คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : ชาติเก่า...ภพก่อน
ที่วนาบุรี เมื่อพระโอรส และ พระธิดาทั้งสี่ กลับจากป่าแสงตะวันต่างเข้าเฝ้าพระมารดา องค์วนาวุฒิกษัตริย์ก็อยู่ด้วย “เสด็จแม่” ธารารักษ์พูด “ธารารักษ์... ลูกรักของแม่...” มาลีรินทร์กอดลูกสาวไว้อย่างอบอุ่น วนาวุฒิลูบศีรษะลูกๆ มาลีรินทร์น้ำตาไหล ทำเอาประกายเพลิงน้ำตาคลอไปด้วย “เสด็จแม่อย่ากันแสงสิเพคะ ลูกจะร้องไห้ด้วย” ประกายเพลิงพูด “โถ่ ประกายเพลิง” มาลีรินทร์กอดประกายเพลิงอีกคน “ดีแล้วหละลูกที่ไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ แต่เรากลับเสียคนดีๆไป” วนาวุฒิพูด “เกศสิรินทร์รัตน์เป็นคนดี ดีมากๆเพคะ” ธารารักษ์พูด “เกศสิรินทร์รัตน์ช่างเสียสละเหลือเกิน” มาลีรินทร์พูด
ค่ำมืดแล้ว พสุธาวาทยังไม่หลับไม่นอน แต่กลับมายืนอยู่ที่ระเบียง เหม่อมองออกไปไกลลิบตา ในใจลึกลงไปนั้นจะมีอะไรซ่อนเร้นไว้ แววตาครุ่นคิดสงสัย “เกสสิรินทร์รัตน์ ตอนนี้เจ้าจะเป็นยังไงบ้าง” พสุธาวาทพึมพำเบาๆ “จริงสินะ ตอนนี้เกศสิรินทร์รัตน์จะเป็นยังไงบ้าง” เสียงๆหนึ่งดังเข้ามาจากด้านหลัง เมื่อหันไปมองแล้ว “ประกายเพลิง” พสุธาวาทเรียกชื่อพี่น้องที่เข้ามา ประกายเพลิงถอนหายใจ “สมน้ำหน้า ตอนนางอยู่ไม่รู้จักใส่ใจ พอตอนนี้ จะส่งใจไปให้ก็ไม่มีทางถึงหรอก” ประกายเพลิงพูด “พูดอะไรของเจ้า” พสุธาวาทพูด “คิดถึงนางก็บอกมาเถอะ ไม่มีประโยชน์ที่จะปิดเรา เพราะเรารู้นะ” ประกายเพลิงพูด “เราไม่น่าแสดงอาการมากเกินไป เจ้าถึงได้ดูออก” พสุธาวาทพูด “ก็เจ้านึกถึงนาง ถ้าไม่เรียกว่า...” ประกายเพลิงกำลังจะพูด พสุธาวาทก็รีบตัดบทเสียก่อน “พอเถอะ ดึกแล้วเจ้าไปนอนได้แล้วหละ” พสุธาวาทพูด “ข่มตาหลับลงซะที่ไหน” ประกายเพลิงพูด “นั่นไง เจ้าก็เป็นเหมือนเรา กังวลรึไง กำไลนั่นอยู่กับตัวเจ้าหนะ อย่าห่วงเลยใจเค้าไม่ไปที่ไหนหรอก” พสุธาวาทพูด “เจ้าแน่ใจเหรอ เรากลับไม่มั่นใจเลย ที่อยู่กับเราเห็นจะมีแต่กำไล ส่วนใจของเค้า ไม่ได้อยู่ที่เราหรอก” ประกายเพลิงหลุดปากพูดอะไรบางอย่างออกไป พสุธาวาทยิ้มๆและเดินเข้าไป ประกายเพลิงเริ่มรู้สึกตัวโกรธนิดหน่อยที่พสุธาวาทรู้ทัน “พสุธาวาท กลับมานะ... รู้ได้ยังไง” ประกายเพลิงตะโกนตามไป
