คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : วนาบุรีเดือดดาลกลายเป็นสมรภูมิอีกแล้ว
วันต่อมา ที่วนาบุรี อาทิตยกรยังนอนนิ่งไร้สติอยู่บนแท่นนอน ธารารักษ์เดินเข้ามาพร้อมกับนางกำนัลสองสามคนที่ถือถาดขนมมาด้วย มีทั้งขนม และ อาหาร ครบทั้งคาวหวาน ธารารักษ์ยิ้มตลอดเวลาสั่งพวกนางกำนัลวางของพวกนั้นลง “วางลงตรงนั้น” ธารารักษ์พูด ธารารักษ์เดินเข้าไปใกล้ ดวงตาที่อ่อนล้าค่อยลืมตาขึ้น ความเจ็บปวดดูจะยังไม่ทุเลาลงไปเลย “จะมาสมน้ำหน้ารึไง ที่แสงอาทิตย์ร้อนแรงอย่างเรา พ่ายแพ้ต่อจตุรธาตุ โดยเฉพาะธาตุน้ำของเจ้า” อาทิตยกรพูดขึ้นเบามากๆ เป็นเพราะไม่มีแรงนั่นเอง “ปล่าวเลยนะ เราเห็นเจ้านอนป่วยอยู่ อยากให้หายเร็วๆ จะได้ทันพิธีอภิเษกของพี่น้องเราไง” ธารารักษ์พูด “ไม่เกี่ยวกับเรา” อาทิตยกรพูด “แต่เจ้ามาอยู่ที่นี่ ก็เท่ากับว่าตอนนี้เจ้าเป็นเพื่อนเราแล้ว” ธารารักษ์พูด “เราไม่นับเจ้าเป็นเพื่อน” อาทิตยกรพูดและพยายามลุกขึ้นแล้วก็ล้มลงตรงหน้าธารารักษ์ ฤดีรินทร์แอบมองอยู่วิ่งเข้ามาประคองทันที “เจ้าทำอะไรเค้าหนะ ธารารักษ์” ฤดีรินทร์พูด “เราปล่าว คือ...” ธารารักษ์พยายามที่จะอธิบาย แต่ก็ไม่มีประโยชน์ “ออกไปเดี๋ยวนี้นะ” อาทิตยกรพูด “แต่...” ธารารักษ์พูด อาทิตยกรผลักถาดขนมพวกนั้นตกเรี่ยราดไปหมด “ออกไป” อาทิตยกรพูด “พูดกันดีๆก็ได้ ทำไมต้องทำลายข้าวของ เราอุตส่าห์ทำมาให้” ธารารักษ์พูดและเดินออกไปกับพวกนางกำนัล “ขอบใจมากนะที่อยู่ข้างเรา” อาทิตยกรพูด “ไม่เป็นไร เราเหมือนกันแล้วหละอาทิตยกร เจ้าเป็นเชลย ส่วนเราไม่ใช่ก็เหมือนใช่” ฤดีรินทร์พูด “ทำไมหละ” อาทิตยกรพูด “เราแพ้พวกนั้นทุกเรื่องแล้วหละ ซึ่งเราก็ไม่ยอม เสด็จแม่สอนว่าเราต้องชนะพวกมัน เราต้องชนะไอ้สี่คนนั้น” ฤดีรินทร์พูด “ดี... งั้นเราก็เป็นพวกเดียวกัน” อาทิตยกรพูด
ที่ใต้ผืนพิภพ ลึกสุด นรกานต์คุยอยู่กับสุริยะเทพ “ท่านดีขึ้นมากรึยัง” นรกานต์พูด “ก็พอไหว เราคิดแผนจะแก้แค้นอยู่” สุริยะเทพพูด “เราจะเอาอาวุธของพวกมันมายังดีนะ” นรกานต์พูด “อาทิตยกรอยู่ที่นั่น ยังไงก็พอมีวิธี” สุริยะเทพพูด “แล้วท่านคิดว่าวิธีไหนกัน” นรกานต์พูด “เรากับท่านจะไปหารืออาทิตยกร อาทิตยกรฉลาดพอที่จะคิดออก แล้วเค้าก็ต้องทำได้” สุริยะเทพพูด
