ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จตุรธาตุ จตุรศัสตรา

    ลำดับตอนที่ #25 : วนาบุรีเดือดดาลกลายเป็นสมรภูมิอีกแล้ว

    • อัปเดตล่าสุด 3 เม.ย. 50


    วันต่อมา ที่วนาบุรี อาทิตยกรยังนอนนิ่งไร้สติอยู่บนแท่นนอน ธารารักษ์เดินเข้ามาพร้อมกับนางกำนัลสองสามคนที่ถือถาดขนมมาด้วย มีทั้งขนม และ อาหาร ครบทั้งคาวหวาน ธารารักษ์ยิ้มตลอดเวลาสั่งพวกนางกำนัลวางของพวกนั้นลง วางลงตรงนั้น ธารารักษ์พูด ธารารักษ์เดินเข้าไปใกล้ ดวงตาที่อ่อนล้าค่อยลืมตาขึ้น ความเจ็บปวดดูจะยังไม่ทุเลาลงไปเลย จะมาสมน้ำหน้ารึไง ที่แสงอาทิตย์ร้อนแรงอย่างเรา พ่ายแพ้ต่อจตุรธาตุ โดยเฉพาะธาตุน้ำของเจ้า อาทิตยกรพูดขึ้นเบามากๆ เป็นเพราะไม่มีแรงนั่นเอง ปล่าวเลยนะ เราเห็นเจ้านอนป่วยอยู่ อยากให้หายเร็วๆ จะได้ทันพิธีอภิเษกของพี่น้องเราไง ธารารักษ์พูด ไม่เกี่ยวกับเรา อาทิตยกรพูด แต่เจ้ามาอยู่ที่นี่ ก็เท่ากับว่าตอนนี้เจ้าเป็นเพื่อนเราแล้ว ธารารักษ์พูด เราไม่นับเจ้าเป็นเพื่อน อาทิตยกรพูดและพยายามลุกขึ้นแล้วก็ล้มลงตรงหน้าธารารักษ์ ฤดีรินทร์แอบมองอยู่วิ่งเข้ามาประคองทันที เจ้าทำอะไรเค้าหนะ ธารารักษ์ ฤดีรินทร์พูด เราปล่าว คือ...ธารารักษ์พยายามที่จะอธิบาย แต่ก็ไม่มีประโยชน์ ออกไปเดี๋ยวนี้นะ อาทิตยกรพูด แต่... ธารารักษ์พูด อาทิตยกรผลักถาดขนมพวกนั้นตกเรี่ยราดไปหมด ออกไป อาทิตยกรพูด พูดกันดีๆก็ได้ ทำไมต้องทำลายข้าวของ เราอุตส่าห์ทำมาให้ ธารารักษ์พูดและเดินออกไปกับพวกนางกำนัล ขอบใจมากนะที่อยู่ข้างเรา อาทิตยกรพูด ไม่เป็นไร เราเหมือนกันแล้วหละอาทิตยกร เจ้าเป็นเชลย ส่วนเราไม่ใช่ก็เหมือนใช่ ฤดีรินทร์พูด ทำไมหละ อาทิตยกรพูด เราแพ้พวกนั้นทุกเรื่องแล้วหละ ซึ่งเราก็ไม่ยอม เสด็จแม่สอนว่าเราต้องชนะพวกมัน เราต้องชนะไอ้สี่คนนั้น ฤดีรินทร์พูด ดี... งั้นเราก็เป็นพวกเดียวกัน อาทิตยกรพูด

                ที่ใต้ผืนพิภพ ลึกสุด นรกานต์คุยอยู่กับสุริยะเทพ ท่านดีขึ้นมากรึยัง นรกานต์พูด ก็พอไหว เราคิดแผนจะแก้แค้นอยู่ สุริยะเทพพูด เราจะเอาอาวุธของพวกมันมายังดีนะ นรกานต์พูด อาทิตยกรอยู่ที่นั่น ยังไงก็พอมีวิธี สุริยะเทพพูด แล้วท่านคิดว่าวิธีไหนกัน นรกานต์พูด เรากับท่านจะไปหารืออาทิตยกร อาทิตยกรฉลาดพอที่จะคิดออก แล้วเค้าก็ต้องทำได้ สุริยะเทพพูด

