เวลา4ปีช่างผ่านไปเร็วราวกับลมที่พัดผ่าน
ใช่ ตอนนี้ผ่านไป4ปีแล้วนับตั้งแต่ฉันมาอยู่ที่โลกนี้ และฉันก็ยังคงอยู่ที่ป่าต้นไม้ยักษ์เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือมีบ้านเป็นหลักแหล่งและสวนสมุนไพรกับผลไม้ของตัวเองแล้ว
ปัจจุบันฉันอายุ15ปี แต่อนิจจาเรื่องเศร้าก็บังเกิด ก็คือรูปร่างของฉันไม่ต่างจาก4ปีก่อนสักนิด(T-T) ส่วนสูงยังคงที่อยู่ที่150เป๊ะๆไม่ขาดไม่เกิน
ถึงจะเตี้ยก็ไม่ว่านะแต่ทำไมตรูยังไม้กระดานเสมอต้นเสมอปลายขนาดนี้วะคะ!! จะโหดร้ายก็ให้มีขอบเขตหน่อยเซ่!!!
ชิ บ่นไปใช่ว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง
ก่อนจะกล่าวอะไรขอระบายสักนิด...เสื้อฮู้ดดำตัวโปรดของฉันมันเน่าซะแล้วล่ะ...ถึงจะพยายามซักทุกอาทิตย์แต่สุดท้ายการบุกตะลุยป่าเกือบทุกวันก็ทำให้มันเยินยิ่งกว่าเดิม...
เลยจำใจขุดหลุมฝังและทำป้ายR.I.P(?)ให้....หลับอย่างสงบนะลูกแม่(นางเอกเป็นพวกหวงและรักของมาก จะทิ้งแต่ละทีทำใจโคตรนาน)
ส่วนผ้าปิดปากของฉัน...สภาพไม่ต่างกันเลยฝังไปพร้อมกัน...
แล้วเอาเสื้อผ้าที่ไหนใส่? ก็วิถีคนป่าไง เอาพวกใบไม้ใหญ่ที่ไปเจอกับขนและหนังสัตว์ที่ตายแล้วมาทำ(ยังคงไม่กล้าล่าสัตว์เช่นเคย) ช่วงแรกก็เละจนใส่ไม่ได้ พอทำๆไปก็ดูดีจนพอถูไถ...ขอขอบพระคุณท่านย่าที่เคี่ยวเข็ญความเป็นกุลสตรีไทยและทักษะการเย็บปักค่ะ(ถ้าถามว่าเอาเข็มกับด้ายมาจากไหน ก็กล่องเย็บผ้าจิ๋วที่ซุกอยู่ในเหลือบของกระเป๋าเป้ไง คาดว่าท่านย่าที่รักเอามาใส่ไว้ให้แล้วลืม?)
หมดปัญหาเสื้อผ้าคราวนี้มาพูดถึงบ้านของฉันดีกว่า
หลังจากที่ตระหนักได้ถึงความสำคัญของหนึ่งในปัจจัยสี่อย่างที่อยู่อาศัย ฉันจึงจำใจออกเดินทางจากแม่นํ้าไปเพื่อหาแหล่งกบดานใหม่...อันที่จริงก็แค่เดินเลียบริมนํ้าไปเรื่อยๆไปทางต้นนํ้าน่ะ...
