แพ้ใครในที่นี้แล้วคิดตาม
มันก็จริงที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าควรจะไปที่ใด แต่จะให้อยู่เฉยๆมันก็ทำไม่ได้เหมือนกันล่ะน่า!
"ท ท่านซานิวะ..."
โกโคไทที่ยืนหลบมุมอยู่กับพี่น้องเริ่มจะสะอื้นออกมาพร้อมกับกอดเสือขาวตัวหนึ่งไว้แน่น
"โกโคไท...อึก ทุกคน! ข้าเชื่อว่านายหญิงจะไม่เป็นไร!! นายหญิงน่ะแข็งแกร่งนะ!!"
อัตสึชิเข้าไปปลอบน้องชายขี้กลัว
มือเล็กๆกำแน่นก่อนจะพูดขึ้นเสียงดังทำให้ทุกคนหันมองเขาเป็นตาเดียว
"ก็จริงอยู่ที่ท่านเรย์น่ะแข็งแกร่ง แต่ว่า...."
จิโร่ทาจิมีสีหน้าหม่นลงทาโร่ทาจิเองแม้จะรักษาใบหน้าที่นิ่งเฉยไว้ได้แต่ในดวงตากลับสั่นไหวด้วยความกังวล
"ทำยังไงกันดี..."
มิดาเระพึมพัมออกมาก่อนจะชะงักไปเพราะได้กลิ่นอะไรบางอย่าง
กลิ่นหอมหวานประหลาดชวนให้หลงใหลที่ดูคุ้นๆเหมือนเพิ่งจะได้กลิ่นเมื่อไม่นานมานี้
และในตอนนั้นเอง กลีบซากุระขาวก็ได้พัดพาเข้ามาที่กลางห้องก่อนจะหมุนวนเป็นพายุย่อมๆจนทุกคนต้องหลบออกไปอย่างเสียมิได้
"ทิวาสวัสดิ์ทุกท่าน~ โอ๊ะ!"
ฉัวะ!!!!
"แก!!!"
พริบตาที่ร่างบองบางของชายหนุ่มปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางกลุ่มซากุระงาม ฮาเซเบะก็ชักดาบและถีบตัวเข้าไปหมายจะเอาชีวิตชายผู้นั้นทันทีโดยที่ไม่มีใครสามารถรั้งไว้ได้ทัน
ทว่าซากุเรย์เองก็ทำเพียงเบี่ยงตัวเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้คมดาบของฮาเซเบะพลาดเป้าไปจนเขาเกือบเสียหลัก
"ใจเย็น ใจเย็น~ ผมมาดีนะ อย่างที่บอกไว้ไง ผมจะอธิบายทุกอย่างให้เอง~"
ซานิวะหนุ่มยกมือขึ้นเป็นเชิงยอมแพ้ด้วยใบหน้ายิ้มๆ
ที่หันเข้ากำแพง....
สถานะ: ทุกคนติดสตั๊น3วิ....(?)
"เอ่อ ท่านซากุเรย์ พวกเราอยู่ทางนี้ขอรับ"
โชคุไดเป็นผู้ได้สติคนแรก เขาทักชายที่ตัวเล็กกว่าเบาๆด้วยสีหน้าที่บอกไม่ถูกว่าจะขำหรือเครียดดี
"อ่า โทษทีๆ ก็ผมมองไม่เห็นนี่นา~"
ซากุเรย์ลดมือลงแล้วหันกลับมาหาเหล่าศาสตราที่ยืนล้อมวงเขาไว้ราวกับกลัวว่าเขาจะหนีไปไหนก่อนจะยิ้มให้เช่นเดิม
"ทีนี้ก็อธิบายมาได้แล้วนะขอรับ"
"อืม เสียงนี้ 'อิจิโกะคุง'งั้นหรอ? ฮะฮะ~ นายดูใจร้อนกว่าปกตินะ~"
"เลิกเล่นลิ้นสักที!!!!"
