คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : การต่อสู้ที่บาดาลนคร
“ชลาธาร” พฤกษ์พิศเรียกทันทีที่เห็น “เสด็จแม่ของเราอยู่ไหน” เพชรการณ์ไม่รู้อะไรดึงชลาธารมาถาม “ปล่อยชลาธารเดี๋ยวนี้นะ” พฤกษ์พิศพูด เพชรการณ์ปล่อยมือ “เจ้าเป็นลูกของเสด็จน้ารัตนวรางใช่ไหม เรานี่แหละที่ขึ้นไปบอกวารพุธ ให้ช่วยพวกเจ้า แล้วนี่พวกเจ้าชื่ออะไรกันบ้างเนี่ย” ชลาธารพูด “เราชื่อเพชรการณ์” เพชรการณ์พูด “เรียกเราว่าพฤกษ์พิศ” พฤกษ์พิศพูด “ดีหละ เพชรการณ์เราชื่อชลาธาร” ชลาธารพูดอย่างอ่อนโยน เพชรการณ์ยิ้มให้ชลาธาร “รีบไปกันเถอะ” เพชรการณ์พูด “ทางนี้” ชลาธารพูดและเดินนำไป เพชรการณ์รีบตามไปติดๆ พฤกษ์พิศเองตามไปเป็นคนสุดท้าย
ถึงตำหนักที่รัตนวรางถูกกักขังอยู่ พวกทหารรีบเข้ามาโจมตีทันที เพชรการณ์ และ พฤกษ์พิศรีบตั้งรับด้วยมือเปล่า เพียงไม่นานพวกทหารก็ล้มลงบาดเจ็บกันไปมากแล้ว พฤกษ์พิศก้มหลบคมดาบของพวกทหารบาดาล และถีบสวนไป ทหารอีกคนเข้ามา พฤกษ์พิศดันมือไว้และเตะทหารคนนั้นล้มลงดึงเอาดาบมา และฟันทหารอีกคนที่เข้ามาข้างหลัง ส่วนเพชรการณ์เองก็ไม่แพ้กัน ไม่สนอะไรทั้งนั้น ขอให้เข้าถึงตัวพระมารดาให้เร็วที่สุด เพชรการณ์รีบมุ่งหน้ามาที่ประตู มีพวกทหารมาจับตัวไว้ เพชรการณ์สลัดออก และขว้างลูกไฟใส่มีทหารจะเข้ามาฟันเพชรการณ์ เพชรการณ์ก้มหลบ ทหารอีกคนมาข้างหลังจะฟันเพชรการณ์อีก เพชรการณ์ก็ต้องกระโดดหลบอีก ทหารทั้งสองคนจะเข้ามาจับตัวเพชรการณ์ แต่เพชรการณ์กระโดดหลบขึ้นไป ทหารสองคนนั้นจึงมาชนกันเอง เพชรการณ์รีบร้อนมาจนถึงหน้าประตู เหล่าทหารบาดาลร่อยหรอไปมากอยู่ เพชรการณ์ใช้แหวนเทพบุตรเพื่อที่จะได้เปิดประตู พยายามอยู่ชั่วครู่ยาม พฤกษ์พิศก็กระโดดลงมาข้างๆ และใช่แหวนเทพธิดาช่วย พลังของแหวนทั้งสองคือพลังของแหวนยุคล ประตูที่แน่นหนาเปิดออกได้อย่างง่ายดาย “เสด็จแม่” เพชรการณ์รีบส่งเสียงและวิ่งเข้าไปในตำหนักทันที พฤกษ์พิศตามเข้าไป ชลาธารก็วิ่งเข้าไปด้วย
“ลูกแม่” รัตนวรางเอ่ยขึ้นทันทีที่เห็นหน้าพระโอรส “นี่วันพฤหัสบดีแล้ว ลูกแม่คนนี้คือเพชรการณ์ใช่ไหมลูก” รัตนวรางพูด “พระเจ้าข้า” เพชรการณ์พูด รัตนวรางกอดพระโอรสไว้อย่างอบอุ่น “เสด็จป้า จำหม่อมฉันได้ไหมเพคะ หม่อมฉันเป็นอีกร่างหนึ่งของสุรีย์รินทร์ ชื่อว่าพฤกษ์พิศ” พฤกษ์พิศพูด “อ๋อ สุรีย์รินทร์นั่นเอง” รัตนวรางยิ้มให้ และหันไปหาเพชรการณ์ต่อ “เพชรการณ์ นี่นทีวาต