ฉันเดินลึกเข้าไปในป่าจนกระทั่งเจอผานํ้าตกที่สูงกว่าตัวฉันในร่างไททันเสียอีก กะได้ราวๆ50-60เมตรเลยมั้ง
ฉันเลยลองหาทางปีนขึ้นไปจนได้เจอถํ้าหลังนํ้าตกเข้า ถํ้ามีขนาดเล็กกว่าตัวฉันในร่างไททันนิดหน่อยพอให้ก้มเดินได้
พอสำรวจถํ้าว่าไร้เจ้าของแน่นอนฉันก็ได้ยึดถํ้าหลังนํ้าตกเป็นบ้านไปโดยปริยาย และใช้ร่างไททันสร้างทางขึ้นลงไว้จะได้ใช้ร่างมนุษย์เดินได้สะดวกๆ ไม่ต้องแปลงร่างให้วุ่นวายโดยอำพรางทางไว้...กันไว้ดีกว่าแก้น่า
ส่วนเรื่องสวนสมุนไพร ฉันก็ทำมันในถํ้านั่นแหละ ตรงส่วนที่ลึกที่สุดของถํ้ามันเป็นดินร่วนที่ดูแล้วอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งยังมีแสงแดดส่องผ่านลงมาตรงนั้นพอดีก็เลยทดลองเอาพวกเมล็ดกับต้นสมุนไพรมาเพาะปลูกดู จนได้แหล่งอาหารใหม่ที่ใกล้ตัวกว่าเดิม
เอาจริงๆนะ ตรงนํ้าตกนี่เป็นส่วนที่เงียบสงบมากของป่าต้นไม้ยักษ์เลยก็ว่าได้เพราะอยู่ในส่วนที่ลึกพอสมควร ไม่มีไททันตัวอื่นในระแวกนี้เลยสักตัวเดียว มีแต่พวกสัตว์ตัวเล็กๆกับเสือ สิงโต และหมาป่า...อย่างน้อยพวกมันก็น่ารักกว่าเจ้ายักษ์แป๊ะยิ้มล่ะน่า
ฉันดำเนินชีวิตอยู่ที่ถํ้านํ้าตกราวกับนางไม้(?) บางทีเวลามีสัตว์ร้ายอย่างพวกที่กล่าวมาก่อนหน้านี้บุกเข้ามาที่บ้านของฉัน(มโนเอง) แล้วมาทำร้ายสัตว์ในเขตฉัน(เหล่าสัตว์กินพืชทั้งหลายแหล่) ฉันเลยแปลงเป็นไททันเพื่อไล่มันและประกาศอาณาเขตไปแบบไม่รู้ตัวจนกลายเป็นเจ้าถิ่นแถวนี้ไป? พวกสัตว์เล็กสัตว์น้อยพอเห็นฉันก็จะมารุมล้อมทั้งในร่างมนุษย์และร่างไททันราวกับฉันเป็นพระแม่(?)
สงสัยฉันจะกลายเป็นบอสของพวกนี้ไปแล้วล่ะ...
อ่อ มีอีกอย่างที่เพิ่มมาคือ....
จำเจ้าคนผมทองเอลวินได้ใช่ม่ะ? นั่นแหละ หลังจากวันนั้น หมอนั่น(?)ก็จะมาที่ป่าต้นไม้ยักษ์บริเวณที่ฉันไปเจอเขาทุกครั้งที่ออกมาทำภารกิจสำรวจพื้นที่(เจ้าตัวบอกแบบนั้น)
แล้วก็มักจะโหนสลิงแยกตัวออกมาจากกลุ่มสำรวจแล้วตะโกนเรียก'ยูริ!!! ผมมาแล้วน้าาาา!!!!'จนฉันที่หูดีเกินไปเพราะพลังไททันรู้สึกรำคาญ(?) เลยลองโผล่หน้าขาวๆของไททันออกมาดู รู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?
พอหมอนั่นเห็นฉันเท่านั้นแหละก็จัดการพุ่งมาแต๊ะอั๋งฉันโดยการจุ๊บแก้ม(เกราะหน้า)ฉันทันที!!!! และยังมีหน้ามายิ้มหน้าระรื่นพร้อมกับพูดว่า'ผมรู้ว่าคุณต้องมา~'
บ้าเอ๊ย!! นี่ขนาดร่างไททันนะ ถ้าหมอนั่นรู้ว่าฉันเป็นมนุษย์คง.....
กรี๊ดดดดดดด!!!!!!!! แล้วตอนนั้นฉันยังเป็นแค่เด็ก11ขวบ!! 11ขวบอ่ะเข้าใจไหม!!!!(แต่เอลวินรู้แค่ว่านางเป็นไททันขาวที่น่ารักในสายตาเขา?)
ไอ้วิปริตโลลิค่อนเอ๊ย!!!!?
ไททันที่ว่าวิปริตที่ฉันเคยโดนไล่กวด(?)ยังวิปริตวิตถารไม่เท่าหมอนี่เลย!!!!(?)
