ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทองเนื้อเก้า

    ลำดับตอนที่ #24 : ศึก สงคราม สูญเสีย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 254
      0
      10 เม.ย. 51

                    นพคุณเดินอยู่ในอุทยาน ปักษยุก็ตามมา เราบอกแล้วว่านางเป็นยังไง ปักษยุพูด พระเจ้าข้า ข้าพระองค์แค่รู้สึก... รู้สึกคิดถึงแม่จันทร์ รู้สึกอิจฉาทุกๆคน ที่มีญาติวงศ์พงศ์พันธุ์ แต่ตัวข้าพระองค์มาจากไหนนั่น กลับไม่มีใครรู้ คนเดียวที่เลี้ยงดูอุ้มชูมาตลอดก็ต้องมาพลัดพรากไป สมบัติติดตัวก็แค่แหวนวงเดียววงนี้ ข้าพระองค์ คงน้อยวาสนาจะหาที่ของตัวเองพบ พระโอรสปักษยุช่วยไปส่งข้าพระองค์ที่ป่าแดนมนุษย์ทีเถอะพระเจ้าข้า ข้าพระองค์จะตามหาแม่จันทร์ให้พบ นพคุณพูด เราไม่อยากให้เจ้าต้องไปตกระกำลำบากคนเดียวเลยนพคุณ เพราะอะไรรู้ไหม เพราะเจ้าเป็นเพื่อน เจ้าเป็นสหายรักของข้า เพื่อนไม่ช่วยเพื่อนมีที่ไหน ปักษยุพูด แต่เพื่อน ก็ไม่ควรขัดความคิด ขัดความตั้งใจ ความประสงค์ของเพื่อนเช่นกัน ข้าพระองค์ต้องการไปเวลานี้เลยพระเจ้าข้า นพคุณพูด ปักษยุถอนใจ จะหาเพื่อนอย่างเจ้าได้อีก คงอีกนาน ก็ได้เราจะพาเจ้าไปเดี๋ยวนี้ ปักษยุตอบ

                    ที่ป่าแดนมนุษย์ เราหวังว่าจะได้พบเจ้าอีกนะ ปักษยุพูด พระเจ้าข้า ข้าพระองค์จะจำไว้ ว่าเราเคยเป็นมิตรที่ดีต่อกัน นพคุณตอบ ปักษยุตัดสินใจกลายร่างเป็นครุฑแล้วบินกลับครุฑฑานครไป นพคุณถอนใจ นพคุณนั่งลงประนมกรอธิษฐาน ข้าเทวราชเจ้าแห่งสรวงช่วยประสาทพรแก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด ข้าแต่บุญญาบารมี และกรรมดีที่เคยได้ก่อ จงช่วยเกื้อหนุนค้ำจุน ให้ข้าพระองค์ ได้พบเสด็จแม่วิหงค์จันทร์ ได้พบหมู่ญาติกาของข้าพระองค์ที นพคุณตั้งสัจจะอธิษฐาน

                    นางวิหงค์จันทร์ก็กำลังคุกเข่าวอนฟ้าทั้งน้ำตาเช่นกัน องค์อินทราเทพ ได้โปรด ทรงเมตตาหม่อมฉัน ทรงเมตตานพคุณ และ ไอศิกาเถิด ให้เราได้พบกัน ให้หม่อมฉัน ได้ความหวังของหม่อมฉันกลับคืนมา ขอนพคุณคืนมาเถิดเพคะ วิหงค์จันทร์ก็กำลังร่ำไห้

                    เหยี่ยวรุ้งพุ่งโฉบมาตรงหน้านพคุณ น้อมคำนับให้ นพคุณลุกขึ้นยืนแล้วยิ้มอย่างดีใจ เด็กน้อยมองฟากฟ้าอีกครั้ง ขอบพระทัยเหลือเกินพระเจ้าข้า นพคุณกล่าวก่อนขึ้นไปประทับเหนือร่างเจ้าเหยี่ยวรุ้งตัวนั้นเจ้าเหยี่ยวรุ้ง เจ้าพาเราไปหาเสด็จแม่วิหงค์จันทร์ได้ใช่ไหม นพคุณกล่าว

