คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ชนวน
ที่นครมณีนพรัตนา พระธิดาสุวรรณลักษณายืนอยู่ในตำหนัก นางชะเง้อออกไปนอกหน้าต่าง “ทำไมเจ้าพี่นภราชต้องไปหารือเรื่องการศึกกับเสด็จพ่อของพระองค์ท่านด้วย เราไม่อยากให้พระองค์ท่านทำร้ายใครตอนนี้ ลูกยังเล็กอยู่ กลัวบาปกรรมจะมาตกอยู่กับลูก” สุวรรณลักษณาพูด “โถ่พระธิดา พระภัสดาเป็นพระโอรสเพียงพระองค์เดียวแห่งนภาภัทรนคร ก็ต้องช่วยงานเจ้าเหนือหัวแห่งนภาภัทรนครเป็นธรรมดา อย่าทรงคิดมากเลยนะเพคะ” นางกำนัลพูด “ช่วยงาน...แต่ทำไมต้องทำศึก” สุวรรณลักษณาพูด “ฝ่ายนั้นรุกรานมาก่อนนะเพคะ” นางกำนัลพูด “เราไม่สน... ใครจะรบก็รบกันไป แต่เราไม่ให้เจ้าพี่ออกศึกหรอก” สุวรรณลักษณาพูด “ไม่ได้นะสุวรรณลักษณา... บ้านเมืองของพี่ พี่ต้องปกป้องด้วยชีวิต” นภราชเสด็จมาข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ “เจ้าพี่... เสด็จมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันเพคะ... เร็วจัง” สุวรรณลักษณาพูด “เร็วสิ เจ้ากาญจา ม้าของพี่ไวเยี่ยงพายุ พี่จะมอบให้กับนพคุณ” นภราชพูด “การศึกจะมีขึ้นเมื่อไหร่เพคะ” สุวรรณลักษณาพูด “อาจจะยืดเยื้อเป็นปีๆ แต่แถบชายแดนนั้นมีโจรเข้ามาปล้นหมู่บ้านชายแดนอยู่บ่อยๆ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ทางเราก็คงต้องเจรจากับฝ่ายตรงข้ามให้รู้เรื่อง ถ้ายังไม่รู้เรื่องอีก... คงต้องก่อสงคราม” นภราชพูด สุวรรณลักษณาถอนใจ “ทำไม...” นภราชพูด “ไม่หวั่นเกรงอะไรบ้างเลยเหรอเพคะ ใจคอพระองค์จะเอาแต่ทำศึกอย่างเดียว ไม่รู้บ้างเหรอเพคะว่าคนข้างหลังเป็นห่วงพระองค์ใจจะขาด” สุวรรณลักษณาเริ่มมีปากเสียง “แต่พี่ไม่ได้ไปรุกรานใครก่อน ถ้าโจรที่ออกปล้น ปล้นบ่อยขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วประชาชนของพี่หละ สุวรรณลักษณาเจ้าต้องเข้าใจนะ สายเลือดขัตติยะเกิดมาเพื่อเสียสละ” นภราชพูด “ไม่ใช่พระองค์ ทรงเคยอ่อนโยนกับหม่อมฉัน แต่วันนี้ พอมีเรื่องสงคราม ก็แข็งกร้าวต่างจากเดิม ไปเถอะเพคะ ไม่ทำสงครามให้กับนภาภัทรนครของพระองค์เถอะ ไม่ต้องเจรจาอะไรแล้ว ฆ่ากันเลย แล้วก็ไม่ต้องเสด็จกลับมานะเพคะ นพคุณหม่อมฉันเลี้ยงเองได้” สุวรรณลักษณาพูดทั้งน้ำตา นภราชฉุนเฉียวพอกันเดินออกไปเหมือนไม่ง้อ “โถ่พระธิดา... รับสั่งเหมือนไม่เห็นใจพระโอรสเลยนะเพคะ” นางกำนัลพูด “ทำไมต้องเห็นใจด้วยหละวิลา เค้ายังไม่เห็นใจเราเลย เรารักก็เลยห่วง แต่พระองค์กลับกระหายสงคราม ถ้ามีแต่สงครามเกิดขึ้น อีกหน่อยคนเราไม่ต้องกินเลือดแทนน้ำเหรอวิลา” สุวรรณลักษณาพูด นางกำนัลวิลาก้มหน้าลง
