คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : พระโอรสอีกพระองค์
ฝ่ายพระธิดาอังศุภา กับเจ้าม้าทอง ม้าทองบินหาเมืองวิศิษฏ์ธาตรีไม่พบ “เรากลับไปถามท่านตาดีไหมพี่ม้าทอง” อังศุภาพูด “ท่านฤๅษีคงอยากให้พระธิดาคิดแก้ปัญหาเองมากกว่า แล้วอีกอย่างก็จะเสียเวลามากด้วยนะพระเจ้าข้า” ม้าทองพูด “แล้วเราจะไปทางไหนกันดี หาเสด็จแม่ก็ไม่พบ” อังศุภาพูด “ถ้างั้นเราพักในถ้ำแถวนี้ดีไหมพระเจ้าข้า” ม้าทองพูด “ก็ดีจะ เผื่อพรุ่งนี้ คนอื่นที่เก่งกว่าเราจะรู้ว่าควรทำยังไงต่อ เพราะตอนนี้เราคิดอะไรไม่ออกเลยซักอย่าง” อังศุภาพูด
ในถ้ำกลางป่า ดึกมากแล้วจนจวนเช้า พระธิดาอังศุภาตื่นขึ้นมาในยามกลางดึก เดินไปนั่งอยู่ที่ปากถ้ำมองดวงจันทร์ “เสด็จแม่... วิศิษฏ์ธาตรี อยู่ที่ไหนกันนะ จันทร์เจ้าขา ช่วยพาเราไปหาเสด็จแม่ที” อังศุภาพูด อยู่ๆก็มีกงจักรเล็กๆขว้างมาปักที่หน้าถ้ำ อังศุภาตกใจรีบลุกขึ้นยืน เป็นจักรไฟเสียด้วย อังศุภารีบมาหาคนที่ขว้างจักรมา แต่ก็ไร้วี่แววทุกสิ่งดูนิ่งสงบไปหมด อังศุภานั่งลงอีกครั้งจักรไฟก็ถูกขว้างมาอีก อังศุภาตกใจยืนขึ้นทันทีเหลียวมอง “ใครหนะ...” เสียงใสๆของพระธิดาน้อยเอ่ยขึ้นอย่างกล้าๆกลัวๆ ไร้เสียงตอบรับพระธิดาน้อยนั่งลงอีกทีมองไปรอบๆด้านอย่างหวาดระแวง มีแต่ป่าไพรลึกเร้นยิ่งยามราตรีป่าช่างน่าชวนหวั่นใจพระธิดาเริ่มพระทัยสั่นขึ้นมาแล้ว จักรไฟถูกขว้างมาอีกที เวลาเดียวกันที่พระอาทิตย์ขึ้น เช้าแล้ว พระธิดาอังศุภาก็เปลี่ยนเป็นพระธิดาน้อยพระองค์อื่น พระธิดาน้อยองค์นั้นรีบลุกขึ้นยืนตะโกนถามเสียงก้องป่า “ใครหนะ” พระธิดาน้อยแห่งวันพุธพูด ยังไร้เสียงตอบรับเช่นเดิม พระธิดาเดินไปดึงกงจักรไฟทั้งสามที่ปักอยู่ตรงผนังถ้ำออกมา ขว้างไปแต่ละด้านอยู่ๆไฟก็ลุกขึ้นล้อมรอบพระธิดาเป็นวงกลม “ไฟนี่นา” พระธิดาพูด “ก็ไฟนาสิ” บุรุษลึกลับแต่งกายสีเพลิงพูดขึ้น “เจ้าเป็นใคร ต้องการอะไร” พระธิดาน้อยพูด “เราชื่อเจ้าแห่งไฟ นามว่าฑาหก เราจะพาเจ้าให้ได้ไปพบกับแม่ของเจ้า” ฑาหกพูด “แล้วเจ้าทำแบบนี้ทำไม จะฆ่าเราเหรอ” พระธิดาน้อยพูดเสียงราบเรียบ “ถอดแหวนของเจ้ามาให้เรา” ฑาหกพูด “ไม่มีทาง” พระธิดาพูด ม้าทองบินออกมาจากถ้ำ “พระธิดาวารพุธ” ม้าทองพูด “พี่ม้า...” วารพุธร้องเรียก ไฟที่ล้อมรอบตัวเป็นวงกลมร้อนจนเหงื่อแตกซ่านไปทั้งตัว