อีกมุมก็เงียบเงาเหมือนกัน พระโอรสวาตการณ์ยืนอยู่ริมหน้าต่าง ในมือถือขนนกอยู่ งามเหลือเกิน สีขาวสะอาดจริง วาตการณ์มองคนนกนั่นก็นึกถึงตอนที่เดินทางกลับจากป่าแสงตะวัน วาตการณ์พยายามฉุดดึงวรยุภัทรให้อยู่บนจักรด้วย แต่วรยุภัทรสะบัดมือออก “เราบินเองได้ บอกแล้วไง” วรยุภัทรพูด วรยุภัทรบินล่วงหน้าไปแล้วเหลือก็แต่เพียงขนกินรีทิ้งไว้ในมือ ภาพนั้นค่อยๆจางหายไป วาตการณ์มองดูขนกินรีด้วยสายตาแปลกๆ และก็แอบยิ้มออกนิดๆ
รุ่งเช้า ที่ศาลาริมน้ำ ทั้งสี่พี่น้องถกเถียงอะไรบางอย่างกันอยู่น้าผีก็อยู่ด้วย “พวกเจ้าไม่อยากรู้รึไงหละ เรื่องอดีตชาติหนะ” พสุธาวาทพูด “เราอยากรู้ เราจะนั่งสมาธิด้วยคน คาใจมาหลายเรื่องแล้ว” ประกายเพลิงพูด “ถ้าพวกเจ้าตกลงอย่างนั้น ก็ได้” ธารารักษ์พูด “แล้วพระโอรสวาตการณ์หละพระเจ้าข้า” น้าผีพูด “ว่ายังไงก็ว่าตามกันสิ” วาตการณ์พูด
ทั้งสี่ตกลงนั่งสมาธิด้วยกันโดยมีน้าผีคอยดูให้ ทุกอย่างดูนิ่งไปหมด พระโอรส และพระธิดาทั้งสี่ยังมองไม่เห็นอะไรทั้งนั้นแต่พสุธาวาท กับ ประกายเพลิงกำลังพยายามมองหาอดีตภพ
“พวกมันกำลังตามหาอดีตพระเจ้าข้า” อาทิตยกรคุยกับพระบิดา “พ่อก็จะให้มันได้พบกับอดีตที่มันตามหา” สุริยะเทพพูดและกำลังจะเสกคาถาอะไรบางอย่างก็มีเทพบริวารเข้ามาขัด “เจ้าเข้ามาทำไมตอนนี้” อาทิตยกรพูดด้วยน้ำเสียงเหี้ยมๆน่าเกรงขามยิ่งกว่าพระบิดาหลายเท่า “คือ... ท่านนรกานต์มาพระเจ้าข้า” เทพบริวารพูด
สุริยะเทพ และ อาทิตยกรมาพบนรกานต์ “ว่ายังไงท่านนรกานต์” อาทิตยกรพูด “เรามีแผนการอะไรบางอย่าง” นรกานต์พูด “ว่ามาสิ” สุริยะเทพพูด “ความรัก... ความรักไงหละที่จะทำให้พวกนั้นแตกคอกันเอง แล้วก็ฆ่ากันเอง” นรกานต์พูด “จริงสิ เท่าที่เราสังเกต คนที่อาฆาตแค้นรุนแรงหน่อยก็เห็นจะมีวาตการณ์ กับ ประกายเพลิง” สุริยะเทพพูด “สองคนนี้แหละ ที่จะทลายจตุรธาตุ จตุรศัสตราจนแหลกสลาย สองคนนี้แหละที่จะปูทางให้ครองโลก แล้วให้เจ้าแก้แค้นไอ้ธรากรเทพ ปฐพีเทพ หรือ พสุธาวาท” นรกานต์พูด “หลอกใช้พวกมันเหรอ หากแยกจตุรธาตุเป็นสองพวก ก็จะไม่เป็นจตุรธาตุ พลังของพวกมันจะรบกันเอง เราก็แค่อยู่เฉยๆดูไป แล้วถ้าพวกมันทำสำเร็จก็ค่อยหักหลังมันอีกทีงั้นเหรอ” อาทิตยกรพูด “ถูกต้องแล้ว แค่หลอกให้พวกมันฆ่ากันเอง สุดท้ายมันอาจจะตายทั้งสองฝ่ายโดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลยก็ได้” นรกานต์พูด
