คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : จตุรธาตุอำนาจที่ไม่มีสิ่งใดเทียบ
ที่เรือนตาน้อย ยายนิ่ม ไฟลุกไหม้เปลวเพลิงเผาผลาญ “ไฟไหม้” สามพูดอย่างตกใจ “ตา ยาย กำไลด้วย กำไลของสี่ด้วย” สี่พูด และวิ่งขึ้นไปบนเรือนที่ลุกไหม้ทั้งหลัง “เดี๋ยวก่อนสี่” สามพยายามรั้งแต่ไม่ทันจึงตามเข้าไป หนึ่ง กับ สอง ก็รีบตามเข้าไปด้วย สี่หยิบกำไลได้และวิ่งต่อ “ตาจ๋า ยายจ๋า อยู่ไหนจ๊ะสี่มาแล้ว” สี่พูด สามจึงแขนสี่ไว้ได้ ออกไปก่อนดีกว่านะสี่อันตรายมาก” สามพูด หนึ่งกับ สอง วิ่งเข้ามา เสาไม้ไม้ลุกไหม้โค่นลงมาใส่เด็กทั้งสี่ ทั้งสี่พี่น้องถูกเสาไฟถล่มทับในเรือนนั้น
ที่ในป่าใกล้ๆแถวนั้น “พวกเราตายแล้ว” สองพูด “น่าจะใช่” หนึ่งพูด เด็กสี่คนเหลือแต่วิญญาณที่เร่ร่อน น้าผีก็โผล่มา “ไอ้หนู นังหนู พวกเจ้าเป็นเหมือนข้าแล้ว” น้าผีพูด “น้าผี พวกเราตายแล้วจริงๆเหรอ” สี่พูด “ก็ใช่นาสิวะ” น้าผีพูด สี่ก้มมองกำไล “กำไลนี้ปกป้องสี่ตลอด แต่ทำไมตอนนี้...” สี่พูดอย่างผิดหวัง “พระโอรสพระธิดาทั้งสี่ เสด็จทางนี้เถอะ” เสียงๆหนึ่งเรียกมา “เสียงอะไรนะ” หนึ่งพูด “ลองไปดูกันเถอะ” สามพูด เด็กสี่คนตามเสียงไปจนถึงอาศรมฤๅษี น้าผีก็ตามมาด้วย
“พระโอรส และพระธิดาคงอยากพบพระมารดา” ท่านฤๅษีพูด “แม่ของพวกเรางั้นเหรอ” หนึ่งพูด “ใช่... พระมารดา และตาจะชุบชีวิตพระโอรส และ พระธิดาทั้งสี่ขึ้นมาใหม่ ด้วยจตุรธาตุ” ท่านฤๅษีพูด “จตุรธาตุ... ดิน น้ำ ลม ไฟนาเหรอขอรับ” น้าผีพูด “ใช่” ท่านฤๅษีพูด มเหสีมาลีรินทร์เสด็จลงมาจากเรือนแก้ว พร้อมกับ เกศสิรินทร์รัตน์ “อ่าว พระมเหสีและพระธิดาอยากพบพระโอรส และ พระธิดาทั้ง สี่รึยัง” ท่านฤๅษีพูด “ลูกของลูกหรือเจ้าคะ พวกเค้าอยู่ไหนเจ้าคะ” มเหสีมาลีรินทร์ใจชื้นขึ้นมาก “พวกเค้าตายแล้ว” ท่านฤๅษีพูด “ตายแล้ว” มาลีรินทร์ตกใจมาก หัวใจนั้นสลายไปแล้ว “แต่เราจะชุบชีวิตให้ตอนนี้” ท่านฤๅษีพูด
เมื่อพิธีเริ่มขึ้น พื้นแผ่นกระเพื่อมขึ้น ดินกระจัดกระจายและค่อยๆรวมตัวกัน กำเนิดเป็นร่างเด็กผู้ชายคนแรก “ลูกแม่” มาลีรินทร์ทั้งดีใจ ทั้งเป็นปลื้ม “พระมเหสีมาลีรินทร์ เรียกพระโอรสองค์นี้ว่าพสุธาวาท เพราะมีธาตุกำเนิดจากดิน” ท่านฤๅษีพูด “พสุธาวาท ลูกแม่” มาลีรินทร์ดีใจเหลือเกิน แต่ เกศสิรินทร์รัตน์กลับตรงกันข้าม คนที่สอง น้ำในขันก่อตัวขึ้นก่อเกิดร่างเด็กผู้หญิงน่ารักน่าเอ็นดูคนที่สอง “เสด็จแม่” เด็กผู้หญิงคนนั้นร้องเรียกและวิ่งไปหามาลีรินทร์ “พระธิดาองค์นี้พระนามว่าธารารักษ์ จากธาตุกำเนิดที่เป็นน้ำ” ท่านฤๅษีพูด “ธารารักษ์ ลูกแม่” มาลีรินทร์กอดธารารักษ์ธิดาอย่างอบอุ่น ต่อด้วยสายลมแผ่วพัดมา และแรงขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นลูกพายุ และกำเนิดเป็นร่างเด็กผู้ชาย “พระโอรสองค์นี้มีนามว่า วาตการณ์ โอรแห่งธาตุลม” สุดท้าย เปลวเพลิงลุกโชนโชติช่วง ก่อกำเนิดร่างพระธิดาองค์สุดท้าย “พระธิดาประกายเพลิง” ท่านฤๅษีพูด มาลีรินทร์กอดพระโอรสและพระธิดาทั้งสี่พระองค์ พสุธาวาท ธารารักษ์ วาตการณ์ ประกายเพลิง ลูกแม่” มาลีรัตน์ดีใจมาก น้ำตาแห่งความปลื้มใจไหลออกมา แต่เกศสิรินทร์รัตน์ยิ่งมองยิ่งทุกข์ใจ น้ำตาไหลเช่นกัน แต่คนละสีหน้า คนละความหมาย
ที่เรือนแก้ว “แม่อยากให้ลูกๆพาแม่กลับวนาวุฒิ เสด็จพ่อของพวกเจ้าคงจะดีพระทัย หากว่าพบเจ้า” มาลีรินทร์พูด “ได้อยู่แล้วเพคะ ถ้าเป็นพระประสงค์ของเสด็จแม่” ธารารักษ์ หรือ สองพูด “ลูกไม่ขัดข้อง ว่ายังไง ก็ว่าตามกัน” พสุธาวาท หรือหนึ่งพูด “แต่ลูกอยากเรียนการต่อสู้ อยากเรียนการใช้ศัสตราวุธ และพระเวทกับท่านตานะพระเจ้าข้า” วาตการณ์ หรือสามพูด “ลูกก็อยากเก่งเหมือนกัน ลูกอยากเรียนนะเพคะเสด็จแม่ เราอย่าพึ่งกลับเลยนะเพคะ” ประกายเพลิง หรือสี่พูด “แล้ว... เกศสิรินทร์รัตน์หละลูก” มาลีรินทร์หันมาถาม “เสด็จแม่ แต่นางเป็นคนอื่น นางเป็นศัตรูอีกต่างหากนะพระเจ้าข้า” พสุธาวาทพูด “พสุธาวาท ทำไมพูดอย่างนั้นหละลูก เกศสิรินทร์รัตน์เป็นคนดีนะ แล้วแม่ก็เอ็นดูอยากจะได้มาเป็นลูกสาว” มาลีรินทร์พูด “เสด็จแม่ แล้ว ลูก กับธารารักษ์หละเพคะ” ประกายเพลิงพูด “เจ้าก็เป็นลูกนาสิประกายเพลิง ใจกว้างหน่อยเถอะนะลูก ธารารักษ์ ไม่มีปัญหาใช่ไหมลูก” มาลีรินทร์พูด “ลูกไม่เคยมีปัญหากับเสด็จแม่เพคะ เสด็จแม่ประสงค์สิ่งใด ลูกก็ไม่ขัดพระทัย” ธารารักษ์พูดอ่อนหวาน “แล้วเจ้าหละว่าไง วาตการณ์” ประเพลิงหันถามพี่น้อง “ไม่รู้หรอกเพิ่งจะรู้จักกัน ไม่รู้ว่านิสัยจะใช้ได้ไหม” วาตการณ์พูด “ให้หม่อมฉันแยกไปตอนนี้เลยก็ได้เพคะ หม่อมฉันก็เป็นแค่ธิดาบุญธรรมของศัตรู พระโอรสและพระธิดาทั้งสี่พระองค์กำเนิดมาใหม่จากจตุรธาตุ เห็นว่ามีอิทธิฤทธิ์ เก่งกันทุกคน หม่อมฉันเทียบไม่ติดหรอกเพคะ พระมเหสีมีคนดูแลแล้ว หม่อมฉันก็ไม่มีความหมาย จะอยู่จะไปค่าเท่ากัน สู้ไปไม่ให้เป็นหนามตำใจใครหลายๆคนดีกว่า เพราะศัตรูยังไงก็คือศัตรูไม่ใช่เหรอเพคะ พระโอรสพสุธาวาท” เกศสิรินทร์รัตน์พูด “ไปต้องไปไหนหรอกเกศสิรินทร์รัตน์ เรียนพระเวทกับท่านตาด้วยกันดีกว่า วาตการณ์ กับ ประกายเพลิงไม่อยากกลับเพราะอยากฝึก เราก็จะฝึกด้วย พสุธาวาทก็เช่นกันอยู่ด้วยกันเถอะ” ธารารักษ์ชวน “จะให้หม่อมฉันอยู่ในฐานะอะไรหละเพคะ” เกศสิรินทร์รัตน์พูด “ฐานะลูกคนหนึ่งของแม่ไงลูก” มาลีรินทร์พูด “เสด็จแม่” พสุธาวาทพูดและเดินออกไป “พสุธาวาท” วาตการณ์เรียกตามและเดินตามออกไป ประกายเพลิงมองตามด้วยสายตาที่อยากรู้ เช่นกันกับธารารักษ์ก็อยากรู้เช่นกัน