นับแต่นั้นมา ทุกครั้งที่หมอนั่นมาก็จะออกหาฉันทุกครั้งที่มีโอกาส และแน่นอนว่าฉันหนีมันทุกครั้งเช่นกัน จนเวลาผ่านไปราวๆ3ปีที่ฉันแอบซ่อนตัวไม่โผล่ออกไปแม้แต่ผมสีขาวสักเส้น ฉันก็ไม่เคยได้ยินเสียงเรียก'ยูรี้~~~~'อีกเลย
หรือก็คือ ฉันเพิ่งได้ใช้ชีวิตอย่างสงบไม่ต้องหลบซ่อนจากเจ้าหัวทองวิปริต(?)นั่นเมื่อราวๆปีที่แล้วนี้เอง
อีกเรื่อง จำที่เคยบอกได้ไหมว่าฉันจะเข้ากำแพงน่ะ?
นับแต่นั้นฉันก็คอยแอบไปส่องดูอยู่บ่อยๆโดยการแปลงเป็นไททันและใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในอากาศมาพยุงตัวไว้เหนือน่านฟ้าโดยพยายามแอบในกลุ่มเมฆ หากดูโดยทั่วไปก็เหมือนยืนกลางอากาศนั่นแหละ แล้วก็ไปกลางวันแสกๆด้วย ยิ่งเที่ยงตรงยิ่งดี
อย่าลืมสิว่าร่างไททันฉันมันขาวบริสุทธิผุดผ่องขนาดไหน การแฝงตัวในแสงแดดจ้าของเวลาเที่ยงที่ตะวันตรงหัวนี่แหละดีสุด ถึงมันจะร้อนนิดหน่อยก็เถอะ
จากที่ดูมันเป็นกำแพงสูงราวๆ50เมตรสามชั้น รู้สึกพวกนั้นจะเรียกกำแพงชั้นนอกสุดว่าวอลมาเรีย ส่วนชั้นในฉันไม่รู้
รอบๆกำแพงมาเรียมีพวกไททันจับกลุ่มกันขูดเลข---แค่ก!!! ค่อยเฝ้ารอจับแดร๊บคนที่ออกมาจากกำแพงหรือเข้าไป ซึ่งกลุ่มคนที่ฉันเห็นว่าเข้าออกกำแพงบ่อยที่สุดก็คือ'ทีมสำรวจ'....ทีมของเจ้าหัวทองวิปริตนั่นแหละ(?)
การจะลอบเข้าไปมันไม่ง่ายเท่าไหร่ หากจะลอบเนียนไปกับทีมสำรวจที่กลับจากภารกิจก็ดูโจ่งแจ้งไป อีกอย่างถ้าถูกจับได้ถึงจะเป็นมนุษย์ด้วยกันก็ใช่ว่าจะรับประกันได้ว่าตัวฉันจะอยู่ครบ32หลังจากเจอพวกเขา...
หากจะลอบเข้าไปก็ต้องกะเวลาเปลี่ยนเวรเฝ้ากำแพงของพวกหน่วยลาดตระเวนที่ชอบนั่งขัดปืนใหญ่กับทาสีกำแพงเป็นงานอดิเรก(?)พวกนั้น
อืม หรือจะเทเลพอตเข้าไปดี? แต่ถ้าไปจ๊ะเอ๋กับใครหลังกำแพงนั่นล่ะ
อีกอย่าง ถ้าฉันจินตนาการปลายทางที่จะไปไม่ได้ ฉันก็เทเลพอตไม่ได้ซะด้วย...
อ่า หรือจะลองไปตอนมืดๆดี ช่วงตี2ตี3ไรงี้ พวกที่เฝ้ากำแพงก็เป็นคนนี่ ต้องมีง่วงบ้างแหละ!
ตกลงเอาเป็นลอบเข้าไปจากเหนือน่านฟ้าเวลาตี3แล้วกัน!!(?)
บัดซบ!!!!!!!!
"อย่าตุกติกล่ะ ถึงเธอจะเป็นผู้หญิงฉันก็ไม่ใจดีหรอกนะ"
เด็กหนุ่มร่างสูงอายุราวๆ17-18ปีพูดขึ้นโดยที่สายตาจ้องมองเด็กผู้หญิงตัวเล็กที่ถูกมัดมือมัดปากอย่างประเมิน ส่วนมือของเขาก็ล็อคแขนเธอไว้แล้วดันหลังให้เดินหน้าไปเรื่อยๆโดยไม่บอกกล่าวกับเธอเลยว่าจุดหมายคือที่ใดเลยสักนิด!