คาเนะซาดะคว้าคอเสื้อยูกาตะที่ใส่ไม่เรียบร้อยจนตกจากไหล่ขาวของอีกฝ่ายขึ้นมาอย่างหัวเสียที่ชายหน้าสวยผู้นี้เอาแต่ลีลามากท่าราวกับจะกลั่นแกล้งพวกเขาเล่น
"จ้า จ้า~ แต่ช่วยปล่อยผมก่อนน้าา~"
ซานิวะหนุ่มยกมือและยิ้มขึ้นอีกครั้ง คาเนะซาดะส่งเสียง'ชิ'เบาๆก่อนจะปล่อยมือ
ซากุเรย์จัดชุดอยู่พักนึงก่อนจะยืดตัวขึ้น...
"งั้น เริ่มเลยนะ"
"..."
พลันบรรยากาศรอบกายก็เปลี่ยนไป แรงกดดันไร้ที่มากระจายอยู่รอบห้องโถงจนหลายๆคนเริ่มมีเหงื่อซึมออกมา
ชายหนุ่มร่างบางเดินไปนั่งพับขาอย่างเรียบร้อยบนเบาะรองนั่งที่วางอยู่ก่อนเป็นเชิงว่าเรื่องมันยาวดังนั้นนั่งคุยกันจะดีกว่า
เมื่อหนุ่มดาบและเด็กๆทุกคนนั่งกันเรียบร้อยแล้ว ซากุเรย์ก็ถอนหายใจออกมาด้วยสีหน้าที่ดูหม่นลงทั้งๆที่เขาก็กำลังยิ้มอยู่
"อ่า โทษทีนะ ขอเวลาผมสักเดี๋ยว...เรื่องมันยาวซะจนไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี...."
ชายหนุ่มหลับตาลงพร้อมกับการถอนหายใจยาวๆแต่ก็ไม่มีศาสตราใดลุกขึ้นมากระชากคอเร่งให้เขาพูดสักคน คงเพราะพวกเขาสัมผัสได้ว่าเรื่องราวมันคงจะน่าหนักใจสำหรับผู้พูดอยู่พอสมควร
"เริ่มจากตัวของเรย์เลยแล้วกัน..."
ชายหนุ่มลืมตาขึ้นช้าๆแต่ก็ยังคงหลุบลงมองพื้นอยู่เช่นนั้น
"เรย์...มุกิน่ะ คือ'ศาสตรา'ที่ผมสร้างขึ้นเมื่อหลายร้อยปีก่อน หลังจากที่'ท่านพี่'สร้าง'มิคาสึกิมุเนะจิกะ'ได้สำเร็จ..."
"อะไรนะ!!!!!!!"
ทันทีที่จบประโยค เหล่าศาสตราต่างลุกขึ้นพร้อมเพรียงตะโกนลั่นอย่างไม่เชื่อหูจนเด็กๆสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจและเกือบจะร้องไห้จนอิจิโกะต้องเข้าไปปลอบ แม้ว่าตัวเองก็ตกใจไม่แพ้ใครเช่นกัน
"จะเป็นไปได้อย่างไร!? จะบอกว่าท่านคือน้องชายของท่านซันโจรึไงกัน!!?"
ในฐานะดาบบ้านซันโจ โคกิทสีเนะมารุเผลอคำรามออกมาอย่างไม่อาจควบคุมตนเองได้
ตลอดนับแต่เขาถูกสร้างขึ้น เขาไม่เคยจำได้ว่าซันโจมุเนะจิกะผู้นั้นมีน้องชายเลยสักคน!!!
มิคาสึกิที่นั่งอยู่ข้างกันก็ดึงชายเสื้อของน้องชายเป็นเชิงห้ามปราม แม้ว่าตัวเขาเองก็สงสัยและคลืบแคลงในตัวชายผู้นี้อยู่หลายส่วน
"แล้วที่บอกว่านายท่านเป็นศาสตราของเจ้ามันหมายความว่ายังไงกัน"
ยะเก็นหรี่ตามองร่างบางที่ยังคงนั่งนิ่งและเบือนหน้าออกไปมองบรรยากาศอึมครึมนอกเรือน
ซากุเรย์เพียงเหลือบมองเด็กหนุ่มด้วยหางตา...