นภราชท่าทางจะโกรธสุวรรณลักษณานักหนา แต่ก็รักมาก จึงประชดตนเองด้วยการนั่งดื่มน้ำจันท์ที่เรือนท่านขุนนางชั้นผู้ใหญ่ “เอามาอีกซิท่านขุนวงศา” นภราชพูด “พอเถอะพระเจ้าข้า ท่าทางจะทรงเมามากแล้ว เสด็จกลับตำหนักพระธิดาสุวรรณลักษณาเถอะพระเจ้าข้า” ท่านขุนวงศาพูด “นางผลักไสไล่ส่งเรา เราไม่รักเรา ไม่ห่วงเราหรอกท่านขุน” นภราชพูด “พอเถอะพระเจ้าข้า ทรงดื่มตั้งแต่หัวค่ำ แต่ตอนนี้ ก็ดึกดื่นแล้ว” ท่านขุนวงศาพยายามเกลี้ยกล่อม “ก็ได้ๆ เราจะลองไปง้อนางดู หากว่านางยังผลักไสเราอยู่ เราจะกลับนภาภัทรนคร แล้วไม่กลับมาที่นี่อีกเลย” วจีนี้อาจพูดไปโดยไม่รู้สึกองค์
หน้าห้องหนึ่งนภราชเคาะประตูเรียกใหญ่เลย “สุวรรณลักษณา... เปิดประตูนะ... เปิดประตูให้พี่ที ถ้าไม่เปิด พี่จะพังเข้าไปนะ” นภราชพูด
ภายในห้องนั้น บนพระแท่นงดงาม ธิดาราชนางหนึ่งบรรทมหลับอยู่นางรู้สึกตัวขึ้น ในความมืดแล้วมองออกไปที่หน้าประตู นางคือสร้อยสายเพชร นางเดินไปเปิดประตู ทันทีที่ประตูถูกเปิด นภราชก็โอบกอดนางไว้แน่นด้วยคิดว่าเป็นสุวรรณลักษณา “สุวรรณลักษณา ให้อภัยพี่เถอะนะ พี่เสียใจ พี่ขอโทษที่ใช้อารมณ์กับเจ้า พี่ผิดเอง” นภราชว่าไปตามประสาคนที่ไม่ได้สติ “พี่นภราช... ปล่อยเพคะ” สร้อยสายเพชรพยายามผลักตัวออกจากอ้อมกอดนั้น
สุริยาฉายฉานแผ่รัศมีไปทั่วแดน อรุณเบิกฟ้า ในตำหนักธิดาราชสร้อยสายเพชร นางนั่งอยู่กับพื้นเช็ดพระวรกายให้กับนภราชที่ยังไม่ได้สติอยู่บนแท่น สร้อยสายเพชรยิ่งมองพระองค์ยิ่งน้ำตาคลอ กระทั่งนภราชรู้สึกตัวขึ้น พระองค์รีบพรวดลุกขึ้นนั่งด้วยความตกพระทัย “สร้อยสายเพชร” นภราชเอ่ยด้วยความตกใจยิ่งนัก “เกิดอะไรขึ้น” นภราชเร่งถามโดยพลัน “เปล่าเพคะ... ทรงเมามาแล้วเข้าผิดตำหนักกระมัง” สร้อยสายเพชรเสียงเบาไม่โหวกเหวกเช่นที่เคย “สุวรรณลักษณา... สุวรรณลักษณา” นภราชนึกขึ้นได้ก็รีบไปโดยไม่บอกอะไรกับสร้อยสายเพชรสักคำ
ที่ตำหนักสุวรรณลักษณา สุวรรณลักษณานั่งน้ำตานองหน้าพลางนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่ตนออกไปตามหาพระภัสดาด้วยความเป็นห่วงถึงที่เรือนท่านขุนวงศา “องค์ท่านพึ่งเสด็จออกไปเมื่อสักครู่นี่เองพระเจ้าข้า” ขุนวงศากราบทูลตอบ พระนางจึงตามมาจนถึงพระตำหนักพระน้องสุดท้อง
“พระธิดา... พระธิดาเพคะ” วิลาเรียก เสียงนั้นพอสะกิดให้นางหลุดจากภวังค์ได้ “อะไร...” นางพูด “จะทรงเสด็จไปไหนก็ยังไม่มีจุดหมาย อย่าเสด็จไปไหนเลยนะเพคะ พระธิดาก็ทรงทราบว่าในป่าอันตราย ถ้ากราบทูลพระบิดาขอประพาสป่าอย่างเดียว ก็อันตรายแล้ว แต่นี่จะทรงเสด็จทางน้ำ อันตรายนักนะเพคะ” วิลาพูด “เราตัดสินใจแล้ววิลา เราจะไปกับลูก เราอยากจะให้อะไรทุกอย่างคลี่คลายโดยดีก่อน” สุวรรณลักษณาพูดแล้วยุรยาตรไปอุ้มพระโอรสน้อยจากเปล ก่อนที่จะเสด็จออกไปโดยมีวิลาตามเสด็จไปด้วย
ที่ตำหนักพระธิดาสร้อยสายเพชร นางนอนแน่นิ่งอยู่บนแท่นอย่างเดียวไม่ไปไหน ไม่ทำอะไร ดวงเนตรคมกริบของนางเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา คุณท้าวกานดาอยู่เคียงข้างพระนางกุมมือนางไว้ “ถึงจะรักมากแค่ไหน... ก็ใช่ว่าเราจะใจง่าย ยอมเค้าได้ทุกอย่างหรอกนะ... แต่นี่... จนหนทางจริงๆ พี่นภราชทรงไม่รู้สึกองค์เลยแม้แต่นิดเลยหรือเพคะ รักเดียวของพระองค์คือสุวรรณลักษณา ส่วนหม่อมฉัน... เป็นอะไร... ทรงได้ทุกอย่าง จากหม่อมฉันแต่ก็ไม่เคยเห็นค่าของมันเลย พระได้ทั้งดวงใจของหม่อมฉันแล้ว ยังทำเช่นนี้ ฟ้าไม่เคยเห็นใจเราเลย...” สร้อยสายเพชรร้องไห้แทบขาดใจแล้วกรีดร้องลั่นขึ้นมาด้วยความอัดอั้นตันใจ รติวุฒิปรากฏร่างขึ้น “พระธิดา...” รติวุฒิเร่งเข้ามากุมมือของนางไว้เพื่อให้นางสงบสติอารมณ์ สร้อยสายเพชรทำท่าทางเหมือนจะลุกออกไปให้ได้ “อย่าพระเจ้าข้า อย่าเสด็จไปไหนเลย... ทรงบอบช้ำพระทัย และ บอบช้ำพระวรกายหนักหนาแล้ว” รติวุฒิพูด สร้อยสายเพชรช่างดื้อดึงเหลือเกิน รติวุฒิโอบนางไว้เพื่อฉุดรั้ง สร้อยสายเพชรหมดแรงปวกเปียกลงน้ำตาของนางแทบจะเป็นสายเลือดอยู่แล้ว “ทำไม... ทำไมเค้าต้องทำกับเราแบบนี้ ทำไม...” สร้อยสายเพชรร้องไห้ไม่หยุด รติวุฒิกัดฟันแน่นเหมือนพยายามกลืนความรู้สึกสิ่งหนึ่งสิ่งใดเอาไว้ “ทำไมเจ้าต้องทำกับดวงใจเราเช่นนี้...” รติวุฒิกัดฟันแน่นเอ่ยขึ้นในใจในขณะที่สร้อยสายเพชรก็รักนภราชสุดดวงใจแต่... ถึงรักแต่ก็ไม่ได้ใจง่ายแต่ทรงหักหาญน้ำใจนางอย่างรุนแรงเหลือเกิน เกินกว่าที่คนที่รักนางจะทนได้
ความคิดเห็น