ค่ำแล้วชั่วทิวาวันไม่ได้อะไรเลยแม้แต่น้อย พระโอรส และ พระธิดาทั้งสี่แม้จะพยายามแค่ไหนก็ไม่อาจรู้ได้ว่าอดีตชาติเป็นเช่นไร “ไม่ไหวแล้วหละ อดทนกันมาเป็นวันยังไม่เห็นมีอะไรเลย” ธารารักษ์พูด “ทำไมถึงมองอดีตไม่ได้นะ” ประกายเพลิงพูดอย่างขุ่นเคืองใจตนเอง “พระโอรส และ พระธิดากลับตำหนักกันก่อนเถอะ อีกเดี๋ยวก็จะมืดแล้วพักผ่อนเถอะพระเจ้าข้า พรุ่งนี้ค่อยลองใหม่ก็ได้
ค่ำคืนนั้น ทุกคนต่างหลับสนิทกันหมด จะมนุษย์บนผืนพิภพ หรือ นาคินทร์ในใต้บาดาลต่างไม่รู้สึกตัว ในห้วงแห่งการนิทรามีภาพบางภาพปรากฏให้เห็น เทพธิดาน้ำตาคลอยืนคุยกับ เทพบุตรผู้หนึ่ง เทพบุตรผู้นั้นจับมือเทพธิดาผู้นั้น กล่าวเหมือนลาจากกัน “สิรินทร์รัตน์เทวี เราสัญญา เราต้องกลับมาหาเจ้า เราไม่มีทางทิ้งเจ้าไป มันคือหน้าที่ที่เรารับจากองค์มหาเทพมาแล้ว เราต้องไปเป็นเทพจตุรธาตุ เราว่าเจ้าเข้าใจเรา” เทพบุตรผู้นั้นพูด “เราเข้าใจท่าน ธรากรเทพ เราจะรอท่าน อยู่กับเสด็จพ่อสุริยะเทพ ท่านมั่นใจเถอะ หากท่านคงมั่นในสัญญา เราก็จะรอท่าน” เทพธิดานามสิรินทร์รัตน์เทวีกล่าวถึงองค์สุริยะเทพ นางเรียกเทพองค์นั้นว่า ...เสด็จพ่อ...
เวลาคงผันผ่านเนิ่นนานพอสมควร ในป่าอุดม สิรินทร์รัตน์เทวีซึมเศร้าเหลือเกิน นางรอตามที่รับคำกับธรากรเทพ “นานแล้ว ท่านยังไม่กลับมาหาเรา หากท่านไม่มา เราจะตามท่านไปเอง” สิรินทร์รัตน์เทวีพูด “คิดจะทำอะไรหนะสิรินทร์รัตน์เทวี” สุริยะเทพพูด “เสด็จพ่อ ลูก... ลูกจะไปเกิดภพใหม่เพคะ ลูกทูลลา” เทพธิดาสิรินทร์รัตน์เทวีทูลพระบิดาเพียงเท่านั้นและตัดสิใจเรียกมีดสั้นออกมาก่อนจะปลิดชีพตนเอง “สิรินทร์รัตน์เทวีลูกพ่อ ทำไมต้องทำแบบนี้ เพราะไอ้ธรากรเทพ เพราะเจ้าเราจะตามผลาญเจ้าไปทุกชาติ” สุริยะเทพพูดและทรงกริ้วลุกขึ้นจากร่างของพระธิดาของตน และใช่พลังรัศมีแห่งสุริยะแผดเผาพื้นที่ป่าอุดมจนแห้งแล้ง “ต่อไปนี้เราจะเรียกป่านี้ว่าป่าแสงตะวัน จะอีกกี่ภพก็ขอให้สิรินทร์รัตน์เทวีมาเกิดในป่าแสงตะวันแห่งนี้” สุริยะเทพพูด...