พี่ชายของลูก แม่หาเค้าพบแล้วลูก” รัตนวรางพูด “จริงเหรอ” เพชรการณ์หันมาถามนทีวาต “ไม่หรอกพระเจ้าข้า พระเชษฐาของพระองค์อยู่บนวิมาน แต้ขาพระองค์ เป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ลอยน้ำมาเท่านั้น” นทีวาตพูด “แต่แม่รับนทีวาตเป็นลูกบุญธรรมแล้วหละ” รัตนวรางพูด ชลาธารมองดูอยู่ “เราอยากให้เสด็จแม่ของเรากลับมาหาเราจัง” ชลาธารพูด “เสด็จแม่ของเจ้าไปไหนเหรอ” พฤกษ์พิศพูด “เสด็จแม่ของเราสิ้นไปนานแล้ว เราคิดถึงเสด็จแม่” ชลาธารพูด “งั้นเจ้าก็เหมือนเรา... พวกเค้าน่าอิจฉาเหลือเกิน” พฤกษ์พิศน้ำตาไหลออกมา อยู่ๆลมก็พัดรุนแรงเหลือเกิน “วายุเทพมาแน่ๆเลย” นทีวาตพูด “พฤกษ์พิศ นทีวาต พาเสด็จแม่หนีขึ้นไปก่อน ชลาธาร เจ้าหลบไปก่อนก็ได้” เพชรการณ์พูด “นทีวาตพาเสด็จป้าตามเรามา” พฤกษ์พิศพูดและเดินมาที่หน้าต่างแต่เหมือนมีบานกระจกกั้น พฤกษ์พิศถอยออกมา และกำลังจะใช้แหวนเทพธิดา “พฤกษ์พิศ” เพชรการณ์เรียก พฤกษ์พิศหยุดฟัง “ระวังตัวด้วยนะ” เพชรการณ์พูด พฤกษ์พิศยังนิ่งอยู่ “คือ.. ถ้าเสด็จแม่เราเป็นอะไร เราถือว่าเป็นความผิดเจ้า” เพชรการณ์พูด พฤกษ์พิศถอนหายใจ “ที่แท้...” พฤกษ์พิศบ่นเบาๆและใช้แหวนเทพธิดาสาดพลังไปที่หน้าต่าง บานกระจกใสแตกเป็นเสี่ยงๆ พฤกษ์พิศก็กระโดดออกไป ตามด้วยนทีวาต ที่พารัตนวรางออกไปด้วย
วายุเทพมาจริงๆด้วย วายุเทพเข้ามาในตำหนักนั้น “ไม่เลวนี่ ที่เข้ามาได้” วายุเทพพูด “ถ้านั่นเป็นคำชม เราขอบใจ” เพชรการณ์พูดเสียงเรียบปนหาเรื่อง “ส่งแหวนของเจ้ามา” วายุเทพพูด “เราให้ท่านได้เพียงแค่พลังของแหวนนี้เท่านั้น” เพชรการณ์พูดและสาดพลังของเทพบุตรใส่วายุเทพและรีบหนีไป
ทางด้านพฤกษ์พิศ “นทีวาต... ไปกับแม่เถอะนะลูก” รัตนวรางพูด “ไม่ได้พระเจ้าข้า ข้าพระองค์ยังต้องอยู่ที่นี่ อยู่เป็นเพื่อนกับพระธิดาชลาธาร แล้วข้าพระองค์ก็ไม่ใช่พระโอรสของพระนาง” นทีวาตพูด “ไปกับแม่เถอะลูก” รัตนวรางมีแววตาที่อ้อนวอน “ไม่ได้จริงๆพระเจ้าข้า” นทีวาตพูด “งั้นแม่ขอกอดเจ้าอีกสักครั้ง นะลูก” รัตนวรางพูดและกอดนทีวาต รัตนวรางร้องไห้เบาๆ “นี่ไม่ใช่ความจริงพระเจ้าข้า ข้าพระองค์ไม่ใช่พระโอรสของพระนาง แล้วพระนางก็ไม่ใช่พระมารดา” นทีวาตพูด “เรารู้... แม้จะยังคลุมเครือไม่กระจ่างชัดแต่เราก็ขอหลอกตัวเองว่าเจ้าคือลูก” รัตนวรางพูด “ข้าพระองค์ก็เช่นกัน” นทีวาตพูด พระธิดาพฤกษ์พิศยืนมองน้ำตาค้างก็วิ่งหนีไป “พระธิดา” นทีวาตเรียกตาม และตามพฤกษ์พิศไป