พระธิดาวารพุธมองฑาหก แววตาคิดๆอยู่ว่าจะทำเช่นไร “อยากได้ก็เข้ามาเอาเอง” วารพุธพูด ฑาหกโจมตีวารพุธทันทีด้วยลูกไฟ วารพุธคล่องแคล่วหลบหลีกได้ และสวนลูกไฟกลับไป “อย่าคิดนะว่าเจ้ามีพลังอยู่คนเดียวหนะ เราก็ขว้างลูกไฟอย่างเจ้าได้” วารพุธพูด ฑาหกพยายามโจมตีด้วยลูกไฟ วารพุธเรียกดาบออกมาฟันลูกไฟเหล่านั้นทิ้งไป และรีบใช่แหวนเทพธิดาก่อนจะกระโดดขึ้นหลังเจ้าม้าทองหนีไป
ใต้ต้นไม้ใหญ่ในป่า พระโอรสอัสดร ก็เปลี่ยนเป็นพระโอรสน้อยอีกพระองค์หนึ่ง “พระโอรสพุทธิกร” ม้าเงินเรียก พุทธิกรตื่นขึ้นมา “พี่ม้าทอง... เรารีบเดินทางต่อเถอะ” พุทธิกรพูด และหันไปเห็นไอ้มัจฉายังหลับไม่รู้เรื่องอยู่เลย “แล้วเจ้าเอายังไงกับไอ้นี่ดีพระเจ้าข้าพระโอรส” ม้าเงินพูด “ปล่อยมันไว้นี่แหละ เดี๋ยวมันก็วิ่งตามไปเอง” พุทธิกรพูด
ในป่า กลางอากาศ “พี่ม้าทองเหนื่อยไหมจ๊ะ ลงไปพักข้างล่างก่อนก็ได้นะ” พระธิดาวารพุธพูดอย่างเห็นใจ เมื่อม้าทองลงมาที่ในป่า วารพุธกระโดดลงจากหลังเจ้าม้าทอง พี่ม้าทองเข้ามาในย่ามของเราก่อนก็ได้นะจ๊ะ” วารพุธพูด “พระเจ้าข้า” ม้าทองพูดและทำตัวให้เล็กลงบินเข้ามาในย่ามที่วารพุธสะพาย
ใต้บาดาล พระธิดาชลาธารเดินเล่นอยู่ เห็นทหารเฝ้าตำหนักหนึ่งอย่างแน่นหนา “ในตำหนักนั้นมีอะไรกันนะ น่าสงสัยจริงนทีวาต เจ้าคิดเหมือนเราไหม” ชลาธารพูด “พระเจ้าข้า” นทีวาตพูด “เราเข้าไปดูกันเถอะ” ชลาธารเดินเข้าไป พวกทหารก็กันไว้ “นี่ทหาร ทำไมไม่หลีกทางให้พระธิดาหละ” นทีวาตพูด “หลีกไม่ได้หรอกพ่อนทีวาต ในตำหนักนี้ขังตัวประกันขององค์วายุเทพไว้” ทหารพูด “วายุเทพ ทำไมเอาตัวประกันมาขังไว้ที่เมืองบาดาลหละ” ชลาธารพูด “ก็องค์วายุเทพ เป็นสหายของท้าวนาคินทร์ท้าวนาคินทร์จึงให้ที่กักขังตัวประกันของพระองค์ไงหละพระเจ้าข้า” ทหารพูด “แล้วทำไมวายุเทพต้องมีตัวประกันด้วย” นทีวาตพูด “ข้าก็ไม่รู้” ทหารพูด
ชลาธาร กับ นทีวาตเดินออกมาจากที่หน้าตำหนักแล้ว “เราแปลกใจ วายุเทพเอาใครมาเป็นตัวประกัน แล้วมันเพื่ออะไรกัน” ชลาธารพูด “ข้าพระองค์ก็แปลกใจเหมือนกันพระเจ้าข้า น่าสงสารคนที่ถูกจับตัวมากักขัง” นทีวาตพูด “เราอยากช่วยเค้าจัง” ชลาธารพูด “พระธิดาพระเจ้าข้า เราแอบเข้าไปในตำหนักนั้นทางหน้าต่างเถอะพระเจ้าข้า” นทีวาตพูด “ใช่ ไปกันเถอะ” ชลาธารพูด
