คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #24 : ในความสงบศึกใช่ว่าจะมีแต่ความสุข
ในตำหนักหนึ่ง อาทิตยกรยังนอนบาดเจ็บอยู่ เจ็บครั้งนี้ท่าทางจะไม่หายง่ายๆ มาลีรินทร์เดินเข้ามากับพระธิดาทั้งสองของนาง “หนักขนาดนี้เลยเหรอลูก” มาลีรินทร์พูด “ถ้าน้อยกว่านี้ มันก็หนีไปได้สิเพคะเสด็จแม่” ประกายเพลิงพูด “ลูกว่าคงไม่ถึงตาย แต่ก็หนักอยู่พอตัวนะเพคะ” ธารารักษ์พูด
เช้าวันหนึ่งในตำหนักของพระมเหสีมาลีรินทร์ วรยุภัทรยกมือไหว้ “อ่าว วรยุภัทร มาแล้วเหรอลูก มานั่งกับแม่สิ” มาลีรินทร์พูด “แม่...” วรยุภัทรพูดอย่างแปลกใจ “มานั่งเถอะลูก” มาลีรินทร์ดึงมือพระธิดากินรีมา วรยุภัทรนั่งลงข้างๆมาลีรินทร์ คุณท้าวมิ่งขวัญนั่งมองและก็ยิ้ม “มีอะไรเหรอเพคะ” วรยุภัทรพูด “แม่อยากจะได้วรยุภัทร มาเป็นลูกสะใภ้” มาลีรินทร์พูด “เสด็จน้า...” วรยุภัทรถึงกับตกใจ นิ่งไป “แม่หนะดูออกนะ วาตการณ์ลูกแม่ ปรารถนาอะไรทำไมแม่จะไม่รู้ เจ้าก็เหมือนกัน หากแต่มีใจอยู่นิดหน่อย แม่ก็ขอเถอะวรยุภัทร ไม่มีใครคู่ควรไปกว่านี้แล้ว เจ้าเป็นถึงราชธิดา ก็ไม่ได้ต่างบรรดาศักดิ์อะไร” มาลีรินทร์พูด “แต่ถ้าหม่อมฉันยังไม่พร้อมหละเพคะ” วรยุภัทรพูด “วรยุภัทร แต่งงานกับเราเถอะ” วาตการณ์เดินเข้ามา วรยุภัทรยิ่งนิ่งยิ่งแปลกใจเข้าไปอีก “เจ้าคนเดียวที่เรารัก มีแค่เจ้าคนเดียวเท่านั้น” วาตการณ์พูด “คือ... เราขอตัดสินใจก่อน” วรยุภัทรพูดและยกมือไหว้มเหสีมาลีรินทร์ก่อนจะเดินออกไป
ในตำหนักพระธิดาประกายเพลิง พระธิดาธารารักษ์เดินเข้ามา “ประกายเพลิง เสด็จแม่จะให้เราแต่งงาน” ธารารักษ์พูดเสียงค่อยๆ ประกายเพลิงนั่งอยู่บนแท่นนั่ง ทำเป็นเหม่อมองไป “อืม” ประกายเพลิงพูด “กับชลากร” ธารารักษ์ตอบช้าๆเบาๆ “ก็ดีแล้วหนิ มาบอกเราทำไม” ประกายเพลิงพูดแววตาเรียบเฉยแต่น้ำตาคลอ “แต่เราปฏิเสธไปแล้ว แล้วให้เจ้าแต่งแทน” ธารารักษ์พูด “อะไรนะ” ประกายเพลิงหันมาหาธารารักษ์ทันที ธารารักษ์ผงกหัวช้าๆ “เราไม่แต่ง เจ้าคิดว่าเราต้องการเค้าขนาดนั้นเชียวเหรอ เราไม่แต่ง ยังไงก็ไม่” ประกายเพลิงพูด “ใจเย็นๆก่อนสิประกายเพลิง” ธารารักษ์พูด “แล้วชลากรรู้เรื่องนี้รึยัง” ประกายเพลิงพูด “รู้พร้อมกับเราเมื่อเช้า” ธารารักษ์พูด “แล้วเค้าว่าไง” ประกายเพลิงพูด “ชลากรก็ไม่ขัดข้อง แต่งๆไปเถอะนะประกายเพลิง เจ้ารักเค้า ใครที่เจ้ารัก เราก็ควรจะหลีกทาง” ธารารักษ์พูด “พูดง่ายๆ เสียสละเหรอ... เราไม่ซึ้งด้วยหรอกนะ แต่ว่าตอนนี้ชลากรอยู่ไหน” ประกายเพลิงพูด “เมืองบาดาล” ธารารักษ์พูด
