ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แหวนยุคล

    ลำดับตอนที่ #3 : ศัตรูที่ยิ่งใหญ่

    • อัปเดตล่าสุด 13 เม.ย. 50


    "อันตราย... พระธิดาทรงทราบไหมว่าพระบิดาอาจจะสิ้นพระชนม์ไปแล้ว" ท่านฤๅษีพูด "เสด็จพ่อสิ้นพระชนม์แล้วเหรอเจ้าคะ" สุรีย์รินทร์ราชธิดาน้อยส่งเสียงตกใจ "แค่อาจจะเท่านั้น" ท่านฤๅษีพูด "แล้วเสด็จพ่อ เสด็จแม่ของหลานเป็นใครหละเจ้าคะ" สุรีย์รินทร์พูด "เสด็จแม่ของพระธิดา เป็นนางอัปสรอยู่บนสรวงสวรรค์ พระนามว่า มาลย์สุภัคเทวี พระนางตัดสินพระทัยลงมาประทับอยู่ที่เมืองวิศิษฏ์ธาตรีกับพระภัสดา โดยไม่มีพระเวทใดๆ ท้าวไกรศรเสด็จพ่อของพระธิดา ถูกมนต์สะกดของ นภวิหงค์ นังแม่มดร้ายบริวารแห่งวายุเทพ ทำให้ประทับอยู่กับนางทั้งวันทั้งคืน และในวันที่พระธิดาประสูติมาจนครบ นภวิหงค์ก็เข้ายึดเมืองพอดี เพื่อที่จะสังหารพระธิดาทั้งเจ็ด แต่ม้าทองพาพระธิดาหนีมาก่อนไง" ท่านฤๅษีเล่า "อ่าวแล้วพี่น้องของหลานอีกหกคนหละเจ้าคะท่านตา" สุรีย์รินทร์เอ่ยถามอย่างสงสัย "ก็อยู่ในแหวนของพระธิดาไงหละ" เสียงใสๆแว่วมา เจ้าม้าทองตัวน้อยบินมา สุรีย์รินทร์มองดูแหวนน้ำงามผูกนิ้วของตน "พระธิดาคงสงสัยเรื่องแหวนเทพธิดา นานมาแล้ว เคยมีคนสวมใส่แหวนวงนี้ แหวนเทพธิดา คู่กับแหวนเทพบุตร รวมกันใครๆเรียกกันว่าวงแหวนคู่ แต่ตอนนี้ตาจะเรียกว่าแหวนยุคล เพราะแหวนเทพบุตร และ แหวนเทพธิดาทรงพลังขึ้นมา ชื่อก็น่าจะดูมีอำนาจมากขึ้น คนที่สวมแหวนยุคล หรือวงแหวนคู่จะต้องสลับเปลี่ยนหมุนเวียนกันในแต่ละวันเมื่อถึงเวลา ตาว่าคงอีกไม่นาน" ท่านฤๅษีพูด "งั้นอีกหน่อยหลานก็อยู่ได้แค่หนึ่งวัน ในหนึ่งสัปดาห์นาสิเจ้าคะ" สุรีย์รินทร์พูด "ใช่... ครั้งหนึ่ง ราชโอรสทั้งเจ็ดผู้สวมแหวนเทพบุตรเคยอยู่ที่นี่กับตาด้วย" ท่านฤๅษีพูด "งั้นท่านตาก็คงรู้เรื่องแหวนดีสิเจ้าคะ แล้วทำไมต้องมีแหวนนี้ด้วย พี่ม้าทองเคยบอกว่า ม้าเงินกับม้าทองเป็นสัญลักษณ์แห่งแหวนยุคล แหวนแห่งการต่อสู้ ทำไมต้องต่อสู้ด้วยหละเจ้าคะ" พระธิดาน้อยยังไม่หมดเรื่องสงสัย "วายุเทพ เทพอันธพาลถูกปลดปล่อยจากพระขรรค์เงิน และคิดจะครองโลก รวมทั้งแก้แค้นเทพสัปดาห์ แก้แค้นวงแหวนคู่ นั่นก็คือแหวนยุคลของพระธิดาทั้งเจ็ด และพระโอรสอีกเจ็ดพระองค์นาสิ" ท่านฤๅษีพูด "พระโอรสที่ท่านตาว่านี่ใครเหรอเจ้าคะ" สุรีย์รินทร์ซักไม่หยุด "พระธิดาจะได้พบเค้า... เมื่อวันที่ฟ้าให้พบ แล้วจะต้องต่อสู้ร่วมกับพวกเค้า เตรียมพระทัยให้พร้อม อีกไม่นานแล้ว" ท่านฤๅษีพูด