แม้รู้ว่าอีกฝ่ายมองไม่เห็นแต่มันก็ทำให้เด็กหนุ่มพี่ใหญ่ของบ้านโทชิโร่รู้สึกหวาดหวั่นแปลกๆกับสายตานั้น
"อ่ะนะ จะไม่เชื่อก็ไม่แปลกหรอกครับ เพราะเรื่องราวของผมนั้นไม่มีบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์...ไม่สิ โดน'ลบ'ไปจากประวัติศาสตร์ต่างหาก"
ซากุเรย์ยกยิ้มขึ้นก่อนจะว่าต่อเมื่อไม่มีใครขัด
"ตัวผมนั้นเป็นน้องชายนอกกฎหมายของท่านพี่ซันโจมุเนะจิกะ นามว่า'ซันโจ ซากุราอิ ซากุเรย์'ครับ..."
"ตัวผมนั้นเกิดจากท่านแม่ที่ไม่ได้สมรสกับท่านพ่อ...เป็นเพียงบ้านเล็กครับ ในขณะที่ท่านพี่เกิดจากหญิงสาวที่แต่งงานกับท่านพ่ออย่างถูกต้อง ดังนั้นผมเลยมีชื่อจริงๆว่าซากุราอิ ส่วนซากุเรย์นั้นเป็นนามสกุลของท่านแม่ของผมน่ะนะ"
ชายหนุ่มคลี่ยิ้มบางราวกับจะดูแคลนอะไรสักอย่างก่อนจะเล่าต่อ
"ผมกับท่านพี่ไม่เคยรู้จักกันจนกระทั่งผมอายุได้15ปี ท่านแม่ของผมก็เสียชีวิตลงด้วยโรคประจำตัว ท่านพ่อเลยรับผมเข้าอยู่ในบ้านใหญ่...และนั่นคือครั้งแรกที่เราต่างคนต่างรู้ว่าตัวเองมีพี่น้องอยู่"
"เราเข้ากันได้ดี ท่านพี่ใจดีมากๆและก็เท่มากด้วย ฮะฮะ~ ผมมีท่านพี่เป็นเป้าหมายและคอยไล่ตามเขาอยู่เรื่อยมา..."
"กระทั่งอายุได้18ปี ท่านพ่อกับท่านแม่ของท่านพี่ก็เสียชีวิตลง...เราทั้งสองคนเลยออกจากบ้านแห่งนั้นและหาที่อยู่ใหม่ ลงหลักปักฐานและทำอาชีพเป็นช่างตีดาบที่ได้รับสืบทอดวิชาจากท่านพ่ออีกที"
"และท่านพี่ก็ได้สร้างมิคาสึกิขึ้น ผมยอมรับเลยว่ามันเป็นดาบที่งดงามมากเท่าที่ท่านพี่เคยสร้างมา ดังนั้นผมเลยสร้างขึ้นบ้างโดยมีต้นแบบมาจากดาบมิคาสึกิ..."
"และ...ทุกคนคงเดาออกนะว่าผมสร้างใครขึ้นมา..."
ซากุเรย์ยิ้มและมองเหล่าศาสตรา แม้ว่าเขาจะมองเลยหัวทุกคนไปก็ตาม
"ใช่ ผมสร้างเรย์ขึ้นมา หรือชื่อจริงๆคือ'มุกิ มุเนะจิกะ' อ่อ ถ้าถามว่าทำไมถึงใช้ชื่อท่านพี่แทนที่จะเป็นชื่อของผมที่เป็นผู้สร้างล่ะก็ ผมก็บอกได้แค่ว่าเพราะความ'บราค่อน'ส่วนตัวของผมเองนั่นแหละ~"
"ห๊ะ!!!?"