วิ่งมาได้ไม่ไกลพฤกษ์พิศก็ร้องไห้เสียแล้ว... “พระธิดา...” นทีวาตเรียก “ไม่ต้องมายุ่ง” พฤกษ์พิศตะโกนใส่ ตะวันขึ้นพลัน พระธิดาพฤกษ์พิศก็เปลี่ยนไปเป็นพระธิดาอีกคน “พระธิดา” นทีวาตพูดอย่างอัศจรรย์ใจ “ทำไม” พระธิดาน้อยพูดขึ้น “พระธิดาพฤกษ์พิศโกรธอะไรข้าพระองค์รึปล่าว” นทีวาตพูด “ไม่รู้เหมือนกัน เราอีกเจ็ดวัน เจ้าค่อยถามเองสิ” พระธิดาน้อยพูด
ทางด้านรัตนวราง พระโอรสเพชรการณ์กระโดดลงมา “เพชรการณ์” รัตนวรางเข้าไปกอดพระโอรสเอาไว้ และ พระโอรสเพชรการณ์ ก็เปลี่ยนเป็น พระโอรสอีกพระองค์หนึ่ง “ศุภฤกษ์ลูกแม่... นี่วันศุกร์แล้วเหรอเนี่ย เวลาช่างเร็วนัก” รัตนวรางพูด “เสด็จแม่ แล้วพวกแหวนเทพธิดาหละพระเจ้าข้า” ศุภฤกษ์พูด “พฤกษ์พิศโกรธอะไรก็ไม่รู้เดินหนีไปโน่นหนะ ตอนนี้ก็คงเปลี่ยนคนแล้ว นทีวาตก็ตามดูแล้วด้วย เดี๋ยวก็คงมา” รัตนวรางพูด แล้วก็มาจริงๆด้วย “อ่าวมากันแล้วเหรอ” รัตนวรางพูด “เพคะ” พระธิดาน้อยพูด “เสด็จแม่ รีบไปกันเถอะพระเจ้าข้า เดี๋ยววายุเทพจะตามมาทัน” ศุภฤกษ์พูด “นทีวาต หวังว่าเราคงได้พบกันอีกนะลูก” รัตนวรางพูด
กลางอากาศ ศุภฤกษ์และรัตนวราง นั่งอยู่บนหลังเจ้าม้าเงิน ส่วน พระธิดาน้อยนั่งอยู่บนหลังเจ้าม้าทอง ส่วนไอ้มัจฉา วิ่งตามอยู่ข้างล่าง “ศุภวาร แล้วนี่เจ้าจะทำยังไงต่อหละลูก” รัตนวรางพูด “หม่อมฉันก็ยังไม่รู้เลยเพคะ กะว่าจะตามหาเสด็จแม่ให้พบให้ได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง พวกวายุเทพไม่ยอมให้พบง่ายๆแน่ๆ” ศุภวารพูด “เราจะช่วยเจ้าตามหาวิศิษฏ์ธาตรี ตอบแทนที่เจ้าช่วยเราตามหาเสด็จแม่” ศุภฤกษ์พูด
ตัวอย่างตอนต่อไป
“พี่ม้าบอกกับเราเรื่องสร้อยสัญญา” ศุภฤกษ์พูด “สร้อยสัญญา...” ศุภวารแปลกใจ ศุภฤกษ์จับสร้อยคอของตนขึ้นมา “อ๋อ เจ้าหมายถึงสร้อยนี่นาเหรอ”
“ฑาหก... เจ้าใช่ไหม” ศุภวารพูด “ขอบใจที่ยังจำกันได้ ใช่เราเองฑาหก แวะมาบอกเรื่องแม่ของเจ้าหนะ” ฑาหกพูด “เสด็จแม่ของเราอยู่ที่ไหน” ศุภวารรีบถามกลับทันที “วิศิษฏ์ธาตรี” ฑาหกพูด “รู้แล้ว แต่ว่าวิศิษฏ์ธาตรีอยู่ที่ไหนกันหละ” ศุภวารพูด “บุปผาสวรรค์ ที่ใช่ข้ามภพนั่นแหละ” ฑาหกพูดและหายตัวไป
ฟ้าหลังฝนช่างงดงาม รุ้งพาดผ่านฟากฟ้า ทอจรัสกลางเวหา ทอดจากขอบฟ้าด้านหนึ่ง มายังอีกด้านหนึ่ง เป็นสะพาน สายรุ้งทอเป็นสะพานสองสาย “สะพานรุ้งคู่” ม้าเงิน และ ม้าทองส่งเสียงพร้อมกัน ทุกคนต่างหันไปมอง
ความคิดเห็น