'นี่! ช้าลงหน่อยสิ'
'ฮะฮะ ตามมาให้ทันสิ'
'ข้าเหนื่อยแล้วนะ!! หยุดเดี๋ยวนี้เลย!!!'
'ไม่เอาอ่ะ~!'
กลางป่าใหญ่เขียวขจีที่มีพืชพรรณต่างๆมากมายทั้งต้นไม้ใหญ่กว่า10คนโอบและพุ่มไม้หนา
เหล่าสัตว์ป่าตัวเล็กทั้งกระรอกและนกน้อยต่างหันมองตามเสียงใสที่ดังมาตามรายทาง
เด็กชายร่างเล็กแบบบางราวอิสตรีผู้มีเรือนผมสีดำรัตติกาลสั้นไว้รากไทรยาวถึงเอวเล็ก ผมด้านหน้าตัดเป็นหน้าม้าเฉียงปิดตาขวาผมด้านซ้ายทัดใบหูเผยตุ้มหูสีเงินสามอันเล็กๆมีอัญมณีสีอะเมทิสฝังอยู่ตรงกลางในชุดเสื้อแขนกุดสีขาวคอกว้างกางเกงยาวถึงข้อเท้าพองๆดูราวกับกระโปรงสีเดียวกันประดับด้วยเครื่องเงินลายสวยที่ต้นแขนสองข้างและสร้อยสีเดียวกันหลายเส้นหัวเราะร่าเมื่อหันมองไปด้านหลังแล้วพบเด็กชายอีกคนที่ร่างบางพอกันกำลังวิ่งเยาะๆตามพร้อมหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน
เด็กชายนั้นมีเรือนผมสีทองสว่างยาวประบ่าโดยตัดเป็นหน้าม้าเฉียงปิดตาซ้าย ผมด้านขวาทัดใบหูไว้เผยให้เห็นตุ้มหูสีเงินสามอันเล็กๆเช่นเดียวกับอีกคน แต่อัญมณีกลับเป็นสีอความาลีนเข้มเขาอยู่ในชุดที่ไม่ต่างจากเด็กคนแรกนักแต่ต่างที่เขาดูเรียบร้อยกว่าอีกคนที่เปรอะเปื้อนฝุ่นดินไปแทบทั้งตัว
'แฮก ข ข้า เหนื่อยอ่าา'
เด็กชายผมทองทรุดเข่าลงกับพื้นแล้วหอบหายใจ แต่เด็กชายผมดำวิ่งย้อนกลับมาแล้วฉุดแขนของอีกคนไปอย่างรวดเร็ว
'นี่จะพาข้าไปไหนเนี่ย!!?'
'น่าๆ ใกล้ถึงแล้วล่ะ'
สิ้นคำเจ้าของเรือนผมสีนิล ทั้งสองก็เดินออกพ้นเขตป่าแล้วพบกับทุ่งกว้างสุดลูกหูลูกตา
'น นี่มัน...'
'ยอดเลยใช่ม่ะ 'ท่านพี่' '
เบื้องหน้านั้นคือทุ่งดอกไม้หลากสีสันที่มีละอองประกายสีรุ้งสวยงดงามจนแทบลืมหายใจ
นั่นยังไม่เท่ากับเหล่าภูติตัวเล็กที่รูปร่างเหมือนลูกเจี๊ยบตัวกลมสีขาวที่มีปีกใสๆสีรุ้งน่ารักหลายร้อยตนกำลังบินหยอกล้อเล่นกับผีเสื้อหลากสีที่มีละอองสีทองสวยโปรยเหนือทุ่งดอกไม้นั่น...ราวกับฝัน
เด็กชายทั้งสองเดินเข้าไปช้าๆพลางเก็บภาพความสวยงามไว้ในใจ
'ส สวยจัง'
'ใช่ม้า ข้าให้เป็นของขวัญนะท่านพี่...'
มือเล็กขาวเนียนเอื้อมจับมือบางของพี่ชายก่อนจะช้องสายตาขึ้นมอง
'ข้า ขอบคุณที่ท่านพี่อยู่เคียงข้างข้าเสมอมา'
ฉับพลันเด็กชายผู้พี่ก็ขมวดคิ้วมองหน้าผู้เป็นน้องอย่างไม่เข้าใจ
'เจ้าพูดราวกับว่าเจ้าจะจากไปไหน...'
ผู้เป็นน้องหลบสายตาแต่สักพักก็หันมายิ้มสดใสแล้วเดินอ้อมไปด้านหลังของพี่ชาย
ความรู้สึกเย็นจากโลหะทาบทับลงบนลำคอขาว เจ้าของผมสีทอบสว่างยกมือขึ้นจับบริเวณคอของตน ปลายนิ้วไล่ตามความยาวของสายสร้อยจนมาถึงตรงสุดปลาย
'For get me not?'