หากสงสัยว่าทำไมฉันถึงถูกจับมัดเป็นข้าวต้มแบบนี้ก็ย้อนไปเมื่อราวๆ2-3ชั่วโมงก่อนดูสิ...
[03:40 น. วอลมาเรีย]
"ทุกอย่างราบรื่น งั้นก็~ ลุย!"
เด็กสาวที่ยึดเอานามว่ายูริยิ้มกว้างกับแผนการณ์ของตัวเองก่อนจะมองสำรวจพื้นที่บนกำแพงอีกรอบ
หลังจากที่เธอซ่อนตัวอยู่หลังกลุ่มเมฆบนอากาศในร่างมนุษย์ที่สวมใส่ชุดสีดำที่ทำจากหนังสัตว์เพื่อแฝงตัวในความมืดกว่าค่อนคืน(ในร่างมนุษย์นางก็ใช้พลังได้แต่เพิ่งค้นพบเมื่อไม่กี่วันก่อน...)ในที่สุดเธอก็สบโอกาส เทเลพอตลงไปซ่อนหลังปืนใหญ่ก่อนจะส่องดูพื้นที่หลังกำแพงแล้วเทเลพอตลงไปต่อ
ประกายไฟฟ้าสีเงินแล่นไปรอบตัวของเธอก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็วหลังจากเทเลพอตลงมาถึงพื้นดินตรงบริเวณที่ไร้ผู้คนอย่างปลอดภัย
"ไม่ยากเท่าไหร่นี่หว่า~"
ยูริยิ้มกระหยิ่มอย่างได้ใจ ก่อนจะเริ่มมองไปมารอบตัวแล้วเทเลพอตไปที่ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปพอสมควร
"จนกว่าจะผ่านคืนนี้ไปก็ขอนอนสักงีบแล้วกันน้า~ ตรงนี้คงไม่มีใครมาหรอกมั้ง~?"
เด็กสาวร่างเล็กยิ้มร่า ทรุดตัวลงนั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านเป็นเงาดำใต้ต้นอย่างสบายใจ
"ราตรีสวัสดิ์นะคุณต้นไม้..."
บอกฝันดีให้กับต้นไม้ที่พักพิงชั่วคราวแล้ว ดวงตาก็เริ่มปรือลงจนในที่สุดก็หลับไปอย่างรวดเร็ว ด้วยเพราะความเหนื่อยในการใช้พลังยืนอยู่กลางอากาศและบรรยากาศที่เย็นสบายเธอจึงหลับได้เร็วกว่าทุกที
"!!!!!!"
"งืม..อะไรฟะ คนจะหลับจะนอน...."
เสียงดังจากที่ไกลๆดังแว่วเข้าหูที่ดีเกินมนุษย์ของเด็กสาวผมดำจนน่ารำคาญ แต่เธอก็ยังมีความพยายามที่จะหลับต่อ
"เฮ้ย! มันอยู่นั่น!!!!"
คราวนี้เสียงทุ้มแหบของผู้ชายเริ่มใกล้เข้ามาพร้อมเสียงฝีเท้าหนึ่งที่วิ่งตรงมาโดยตามหลังด้วยเสียงฝีเท้ากลุ่มหนึ่ง
"หยุดนะเว้ยไอ้เด็กเวร!!!!"
"...หนวกหู"
เสียงทุ้มฟังดูเหมือนตาลุงดังอย่างโกรธแค้น โดยไม่ได้รับรู้เลยว่าเสียงของตนมันรบกวนเวลานอนของใครบางคนที่เพิ่งได้นอนไปชั่วโมงเดียวแล้วดันหูดีสุดๆเข้า...
"...ไม่ทงไม่ทนแล้วโว้ย!!!!"
ยูริลุกพรวดขึ้นมองมองหาสาเหตุเสียงรบกวนอย่างหงุดหงิด...การโดนปลุกระหว่างกำลังนอนสบายมันเป็นสิ่งที่เธอไม่ปลื้มเท่าไหร่...