ซากุเรย์ขยิบตาแลบลิ้นด้วยท่าทางที่คิดว่าน่ารักสุดๆ แต่มันกลับทำให้หนุ่มๆแทบล้มตึงกับเหตุผลการตั้งชื่อสุดพิลึกและอยากจะตบหน้าสวยๆที่เล่นไม่รู้เวลานั่นสักที
"ฮะฮะ~ ก็แหม ผมน่ะรักท่านพี่จะตาย เลยอยากมีท่านพี่ไว้เป็นเครื่องราง(?) เลยตั้งชื่อดาบไปแบบนั้นน่ะนะ~ โอเค ต่อๆ~"
ตอนนี้ศาสตราทุกคนต่างพยายามนั่งนิ่งๆและข่มอารมณ์ไม่ให้เผลอชักดาบออกมาฟันชายตรงหน้าให้เป็นสองท่อนเพื่อข้อมูลที่ต้องการ(=_=...)
ซากุเรย์อมยิ้มก่อนจะเล่าต่อ
"แต่ว่ามุกิน่ะ ไม่ได้ถูกส่งมอบให้ใคร แต่เป็นดาบประจำตัวของผมจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต....พอผมตายลง ผมก็ถูกเรียกตัวโดยท่านอินาริ นางบอกว่าตัวผมมีคุณสมบัติของซานิวะและมีพลังอะไรสักอย่างเนี่ยแหละข้ามๆไปเหอะ(?) ก่อนที่นางจะลบประวัติของผมออกและผมก็ได้เป็นซานิวะนับจากนั้นแม้จะอาลัยอาวรกับท่านพี่อยู่บ้างแต่ก็ช่วยไม่ได้นี่เนาะ~"
"และอยู่มาวันหนึ่ง...ผมก็ได้ข่าวจากฮงมารุในมิติอื่นว่า'พบมิคาสึกิที่เป็นหญิงสาว'....ในตอนนั้นผมเองก็ไม่มั่นใจว่าดาบเล่มนั้นจะใช่มุกิจริงๆรึเปล่าเลยปล่อยผ่านไปทั้งที่ในใจของผมมันร้องบอกว่าต้องเป็นเธอ...แต่ผมกลับเมินมันไป..."
"และผมก็ได้รู้ว่าเธอคือ'มุกิ มุเนะจิกะ'จริงๆ....แต่"
ถึงตรงนี้ ใบหน้างามก็หม่นลงอีกครั้ง รอยยิ้มที่ราวกับว่าถูกสตาฟไว้เริ่มบิดเบี้ยวจนหลายคนเริ่มใจไม่ดี
"เป็นความผิดของผม...ผมน่าจะเชื่อใจตัวเองและติดตามดูเธอตั้งแต่แรก...."
"!!!"
ชายหนุ่มก้มหน้าลง โลหิตสีชาดหลั่งรินจากดวงตาทั้งสองจนทุกคนทำอะไรไม่ถูก
นํ้าตาสีเลือดยังคงไหลช้าๆอย่างต่อเนื่องและหยดลงบนหน้าตักที่สวมด้วยกางเกงฮากามะสีแดงสดจนมันกลืนเป็นสีเดียวกัน
"ก เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือขอรับ"
คะชูมองชายหนุ่มที่ค่อยๆเงยหน้าขึ้น แม้จะไร้ซึ่งการสะอื้นใดๆและใบหน้านั้นยังคงนิ่งสนิท แต่เรียวคิ้วที่ขมวดมุ่นและกระแสอารมณ์ที่สัมผัสได้ทำให้รู้ได้ว่าเขาคนนี้กำลังเศร้าและรู้สึกผิด....
และเจือด้วยความอาฆาตแค้นอย่างสุดหัวใจ...
"แล้ว...คิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงที่อยู่ท่ามกลางผู้ชายเกือบ50คนล่ะ..."
นํ้าเสียงที่ตอบกลับมานิ่งสนิทแต่กลับแฝงกระแสอารมณ์หนึ่งไว้ส่วนนึงจนหลายคนขนลุกกับเสียงนั้น
"คงไม่..."
"ไม่หรอก ไม่ใช่ทุกคน..."
ซากุเรย์ขัดเสียงของโซวสะที่ดังขึ้นเบาๆทำให้เขามีสีหน้าดีขึ้นเล็กน้อยก่อนจะซีดลงไปอีกครั้ง
"เพราะคนที่ทำคือ'มิคาสึกิ มุเนะจิกะ'เท่านั้น..."