ผู้เป็นพี่พึมพัมเมื่อเห็นสร้อยคอสีเงินที่มีจี้เป็นผลึกใสแวววาวและด้านในผลึกนั้นก็มีดอกไม้เล็กๆสีฟ้าอมม่วงอยู่หนึ่งดอก
'ข้าให้ เวลาท่านมองมัน...จะได้นึกถึงข้า'
น้องชายผู้สดใสร่าเริงอยู่เสมอเอ่ยด้วยนํ้าเสียงสดใสเช่นเคยแต่นํ้าเสียงกลับดูเศร้าสร้อยจนคนเป็นพี่นึกสงสัย
'เกิดอะไรขึ้น...เจ้าจะไปไหน น้องข้า?'
มือบางละจากของขวัญชิ้นงามแล้วเอื้อมจับไหล่เล็กที่นิ่งสงบ
'บอกข้าสิ เจ้าเป็นอะไรไป!?'
แรงบีบที่ไหล่ทำให้เด็กชายที่ก้มหน้านิ่งรู้สึกตัวก่อนจะเงยขึ้นสบนัยน์ตาสีนํ้าเงินสวยราวกับอความารีนนํ้างาม
'ข้า...'
ผู้เป็นพี่จ้องมองตอบ รอคำของน้องชายเพียงคนเดียว
'ข้าขอโทษ...'
นัยน์ตาสีม่วงอะเมทิสสวยราวกับอัญมณีสบตอบ ปากเอื้อนเอ่ยคำที่ผู้เป็นพี่ได้ยินแล้วหัวใจกระตุกวูบ
'อ อะไร ขอโทษเรื่องอะไรกันน้องข้า'
เด็กชายมองไปที่ร่างเล็กอย่างสับสน
อะไรกัน...
ความรู้สึกหน่วงในใจนี่...
ราวกับ...
ข้ากำลัง'สูญเสีย'อะไรไป?...
ในห้วงภวังนั้นที่เขาไม่ทันตั้งตัว ลำแขนเล็กบางพอๆกันกับเขาก็โอบกอดเข้ามาจากด้านหน้า
ไหมนุ่มสีนิลส่งกลิ่นหอมหวานประหลาดที่เขาไม่เคยหาคำตอบได้เสียทีว่ามันคือกลิ่นอะไรคลอเคลียอยู่ที่ข้างแก้ม
'ขอโทษ และ ลาก่อน'
เสียงกระซิบเพียงแค่นั้นก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบไป
ไม่!
ไม่นะ!
ไม่เอาแบบนี้สิ!!
เจ้าจะไปไหน!!?
น้องข้าจะไปไหน!!!?
'อ *แอทลาส...'
สติสุดท้ายที่ถูกยื้อไว้ทำให้เขาเห็น...
ปลายผ้าคลุมสีดำพริ้วไสวพร้อมเหล่ากลีบดอกไม้
ผ้าคลุมสีดำบนตัวของน้องชาย...
พร้อมอสรพิษสีนิลที่พันอยู่รอบลำคอ....
และนัยน์ตาสีอะเมทิสที่เคยสวยงดงามที่สุด กลายเป็นเย็นเฉียบและน่ากลัวที่สุด...
'หวังว่าเรา จะไม่พบกันอีก...*เออร์รอส'
.
.
.
.
.
.
เฮือก!!!
ร่างบางสะดุ้งสุดตัวลุกขึ้นนั่งพลางหอบหายใจอย่างอ่อนล้า
'ฝัน อีกแล้ว'
ไพร์มคิด ฝันเดิมๆที่ตามหลอกหลอนมานับพันปีที่เขาเองก็หาคำตอบไม่ได้
แอทลาสและเออร์รอส เป็นชื่อของเด็กชายฝาแฝดที่เขาเห็นในฝันนั่น
ใครกันนะ...
ใบหน้าที่เลือนลางราวกับถูกบดบังด้วยหมอกที่มองไม่เห็น แล้วยังงูสีดำนั่นอีก
ปวดหัววุ้ย....