แล้วดวงตาสีดำสนิทไร้แววที่แฝงจิตสังหารน้อยๆก็ไปพบกับกลุ่มชายฉกรรจ์อายุอานามปาไปเลข4เฉียด5(?)กำลังรุมล้อมร่างผอมสูงของใครอีกคนที่เธอมองหน้าไม่ชัด
แต่สิ่งเดียวที่เธอสนตอนนี้คือ...
"ลุงอยากโดนย่างสดช้ะ?"
ยูริเทเลพอตมากลางกลุ่ม ท่ามกลางความตกใจของชายรุ่นลุงเธอก็ปล่อยกระแสไฟฟ้าช็อตพวกเขาจนสลบเหมือดไปทั้งกลุ่ม
"ชิ เสียเวลานอนชะมั---อุ้บ!!!!!"
"อย่าขยับนะยัยเตี้ย!!!!"
เสียมารยาท!!! แกเป็นใครฟะอยู่ๆพุ่งมาปิดปากฉันเนี่ย
เด็กสาวร่างเล็กพยายามสะบัดออกและช็อตอีกฝ่าย แต่มันกลับไม่เป็นผล
'ใครใช้ให้ใส่ถุงมือหนังวะคะ!!!!'
ยูริสบถในใจ ด้วยสภาพตอนนี้เธอเหนื่อยเกินไป และอีกฝ่ายตัวใหญ่กว่าเธอทำให้เธอไม่สามารถสะบัดเขาหลุดจนกระทั่งโดนจับมัดเป็นข้าวต้มมัดโดยมีอีกฝ่ายล็อคแขนไว้อีกที
"มากับฉันหน่อยแล้วกัน"
หมอนั่นไม่พูดอะไรต่อแล้วลาก...ยํ้า!!! ลากฉันไปทันที
ฉันที่ขี้เกียจและเหนื่อยเกินไปเลยเดินไปดีๆ(หลังจากประท้วงทางสายตาว่าให้หยุดลากสักที)
จนตอนนี้ พระอาทิตย์ก็เริ่มขึ้นลางๆแล้วหมอนี่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุด
[กลับปัจจุบัน]
"เอ้า เข้าไป"
หมอนี่ผลักหัวฉันเข้าไปในโบสถ์ไม้เก่าๆหลังหนึ่งก่อนจะเดินตามเข้ามาแล้วปิดประตูมิดชิด...
"ตามมา..."
เอิ่ม ก่อนจะสั่งอะไรต่อช่วยแก้เชือกกับที่มัดปากนี่ออกก่อนได้ไหม?
แต่ก็ได้แต่คิด เพราะหมอนี่มองฉันตาขวางเป็นเชิงว่าให้เดินเร็วๆ ฉันเลยเดินไปทั้งแบบนั้น...ขี้เกียจแล้วอ่ะ(?)
"นั่งนี่ ห้าม!หนีเด็ดขาด!! เข้าใจ๋?"
อ ไอ้....
ฉันพยักหน้ารับแบบไม่ค่อยเต็มใจ ส่วนหมอนั่นฟืดฟัดสักพักแล้วเดินหายไปอีกมุมหนึ่ง
ชิ เจ้าบ้านั่น....
ฉันได้แต่สาบแช่งหนุ่มผมฟางข้าวหน้าตาขวางโลกนั่นในใจก่อนจะเริ่มสงบสติอารมณ์แล้วรวบรวมพลัง
ฟึบ!
สายฟ้าเล็กจิ๋วถูกปล่อยออกมาตัดเชือดที่พันธนาการออกอย่างรวดเร็วและหายไปทันที
ยูริดึงผ้าที่มัดปากออกแล้วสูดเอาออกซิเจนเข้าเต็มปอด
"ป่าเถื่อนสิ้นดี"
ฉันลูบข้อมือไปมาแล้วลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย ถามว่าไม่กลัวไอ้คนเมื่อกี้กลับมาเจอเธอในสภาพที่ถูกแก้มัดแล้วหรอ? ตอบ ไม่อ่ะ อะไรจะเกิดก็เกิดดิ อีกอย่างฉันไม่มีรสนิยมMชอบโดนมัดหรอกนะ
"เธอ!!!!"
พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา(?) เด็กสาวทำหน้าซังกะตายหันไปมองเจ้าคนป่าเถื่อนที่จับมัดเธอแล้วลากมาที่ไหนไม่รู้ที่กำลังยืนชี้หน้าเธออยู่ ที่ด้านหลังเจ้านั่นมีเด็กหนุ่มอายุไล่เลี่ยกันอีก2คนและเด็กชายที่ตัวเล็กที่ดูแล้วน่าจะตัวเท่ากับเธอกำลังแอบอยู่ไกลๆอีก1...
ทำไมมีแต่ตัวผู้วะคะ?
"ชี้หน้าผู้หญิงแบบนั้นไม่ได้นะซาร์ท"
ชายหนุ่มที่ดูใจเย็นกว่ายกมือขึ้นจับแขนของชายป่าเถื่อนนามว่า'ซาร์ท'ลงก่อนจะหันมายิ้มละมัยให้เด็กสาวที่ยืนทำหน้าเบื่อโลกอยู่ไม่ไกล
"แอสโมส!"
ซาร์ทหันไปตะคอกใส่ชายผมสีบรอนซีดจนเหมือนสีขาวนามว่า'แอสโมส'อย่างขัดใจ
"อะไรเนี่ย นายไปเก็บลูกแมวที่ไหนมาเนี่ย? โสโครคชะมัด"
ชายผมดำที่ยืนนิ่งมานานเดินมาหาเด็กสาวร่างเล็กพลางเดินวนไปมาอย่างสำรวจ
"ลูซิลฟ์ เสียมารยาทน่า"
แอสโมสหันมาเอ็ดชายผมดำท่าทางหยิ่งๆนาม'ลูซิลฟ์'ที่กำลังใช้สายตามองเด็กผู้หญิงตัวเล็กแต่หัวจรดเท้าอย่างเสียมารยาท
ยูริสัมผัสได้ถึงเส้นบางๆในหัวที่กำลังจะขาดสะบั้นออกในอีกไม่กี่วิหากคนพวกนี้ยังไม่เลิกโต้เถียงกันข้ามหัวเธอไปมา...
"เอ่อ ซาร์ท พาใครมาหรอครับ?"
เด็กชายที่แอบซ่อนอยู่ค่อยๆเดินออกมาพลางเหล่มองผู้หญิงหนึ่งเดียวในตอนนี้
"ไม่รู้สิเบล ยัยนี่แปลกดีเลยเอามาด้วย"
ซาร์ทหันไปตอบน้องเล็กของบ้านที่มีดวงตาสีฟ้าสดใส'เบล'
ในตอนนี้ ร่างเล็กๆของเด็กสาวกำลังสั่น....ด้วยความหงุดหงิดที่พุ่งทะลุปรอท
"สั่นใหญ่เลย~ กลัวหรอลูกแมวน้อย~?"
ลูซิลฟ์เอ่ยอย่างหยอกเย้าแต่แฝงความเหยียดร่างเล็กๆนี่เล็กน้อยตามนิสัยเสียของตน
แต่มันมากพอที่จะเป็นชนวนระเบิดอารมณ์ของเด็กสาวได้...
"น่ารำคาญโว้ยยย!!!!!!!! ไปตายให้หมดเลยไป๊!!!!!!!!"
เปรี้ยงงงง!!!!!!!!
ตู้มมมมมม!!!!!!!!
และในเช้าตรู่วันนั้น ก็ได้เกิดระเบิดปริศนาขึ้นจนเป็นข่าวหน้า1ของหนังสือพิมพ์ไปอีกหลายวัน....
======================================================
อะไรคือการอัพตี3(=_=)....//มองนาฬิกา
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มีตัวละครใหม่4ตัวนะจ๊ะ~
คนแรก ซาร์ท หนุ่มผมสีฟางข้าวสุดเถื่อน(?)
คนที่2 หนุ่มเจ้าของรอยยิ้มละมุน แอสโมส
คนที่3 พ่อหนุ่มเล็บแดงผู้รักสวยรักงาม(?)และหยิ่งผยอง ลูซิลฟ์
และสุดท้าย หนุ่มน้อยค่าตัวโคตรแพง(พูดประโยคเดียว...) เบล
=======================
รีไรท์ครั้งที่ 1 วันที่ 26/3/60
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
รีบอัพนะคะเป็นกำลังใจให้ ^^