"...ข้าหรือ"
มิคาสึกิมองชายผู้งดงามตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ เขาทำอะไรกัน? อะไรที่ทำให้นายหญิงของเขาเคียดแค้นถึงขนาดหยิบดาบไล่ฟันเขาถึงขนาดนั้น??
"ที่จริงจะบอกว่าเป็นเจ้าก็ไม่ถูกนักหรอก...แต่เป็นจิตวิญญาณมิคาสึกิดวงอื่นน่ะ"
"อ่า เอางี้ อธิบายง่ายๆคือจิตวิญญาณดาบน่ะไม่ได้มีแค่ดวงเดียวหรอกนะ แต่มีหลายร้อยดวงเลยล่ะ แม้จะมีนามเหมือนกันแต่สิ่งที่ต่างคืออุปนิสัยและพฤติกรรมของจิตวิญญาณแต่ละดวง"
"บางที่ก็มีฮาเซเบะที่เกลียดนายตัวเองเข้าไส้ ไม่ก็สึรุมารุที่เรียบร้อยขี้กลัว เป็นต้น"
ทั้งสองคนที่ถูกยกตัวอย่างสะดุ้งเล็กๆ ส่วนคนอื่นก็คิดภาพทั้งสองคนขึ้นในหัวก่อนจะทำหน้าแปลกๆ
"รู้สึกแหยงๆพิกล..."
ไอเซ็นพึมพัมขึ้นเบาๆ และนั่นก็เป็นคำตอบที่ตรงใจหลายๆคนพอดี
"เข้าใจกันเนาะ และ...รู้ไหมว่าฮงมารุนั้นได้มิคาสึกิแบบไหน?"
ซากุเรย์หลับตาลงและหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดนํ้าตาเลือดของตนออกเบาๆจนหมด
"ด้านมืดของมิคาสึกิไงล่ะ..."
มือบางยื่นผ้าเช็ดหน้าที่เปื้อนเลือดอันเป็นนํ้าตาของเขาออดมาก่อนที่ไฟจะลุกพรึบแผดเผาผ้าชิ้นเล็กให้เป็นธุลีพร้อมๆกับดวงตาสองสีที่เปิดขึ้น...
"เทียบง่ายๆ อะไรที่ตรงข้ามกับความดีงามทั้งปวงบนโลกก็คือชายผู้นั้นนั่นแหละ...เป็นจิตวิญญาณบาปหนาที่แม้แต่นรกก็ไม่เปิดรับเลยล่ะ..."
มิคาสึกิลอบกลืนนํ้าลายเบาๆ เขาไม่อยากจะคิดเลยว่าจิตวิญญาณที่มีนามเดียวกับเขาคนนั้นจะโหดร้ายแค่ไหน
"และ บังเอิญว่าหมอนั่นดันต้องตามุกิของผมเข้า ประกอบกับฮงมารุนั้นไร้ซึ่งสตรีใดนอกจากซานิวะ..."
มือเรียวขาวกำแน่นที่ใต้แขนเสื้อยาวจนมันจิกเข้าไปในมือ
ชายหนุ่มกัดฟันเค้นเสียงอย่างอดกลั้น
"เจ้านั่น...รู้ไหมว่ามันทำอะไร? หึ!! หมอนั่นจับมุกิของผมและจองจำไว้อย่างไร้มนุษยธรรม! เจ้าคนตํ่าช้า!!! มันยํ่ายีนางและตีตราเจ้าของราวกับว่านางเป็นเพียงสิ่งของ!!!! ทำร้ายจิตใจนางซํ้าแล้วซํ้าเล่าไม่เหลือชิ้นดี!!!! และยังไงต่อนะ? อ่อ! นางก็'ตั้งท้อง'บุตรของเจ้าคนสารเลวนั่นไง!!!!!!"