นัยน์ตาสีอะเมทิสสวยกวาดมองสถานที่แปลกตารอบๆด้วยความสนใจ
เตียงสี่เสาขนาดใหญ่ที่นอนอัดกันได้ราวๆ7-8คนที่เขานั่งกึ่งนอนอยู่
โต๊ะหัวเตียงสองข้าง โคมไฟที่ถูกปิดไว้ ตู้เสื้อผ้า ตู้หนังสือสองตู้ โต๊ะทำงาน เก้าอี้ ทุกอย่างทำจากไม้ขัดเงาอย่างดีสีดำ เฟอร์นิเจอร์ไม่กี่ชิ้นทำให้ห้องสีทึบดูโล่งสบายตา(สำหรับเขาน่ะนะ) หันไปมองทางหน้าต่างบานใหญ่เพียงหนึ่งเดียวที่มีม่านบางๆสีขาวปิดอยู่ แสงสลัวๆด้านนอกบอกให้รู้ว่าตอนนี้เวลาคงจะประมาณตี4ตี5ได้แล้ว
"แล้วนี่มันที่ไหนกัน?"
ไพร์มบ่นพึมพัมกับตัวเอง ความทรงจำสุดท้ายคือเขาใช้มนต์สลายพวกอสูรกายน่ารังเกียจนั่นแล้วก็จำอะไรไม่ได้เลย...
ปลายเท้าเล็กประดับเล็บสีดำเช่นเดียวกับเล็บมือหย่อนลงจากเตียงสัมผัสกับความเย็นของเนื้อไม้เงางามก่อนจะเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้งที่เขาเพิ่งจะสังเกตุเห็น
มือบางถอดร่นผ้าพันคอลงก่อนจะยกขึ้นสางผมนุ่มของตัวเอง
เรือนผมสีรัตติกาลตัดซอยด้านหน้าไว้ด้านข้างยาวถึงปลายคางและด้านหลังปล่อยยาวจนเกือบถึงพื้น...สงสัยต้องตัดออกเสียบ้าง
ใบหน้าเนียนขาวติดซีดเล็กๆเรียบนิ่งไร้อารมณ์ จมูกโด่งรั้น ริมฝีปากอิ่มที่มีสีแดงสดด้านในไล่ระดับเป็นชมพูและขาวเหมือนสีผิว
ดวงตากลมโตหางตาชี้ขึ้นเล็กน้อย ใต้ตาเป็นสีดำราวกับกรีดอายส์ไลเนอร์(?) บวกกับนัยน์ตาสีม่วงอะเมทิสที่ดูราวกับจะเรืองรองอยู่ตลอดเวลา
โดยรวมแล้วไพร์มเป็นคนสวยมากกว่าหล่อ(?) และอาจติดน่ารักนิดๆด้วย(//โดนมนต์สลาย+ตัวแตก(?))
"อืม ไม่มีอะไรเปลี่ยนเลยแฮะ"
ร่างบางเอ่ยพึมพัมกับตัวเอง เพราะเขามีใบหน้าและรูปร่างแบบนี้มาหลายพันปีแล้ว
อ่อ ส่วนที่เวสพูดเหมือนรู้จักเขาตั้งแต่เด็กน่ะ(ในตอนที่1)เป็นเพราะเขาแค่นึกเบื่อชีวิต(?)เลยใช้มนต์ย้อนอายุไปเป็นเด็กแล้วไปสมัครเรียนก็แค่นั้น
แล้วนี่เขาพล่ามอะไรอยู่เนี่ย?
มือเรียวบางกระชับผ้าพันคอให้ปิดใบหน้าส่วนคางถึงจมูกไว้เช่นเคยแล้วเดินไปที่ประตู
....
เอ๊ะ?
เดี๋ยวนะ
ร่างบางเดินกลับมาที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งพร้อมถอยออกมาเพื่อให้ได้ระยะส่องกระจกให้ได้ทั้งตัว
ชุดเสื้อแขนกุดครึ่งตัวกับกางเกง ถุงมือและรองเท้าบูทหายไป...
กลายเป็นเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำตัวใหญ่ที่ยาวปิดครึ่งขาอ่อน คอเสื้อกว้างเห็นอกขาวรำไร
ที่ยังเหมือนเดิมก็มีแต่ผ้าพันคอเนี่ยแหละ
และรอยแดงที่คอนี่มัน...
"ฟัค....."
สิ้นคำร่างเล็กก็ถลาไปที่ประตูพร้อมกระชากเปิดอย่างแรงแบบไม่กลัวบานพับหลุด(?)
นัยน์ตาสีสวยวาวโรจน์กวาดมองทางเดินที่ทอดยาวทั้งซ้ายและขวาก่อนจะเปิดประสาทสัมผัส(เรียกง่ายๆก็คล้ายกับเรด้ามนุษย์)ทั้งหมดเพื่อสำรวจที่แห่งนี้
"เจอแล้ว..."