ที่เมืองบาดาล ประกายเพลิงยกมือไหว้องค์นาคราชา “นอบน้อมเหลือเกิน ชลากรอยู่ที่ตำหนัก พ่อจะให้คนไปเรียก” นาคราชาพูด “หม่อมฉันไปเองได้ไหมเพคะ” ประกายเพลิงพูด “ท่าทางเจ้ารุ่มร้อน ก็ได้คงเป็นเรื่องสำคัญสินะลูก” นาคราชาพูด “เพคะ สำคัญมาก” ประกายเพลิงพูด
ในตำหนักของชลากร ชลากรยืนเหม่อมองงคิดๆอะไรอยู่นั้น ประกายเพลิงเข้ามาข้างหลังดึงเสื้อชลากรทันที “ชลากร” ประกายเพลิงพูด “เจ้ามาที่นี่ทำไม” ชลากรพูด “ทำไมเจ้าไม่คัดค้าน เรื่องแต่งงาน” ประกายเพลิงพูด “ไม่มีอะไรที่เราต้องคัดค้าน เรารู้แต่ว่าเราไม่ควรปฏิเสธ” ชลากรพูด ประกายเพลิงกำลูกไฟไว้ในมือ “เจ้านี่มัน...” ประกายเพลิงพูด ชลากรนิ่งอยู่ ประกายเพลิงลดมือลง “ไม่กลัวบ้างรึไง” ประกายเพลิงพูด “จะกลัวไปทำไม อีกหน่อยเราก็ต้องเจอแบบนี้ประจำ” ชลากรพูด “เจ้าไม่คิดจะเปลี่ยนใจจริงๆเหรอ” ประกายเพลิงพูด “ไม่...” ชลากรพูด “ถ้าคิดว่ามันเป็นทางเดียวที่ปกป้องธารารักษ์ได้ เจ้าคิดผิด เพราะเราไม่คิดจะทำอะไรนางหรอก... เปลี่ยนใจเถอะชลากร เราไม่อยากแต่งงานกับเจ้าทั้งที่เจ้าไม่รักเรา” ประกายเพลิงพูด “เรารักเจ้า” ชลากรพูดแบบนิ่งๆ “เจ้าโกหก” ประกายเพลิงพูดแต่น้ำตาคลอเสียงยังกร้าวไม่สั่นไหว ก่อนจะกลับวนาบุรี
ที่วนาบุรี ยามนั้นเป็นยามค่ำคืน ธิดาราชกินรียืนมองดวงจันทราอยู่ที่หน้าต่าง พยายามตามหาคำตอบในใจ เรื่องที่วาตการณ์ขอแต่งงาน ภาพเก่าๆตั้งแต่ยังเด็ก ตั้งแต่พบครั้งแรก และทุกครั้งที่พบเจอแทรกเข้ามาในใจ จนพระธิดากินรีผู้ไร้ซึ่งความสุขต้องยิ้มออก “เราไม่ได้เห็นรอยยิ้มของเจ้าเลย ตราบจนวันนี้ เราดีใจเหลือเกิน” เสียงของพระโอรสที่เฝ้ามองกินรีนางนั้นอยู่ข้างนอกพูดขึ้น “เจ้ามาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” วรยุภัทรพูด “สักพักแล้ว เจ้าออกมาคุยกับเราสิ” วาตการณ์พูด “คือ... เรา...” วรยุภัทรพูด “งั้นเราจะเข้าไปคุยกับเจ้าข้างในนะ” วาตการณ์พูดและกระโดดขึ้นมาทางหน้าต่าง วรยุภัทรถอยออก วาตการณ์เข้ามาในห้องนั้น “ออกไปก็ได้... เจ้าออกไปก่อน” วรยุภัทรพูด “แต่เราเข้ามาแล้ว เราไม่อยากออกไป” วาตการณ์พูด “จะเอายังไงกันแน่เนี่ย” วรยุภัทรพูด “เราจะยอมออกไปจากห้องนี้ แต่เจ้าต้องตอบคำถามเราก่อนสามข้อ” วาตการณ์พูด “คำถามอะไร” วรยุภัทรพูด “เจ้าจะตอบได้ไหมหละ” วาตการณ์พูด วรยุภัทรนิ่งคิด “ไม่งั้นเราจะ...” วาตการณ์พูดและจะเข้าไปใกล้วรยุภัทร วรยุภัทรรีบถอย “ได้ๆๆ ถามมาสิ” วรยุภัทรพูด “คำถามแรก อะไรทำให้เจ้ายิ้มเมื่อกี้” วาตการณ์พูด “คือ...” วรยุภัทรพูด “ตอบความจริงนะ ถ้าเจ้าโกหกเรา...” วาตการณ์พูด “เรานึกถึงอะไรบางอย่าง” วรยุภัทรพูด “เรื่องอะไรหละ” วาตการณ์พูด “ใครบางคน” วรยุภัทรพูด “ใครหละ” วาตการณ์พูด “เสด็จพ่อ เสด็จแม่” วรยุภัทรตอบแบบตัดปัญหา วาตการณ์เข้ามาจับตัววรยุภัทร “เจ้าโกหก” วาตการณ์พูดและวรยุภัทรก็ไม่กล้าสบตาแข็งกร้าวของวาตการณ์ในเวลานั้น “ก็เจ้านั่นแหละที่ทำให้เรายิ้ม” วรยุภัทรพูด วาตการณ์หยุด ปล่อยมือและยิ้มๆ “คำถามที่สอง... เจ้าจะแต่งงานกับเราไหม คำถามนี้ถ้าเจ้าตอบไม่ถูกใจเรา เจ้าก็คงรู้นะว่าเราจะทำอะไร” วาตการณ์พูด “นึกว่ากลัวเหรอ” วรยุภัทรพูด “กลัวไม่กลัวเราก็เห็นเจ้าตัวชาไปหมด แล้วยังจะมาบอกว่าไม่กลัวอีกรึไง” วาตการณ์พูด “เราไม่แต่งงานกับเจ้า” วรยุภัทรพูด วาตการณ์จับตัววรยุภัทรอีกครั้ง “เจ้าจะแต่งไม่แต่ง” เสียงแข็งๆตวาดลั่น “โอ๊ย... แต่ง เราจะแต่งงานกับเจ้า” วรยุภัทรพูดไม่ค่อยจะเต็มเสียง วาตการณ์หัวเราะเบาๆ “คำถามสุดท้าย เจ้ารักเราไหม” วาตการณ์พูด “จะบ้าเหรอ ถามแบบนี้แล้วเราจะตอบยังไง” วรยุภัทรพูด “ก็ตอบตามความจริงสิ” วาตการณ์พูด “พูดง่าย ก็เจ้ามีแต่ได้กับได้ เจ้าก็รู้ว่าเราคิดยังไงกับเจ้า แล้วจะมาถามอีกทำไม” วรยุภัทรพูด “ก็เพื่อความแน่ใจ ตอบมาคำเดียว” วาตการณ์พูด นิ่งไปชั่วครู่ “อืม” วรยุภัทรพูด “เราต้องการคำว่ารัก หรือ ไม่รักมากกว่า” วาตการณ์พูด วรยุภัทรถอนหายใจประมาณว่าอะไรกันนักหนา และตอบสียงค่อย “รัก” วรยุภัทรพูด วาตการณ์ปล่อยมือและถอยออกจากตัววรยุภัทร ยิ้มนิดๆ “ก็แค่นี้แหละ” วาตการณ์และเดินออกไป วรยุภัทรถอนหายใจอย่างโล่งอก
วาตการณ์ โอรสผู้แข็งกร้าว เลือดร้อน และรุนแรงยิ้มๆเดินออกมาจากตำหนักธิดากินรี สามคำตอบทำให้ราชโอรสพอใจมากแต่ราชธิดาที่หม่นหมองใจเหลือเกินยืนหน้าเศร้าอยู่ใกล้ๆตำหนักนั้น “ประกายเพลิง เจ้ามาทำอะไรตรงนี้” วาตการณ์เปลี่ยนสีหน้าทันทีเพราะรู้ว่าประกายเพลิงไม่สบายใจ “เรามาคิด...” ประกายเพลิงพยายามตอบให้สั้นๆ “เรื่องชลากรใช่ไหม” วาตการณ์พูดอย่างรู้ใจ “ใช่ เราไม่เข้าใจว่าทำไมชลากรถึงไม่ปฏิเสธ ในเมื่อ... ทั้งกำไล ทั้งใจเค้าอยู่ที่ธารารักษ์ ทำไมสองคนนั้นไม่แต่งงานกันตามที่เสด็จทรงเล็งเห็นเอาไว้ เสียสละไม่เข้าเรื่อง” ประกายเพลิงพูด “แล้วเจ้าไปคุยกับชลากรมาว่ายังไงบ้างหละ” วาตการณ์พูด “มันโกหก... ชลากรโกหกว่ารักเรา” ประกายเพลิงพูด “เลวที่สุด... เราไปฆ่ามันเลยได้ไหม” วาตการณ์พูด “เราก็อยากฆ่า... แต่อยากฆ่าตัวตายมากกว่า ทำไม... พวกมันสองคนจะทำร้ายจิตใจเราไปถึงไหน” ประกายเพลิงพูดด้วยสีหน้าแววตาเคืองแค้น “ประกายเพลิง เราเห็นใจเจ้า... แต่ว่าก็สิ้นไร้หนทาง ในเมื่อเค้ายืนยัน เจ้าก็แต่งๆไปเถอะ” วาตการณ์พูด “แต่งไม่ได้...” ประกายเพลิงเสียงสั่นน้ำตาคลอ “ทำไมมีแต่คนพูดอะไรง่ายๆแบบนี้ มันเป็นเรื่องใหญ่นะ” ประกายเพลิงพูดน้ำเสียงสั่นสะท้าน วาตการณ์หันมองพี่น้องอย่างเห็นใจ
ในตำหนักของพสุธาวาท เกศสิรินทร์รัตน์เดินเข้ามาและนั่งลงกับพื้น “พระโอรสมีอะไรถึงเรียกหม่อมฉันมา” เกสสิรินทร์รัตน์พูด “ทำไมต้องเรียกอย่างนี้ และเจ้าจะลุกขึ้นยืนคุยกับเราไม่ได้รึไง” พสุธาวาทพูด เกศสิรินทร์รัตน์ค่อยๆลุกขึ้นยืน “เจ้า... รู้อดีตแล้วใช่ไหม” เกสสิรินทร์รัตน์พูด พสุธาวาทผงกหัว “เกศสิรินทร์รัตน์ เราจะทำอย่างไรดี เรื่ององค์สุริยะเทพ... พ่อของเจ้า” พสุธาวาทพูด “เจ้ายังคิดกับเรา เหมือนกับทุกชาติทุกภพที่ผ่านมารึปล่าว ถ้าเจ้าระลึกได้ และยังเหมือนเดิม... เราทั้งสองจะช่วยกันทูลให้เสด็จพ่อเข้าพระทัย” เกสสิรินทร์รัตน์พูด พสุธาวาทผงกหัวอีกครั้ง “สุริยะเทพ จะต้องพ่ายแพ้ความรักของเราใช่ไหม” พสุธาวาทพูด “คงงั้นมั้ง” เกศสิรินทร์รัตน์พูด
ที่ลึกลงไปใต้สุดขุมนรก ดินแดนแห่งภูติทั้ง ดินแดนแห่งปีศาจ ราชาปีศาจนามนรกานต์นั่งสมาธิอยู่ก็มีผีดิบเดินทำน่านิ่งเข้ามา “มีอะไร” นรกานต์พูด “ป่าแสงตะวัน ถูกพวกจตุรธาตุโจมตี... ตอนนี้ไม่มีใครเหลือเลยท่าน” ผีดิบพูดสีหน้าของมันยังเรียบเฉย “จตุรธาตุงั้นเหรอ วาตการณ์ กับ ประกายเพลิง... พวกมันหักหลังสุริยะเทพ” นรกานต์พูด สุริยะเทพกระโดดลงมาด้วยอาการบาดเจ็บ “สุริยะเทพ” นรกานต์พูด “ไม่น่าเชื่อ พวกมันจะทำให้ท่านบาดเจ็บถึงเพียงนี้” นรกานต์พูด
ตัวอย่างตอนต่อไป
“ปล่อยเสด็จพ่อ เสด็จแม่และทุกคนเดี๋ยวนี้” พระโอรสและพระธิดาทั้งสี่พูดในความหมายเดียวกัน “พวกเจ้าคิดว่ามันจะง่ายอย่างนั้นนาเหรอ พวกเจ้าต้องเอาอะไรมาแลกหน่อยสิ” นรกานต์พูด “จตุรธาตุ จตุรศัสตรานาเหรอ” วาตการณ์พูด
ชีวิตของเสด็จพ่อเสด็จแม่สำคัญที่สุด ชีวิตของชาววนาบุรีก็เหมือนกัน ชีวิตเรานี้เราทั้งสี่ต้องพิทักษ์รักษา ปกป้อง” พสุธาวาทพูด
“ตกลง” ทั้งสี่พูดพร้อมกัน
ความคิดเห็น