พสุธาวาท ธารารักษ์ วาตการณ์ ประกายเพลิง วรยุภัทร ชลากรต่างฝันในเรื่องเดียวกันแต่เผอิญวายังไม่จบ สิ่งที่ทุกคนมองเห็นต่อจากนั้น เทพบุตรผู้หนึ่งถือกำไลวงงามไว้ในมือคุยกับเทพธิดาอีกคนหนึ่ง สองคนนี้ก็คือ ชลากร กับ ธารารักษ์ “ธารเทพธิดา เราเป็นห่วงเจ้า เพลิงอัปสรร้ายกาจกว่าที่เราคิดมาก เราอยากให้กำไลนี้ปกป้องเจ้า กำไลนี้จะแทนความรัก ความห่วงใย การปกป้องดูแล เราคำมั่นสัญญา มันคือหัวใจของเรา มันเป็นของเจ้านะธารเทพธิดา” เทพบุตรผู้นั้นพูด “เทพชลาสินธุ์ เจ้าคิดว่าเราจะทำร้ายธารเทพธิดางั้นเหรอ” เสียงของเทพธิดาอีกคนทักทายเข้ามา ทั้งสองต่างหันไปมอง “เพลิงอัปสร” ทั้งสองพูดเป็นเสียงเดียวกัน เทพจตุรธาตุแห่งไฟ พิโรธขึ้นมาก็สาดพลังแห่งไฟใส่ เทพชลาสินธุ์ขวางธารเทพธิดาไว้เหมือนสละชีพ “เทพชลาสินธุ์ เราไม่ได้ตั้งใจ” เพลิงอัปสรพูด
อีกภาพก็ซ้อนกันออกมา อัปสรสิรินทร์สาดพลังใส่ เพลิงอัปสรเองอ่อนแรงอยู่แล้วเลยยิ่งทรุดลง “เพลิงอัปสร” ธารเทพธิดาร้องขึ้นและวิ่งไปประคองเพลิงอัปสร กำไลข้อมือวงงามวงหนึ่งของธารเทพธิดา เพลิงอัปสรอยากได้มานานแล้ว ธารเทพธิดาตัดสินใจถอนออกมาสวมให้เพลิงอัปสร “เพลิงอัปสร เรารู้ว่าเจ้าอยากได้ เจ้าขอเรามานานแล้ว เราให้นะ” ธารเทพธิดาพูด เพลิงอัปสรไม่เอ่ยอะไรแต่ท่าทางจะร้องไห้ และร่างก็ค่อยๆสลายไปกับแสงสีแสดราวเปลวเพลิง...