เสียงหวานทุ้มเอ่ยเบาๆ มุมปากกระตุกขึ้นเล็กน้อยเผยฟันเขี้ยวแหลมๆพร้อมแผ่รังสีน่าสยดสยองออกมาก่อนจะเดินไปทางขวา
--อีกด้าน--
"อึ๊ย!!?"
"เป็นอะไรโทบี้"
ฮู้ดดี้หันไปถามหนึ่งในเพื่อนพร็อคซี่อย่างสงสัยเมื่อเจ้าตัวทำท่าทางขนลุกพร้อมกับทำหน้าแหยงๆพิกล
"ป ป่าวว ฉันอาจคิดไปเอง"
โทบี้ตอบด้วยนํ้าเสียงที่เบาลงเรื่อยๆ
ฮู้ดดี้หรีตาภายใต้หน้ากากอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรมากแล้วก็เดินไปทำงานของตัวเองต่อ
"ไพร์มจะฟื้นรึยังน้าา"
โทบี้พึมพัม
"ไม่ต้องเป็นห่วงไป เขาแค่เหนื่อย ไม่ได้ป่วย อีกเดี๋ยวก็ฟื้น"
เสียงทุ้มดังขึ้นจากมุมหนึ่งของห้องโถงที่โทบี้อยู่ตามมาด้วยตัวเจ้าของเสียงเอง
ชายหนุ่มผมสีนํ้าตาลไหม้ผู้มีผิวสีเทาประหลาดสวมหน้ากากสีนํ้าเงินที่มีของเหลวสีดำไหลเปรอะลงมาจากช่องกลมตรงดวงตา
"หืม? ไงEJ"
ฮู้ดดี้ที่เดินกลับมาพร้อมถังนํ้าใบใหม่เอ่ยทักคุณหมอเพียงหนึ่งเดียวของคฤหาสน์
"อ่า อยากได้ไตเพิ่ม..."
EJหรืออายเลสแจ๊คทักตอบพลางพึมพัมถึงอาหารเพียงหนึ่งเดียวอย่างหัวเสียนิดๆก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟาตัวยาวพร้อมกับยกแขนพาดพนักพิง
มือสีเทาเลื่อนมาขยับหน้ากากให้เยื้องไปทางขวานิดหน่อยเผยริมฝีปากที่มีฟันแหลมคมราวกับฉลาม
"ไพร์มเป็นไงมั่งอ่ะ EJ"
โทบี้เดินมายืนข้างหลังโซฟาแล้วก้มหน้ามองตัวกินไต(?)ที่ทำท่าจะหลับต่อ
"ก็ไม่ไง เขาแข็งแรงดี"
EJตอบปัดๆเพราะความง่วง ก็เมื่อคืนดันไปล่าไต(?)ดึกไปหน่อยแต่ไม่รู้ว่าเมื่อคืนมันวันดวงซวยรึเปล่าเพราะเหยื่อดันรู้ตัวก่อนแล้วรอดไปได้ทุกรายเลยอด กลับมาก็มีคนแปลกหน้าที่สลบเหมือดให้ดูอาการอีก ให้ตาย เขาขอพักสักชั่วโมงสองชั่วโมงได้ไหมเนี่ย
"ว่าแต่แมสกี้ไปไหนเนี่ย ไม่มาช่วยพวกนายทำความสะอาดรึไง"
EJเปลี่ยนเรื่องคุยถามหาชายอีกคนที่ควรอยู่ด้วยกันกับสองหน่อนี่แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงา
"ไปเตรียมห้องให้แขกน่ะ ไพร์มนั่นแหละ" ฮู้ดดี้
"เหรอ นึกว่าจะให้อยู่'ห้องของมาสเตอร์'แบบนั้นซะอีก" EJ
"อื้อ แต่ไม่รู้ทำไมมาสเตอร์ให้แมสกี้ไปทำคนเดียว"
โทบี้บ่นอุบ เพราะปกติทั้งสามจะได้ทำงานด้วยกันเสมอ
"เพราะอย่างน้อย แมสก็ดูพึ่งได้มากกว่านายและฉันติดง่านอย่างอื่นอยู่ ดังนั้นแมสกี้ที่ว่างที่สุดเลยได้ไปจัดห้องไง"
ฮู้ดดี้พูดด้วยนํ้าเสียงราบเรียบและไม่ได้หันมองเพื่อนพร๊อกซี่แม้แต่นิด
นั่นทำให้โทบี้นั่งกอดเข่าเขี่ยไรฝุ่น(?)อยู่ที่มุมห้องพร้อมแผ่ออร่ามืดมนออกมาหวังให้เพื่อนทั้งสองช่วยปลอบใจหรือแก้คำพูดที่ดูเหมือนตนไร้ประโยชน์นั่นซะแต่ปฏิกิริยาที่ได้รับนั้นเสียดแทงจิตใจลึกยิ่งกว่าเก่า(?)