                ที่วนาบุรีร่มเย็นเป็นสุขไม่มีเรื่องร้ายๆใดๆ แต่ในตำหนักที่อาทิตยกรอยู่นั้นมีสุริยะเทพ และ นรกานต์กระโดดลงมา วันนี้วนาบุรีเงียบผิดปกติ สุริยะเทพพูด เสด็จพ่อ อาทิตยกรพยายามจะลุกขึ้นมาและยกมือไหว้พระบิดา อาทิตยกร พ่อกำลังวิธีแก้แค้นพวกมัน โถ่ลูกพ่อ เจ้าต้องรีบรักษาตัวนะลูก เราจะได้ช่วยกัน สุริยะเทพพูด พระเจ้าข้า อาทิตยกรรับคำพระบิดา อยู่ๆฤดีรินทร์ก็เข้ามา นรกานต์ไม่รู้ว่ามิตรหรือศัตรูก็จับตัวฤดีรินทร์ไว้และปิดปากฤดีรินทร์ไม่ให้ร้อง ปล่อยนางเถอะ นางเป็นพวกเรา อาทิตยกรพูด นรกานต์ปล่อยมือ ทำไมวันนี้วนาบุรีถึงเงียบผิดปกติ นรกานต์ ไอ้สี่คนนั่นไปเมืองกินรีกันหมด เกศสิรินทร์รัตน์ก็ด้วย เหลือแต่เสด็จพ่อ กับ แม่ของพวกมัน ฤดีรินทร์พูด ลูกคิดอะไรออกแล้วพระเจ้าข้าเสด็จพ่อ อาทิตยกรพูด

                ที่กินรีนครา ขอบใจหลานชลากรมากนะ ต่อจากนี้เมืองกินรี กับเมืองนาคก็คงจะเหมือนเมืองพี่เมืองน้องกัน วรยุทธ์กษัตริย์พูด ไม่เป็นไรหรอกพระเจ้าข้า อีกไม่นานวรยุภัทรก็จะต้องมาเป็นพี่สะใภ้ของประกายเพลิง แล้วประกายเพลิงก็ต้องมาเป็นชายาของหลาน เราก็เท่ากับว่าเป็นญาติกัน ชลากรพูด พวกเราต้องขอตัวกลับก่อนนะพระเจ้าข้า ทิ้งบ้านเมืองไว้ ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง พสุธาวาทพูด

                ที่วนาบุรี พระโอรส และ พระธิดาทั้งสี่กลับมาพร้อมกับชลากร เกศสิรินทร์รัตน์ เมืองทั้งเมืองดูเงียบกริบ ทหารเวรยามที่เฝ้าทวาราแห่งเวียงวังก็ไม่มี แปลก เหมือนเมืองร้างยังไงอย่างงั้น ธารารักษ์พูด หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้างใน พสุธาวาทพูด ทุกคนต่างนิ่งคิด เกศสิรินทร์รัตน์วิ่งเข้าไปในเมือง พสุธาวาทรั้งไว้ เดี๋ยวก่อน เจ้าจะไปคนเดียวไม่ได้ เราจะไปด้วย พสุธาวาทพูด ทั้งสองวิ่งเข้าไปแล้ว ที่เหลือหันมองหน้ากันก่อนจะวิ่งเข้าไปช่วยด้วย