“อัปสรสิรินทร์ เรารักเจ้า เรารักเจ้าคนเดียว” ปฐพีเทพพูด “เรา... เราขอโทษ... ชาตินี้ภพนี้เราทำร้ายเจ้ามามาก ชาติหน้า ให้เจ้าทำร้ายเรา ทำร้ายให้สาสมที่เราเคยทำเจ้า... เราทำเจ้าเจ็บ ก็ให้เจ้าทำเราเจ็บบ้าง มากกว่าที่เราทำกับเจ้าเป็นเท่าตัว...” สิ้นประโยคสุดท้ายเทพนารีก็จากไป “อัปสรสิรินทร์” เทพบุตรแห่งดินเรียกตามแต่... ไม่มีประโยชน์ ปฐพีเทพตัดสินใจในกระนั้น หยิบดาบของทหารมา “เราจะไปกับเจ้า ภพนี้เราอาจจะรักกันไม่ได้ แต่ภพหน้า ขอให้เราได้รักกันสมใจปองด้วย” ปฐพีเทพพูดอย่างแน่วแน่
ทุกคนต่างตกใจตื่น ยังเป็นเวลากลางดึงอยู่เลย ชลากรตื่นขึ้นก็เป็นห่วงธารารักษ์ขึ้นทันที “ธารารักษ์ ประกายเพลิงจะทำอะไรเจ้ารึปล่าว” ชลากรพูดและรีบพรวดลุกไป
ตัวอย่างตอนต่อไป
“ก็เพราะไอ้กำไลเนี่ยแหละ ชลากร คืนนั้นที่เจ้าบอกเรา ไม่ได้มาจากใจ แต่เป็นเพราะไอ้กำไลนี่ใช่ไหม เจ้าคิดว่าเราคือธารเทพธิดา เจ้าคิดว่าเราคือธารารักษ์ เจ้าคิดว่าเราคือมัน” ประกายเพลิงพูด “ประกายเพลิงหยุดได้แล้ว” ชลากรพูด “เป็นเพราะกำไลนี่ใช่ไหม หัวใจของเจ้าอยู่ที่นี่ใช่ไหม ได้เราจะทำลายมันให้แหลก” ประกายเพลิงพูดและโยนกำไลลงกับพื้นกำลูกไฟไว้ในมือพร้อมที่จะขว้างใส่กำไลนั่นชลากรดันมือไว้ธารารักษ์ เอากำไลนั่นหนีไปหาพวกพสุธาวาทก่อน” ชลากรพูด ชลากรรั้งตัวประกายเพลิงไม่ให้ตามไป
อยู่ๆก็มีลูกไฟโจมตีมาเฉียดๆ “วาตการณ์” พสุธาวาทหันไป “เราเห็นหลายครั้งแล้ว เจ้าคิดอะไรกับวรยุภัทร” วาตการณ์พูด “เรา....” พสุธาวาทพูด “เจ้าตอบไม่ได้แสดงว่าเจ้ารักนาง เจ้ารักนางไม่ได้นะพสุธาวาท เจ้ามีเกศสิรินทร์รัตน์อยู่แล้ว ทำไมต้องมายุ่งกับวรยุภัทรด้วย” วาตการณ์ตวาดลั่น “พระโอรสวาตการณ์ พระทัยเย็นๆพระเจ้าข้า” น้าผีพูด “เราเย็นมานานแล้ว นานพอจนเราแน่ใจว่าที่เราคิดเป็นความจริง พสุธาวาท เจ้าไม่รู้เลยรึไงว่าเรารักวรยุภัทร เราพอใจนางตั้งแต่แรก เรารักนางมานานพอตัว เจ้าควรเสียสละเพราะเจ้าเป็นพี่คนโต” วาตการณ์พูด
“ธารารักษ์ ธารารักษ์หักหลังเรา มันคือเจ้าของกำไลนั่น มันเอากำไลไปแล้ว เราเกลียดมัน เกลียดธารารักษ์ แล้วเราก็เกลียดชลากรด้วย มันทำให้เราต้องเจ็บใจ มันทำให้เรารักมัน แล้วมันก็มาบอกว่าเสียใจที่มันรักธารารักษ์ ตอนนี้ใจเรามันไม่เหลือแล้ววาตการณ์ มันแหลกสลายไปแล้วเราเกลียดมันทั้งคู่ เราอยากจะฆ่ามัน” ประกายเพลิงตวาดไปน้ำตาก็ไหลด้วยความแค้นใจ “พสุธาวาท มันก็เหมือนกัน มันรักวรยุภัทร วรยุภัทรคือคนที่เรารัก และใครก็อย่าคิดจะแตะต้องนาง วรยุภัทรรักชลากร นางไม่ได้รักเรา” วาตการณ์พูด
ความคิดเห็น