"ฟี้..."
EJ หรือชื่อเต็มคือEyeless Jack เปลี่ยนจากการนั่งเอาแขนพาดพนักพิงเป็นการนอนเหยียดบนโซฟาตัวยาวเอาหัวหนุนที่วางแขนแล้วหลับไปอย่างเหนื่อยล้าและหงุดหงิดทันทีโดยที่หน้ากากจะหลุดแหล่มิหลุดแหล่อยู่แล้ว
ส่วนฮู้ดดี้...
"โทบี้ ถ้านายไม่ช่วยทำความสะอาดก็อย่ามานั่งเกะกะ"
พร้อมกับผ้าเปียกๆที่ผ่านการใช้มาแล้วและยังไม่ได้ซักลอยละลิ่วมาโป๊ะอยู่บนหัวอย่างแม่นยำ...
"จำไว้เลยนะพวกนาย!!!!!"
โทบี้ลุกขึ้นคว้าหยิบผ้าออกจากหัวแล้วกำมันแน่นก่อนจะปากลับคืน
เจ้าของ
"ไม่เอาอ่ะ รกสมอง"
ฮู้ดดี้โยกหลบผืนผ้าสีมอๆจนมันลอยวืดไปตกอยู่ในถังนํ้าข้างหลัง
"อ ไอ้!!! "
เมื่อสิ้นคำด่าที่พอจะทำให้คนตรงหน้าเจ็บได้(ได้ข่าวว่านายไม่เคยทำให้ฮู้ดดี้เจ็บเพราะคำด่าแถมยังถูกสวนกลับอีกไม่ใช่เหรอ//ไรท์ : เงียบน่า!!!//โทบี้)มือขวานหนึ่งเดียวก็เลยเดินกระแทกส้น(?)ไปที่ประตูแล้วกระชากเปิดอย่างหัวเสีย...
คิดว่าจะทำให้ดูเท่นะ แต่...
ผลั่ว!!
พลัก!!
อ็อค!!!
ในตอนที่ประตูถูกเปิดจนสุด'บางสิ่ง'ก็พุ่งเข้ามากระแทกเข้าที่กล่องดวงใจ(?)อย่างจังจนเจ้าตัวหน้าเขียวก่อนที่มือทั้งสองจะกอบกุมส่วนกลางเอาไว้และทรุดลงนอนกับพื้นอย่างหมดสภาพโดยไร้เสียงเล็ดลอดออกมาจากผ้าปิดปากนั่นเลยสักนิด
"หือ? โทษที พอดีมือไม่ว่าง"
นํ้าเสียงหวานทุ้มสุดคุ้นเคยดังขึ้นเหนือหัว โทบี้ค่อยๆหันปรับองศาใบหน้าขึ้นมองผู้ที่เกือบทำลายสิ่งสำคัญ(?)ของเขาก็พบกับเท้าเล็กที่มีเล็บสีดำข้างนึงอีกข้างยกค้างไว้ก่อนจะเอาลงมาที่พื้นเหมือนเดิมไล่ขึ้นไปอีกเป็นเรียวขาขาว ต้นขา ขึ้นไปเรื่อยๆผ่านเสื้อสีดำตัวใหญ่ ผ้าพันคอสีเดียวกันจนเห็นใบหน้าที่ผมถูกจัดใหม่จนไม่ปรกหน้าอีก
โทบี้อ้าปากพงาบๆอยู่หลังผ้าปิดปากเหมือนจะพูดอะไรแต่กลับไม่มีเสียงออกมา
"ไงไพร์ม"
ฮู้ดดี้เดินมาหาร่างบางโดยข้ามซากน่าสมเพช(?)ไป
"อืม ได้พักหน่อยก็ดี"
ไพร์มเอ่ยตอบพลางเอามือสางรวบเส้นผมสีดำที่ยาวเกินจำเป็น
"ว่าแต่ นายพอมีหนังยางหรือเชือกอะไรไหม"
ร่างบางถามด้วยความหงุดหงิดเล็กๆเพราะเส้นผมที่เขารวบดีแล้วถูกปลดออกโดยใครบางคนจนมันแทบจะลากพื้นจนน่ารำคาญไปหมด(ทำไมไม่ตัดล่ะ//ไรท์ : เสียดายอ่ะ อุตสาห์เลี้ยงไว้ขนาดนี้//ไพร์ม : ตกลงฉันสร้างนายให้เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายฟะ=_=//ไรท์) ฮู้ดดี้เดินไปที่โต๊ะมุมห้องสักพักแล้วเดินกลับมา
"เดี๋ยวฉันทำให้ดีกว่า ผมนายยาวขนาดนี้"
พูดจบก็เดินอ้อมไปด้านหลังร่างบางทันทีโดยไม่ฟังคำค้านของเจ้าตัวเลย
ไพร์มเลยยืนนิ่งสงบคำเมื่อพูดไปแล้วอีกคนก็ไม่ฟัง
มือใหญ่ใต้ถุงมือหยาบสีดำกำลังจรดลงที่เรือนผมเงางามแต่กลับหยุดชะงักก่อนจะตัดสินใจถอดถุงมือออกและยัดมันใส่กระเป๋าเสื้อฮู้ด
ฝ่ามือเปล่าของชายหน้ากากโศกเศร้าค่อยๆสางผมสีรัตติกาลขึ้น ความนุ่มลื่นราวกับไหมชั้นดีทุกคราที่นิ้วมือลากผ่านทำให้เจ้าของไม่อยากจะละมือของตนออกไป แต่ก็นะ...