    ในป่าเย็นลงแล้ว กลางเวหานั้นพระโอรสน้อยสุริโย และ พระมารดา รัตนวราง นั่งอยู่บนหลังเจ้าม้าเงิน "นั่นถ้ำนี่ ค่ำแล้วด้วย แม่ว่าเราลงไปพักที่นั่นกันเถอะลูก" รัตนวรางพูด "พระเจ้าข้า ลงไปเลยพี่ม้าเงิน" สุริโยพูด "ได้เลยพระเจ้าข้า" ท้าเงินพูดและบินลงไป

    ที่วิมานแก้วงามด้วยแก้วทั้งหลัง เป็นวิมานที่น่าฝันใฝ่ยิ่ง เทพผู้น่าเกรงขาม นัยน์ตาเกรี้ยวกราดของพระองค์ดูน่าเกรงขาม "แค่เด็กคนเดียวพวกเจ้าทำได้แค่ไปให้มันจัดการเท่านั้นเหรอ" เสียงแข็งกร้าวแววตาดุดันบ่งบอกได้เลยว่านี่คือวายุเทพที่กำลังตวาดเหล่าเทพบริวารที่โดนสุริโยซัดกลับมา และก็มีนางปีศาจครึ่งนกหน้าตาเป็นสาวสะสวยแต่การแต่งกายมีขนนกแดงฉานประดับ นางเดินเข้ามา "องค์วายุเทพ เกิดอะไรขึ้นเพคะ" นางพูด "นภวิหงค์ ไอ้คนพวกนี้ทำงานแย่มาก แล้วเจ้าหละนังแม่มด เรื่องเด็กผู้หญิงพวกนั้นไปถึงไหนแล้ว" วายุเทพเอ่ยถาม "นังเด็กพวกนั้นมาหายหัวไปไหนกันก็ไม่รู้เป็นกว่าเก้าปีเศษแล้วเพคะ" นภวิหงค์ตอบได้เพียงแค่นั้น "ไม่ได้เรื่องเลยซักคน เราจะไปตามหาพวกมันเอง" วายุเทพพูด

    ในค่ำคืนนั้น พระธิดาน้อยสุรีย์รินทร์นอนหลับในกระท่อมเล็ก อรัญญิกาคอยดูแลพระธิดาอย่างใกล้ชิด สุรีย์รินทร์ตื่นขึ้นในยามกลางดึก เดินออกมานั่งหน้ากระท่อมนั่น กอดเข่านั่งคิดอะไรไปเรื่อยๆ "ตอนนี้วิศิษฏ์ธาตรีจะเป็นยังไงบ้างนะ" สุรีย์รินทร์พูดเองเบาๆ สายตาจับจ้องมองไปที่ดวงเดือนกลางท้องนภา เหลืองนวลกระจ่างรัศมีของมันช่างแผ่ไปไกลไพศาล ธิดาน้อยน้ำตาคลอ "เสด็จพ่อ เสด็จแม่ของลูกจะเป็นเช่นไรบ้าง จะสุข หรือจะทุกข์ ลูกจะทำยังไงดี" สุรีย์รินทร์พูดกับตัวเองเบาๆ ไม่คิดว่าจะมีใครได้ยิน "เหนือหัวไกรศร พ่อของเจ้าตายไปแล้วหละ" เสียงเย็นเยียบของบุรุษน่าเกรงขามดังขึ้น ลมพัดรุนแรงเหลือเกิน "ใครหนะ เจ้ารู้ชื่อเสด็จพ่อของเราได้ยังไง" สุรีย์รินทร์เอ่ยถาม เจ้าของเสียงปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า "แล้วเราก็หาเจ้าเจอจนได้ แหวนเทพธิดา" วายุเทพพูด "ท่านเป็นใคร" สุรีย์รินทร์น้ำเสียงของพระธิดาองค์น้อยองค์นี้ดูไม่มีความตื่นกลัวเลยสักนิด "นี่คือองค์วายุเทพ ศัตรูของเจ้าไงหละ" นภวิหงค์ตามมา "เจ้าเป็นใคร" สุรีย์รินทร์หันไปถามนภวิหงค์ "เรานภวิหงค์ เราเป็นคนที่ที่ฆ่าพ่อของเจ้าไงหละ และเราก็กำลังจะส่งเจ้าให้ตายตามพ่อของเจ้าไป" นภวิหงค์พูด "ไม่จริง เสด็จพ่อยังไม่สิ้นพระชนม์ และเสด็จแม่หละ เสด็จแม่ของเรา" สุรีย์รินทร์เริ่มใจเสีย น้ำเสียงที่แข็งกร้าว ก็ล้าลง "แม่ของเจ้านาเหรอ ยังอยู่ดีที่วิศิษฏ์ธาตรี แต่เจ้าจะต้องตายเดี๋ยวนี้ ถอดแหวนมาให้เรา" วายุเทพออกคำสั่ง "ไม่มีทาง ท่านตาบอกว่า อย่าถอดแหวนนี้เป็นอันขาด" สุรีย์รินทร์พูด "แต่ชีวิตแม่เจ้าตอนนี้อยู่ในมือเรา เลือกเอา แหวนเทพธิดา กับ แม่ของเจ้า" นภวิหงค์พูด ธิดาน้อยนิ่งคิด "ก็ได้... จะถอดแหวนให้เดี๋ยวนี้หละ" สุรีย์รินทร์พูดและยกมือขึ้นจับแหวน กำลังจะถอดแหวนออกมา เจ้าม้าทองก็บินโฉบเอาตัวพระธิดาน้อยขึ้นไปและบินหนีไป "พี่ม้าทอง ทำแบบนี้ทำไม" สุรีย์รินทร์พูด "พระธิดาถอดแหวนไม่ได้นะพระเจ้าข้า พวกนั้นจะฆ่าเราทุกคน" ม้าทองพูด "พวกเค้าบอกว่าเป็นเทพ ยังไงก็ไม่โกหกหรอกจะ" สุรีย์รินทร์พูด "เทพพวกนั้นไม่มีสัจจะหรอกพระเจ้าข้า" ม้าทองพูดและบินต่อไป ยังมีลูกไฟที่ตามมาปลิดชีพ สุรีย์รินทร์กระโดดออกจากม้าทองมายืนอยู่กลางอากาศ และเรียกดาบออกมาฟันลูกไฟเหล่านั้นทิ้ง และใช้แหวนเทพธิดาอีกครั้ง และหนีรอด