                    ที่อสุรเวหานคร หน้าเมือง องค์รติวุฒิเตรียมทัพใหญ่ไปช่วยรบที่ครุฑฑานคร กำลังจะออกเดินทางแล้ว พระธิดาน้อยทั้งสองคือ รดามณี และ วชิรารัตน์มาส่งพระบิดา เสด็จพ่อ ลูกรู้สึกไม่สบายใจเลย ระวังพระองค์ให้มากๆนะเพคะ รดามณีพูด เสด็จพ่อไม่ต้องไปไม่ได้เหรอเพคะ วชิรารัตน์พูด ไม่ได้หรอกวชิรารัตน์ ชีวิตของมรกตทั้งคน ลูกใคร ใครก็รัก แล้วถ้าคนที่ถูกจับตัวไปเป็นเจ้าหละลูก นะ วชิรารัตน์มรกตเองก็เป็นพี่สาวของพวกเจ้า พวกเจ้าทั้งเก้า คือราชนิกูลแห่งมณีนพรัตนา ต้องพึ่งพาอาศัยกัน จะขาดไปคนใดคนหนึ่งก็หาได้ไม่ องค์รติวุฒิรับสั่ง เสด็จพ่อรับสั่งราวกับว่า... วันข้างหน้า จะมีเรื่องอะไรสักอย่างเกิดขึ้น เกี่ยวกับสิ่งที่ลูกเจอในวันงานสมโภชใช่ไหมเพคะเสด็จพ่อ วชิรารัตน์พูด สักวันหนึ่งเจ้าก็จะรู้ รติวุฒิพูดแล้วลุกขึ้นเตรียมที่จะเดินทาง เสด็จพ่อเพคะ รดามณีเรียก รติวุฒิหันกลับมาโอบกอดพระธิดาน้อยๆทั้งสองพระองค์ จำได้ไหม รดามณี วชิรารัตน์ เป็นลูกกษัตริย์ ต้องเข้มแข็ง นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่พ่อจะต้องจากเจ้าไปสมรภูมิ แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นครั้งสุดท้าย พ่อว่าลูกๆคงเข้าใจพ่อ ถ้าอยู่ที่อสุรเวหานครแล้วเหงา ก็ไปอยู่กับแม่เค้าก็ได้ องค์รติวุฒิรับสั่ง วชิรารัตน์ก้มหน้าน้ำตาไหล รติวุฒิวางมือลงบนศีรษะพระธิดาพระองค์สุดท้อง คนเก่งของพ่อ ทรงยิ้มให้กับพระธิดาอย่างอ่อนโยน เกิดมาเสด็จพ่อพึ่งจะจากลูกไปอันตรายๆเป็นครั้งแรก ลูกเป็นห่วง วชิรารัตน์สะอึกสะอื้น เดี๋ยวพ่อก็กลับมา พ่อต้องไปแล้ว รดามณี ดูแลน้องด้วยนะลูก รติวุฒิพูด เพคะเสด็จพ่อ รดามณีรับคำ วชิรารัตน์ อย่าดื้อนะลูก รติวุฒิสั่ง เพคะ วชิรารัตน์ตอบ องค์รติวุฒิยืนขึ้น เคลื่อนทัพได้ รติวุฒิประกาศแก่ขุนทหารอสุราและเคลื่อนทัพออกไป

                    ส่วนวิหงค์จันทร์ร้องไห้จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด ฝนฟ้าก็กระหน่ำสาดซัดลงมา วิหงค์จันทร์โอบตนเองไว้ หนาวไปทั้งร่างแล้ว เสียงนกเหยี่ยวแว่วมาแต่ไกล นางรีบหันมองในพลัน ไกลลิบกลางสายฝนนั่น เหยี่ยวรุ้งนั้นกำลังบินมา เบื้องหลังเหยี่ยวนั้นมีร่างหนึ่ง แต่ก็ยังดูไม่ออกว่าเป็นใคร กระทั่งเหยี่ยวนั้นบินเข้าใกล้มา ร่างกลางหลังเจ้าเหยี่ยวรุ้งคือพระโอรสน้อยนามนพคุณ วิหงค์จันทร์ยิ้มทั้งน้ำตา นพคุณ... นพคุณลูกแม่ วิหงค์จันทร์เรียกด้วยความดีใจ ขอบพระทัย ขอบพระทัยนักเพคะ ที่คืนนพคุณ คืนความหวังแก่หม่อมฉัน วิหงค์จันทร์จ้องมองฟากฟ้า นพคุณกระโดดลงจากร่างเหยี่ยวรุ้งนั้นแล้วโผเข้าสู่อ้อมกอดของพระมารดาบุญธรรม วิหงค์จันทร์กอดลูกไว้แน่น นพคุณ แม่ดีใจเหลือเกิน แม่บอกอะไรไม่ถูกแล้วหละลูก แม่คิดว่าแม่สิ้นหวัง คิดว่าแม่สิ้นทุกสิ่ง สิ้นทุกอย่างแล้ว แม่โชคดีเหลือเกิน แม่ยังมีลูกอยู่ เรายังได้พบกัน โถ่นพคุณของแม่ อยู่ในเวียงทิฆัมพร ทรมานนักไหมลูก วิหงค์จันทร์ถาม ก็เจ็บปวดขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุเป็นคราวๆพระเจ้าข้าเสด็จแม่ แต่เสด็จสิ ทรงรับสั่งอะไรไม่ได้เลย นพคุณพูด ไม่เป็นไรหรอกลูก ต่อให้แม่ต้องทนแค่ไหน แม่ก็ไม่กลัว ขอแค่ได้อยู่ใกล้ๆไอศิกา แม่ไม่ขออะไรแล้ว แต่ทำไมต้องให้นพคุณของแม่มาทรมานด้วย นพคุณไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้แท้ๆ วิหงค์จันทร์พูด แต่ลูกรู้สึกว่าลูกเกี่ยว แล้วเราก็ต้องกลับเข้าไปที่นั่น ถึงน้องไอศิกาจะไม่ค่อยชอบลูก แต่ลูกรู้สึกว่าน้องมีคนปองร้าย เราต้องกลับไป ลูกต้องกลับไปปกป้องน้อง นพคุณพูด โถ่ พ่อทองเนื้อเก้าแม่ ถ้าแม่ต้องเสียเจ้าไป แม่จะอยู่ได้เช่นไร วิหงค์จันทร์สะอึกสะอื้นเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ แล้วโอบกอดนพคุณไว้แน่น ลูกรักของแม่ นางเอ่ยขึ้นกับเด็กน้อย