ที่วนาบุรีร่มเย็นเป็นสุขไม่มีเรื่องร้ายๆใดๆ แต่ในตำหนักที่อาทิตยกรอยู่นั้นมีสุริยะเทพ และ นรกานต์กระโดดลงมา “วันนี้วนาบุรีเงียบผิดปกติ” สุริยะเทพพูด “เสด็จพ่อ” อาทิตยกรพยายามจะลุกขึ้นมาและยกมือไหว้พระบิดา “อาทิตยกร พ่อกำลังวิธีแก้แค้นพวกมัน โถ่ลูกพ่อ เจ้าต้องรีบรักษาตัวนะลูก เราจะได้ช่วยกัน” สุริยะเทพพูด “พระเจ้าข้า” อาทิตยกรรับคำพระบิดา อยู่ๆฤดีรินทร์ก็เข้ามา นรกานต์ไม่รู้ว่ามิตรหรือศัตรูก็จับตัวฤดีรินทร์ไว้และปิดปากฤดีรินทร์ไม่ให้ร้อง “ปล่อยนางเถอะ นางเป็นพวกเรา” อาทิตยกรพูด นรกานต์ปล่อยมือ “ทำไมวันนี้วนาบุรีถึงเงียบผิดปกติ” นรกานต์ “ไอ้สี่คนนั่นไปเมืองกินรีกันหมด เกศสิรินทร์รัตน์ก็ด้วย เหลือแต่เสด็จพ่อ กับ แม่ของพวกมัน” ฤดีรินทร์พูด “ลูกคิดอะไรออกแล้วพระเจ้าข้าเสด็จพ่อ” อาทิตยกรพูด
ที่กินรีนครา “ขอบใจหลานชลากรมากนะ ต่อจากนี้เมืองกินรี กับเมืองนาคก็คงจะเหมือนเมืองพี่เมืองน้องกัน” วรยุทธ์กษัตริย์พูด “ไม่เป็นไรหรอกพระเจ้าข้า อีกไม่นานวรยุภัทรก็จะต้องมาเป็นพี่สะใภ้ของประกายเพลิง แล้วประกายเพลิงก็ต้องมาเป็นชายาของหลาน เราก็เท่ากับว่าเป็นญาติกัน” ชลากรพูด “พวกเราต้องขอตัวกลับก่อนนะพระเจ้าข้า ทิ้งบ้านเมืองไว้ ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง” พสุธาวาทพูด
ที่วนาบุรี พระโอรส และ พระธิดาทั้งสี่กลับมาพร้อมกับชลากร เกศสิรินทร์รัตน์ เมืองทั้งเมืองดูเงียบกริบ ทหารเวรยามที่เฝ้าทวาราแห่งเวียงวังก็ไม่มี “แปลก เหมือนเมืองร้างยังไงอย่างงั้น” ธารารักษ์พูด “หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้างใน” พสุธาวาทพูด ทุกคนต่างนิ่งคิด เกศสิรินทร์รัตน์วิ่งเข้าไปในเมือง พสุธาวาทรั้งไว้ “เดี๋ยวก่อน เจ้าจะไปคนเดียวไม่ได้ เราจะไปด้วย” พสุธาวาทพูด ทั้งสองวิ่งเข้าไปแล้ว ที่เหลือหันมองหน้ากันก่อนจะวิ่งเข้าไปช่วยด้วย
ตัวอย่างตอนต่อไป
วาตการณ์ลุกขึ้นหมุนร่างของตนเป็นลูกพายุและเข้าโจมอาทิตยกร เพียงพลังของกริช เปรี้ยงเดียวพายุถึงกลับสลายไป วาตการณ์ล้มลงเจ็บปวดปลาบแปลบไปทั่วทั้งร่างกาย ประกายเพลิงเข้าไปเป็นคนที่สองด้วยดาบเช่นกัน มุ่งหน้าจะเข้าไปฟัน อาทิตยกรดันมือไว้และหักแขนประกายเพลิงจนดาบหลุดออกจากมาเหวี่ยงตัวประกายเพลิงจนไปกระแทกกับต้นไม้
วาตการณ์พยายามที่จะหยัดตัวลุกขึ้นสู้แต่พอจะลุกได้ก็มีพลังของกริชสาดเข้ามาเต็มๆ วาตการณ์ล้มลงกับพื้น วาตการณ์หยิบขนกินรีที่รักษาไว้อย่างดีขึ้นมามอง ขนกินรีเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของวาตการณ์ ร่างของวาตการณ์ก็ค่อยๆสูญสลายไปกับสายลม หายไปกับลูกพายุ
“ประกายเพลิง” ชลากรพยายามโอบประคองธิดาราชแห่งเปลวไฟเอาไว้
“เราไม่อยากจากเจ้าไปเลย โดยเฉพาะตอนนี้ เจ้าช่างดีกับเราเช่นเราเป็นธารารักษ์ พบกันอีกครั้งขอให้เจ้ารู้สึกกับเหมือนธารารักษ์ หรือมากกว่าที่เจ้ารู้สึกกับนาง” ประกายเพลิงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงและแผ่วเบาแทบไม่ได้ยิน ร่างกายของนางค่อยๆสลายไปเป็นเปลวเพลิงโชติช่วง...
ความคิดเห็น