อิชิคิริมารุที่อยู่ใกล้สุดรีบเข้าไปพยุงร่างบอบบางที่เกือบจะหมดสติล้มพับไปไว้ได้ทัน
"ท่านซากุเรย์! ไม่ต้องพูดแล้วขอรับ"
อิชิคิริมารุตรวจชีพจรของร่างบางและพบว่ามันเต้นเร็วอย่างน่าเป็นห่วง
"แฮก แฮก...อึก ไม่...ผมไม่เป็นไร"
ใบหน้างามขาวซีดอย่างน่ากลัว เขาตอบกลับอย่างอิดโรยก่อนจะล้วงมือเข้าไปในแขนเสื้อและหยิบบางอย่างออกมา
เขาพ่นมันเข้าไปในปากก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ อิชิคิริมารุก็ตรวจชีพจรดูอีกครั้งและพบว่ามันเต้นช้าลงแล้ว
"ขอบใจนะอิชิคิริมารุ ผมไม่เป็นไร"
ซากุเรย์ถอนหายใจก่อนจะนั่งใหม่ดีๆและให้คุณหมอของฮงมารุกลับไปนั่งที่ เขาสูดหายใจและเริ่มเล่าอีกครั้ง
"ผมพบเธอที่เนินเขาหลังหมู่บ้านหนึ่งตอนไปทำภารกิจ คาดว่าเธอคงหนีออกมาสำเร็จด้วยการการสุ่มสถานที่จากเครื่องท่องเวลาและผมก็บังเอิญไปเจอพอดี"
"ผมพาเธอกลับมา และรักษาเธอ เมื่อเธอตื่นขึ้น...เธอเกือบจะหนีไปอีกครั้งเพราะคิดว่าตัวเองถูกจับตัวกลับ แต่โชคดีที่เธอยังมีสติพอที่จะฟังผมอธิบาย และผมก็ฟังเรื่องราวจากเธอ"
"ผมแจ้งเรื่องนี้ยังท่านอินาริ ผ่านคอนโนะสุเกะ และท้ายที่สุดจิตวิญญาณมิคาสึกิผู้นั้นก็ถูกทำลาย...."
"และมุกิเองก็ต้องถูกทำลายด้วยเพราะแปดเปื้อนมลทินไปเสียจนไม่อาจชำระล้างให้กลับมาบริสุทธิ์ได้อีก แต่ก็นะ ผมเป็นคนสร้างเธอขึ้นมานี่ และเธอน่ะพิเศษตรงที่มีจิตวิญญาณแค่'ดวงเดียว'เท่านั้น...ผมไม่ยอมหรอกนะ"
ซากุเรย์เงียบไปก่อนจะพูดต่อ
"ผมค้นตำราทุกอย่าง ทุกศาสตร์ที่ผมรู้ ทุกศาสตร์ที่มีบนโลกจนกระทั่งพบทางเลือกหนึ่ง..."
"มันสามารถส่งเธอไปยังอีกมิติหนึ่งในฐานะ'มนุษย์'ปกติได้ แต่ก็มีข้อแลกเปลี่ยนมหาศาลพอควร"
"1ชีวิต 2ดวงตา 3กายา และ4วจี"
"ความหมายคือ เธอจะไร้ซึ่งอารมณ์ทั้ง4ของมนุษย์คือรัก โลภ โกรธ หลง... 3กายาคือร่างกายของผม ทำให้ผมอ่อนแอ ขี้โรคและบอบบางขนาดนี้ ฮะฮะ~...2ดวงตาก็คือดวงตาของผมทั้งสองข้าง..."
ซากุเรย์เงียบไปพลางเบือนหน้าหนีราวกับไม่อยากจะกล่าวต่อในข้อแลกเปลี่ยนข้อสุดท้าย...
"สุดท้าย...1ชีวิต...."
เขาเงียบอีกครั้งและสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะปล่อยออกมา
"พิธีนั้นมันสุ่มเลือก'เครื่องสังเวย' และผู้ที่ถูกเลือกคือ'ลูก'ของเธอ..."
"ห๊ะ!?"
เสียงอุทานจากหลายๆคนดังจนฟังไม่ออก ก่อนจะเงียบลงไปเพื่อฟังต่อ
"แต่ว่า มันยังไม่เอาเด็กคนนั้นไป...และผมก็ส่งเธอไปที่โลกมนุษย์ได้สำเร็จ แม้จะเติบโตในครอบครัวที่ไม่อบอุ่นนักแต่ก็ดีกว่าอยู่ที่ฮงมารุกับความทรงจำแบบนั้น..."