                    ที่ครุฑฑานคร ในพระตำหนักที่พระธิดามรกตถูกกักขังไว้ มรกตชะเง้อคอดูที่หน้าต่าง เสด็จพ่อต้องยกทัพมาช่วยเราแล้วแน่ๆเลย มรกตท่าทางดีใจ อย่าหวังว่าพ่อเจ้าจะชนะ ปักษยุเดินเข้ามา เจ้ามาอีกแล้ว... มรกตพูด ไปกับเรา ปักษยุว่า ไม่... เราจะรอเสด็จพ่อของเราที่นี่ ไม่ไปที่ไหนทั้งนั้น มรกตพูด เจ้าอย่าคิดนะว่าเจ้าจะสู้เราได้ ปักษยุพูดพลางแปลงร่างเป็นครุฑโฉบเอาร่างมรกตไป

                    การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด ครุฑต้องรบกับฝ่ายยักษ์ และ ฝ่ายนาคราช ต่างก็ผลัดกันรุก ผลัดกันรับ วายุภักษ์ มัศวุฒิ และ รติวุฒิต่างคุมทัพมองดูเหตุการณ์อย่างกังวลว่าจะไม่มีการแพ้ การชนะกันง่ายๆ เพลานี้ทหารของทั้งสามฝ่ายต่างก็ร่อยหรอลดน้อยลงทุกทีจนจอมทัพของทั้งสามฝ่ายแทบจะนั่งไม่ติดอยู่แล้ว ทั้งสามจึงต้องลงมารบเองให้เห็นผลเร็วยิ่งขึ้น แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นผล การรบยังยืดเยื้อต่อไปไม่มีใครเอาชนะใครได้ทั้งนั้นจนสามกษัตริย์ต้องอ่อนแรงลงทั้งสามพระองค์