พอสางรวบขึ้นมาได้พอประมาณอีกมือที่ว่างก็ล้วงหยิบเชือกสำหรับมัดผมเส้นเล็กพอดีมือสีม่วงมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วบรรจงมัดเป็นโบว์อย่างดี
"เสร็จล่ะ"
ฮู้ดดี้สวมถุงมือเข้าอย่างเดิมก่อนจะเดินมาอยู่ข้างหน้าร่างเล็ก
"อืม ขอบคุณ"
ไพร์มยกมือขึ้นจัดผมหน้าของตัวเองนิดหน่อย ผมด้านหลังที่ถูกรวบเป็นหางม้าสูงทำให้สบายคอขึ้นเยอะ
"อ อืม..."
ฮู้ดดี้ตอบรับคำขอบคุณเบาๆพลางหันหน้าไปอีกทาง
"(- -)?"
ไพร์มทำหน้างงนิดๆกับท่าทางของชายที่สูงจนน่าตัดขาทิ้ง(?)ก่อนจะกลับมาตายด้านเหมือนเดิม
"ฮัลโหลลล~ ฉันยังนอนอยู่นี่นะ"
EJที่นอนไม่หลับสะลึมสะลืดตื่นขึ้นมาเห็นฉากทุกฉากตั้งแต่ฮู้ดดี้เดินไปหยิบของมุมห้องแล้วเอ่ยออกมาเพราะรู้สึกว่าพร๊อกซี่มือปืนกับชายที่ไม่เหมือนชาย(?)กำลังสร้างโลกของสองเราอยู่(ห๊ะ=_=//ไพร์ม)โดยไม่สนเขาที่นอนหัวแทบจะทิ่มพื้น(?)อยู่ตรงโซฟาที่ห่างไปแค่เมตรสองเมตรกว่า
"อ่า โทษทีแจ๊ค นี่ไพร์ม ส่วนไพร์ม นี่คือแจ๊ค"
ฮู้ดดี้แนะนำทั้งสองให้กัน
ไพร์มและแจ๊คพยักหน้าให้กันเล็กน้อย
"ชื่อเต็มคือEyeless Jack จะเรียกว่าEJก็ได้นะ"
EJยิ้มโชว์ฟันฉลามโดยมีเอฟเฟ็คเป็นของเหลวสีดำที่ข้างแก้มที่ไหลลงมาจากที่ที่เคยเป็นที่อยู่ของดวงตา ซึ่งตอนนี้ไม่มีแล้วมันจึงเป็นสีดำ หากมองดีๆจะเห็นเป็นเบ้าลึกเข้าไป ส่วนหน้ากาก...หลุดลงไปกองอยู่ที่พื้นข้างๆโซฟานั่นแหละ
"Pride Endless(อ่านว่าไพร์มนั่นแหละค่ะ) ยินดีที่ได้รู้จัก...แจ๊ค"
"เช่นกันนะ สมาชิกใหม่~"
EJยิ้มให้ก่อนจะฟุบลงไปหลับต่อ
"(=_=)....."