"เธอเติบโตขึ้น กระทั่งแต่งงานกับชายคนหนึ่งด้วยเหตุผลทางธุรกิจตอนอายุ18...ผมรู้ว่ามันดูเร็วเกินไปสำหรับโลกนั้นแต่ผมไม่สามารถยื่นมือเข้าไปชวยอะไรได้นอกจากแสดงความเป็นห่วงในฐานะ'พี่ชายนอกสายเลือด'..."
"ใช่ ผมตามเธอไป ตีสนิทจนเราสาบาญเป็นพี่น้องกัน ฟังดูตลกดีเนาะ อ่อ มิดาเระที่เคยอยู่ฮงมารุเดียวกับเธอก็ตามไปนะ เห็นว่าพวกเธอสนิทกันที่สุดตอนอยู่ที่ฮงมารุนั้น"
ซากุเรย์ยิ้มให้มิดาเระที่ชี้หน้าตัวเองอย่างงงๆ แม้จะเข้าใจว่าคงเป็นจิตวิญญาณของตนดวงอื่นก็ตาม
"มิดาเระแลกเปลี่ยนกับพลังและอายุขัย ทำให้เขาเป็นแค่เด็กธรรมดาที่ไม่แก่แต่ตายได้ครั้งเดียว หมายความว่าถ้าหากเขาตายไป จิตวิญญาณก็จะแตกสลายและไม่เกิดอีกนั่นแหละ"
"เขาอยู่กับเรย์ในฐานะ'เมด'ส่วนตัวนามว่า'มิกิ' ส่วนผมก็เป็นพี่ชายร่วมสาบาญที่ชื่อว่า'ซากุไร' น่ะนะ"
"ต่อกันที่เรื่องแต่งงาน จากนั้นไม่นานเรย์ก็ท้อง...เธอตั้งชื่อเด็กว่า'มิไร' กระทั่งผ่านไป2ปี ซึ่งมันหมายถึงว่า'เครื่องสังเวย'สำหรับ'ข้อแลกเปลี่ยนของชีวิตใหม่'ได้พร้อมแล้ว..."
ชายหนุ่มถอนหายใจรอบที่เท่าไหร่ของวันแล้วก็ไม่อาจทราบได้ก่อนจะพูดต่อ
"ผมเองก็ต้องจบบทพี่ชายแสนดีและหยิบหน้ากากปีศาจมาใส่...ผมจบชีวิตของเด็ก2ขวบต่อหน้าเธอด้วยมือนี้ สังเวยวิญญาณเด็กบริสุทธิ์อย่างโหดร้าย...มันเป็นตราบาปที่ต้องยอมถูกประทับเพื่อทำสัญญาให้เสร็จสิ้น..."
"จากนั้นเธอก็เกลียดผมเข้าไส้ แหงล่ะใครจะทำใจให้อภัยคนที่ฆ่าลูกตัวเองล่ะ..."
ฝ่ามือที่ถูกคลุมด้วยแขนเสื้อยาวถูกยกขึ้นปิดใบหน้าเอาไว้จนไม่อาจรับรู้ได้ว่าผู้พูดกำลังทำหน้าแบบไหนอยู่
แต่ที่ทุกคนรับรู้ได้คือ'ความเจ็บปวด'ที่ชายคนนี้ได้รับ...
"และ เราก็ตัดขาดกัน...ผมกลับมาเป็นซานิวะ ส่วนเธอก็อยู่กับมิดาเระ...มิกิน่ะ"
"แต่ไม่คิดว่าท่านอินาริจะเล่นตลก ส่งเธอกลับมาในฐานะซานิวะเหมือนกับผม..."
เสียงที่เอ่ยออกมานั้นอู้อี้เล็กน้อยเพราะคนพูดยังคงปิดหน้าตัวเองไว้อยู่
เขาอยู่ในท่านั้นและเงียบไปนานเสียจนหนุ่มๆผิดสังเกตุ
"เอ่อ ท่านซากุเรย์?"