    กระทั่งรุ่งเช้า ในป่าใหญ่ สุริโยราชโอรสน้อยเดินเที่ยวหาผลไม้ไปให้พระมารดา เวลาเดียวกันที่ สุรีย์รินทร์พระธิดาน้อยนอนหลับอยู่บนต้นไม้ต้นหนึ่ง สุริโยเห็นเข้า ก็คิดว่าสุรีย์รินทร์เป็นบาดเจ็บ "นั่นคนนี่... บาดเจ็บรึปล่าวเนี่ย" สุริโยพูด และจึงกระตัดสินใจกระโดดขึ้นไปบนกิ่งไม้กิ่งนั้น พระธิดาสุรีย์รินทร์ตกใจตื่นขึ้นมา "เจ้าเป็นใคร" สุรีย์รินทร์เอ่ยถามอย่างตกใจ



    ตัวอย่างตอนต่อไป
    เสด็จแม่...ใครไม่รู้พระเจ้าข้า ลูกถามชื่อก็ไม่ยอมบอก สุริโยทูลแก่พระมารดา รัตนวรางได้ยินก็หันไปมองดูเด็กผู้หญิงคนนั้น สุรีย์รินทร์น้ำตาไหลอาบแก้วมองดูภาพอบอุ่นตรงหน้าตาค้างตัวค้างแทบไม่ขยับตัวสักนิดเดียว หนู... หนูร้องไห้ รัตนวรางพูดและเข้าไปโอบเด็กผู้หญิงผู้หน้าสงสารคนนั้น หนูเป็นอะไรไป หนูเป็นใครมาจากไหนกันจ๊ะ รัตนวรางเอ่ยถามอย่างเห็นใจ
    เจ้าจะทำยังต่อไปเรื่องวิศิษฏ์ธาตรี วายุเทพถามขึ้น หม่อมฉันคิดว่าจะหลอกไอ้เด็กพวกนั้นมาฆ่าที่วิศิษฏ์ธาตรีเพคะ นภวิหงค์พูด เจ้าจะฆ่ามันยังไงหละ นังแม่มด วายุเทพพูด หม่อมฉันจะหลอกเอาแหวนยุคลมาจากมัน แล้วก็ฆ่าพวกมันซะเพคะ แต่ว่าพระองค์จะต้องหาอาวุธไม่ที่ทำลายแหวนยุคลได้ นภวิหงค์ ได้ เราจะพยายามหามาให้ได้ วายุเทพพูด
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×