ไพร์มมองชายไร้ตานิ่งๆก่อนจะจับผ้าพันคอขึ้นมาปิดถึงจมูก
"อ่า อีก30นาทีได้เวลาอาหารเช้านะEJ"
ฮู้ดดี้มองนาฬิกาที่ล่วงเลยมาจน06:30น.(เร็วไปไหม=_=)ก่อนจะร้องบอกคนที่นอนเหยียดไม่เกรงใจใคร
EJยกมือขึ้นชูว่า'Ok'ก่อนจะนอนต่อ
"เฮ้อ...เอาล่ะไพร์ม เดี๋ยวฉันพาเดินเล่นก่อนแล้วกัน เผื่อหลง"
ฮู้ดดี้หันมาหาร่างบางก่อนจะเดินไปเปิดประตูบานเดียวกับที่ชายหนุ่มร่างเล็กแต่แรงไม่น้อยตาม'ถีบ'เข้ามาตอนแรกนั่นแหละ
ไพร์มเดินตามไปออกเงียบๆ หลังจากนั้นฮู้ดดี้ก็ปิดประตูไว้อย่างเดิม
.
.
.
.
.
'เหมือนลืมอะไรไปแฮะ ช่างเถอะ'
ฮู้ดดี้คิดกับตัวเองก่อนจะยักไหล่ทิ้งมันไปจากสมองแล้วพาชายผมดำไปแนะนำส่วนต่างๆของคฤหาสน์
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
"พ พวกแก...ลืมฉันคนนี้ได้ไงฟร้าาาา!! แอ็ฟฟฟ!!!!"
"เฮ้ย!!! โทบี้ มานอนเป็นจิ้งจกโดนรถทับ(?)อะไรตรงนี้ฟะ!! เดี๋ยวพ่อ
เตะกลิ้ง ลุกไปเลยไป มันเกะกะ!!!!"
แมสกี้ที่จัดห้องให้ร่างบางเสร็จเปิดประตูเข้ามาอย่างแรงตามนิสัยแล้วเผลอไปเหยียบซากน่าสมเพช(?)เข้าเลยบ่นไปชุดนึง+เตะไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้ส่วนตัว(?)ก่อนจะไปที่ประตูอีกบานที่เชื่อมห้องนี้อยู่แล้วเปิดเข้าไปอีกห้องเพื่อทำงานต่อ
ส่วนโทบี้...
"ฉันเกลียดพวกแกกกกกกกกกก!!!!! อะ จ๊ากกกก หยุดๆๆๆ ยู๊ดดดดด!!!!(?)"
"หนวกหูเฟ้ย คนจะนอน!!!!!"
มีดผ่าตัดนับสิบเล่มพุ่งเฉียวไปปักที่พื้นด้านหลังราวกับพายุมีดก่อนที่เจ้าของมันจะคว้าหน้ากากสีครามแล้วเดินออกไปอย่างหงุดหงิดที่ถูกขัดเวลานอน
ส่วนโทบี้(อีกครั้ง)
"ฮึก แงงงง!!!"
นํ้าตาแตกแล้วจ้าาา(-0-)
[ที่ไหนสักแห่ง]
ณ ดินแดนหนึ่งซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นแดนสุขาวดี แดนสวรรค์...
กลางป่าใหญ่ที่มีต้นไม้ขึ้นสูงมากมายดั่งเช่นป่าทั่วไป แต่กลับกันที่ ลำต้นที่ควรเป็นสีนํ้าตาลของเปลือกไม้ กลับเป็นสีขาวราวกับหิมะแรกแห่งเหมันต์ ใบที่ควรเขียวสดกลับเป็นผลึกใสส่องประกายสีรุ้งสวยยามสายลมพัด พวกมันก็ไม่ร่วงหล่นแต่กลับกระทบกันเป็นเสียงกรุ๊งกริ๊งน่าฟัง ผืนดินที่ควรหยาบแห้งเป็นสีนํ้าตาลกลับเป็นก้อนผลึกหลายเหลี่ยมเล็กๆที่มีสีครามราวกับท้องทะเล
ราวกับดินแดนแห่งฝัน...
กลางป่าวิเศษนี้ปรากฏคฤหาสน์หลังใหญ่ทำจากหินแร่สีขาวที่จะเปลี่ยนเป็นสีนํ้าเงินเข้มครามยามคํ่าคืน
ภายในตกแต่งอย่างสวยงามด้วยประติมากรรมชั้นเอกและภาพสีนํ้ามันเรียงรายเพื่อไม่ให้โถงทางเดินโล่งเกินไป
ด้านหน้ามีบันไดยาวแยกชึ้นไปชั้นสองด้านซ้ายขวา
ขึ้นไปชั้นสอง ลึกเข้าไปอีก ในห้องห้องหนึ่งที่เป็นโทนสีฟ้าอ่อนและขาว ของทุกอย่างเป็นสีฟ้าไม่ก็ขาวไปเลย
ผ้าม่านโปร่งบางสีขาวพริ้วไสวยามต้องลม ที่ด้านนอกระเบียบมีบุคคลหนึ่งยืนนิ่งอยู่
ร่างบอบบางราวอิสตรี เส้นผมสีทองสว่างยาวระสะโพก ชุดเสื้อแขนยาวครึ่งฝ่ามือตัวยาวถึงข้อเท้าผ่าด้านข้างสองข้างขึ้นมาเหนือสะโพกเล็กน้อย พันทับด้วยโซ่สีเงินหลายเส้นที่เอว ด้านในเป็นกางเกงยาวทับด้วยรองเท้าบูทส้นสูง ผ้าคลุมไหล่มีปกปิดคอคล้ายชุดของพวกนักบวช
ชุดทั้งชุดเป็นสีขาว...