                    ค่ำลงการศึกมิอาจยุติลงง่ายๆต่างฝ่ายต่างก็บาดเจ็บสาหัส โดยเฉพาะท้าวนาคราชมัศวุฒิที่ล้มลุกคลุกคลานครั้งแล้วครั้งเล่าโดยมีองค์รติวุฒิช่วยเข้าประคอเสมอๆ ท่าทางเอารติวุฒิก็เจ็บหนักไม่เบาเหมือนกัน พญาครุฑก็หาได้มีชัยไม่ องค์วายุภักษ์ก็ทรงได้รับบาทเจ็บไม่น้อยไปกว่าทั้งสองพระองค์ การศึกไม่มีใครยอมใคร แต่ก็ควรจะยุติลงได้แล้ว วายุภักษ์ เราว่าหยุดเถิด เราและท้าวมัศวุฒิหาได้มีความคิดจะรุกรานใครไม่ เพียงแต่จะมาตามพระราชธิดามรกตคืนสู่นครบาดาลเท่านั้น รติวุฒิพูด ไม่ใช่เรื่องของท่านนี่นา ท่านพญายักษา เรื่องของพระธิดามรกตนั่น เป็นเรื่องขององค์มัศวุฒิเจ้าบาดาลต่างหาก ที่จริง เจ้าไม่ควรจะเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย วายุภักษ์รับสั่ง มรกตเป็นหลานของเรา เราก็ต้องมาช่วยเหลือ รติวุฒิพูด เอาเถิด หากว่ารนหาที่ก็สุดแต่ใจเจ้าเถิด วายุภักษ์พูด ยังไม่ทันที่จะเปิดศึกกันต่อ ก็มีแสงสีเขียวกระจ่างวาบมา กษัตริย์ทั้งสามพระองค์ต่างแลมองได้ไม่เต็มพระเนตร แสงสีเขียววาววาบนั้นกลายมาเป็นร่างขององค์พระอินทร์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสรวงสวรรค์แลทั้งสามโลก ทุกคนในที่นั้นต่างคุกเข่าน้อมถวายบังคมแด่พระองค์ท่าน การศึก มีแต่จะทำให้สูญเสีย เสียทั้งเลือดเนื้อ เสียทั้งไพร่พล เสียความความรู้สึก และยังอีกหลายสิ่งหลายอย่าง เราเห็นว่า ควรยุติเสียที องค์อินทร์รับสั่ง มัศวุฒิท่าทางจะไม่ไหวแล้วทรงกระอักออกมาเป็นพระโลหิตสีเขียว พระเชษฐาพระเจ้าข้า รติวุฒิเอ่ยเรียกอย่างตกใจ นั่นอีกหละ สิ่งที่จะสูญเสีย อาจถึงชีวิตเลยก็เป็นได้ องค์อินทร์ทรงรับสั่งด้วยน้ำเสียงที่หน้าเกรงขามนักหนา อย่าให้เราเห็นว่าพวกเจ้ายังรบกันต่อเลย มิเช่นนั้น เราจะให้พวกเจ้ารบกันตลอดไป ไม่มีวันแพ้ ไม่มีวันชนะกัน และไม่มีวันตายด้วย องค์อินทร์รับสั่ง แต่... องค์วายุภักษ์จับตัวพระธิดาน้อยนามว่ามรกต บุตรีแห่งองค์มัศวุฒิเจ้าบาดาลมาที่นี่ รติวุฒิรับสั่ง เราจะคืนให้ก็ได้ แต่อำนาจของเรา จะต้องปกแผ่ไปถึงแดนบาดาล ภายใต้คุ้งน้ำที่องค์มัศวุฒิปกครองอยู่ องค์วายุภักษ์รับสั่ง องค์มัศวุฒิแทบจะสิ้นใจพยายามที่จะลุกขึ้นมาด้วยความเจ็บใจ แต่ก็ไม่ไหว ระวังพระเจ้าข้า รติวุฒิพูด ยอมเถิด มัศวุฒิ แพ้วันนี้ ใช่ว่าจักแพ้ไปตลอดกาล องค์อินทร์รับสั่งแล้วหายตัวไป ว่าอย่างไร องค์มัศวุฒิกษัตริย์แห่งบาดาล วายุภักษ์เดินเข้ามาถามใกล้ นครบาดาลมีศักดิ์ศรี นาคราชมีศักดิ์ศรี หาได้ยอมอยู่ภายใต้อำนาจของครุฑไม่ มัศวุฒิรับสั่งแล้วกระอักเลือดออกมาอีก แล้วลูกของเจ้าหละ มรกต... เจ้าไม่ห่วงหรอกรึ วายุภักษ์รับสั่ง มัศวุฒิยิ่งไม่พอพระทัยใหญ่เร่งรุดพรวดลุกขึ้นมาแต่ก็ต้องทรุดลงหายใจแรงขึ้นเรื่อยๆ เราไม่ยอม ไม่มีทางยอม องค์เหนือหัวมัศวุฒิรับสั่งด้วยความเจ็บแค้น สุดแต่ใจเจ้านะ เจ้าคงไม่ไหวแล้วหละมัศวุฒิ เมื่อบาดาลนครเว้นว่างกษัตริย์ เมื่อนั้น... วายุภักษ์ยิ้มอย่างมีเลศนัยน์แล้วเดินไป องค์รติวุฒิประคองร่างองค์มัศวุฒิขึ้นมา ข้าจะพาพระเชษฐากลับเมืองบาดาลก่อน รติวุฒิพูด ไม่... ไม่ต้อง รติวุฒิ พี่คงไม่รอดแล้วหละ... พี่ฝากลูก ฝากนพมาศ หากแม้นบาดาลนครต้องตกอยู่ภายในพระราชอำนาจแห่งพญาครุฑจริงๆหละก็ บอกมรกตว่า ให้ดูแลแม่ ดูแลน้อง เอาบาดาลนครกลับมาเป็นของเราให้ได้... องค์พญานาคราชมัศวุฒิเอ่ยขึ้นเป็นประโยคสุดท้าย พระเจ้าข้า องค์รติวุฒิรับปากก่อนที่องค์มัศวุฒิจะสิ้นสติไปแล้วสิ้นใจตาม

                    ใต้บาดาลนั้น พระมเหสีแห่งบาดาลนคร นพมาศนั่นเอง ทรงนิทราอยู่เหนือแท่นแล้วก็เกิดสะดุ้งรู้สึกพระองค์ขึ้นกลางราตรี พระเสโทเปียกมือ เจ้าพี่มัศวุฒิ... นพมาศพูดด้วยน้ำเสียงกังวล ก่อนที่จะลุกออกไปจากห้องบรรทม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×