                เกศสิรินทร์รัตน์ และ พสุธาวาทต้องหยุดวิ่งพร้อมกันเมื่อเห็นภาพสุริยะเทพ และ อาทิตยกร รวมไปถึงนรกานต์ และฤดีรินทร์คุมตัวองค์เหนือหัววนาวุฒิ มเหสีมาลีรินทร์ คุณท้าวมิ่งขวัญ และเหล่านางรับใช้คนสนิทเอาไว้ เสด็จพ่อ... เกศสิรินทร์รัตน์หลุดเสียงนี้ออกไปเบาๆ เกศสิรินทร์รัตน์ เจ้าเลือกเอา ระหว่างพวกมันกับพ่อที่แก้แค้นเพื่อเจ้าตลอดเจ้าเลือกเอาเถอะลูกพ่อ รีบตัดสินใจ ก่อนที่วนาบุรีแห่งนี้จะกลายเป็นเมืองร้าง ที่ร้างจริงๆ สุริยะเทพพูด เพคะเสด็จพ่อ ลูกจะไปกับเสด็จพ่อ ลูกจะไม่พบพวกเค้าอีก เกศสิรินทร์รัตน์พูด เกศสิรินทร์รัตน์ พสุธาวาทเรียกชื่อและกุมมือเกศสิรินทร์รัตน์เอาไว้ สายตาห้ามปราม เกศสิรินทร์รัตน์ดึงมือออกและเดินไปอยู่หลังสุริยะเทพ และสุริยะเทพ เกศสิรินทร์รัตน์ อาทิตยกร ฤดีรินทร์ก็หายตัวไปพร้อมเพรียงกัน คงเหลือไว้แต่นรกานต์ และไพร่พลผีดิบเป็นทัพ พระโอรสและพระธิดาที่เหลือก็ตามมาสมทบ ปล่อยเสด็จพ่อ เสด็จแม่และทุกคนเดี๋ยวนี้ พระโอรสและพระธิดาทั้งสี่พูดในความหมายเดียวกัน พวกเจ้าคิดว่ามันจะง่ายอย่างนั้นนาเหรอ พวกเจ้าต้องเอาอะไรมาแลกหน่อยสิ นรกานต์พูด จตุรธาตุ จตุรศัสตรานาเหรอ วาตการณ์พูด ใครจะกล้าเอาชีวิตมาต่อรองกันหละ ธารารักษ์พูด เรานี่แหละกล้า จะเอาอะไรก็ยอมทั้งนั้นแล้ว ประกายเพลิงพูด เรายังไม่อยากตายตอนนี้หรอกนะ แต่ถ้าเป็นเสด็จพ่อเสด็จแม่แล้ว เราจะยอมแลกชีวิตก็ได้ ธารารักษ์พูด เราเอาด้วยอีกคน วาตการณ์พูด เราก็ยอมเหมือนกัน ชีวิตของเสด็จพ่อเสด็จแม่สำคัญที่สุด ชีวิตของชาววนาบุรีก็เหมือนกัน ชีวิตเรานี้เราทั้งสี่ต้องพิทักษ์รักษา ปกป้อง พสุธาวาทพูด อย่าเลยลูก พ่อเชื่อมั่นว่ายังไงพวกมันก็ต้องฆ่าเราทุกคนให้ตาย ถ้าพวกเจ้าทั้งสี่รอดไปอย่างน้อยวนาบุรีก็ยังมีที่พึ่ง เจ้ายังสามารถกอบกู้ได้ เหมือนครั้งที่แล้วไงลูก วนาวุฒิพูด เสด็จพ่อ พสุธาวาทพูด เชื่อเสด็จพ่อเถอะนะลูก หลบไปก่อนเถอะ มาลีรินทร์พูด หยุดซะที... คุยกันไปมาอยู่ได้ ว่ายังไง จตุรธาตุ พวกเจ้าจะยอมแลกชีวิต และ จตุรศัสตราไหม นรกานต์พูด ตกลง ทั้งสี่พูดพร้อมกัน ถ้างั้นก็เรียกอาวุธของพวกเจ้ามาได้เลย นรกานต์พูด ตรีศูล พสุธาวาทกล่าว คทาธาร ธารารักษ์กล่าวบ้าง กงจักรวาโย วาตการณ์เรียกเสียงกึกก้อง สังข์เพลิง ประกายเพลิงพูดอย่างหนักแน่น เมื่ออาวุธทั้งสี่ หรือ จตุรศัสตราถูกเรียกมาจนครบแล้ว นรกานต์ยิ้ม และเรียกดาบออกมาบ้าง นรกานต์ถอยเข้าไป วางดาบลงบนบ่าของเหนือหัววนาวุฒิ และ มเหสีมาลีรินทร์ ส่งอาวุธของพวกเจ้ามาทีละอย่าง เริ่มจากตรีศูล ไล่ไปจนถึงสังข์เพลิง นรกานต์พูด พสุธาวาทหันไปมองพี่น้องเพื่อตัดสินใจครั้งสุดท้าย ทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกันว่าการเสียสละครั้งนี้เป็นการสมควรแล้ว แต่ชลากรที่มองอยู่กลับส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย พสุธาวาทตัดสินใจโยนอาวุธวิเศษ ที่มีพลังมากที่สุดในสี่ให้กับนรกานต์ นรกานต์รับมาก มาลีรินทร์น้ำตาไหล ส่ายหน้าอย่างผิดหวัง วนาวุฒิเองก็เช่นกัน ผิดหวังไม่ต่างจากมเหสีของพระองค์ ต่อด้วยคทาธาร ธารารักษ์ติดสินใจโยนให้นรกานต์ นรกานต์คว้าอาวุธอย่างที่สองมาได้ พิเคราะห์ตรวจดูอาวุธทั้งสองอย่างถี่ถ้วนจนแน่ใจว่าเป็นของจริง ต่อไปเจ้า... วาตการณ์ นรกานต์พูด วาตการณ์มองกงจักรของตนก่อนจะตัดสินใจโยนให้นรกานต์ไป และอย่างสุดท้ายสังข์เพลิงในมือของประกายเพลิง ประกายเพลิงเสียดายจะโยนให้ แต่กลับโยนขึ้นฟ้าไป ประกายเพลิง เจ้าคิดจะหักหลังเราอีกแล้วเหรอ นรกานต์พูดอย่างเจ็บแค้น...คิดว่าจะรอดแล้วเชียว ประกายเพลิงยิ้มออก แต่กลับมีคนที่เหาะอยู่บนฟ้ารับไว้ ประกายเพลิงต้องหุบยิ้มทันที อาทิตยกรกระโดดลงมาทรงตัวบนพื้นดินพร้อมกับสังข์เพลิง