เครื่องประดับมีเพียงต่างหูสามอันที่หูข้างขวาประดับอัญมณีสีไพลินทิ้งสายโซ่เล็กที่ปลายมีจี้กางเขนสีเงินห้อยอยู่เท่านั้น
ร่างบางทอดสายตามองผืนป่าคริสตัลอย่างเหม่อลอย
ริมฝีปากขยับยิ้มเบาบางแทบมองไม่เห็นยามนึกถึง'ใครบางคน'ที่จากกันไปเนินนานเกินจะนับ แต่บัดนี้บุคคลนั้นได้มาอยู่ใกล้จนแทบจะอดใจไม่ให้ไปหาไม่ไหว...หากแต่กลับติดที่ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสมพอ จึงได้แต่รอ...
"ในที่สุดเราก็จะได้พบกันแล้วนะ..."
นํ้าเสียงทุ้มติดหวานจนฟังไม่ออกว่าหญิงหรือชายเอ่ยเบาๆกับตัวเอง
ในที่สุด...
เวลาล่วงเลยกว่าพันปีก็จะสิ้นสุด
แอทลาส...
รักกกก นักอ่านทุกท่านน้าาา
ปล. ไรท์ได้งานแล้วโว้ยยยยยยยย!!!!!!(ตีลังการอบบ้าน)
ไพร์ม: น่ารำคาญเฟ้ย!!!//ถีบดัดหลังไรท์
กร๊อบบ!!!!(กระดูกลั่น)
ไรท์: ......//แอทมิทเข้าโรง'บาลฉุกเฉิน(?)
ไพร์ม: จากนี้คงนอนโรง'บาลนานสินะ ยัยสันหลังยาว(- -)
ไรท์: เพราะใครดันมาถีบดัดหลังฉันล่ะยะ!!!
*แอทลาส(Atlas) = ความทรมาน
*เออร์รอส(Eros) = ความรัก
For get me not = อย่าลืมฉัน
เป็นดอกไม้แทนความรักว่าถึงแม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่เราก็ยังคงคิดถึงและซื่อสัตย์ต่อกัน เหมาะจะมอบให้แก่คนรัก
ไรท์สรุปตามความเข้าใจของไรท์เองนะ ตำนานจริงๆคือ มีอัศวินหนุ่มกับแฟนสาวกำลังเดินเลียบแม่นํ้าอยู่ แล้วหญิงสาวดันเหลือบไปเห็นดอกไม้สีฟ้าดอกเล็กๆชูช่อสวยงามอยู่ริมนํ้าเลยเกิดอยากได้ อัศวินหนุ่มจึงอาสาลงไปเก็บให้ แต่เขาพลาดลื่นตกแม่นํ้าไป สายนํ้าเชี่ยวและชุดเกราะที่หนักทำให้เขาไม่อาจพาตัวเองขึ้นฝั่งได้ เขาตัดสินใจโยนดอกไม้ให้คนรักและตะโกนว่า'for get me not' แต่นั้นมาหญิงสาวก็ได้ไปนั่งที่ริมนํ้าและพรํ่าบอกกับดอกไม้นั้นว่าfor get me not
จำได้ประมาณนี้แหละน่อ~
แล้วเจอกันใหม่น้า นักอ่านที่น่ารักของไรท์~~
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
โครตชอบแมสกี้กับ EJ เลยค่ะ! แต่ดูเหมือนเหล่าตัวหลักของ creepypasta จะยังออกมากันไม่ครบสินะคะ จะลอยคอต่อไปนะคะ
ทำไมเป็นฉันคนเดียวฟะ!//โทบี้เดินมาพร้อมขวานเตรียมสับไรท์(?)
ก็นายน่าแกล้งที่สุดนี่//ไรท์
แล้ว..ไม่ทรายว่า..ใครเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ไพรม์ ^q^ pant pant! (แฮ่ก แฮ่ก!)
ส่วนเรื่องเสื้อผ้านั้น......เดี๋ยวก็รู้~~~(ลุ้นให้คฤหาสน์รอดจากการระเบิดก่อนไหม?)