พสุธาวาทยืนเงียบๆกอดอกนิ่ง “พสุธาวาท เจ้าไม่ชอบเกศสิรินทร์รัตน์เหรอ” วาตการณ์พูด “ทำไม” พสุธาวาทพูด “เจ้าพูดจาทำร้ายนาง เหมือนเจ้ามีความแค้นอะไรกับนาง” วาตการณ์ราชโอรสน้อยพูด “ไม่รู้ เหมือนเราไม่ถูกชะตากับเกศสิรินทร์รัตน์เลย” พสุธาวาทพูด “ท่าทางคำพูดของเจ้า เกศสิรินทร์รัตน์จะเจ็บจริงนะเนี่ย” วาตการณ์พูด “ก็ช่างปะไร เรื่องมันแล้วไปแล้ว ก็แล้วไปสิ” เสียงเด็กผู้หญิงแว่วมาข้างหลัง เด็กผู้ชายทั้งสองคนเหลียวไปมองเจ้าของเสียง “ประกายเพลิง” ทั้งสองต่างเรียกชื่อผู้ที่เดินมาพร้อมกัน “เราเบื่อ ไปหาท่านตากันเถอะ เราอยากจะลองเพลิงพิคาตแล้ว” ประกายเพลิงกล่าวชวน ธารารักษ์ซึ่งเดินมากับประกายเพลิงด้วยนั้นเอาแต่ยิ้ม “จริงสินะ วาโยเวทจะมีอานุภาพเช่นไร เราก็อยากจะรู้เหมือนกัน” วาตการณ์พูด “งั้นก็อย่ารอช้า เราก็เห็นพลังของพวกเจ้า และพลังของเราเองเหมือนกัน” พสุธาวาทพูด เด็กทั้งสี่ลงจากเรือนแก้วไป
ตัวอย่างตอนต่อไป
ทั้งห้า นั่งสมาธิ พสุธาวาทเกิดแสงสีน้ำตาล ธารารักษ์เกิดแสงสีฟ้า วาตการณ์แสงสีเขียว ประกายเพลิงแสงสีแสด เกศสิรินทร์รัตน์แสงสีแดง ทั้งห้ารวบรวมพลังในตนเองได้แล้ว ประกายเพลิงรีบใจร้อนออกจากสมาธิและสาดพลังนั้นไปในที่โล่ง พลังมหาศาลพุ่งออกจากฝ่ามือเป็นเปลวเพลิงผลาญทุกสิ่งได้ แต่เมื่อสิ้นสุดพลังนั้น พระธิดาน้อยแห่งไฟก็ต้องทรุดลงกระอักเลือด ธารารักษ์วิ่งเข้ามาประคองพี่น้องไว้
สีหน้าซีดเซียวลงของประกายเพลิงเห็นได้ชัด ประกายเพลิงก้มมองกำไล ที่ยังอยู่ตรงข้อมือ ธารารักษ์เองก็มองกำไลด้วยสายตาผูกพันนิดหน่อย ประกายเพลิงดูจะรักกำไลนี้มาก “กำไลนี้ปกป้องลูกมาตลอด ลูกยิ่งมองกำไลนี้ ยิ่งเหมือนจะเยียวยา ไม่นานลูกก็คงดีแล้วเพคะเสด็จแม่” ประกายเพลิงพูด
“อ๋อ... ที่แท้เจ้าก็โอนเอน ไม่ยอมปักหลักอยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนี่เอง” พสุธาวาทพูด “ก็เรามันไม่มีค่านี่นา ไม่มีใครต้องการ แม้แต่พ่อแม่แท้ๆเรายังไม่รู้เลยว่าเป็นใคร” เด็กผู้หญิงพูดไปก็เริ่มน้ำตาคลอ กล่าวถึงชีวิตที่ผ่านมาแล้ว ถูกมเหสีวิฤดีทำร้าย ทุบตีมามากมาย หากแต่จะพักดีกับใครสักคน ก็ถูกกล่าวหาว่าร้ายสารพัด สิ้นหวังและหมดกำลังใจ “ไม่ต้องมาทำเป็นบีบน้ำตา ไม่มีใครสงสารเจ้าหรอก” พสุธาวาทพูด ใครจะรู้ว่าคำพูดสั้นๆบาดลึกลงไปในจิตใจของเกศสิรินทร์รัตน์เสียแล้ว ชั่วชีวิตทุกข์มามากพอ ทั้งเจ็บ ทั้งแค้น เพราะคำพูดของราชโอรสน้อยที่เหมือนเกิดมาเพื่อทำร้าย เกศสิรินทร์รัตน์ไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่น้ำตาที่คลออยู่เริ่มไหลออกมาแล้ว
ความคิดเห็น