    ตัวอย่างตอนต่อไป

    วาตการณ์ลุกขึ้นหมุนร่างของตนเป็นลูกพายุและเข้าโจมอาทิตยกร เพียงพลังของกริช เปรี้ยงเดียวพายุถึงกลับสลายไป วาตการณ์ล้มลงเจ็บปวดปลาบแปลบไปทั่วทั้งร่างกาย ประกายเพลิงเข้าไปเป็นคนที่สองด้วยดาบเช่นกัน มุ่งหน้าจะเข้าไปฟัน อาทิตยกรดันมือไว้และหักแขนประกายเพลิงจนดาบหลุดออกจากมาเหวี่ยงตัวประกายเพลิงจนไปกระแทกกับต้นไม้

    วาตการณ์พยายามที่จะหยัดตัวลุกขึ้นสู้แต่พอจะลุกได้ก็มีพลังของกริชสาดเข้ามาเต็มๆ วาตการณ์ล้มลงกับพื้น วาตการณ์หยิบขนกินรีที่รักษาไว้อย่างดีขึ้นมามอง ขนกินรีเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของวาตการณ์ ร่างของวาตการณ์ก็ค่อยๆสูญสลายไปกับสายลม หายไปกับลูกพายุ
    ประกายเพลิง ชลากรพยายามโอบประคองธิดาราชแห่งเปลวไฟเอาไว้
    เราไม่อยากจากเจ้าไปเลย โดยเฉพาะตอนนี้ เจ้าช่างดีกับเราเช่นเราเป็นธารารักษ์ พบกันอีกครั้งขอให้เจ้ารู้สึกกับเหมือนธารารักษ์ หรือมากกว่าที่เจ้ารู้สึกกับนาง ประกายเพลิงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงและแผ่วเบาแทบไม่ได้ยิน ร่างกายของนางค่อยๆสลายไปเป็นเปลวเพลิงโชติช่วง...
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×