ในตำหนักหนึ่ง รัตนวรางพยายามหาทางออกจากตำหนักนั้น นางพยายามจะเปิดประตู และร้องไห้ไปด้วย ประตูไม่ยอมเปิดเลย ที่หน้าต่างก็เหมือนมีกำแพงกั้น นทีวาต ปีนหน้าต่างขึ้นมาได้ นทีวาตเข้าไปในตำหนักนั้น “เจ้า...” รัตนวรางตกใจเล็กน้อย “เบาๆ เดี๋ยวไอ้พวกข้างนอกจะได้ยิน” นทีวาตพูด รัตนวรางยิ้มออกอย่างไม่รู้ตัว “พระธิดากระโดดขึ้นมาเลยพระเจ้าข้า” นทีวาตพูด พระธิดาน้อยปีนขึ้นมาได้แล้ว แต่เหมือนมีบางอยู่กั้นอยู่ที่หน้าต่างไม่ให้ชลาธารเข้าได้ “แปลก ทำไมเจ้าเข้าได้ แล้วเราเข้าไม่ได้” ชลาธารพูด “เจ้า... เจ้าชื่ออะไร” รัตนวรางเข้ามาหาเด็กผู้ชายตรงหน้า “นทีวาตพระเจ้าข้า” นทีวาตพูด “เราชื่อรัตนวราง เทวีผู้ไร้ฤทธิ์เดช” รัตนวรางพูด “พระนาง... วายุเทพจับตัวพระนางมาทำไม” พระธิดาน้อยชลาธารเอ่ยเข้ามา “เค้าจับตัวเรามา เพื่อที่จะแลกกับชีวิตของลูกชายของเรา วายุเทพต้องการกำจัดลูกชายของเรา” รัตนวรางพูดน้ำตาคลอ “พระนาง ข้าพระองค์จะช่วยพระนางได้อย่างไร” นทีวาตพูด “ช่วยได้สิ แค่เราเห็นเห็นหน้าเจ้า เราก็ใจชื้นขึ้นมาบ้างแล้ว เหมือนพบลูกชายอีกคนที่จากอกเราไปนานแสนนาน” รัตนวรางพูด “แปลกเหลือเกิน ข้าพระองค์ก็จากพ่อแม่มานานแสนนานแล้วเช่นกัน” นทีวาตพูด เพียงคำนี้รัตนวรางได้ยินก็โผเข้ากอดนทีวาตทันที “เจ้า... ลูกแม่... ต้องใช่แน่ๆ เจ้าต้องเป็นลูกแม่” รัตนวรางพูดน้ำตาไหล อ้อมกอดอบอุ่นที่โหยหามานานแสนนาน สำหรับนทีวาต ตอนนี้รู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมา ถึงแม้จะรู้ว่าพระนางไม่มีทางที่จะเป็นพระมารดาไปได้ “พระนาง... ไม่ใช่หรอกพระนาง” นทีวาตพูด และผลักตัวออกจากอ้อมกอด “เจ้าผลักแม่ออกทำไม เจ้าไม่รักแม่รึ เจ้าโกรธเคือง ที่แม่ทิ้งเจ้าเหรอ” รัตนวรางพูด “ข้าพระองค์ไม่อยากออกจากอ้อมกอดของพระนางเลย แต่มิสมควร พระนางสูงส่ง ข้าพระองค์เป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ลอยน้ำมาแล้วโชคดีที่ไม่ตาย ท่านพ่อจึงปันสายเลือดนาคินทร์ให้ ข้าพระองค์ไม่มีทางที่จะเป็นลูกของพระนางไปได้” นทีวาตพูด “นั่นสินะ เราเองคงคิดถึงลูกมากเกินไป เราทิ้งลูกของเราไว้ที่วิมานนี่นา เค้าควรจะอยู่กับพ่อของเค้า ไม่ใช่ลอยน้ำมา” รัตนวรางพูด นทีวาตคุกเข่าก้มหน้า “แต่เราก็รักเจ้า... เราเห็นเจ้าแล้วเราคิดถึงลูก มาเป็นลูกเราเถอะ” รัตนวรางพูดพลางสะอึกสะอื้นเบาๆ “ข้าพระองค์อยากรับพระกรุณา แต่เห็นทีข้าพระองค์จะรับไว้ไม่ได้” นทีวาตพูด พระธิดาน้อยมองอยู่ข้างนอก นทีวาตหันมาเห็นเข้า “พระธิดา” นทีวาตพูด “นทีวาต เราคิดถึงเสด็จแม่” พระธิดาน้อยเอ่ยน้ำตาคลอ รัตนวรางมองดูพระธิดาน้อยอย่างเห็นใจ “พระมารดาของพระธิดาชลาธาร สิ้นไปตั้งแต่พระธิดายังทรงเล็กมากหนะพระเจ้าข้า” นทีวาตหันมาบอกรัตนวราง “โถ่น่าสงสารเสียจริง” พระนางรัตนวรางพูด “พระนาง ข้าพระองค์จะช่วยพระนางออกไปพระเจ้าข้า” นทีวาตพูดและเดินไปที่หน้าต่าง เหมือนมีกำแพงกั้นทำให้ออกไม่ได้ “นี่มันอะไรกันแน่ ที่ตอนเข้ายังเข้าได้เลย” นทีวาตบ่น ชลาธารพยายามคิดหาวิธีช่วย “เดี๋ยวหม่อมฉันจะลองไปขอเสด็จพ่อดูนะเพคะ” ชลาธารพูด
ในตำหนักท้าวนาคินทร์ “เสด็จพ่อ ปล่อยพระนางรัตนวรางเถอะเพคะ ลูกสงสารเค้า” ชลาธารพูด “มันไม่ใช่เรื่องของเรานะลูกชลาธาร พ่อช่วยอะไรใครไม่ได้หรอก” ท้าวนาคินทร์พูด “ก็ที่นี่มันบ้านเมืองของเรานะเพคะ” ชลาธารพูด “ถึงอย่างนั้นก็เถอะลูก ต้องให้วายุเทพจัดการ” ท้าวนาคินทร์พูด “โถ่เสด็จพ่อ” ชลาธารพูดและเดินออกมา
ชลาธารเดินออกจากตำหนักพระบิดา ในใจก็คิดๆไปด้วยว่าจะทำอย่างไรช่วยรัตนวราง “คิดออกแล้ว พวกนั้นต้องช่วยได้แน่ๆ” พระธิดาน้อยว่าแล้วก็คิดฝั่งไปโดยไม่ได้บอกอะไรใคร
ตัวอย่างตอนต่อไป
“ช่วยเสด็จป้ารัตนวราง เสด็จป้าทรงบอกว่าลูกชายของเสด็จป้า มีแหวนเหมือนกับเจ้า แล้วก็สร้อยคอเหมือนกับเจ้าด้วย เสด็จป้าถูกวายุเทพจับไปขังที่นครบาดาล เราอยากช่วย เจ้าตามหาพระโอรสของเสด็จป้าแล้วไปช่วยเสด็จป้าทีเถอะนะ” ชลาธารพูด “พระมารดาของพระโอรสหนะพระเจ้าข้าพระธิดา” ม้าทองพูด “เจ้าจะช่วยไหม” ชลาธารพูด “เราเกลียดเค้า” วารพุธพูด
“ม้าทองนี่พระโอรสเพชรการณ์” ม้าเงินพูด “นี่พระธิดาพฤกษ์พิศ” ม้าทองพูด “โห... นี่มันแหวนเทพธิดาของจริงเลยเหรอเนี่ย โอ้โห” มัจฉาวิ่งมาตาลุกวาวเข้ามาดูแหวนของพฤกษ์พิศ พฤกษ์พิศรีบสะบัดมือออก “อย่ามายุ่ง” พฤกษ์พิศพูด “เออพระธิดา ไหนๆก็เจอพระโอรสแล้ว ช่วยเถอะพระเจ้าข้า” ม้าทองพูด “ช่วยอะไรเหรอพระเจ้าข้าพระธิดา” ม้าเงินพูด
“อวดเก่ง เราจะลองดูซิ ว่าน่าอย่างเจ้าจะมีปัญญาตามหาเสด็จป้ารัตนวรางพบเองไหม” พฤกษ์พิศพูด “เจ้าหมายความว่า เจ้ารู้เหรอว่าเสด็จแม่ของเราอยู่ที่ไหน” เพชรการณ์พูด
ความคิดเห็น