โชคุไดคิริจับไหล่บางเบาๆก่อนจะแทบตั้งตัวไม่ทันเมื่ออยู่ๆร่างนั้นก็เอนเข้ามาและนอนไม่ได้สติอยู่ที่อกของเขา
"แค่หลับไปน่ะโชคุได"
อิชิคิริมารุเข้ามาดูก่อนจะยิ้มบางๆที่ชายหนุ่มไม่เป็นอะไร
"เขาคงจะเหนื่อยมากแล้ว คะเซ็น มีห้องเหลือหรือไม่?"
"อืม ตามมาสิ"
โชคุไดคิริช้องตัวของซากุเรย์ขึ้นเบาๆก่อนจะเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเพราะร่างในอ้อมแขนนั้นเบาและบอบบางเสียจนกลัวว่าจะแตกหักได้โดยง่าย
เขาค่อยๆเดินตามชายผมม่วงออกไปจนกระทั่งลับหลับทั้งสอง เหล่าศาสตราที่เหลือกลับยังคงนั่งอยู่ที่เดิม
"สรุปว่า นายท่านคือศาสตรา แต่ด้วยเหตุผลทั้งมวลทำให้ต้องส่งนางไปเกิดใหม่เป็นมนุษย์ โดยมีข้อแลกเปลี่ยนเป็นดวงตาและร่างกายของท่านซากุเรย์ จิตใจของนายท่าน และลูกสาวของนายท่าน...สินะ"
โฮริคาวะพึมพัมข้อสรุปของตน
เรื่องราวชักจะซับซ้อนเสียจนพวกเขาเริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมา
"อย่างไรเสีย สาเหตุก็มาจากตัวข้านี่นะ..."
มิคาสึกิหลับตาลง แม้ว่าคนที่ทำจะไม่ใช่เขาแต่ก็มีนามเดียวกันเลยทำให้พาลรู้สึกผิดและเกลียดตัวเองไม่น้อย
ในความรู้สึกเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกับซานิวะสาวก็รู้สึกถูกชะตาราวกับได้พบพี่น้องอีกคน คงเป็นเพราะเหตุนี้เองสินะ
เพราะทั้งสองเป็นศาสตราฝาแฝดที่ถอดแบบกันมาโดยพี่น้องซันโจสินะ...
"ไม่ใช่ความผิดเจ้าหรอกมิคาสึกิ เอาเป็นว่าตอนนี้เราก็ต้องรอต่อไปจนกว่าท่านซากุเรย์จะฟื้นล่ะนะ"
ฮาจิสึกะปลอบใจจันทร์เสี้ยวก่อนจะพูดกับดาบทั้งหลายที่นั่งจมความเงียบอยู่
"ตอนนี้มีอะไรทำก็ทำรอไปก่อน นายหญิงน่ะ ไม่เป็นไรแน่นอน"
เมื่อได้รับคำยืนยันอีกครั้ง ทุกคนก็เริ่มทยอยออกไปทำหน้าที่ตามกำหนดการณ์เดิม แม้จะในสภาพที่ค่อนข้างเหม่อลอยแต่ก็ดีกว่าปล่อยให้นั่งฟุ้งซ่านอยู่เฉยๆล่ะนะ
ฮาจิสึกะถอนหายใจ วันนี้ช่างเป็นวันที่หนักหนาเสียจริง
"อย่าเป็นอะไรไปเลยนะ ท่านเรย์..."
========================================================
โอ้เย~(?) อธิบายทั้งตอน ตอนแรกกะจะทำเป็บบทย้อนอดีตแต่เอางี้แหละง่ายดี(?)//หลบดาบ
อาจดูงงๆแต่ก็พอถูไถ ไว้ค่อยรีไรท์แล้วกันเนาะ(ตัดบทได้โคตรน่าตบ=_=)
รักกกก รีดเดอร์ทุกคนนน~
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ตอนหน้าจะรออ่านนะคะะะ
ปล. เรามโนซะ...
ปล. ไว้จะอธิบายเพิ่มเติมในตอนพิเศษค่ะ
มาต่ออีกนะ รออ่านต่อจ้า