คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : หัวใจที่ซับซ้อน ความรู้สึกที่ซ่อนไว้ เริ่มสังเกตเห็นได้แล้ว
เรือนหลังหนึ่ง เป็นเรือนของคุณท้าวมิ่งขวัญ ขุนวิชิตที่ได้รับบาดเจ็บรักษาตัวอยู่ที่นั่น วลีก็อยู่ที่นั่น วิฤดี กับ ฤดีรินทร์ก็อยู่ด้วย มาลีรินทร์ พระโอรสและ พระธิดา แห่งจตุรธาตุทั้งสี่ เกศสิรินทร์รัตน์ วรยุภัทร และ ชลากร เดินมาถึงที่นั่นพอดี มาลีรินทร์ยิ้มออกจนทุกคนต้องหันไปมอง “เรือนใครเหรอพระเจ้าข้าเสด็จอา” ชลากรพูด “เรือนคุณท้าวมิ่งขวัญ มีเรามีที่อยู่แล้วหละลูก” มาลีรินทร์พูด
“หม่อมฉันดีใจเหลือเกินที่ได้รับใช้พระมเหสี พระโอรส และ พระธิดาอีก” คุณท้าวมิ่งขวัญพูด “หม่อมฉันก็เช่นกันเพคะ” วลีพูด ธารารักษ์ยิ้มให้กบวลี “เจ้าไปชุบตัวอย่างเราสิวลี เราจะได้เป็นกัน” ธารารักษ์พูด “หม่อมฉันคงบุญไม่ถึง ไปที่นั่นไม่ได้หรอกเพคะ” วลีพูด
ในสวนรายรอบเรือนของคุณท้าวมิ่งขวัญ ประกายเพลิงเดินเล่นอยู่ ฤดีรินทร์ก็เดินมาข้างหลัง “ประกายเพลิง” เสียงเด็กผู้หญิงทักขึ้น ประกายเพลิงหันมามองเจ้าของเสียงและหัวเราะ “อ่าว ว่าไงหละฤดีรินทร์คราวนี้เจ้าจะทำอะไรเรา” ประกายเพลิงก้มลงคุกับฤดีรินทร์อย่างสะใจ “เจ้า” ฤดีรินทร์พูด “ทำไม เจ้าจะทำอะไรเรา แต่สภาพเจ้าตอนนี้ทำอะไรเราไม่ได้หรอก ดูสิ อีกสักเจ็ดแปดปีโน่นหนะ เจ้าถึงจะอายุเท่ากับเราตอนนี้ แล้วเจ้าจะทำอะไรเรา” ประกายเพลิงหัวเราะเบาๆและเดินหนีไป ฤดีรินทร์เจ็บใจและอยากจะเพิ่มอายุบ้าง
ในห้องๆหนึ่ง “เสด็จแม่ ลูกอยากเพิ่มอายุเพคะ” ฤดีรินทร์พูด “ให้คนของนังคุณท้าวมิ่งขวัญพาไปสิลูก ไปพร้อมกับวลีไง” วิฤดีพูด “ดีเลยเพคะ ลูกอยากจะโตไวๆ” ฤดีรินทร์พูด
พระโอรส และ พระธิดาทั้งสี่ปรึกษากันอยู่ที่ศาลาริมน้ำ “แล้วจะเอายังไง จะหาทางช่วยเสด็จพ่อก่อน หรือจะกลับไปฟื้นฟูวนาบุรีดี” ธารารักษ์พูด “ถ้าเราฟื้นฟูวนาบุรีก่อน เราก็จะมีฐานที่มั่น แล้วเราค่อยคิดกันอีกทีสิ ว่าจะไปช่วยเสด็จพ่อยังไง” ประกายเพลิงพูด “เราเห็นด้วยกับประกายเพลิง ยังไง พวกกันก็ไม่ทำร้ายเสด็จพ่อง่ายๆหรอก” วาตการณ์พูด “เราจะช่วยด้วย” เกศสิรินทร์รัตน์พูดยังไม่ทันสิ้นเสียง “ไม่ต้อง” น้ำเสียงกร้าวดูไม่ถนอมน้ำใจเกศสิรินทร์รัตน์เลย เจ้าเก่านั่นแหละ พสุธาวาท “ทำไมเจ้าต้องหาเรื่อง ต้องขัดคอเราทุกที เราทำอะไรให้เจ้า” เกศสิรินทร์รัตน์พูด “ไม่รู้ รู้แต่ว่าเราไม่ให้เจ้าช่วย” พสุธาวาทพูด “เจ้าเป็นคนมีเหตุผล แต่ทำไมกับเกศสิรินทร์รัตน์ เจ้ากลับไร้เหตุผลทุกที” ธารารักษ์พูด “คนเราหนะ...อาจจะรักกันโดยไม่มีเหตุผลได้ แล้วก็เกลียดกันโดยไม่มีเหตุผลได้เหมือนกัน” วรยุภัทรพูด พสุธาวาทหันมอง สีหน้าที่เรียบเฉยของนางกินรีบ่งบอกว่าเป็นห่วงกินรีนคราเหลือเกิน วาตการณ์หันมาเห็นเข้า “เจ้าอยากจะกลับไปดูที่บ้านเมืองของเจ้าก่อนเหรอ” วาตการณ์พูดเป็นคำพูดที่อ่อนโยน แต่น้ำเสียงผู้พูดแข็งกร้าวและหนักแน่นจนเกินไป วรยุภัทรผงกหัว “เราพาไป” พสุธาวาท และ วาตการณ์ก้าวเข้าไป และ เอ่ยขึ้นพร้อมกัน ทั้งสองหันมองหน้ากัน และ พสุธาวาทก็ถอยกลับ วาตการณ์จึงดึงแขนวรยุภัทรมา แต่คงแรงเกินไป “โอ๊ย เบาๆหน่อยสิ” วรยุภัทรพูด “จะเบา หรือจะแรงเจ้าก็ไม่ตายหรอก แล้วอีกอย่าง เราก็ไม่ให้เจ้าตายด้วย” วาตการณ์พูดแอบทำสีหน้าจริงจังนิดหน่อย แต่ท่าทางวรยุภัทรจะไม่เอาด้วย “นี่เจ้าเป็นเจ้าชีวิตเราตั้งแต่เมื่อไหร่ “ก็ตั้งแต่ตอนนี้แหละ” วาตการณ์พูดแต่ยังไม่ปล่อยมือ วาตการณ์เรียกจักรวาโยออกมา และกระโดดขึ้นไปยืนบนจักร จักรหมุนออกไป ตอนนี้อยู่กลางเวหาแล้ว “เราจะบินไปเอง” วรยุภัทรพูด “อยู่นิ่งๆดีกว่า ถ้าเจ้าไม่อยากตกลงไปข้างล่าง”วาตการณ์พูด “เจ้าก็ปล่อยมือเราสิ” วรยุภัทรพูด วาตการณ์ก้มมองมือ แล้วก็ปล่อยมือที่จับมือวรยุภัทรอยู่
จักรวาโยหมุนออกไปใกล้เขตกินรีนครา “ลงไปข้างล่างก่อนเถอะ เราจะไปหาผลไม้” วาตการณ์พูด “ก็ลงสิ” วรยุภัทรพูด ทั้งสองลงจากจักรแล้ว วาตการณ์กำลังจะเรียกจักรมา ก็ถูกวรยุภัทรตัดหน้ากระโดดขึ้นไปยืนบนจักรและบังคับจักรเหาะไป “วรยุภัทร” วาตการณ์ร้องตาม และกระโดดขึ้นเหาะตามไป
วรยุภัทรบังคับจักรเหาะไปจนถึงกินรีนครา มหานครร่มเย็น สุขสงบกลางผืนป่าเขาน่าสราญรื่นยิ่งนัก... พินาศ... พินาศไปจนสิ้น เมืองทั้งเมืองจมอยู่ภายใต้บาดาล กินรีน้อยหยุดนิ่ง กระโดดลงมาจากจักรแล้ว มองดูภาพน้ำที่กลืนกินพระนครอย่างแค้นใจ วาตการณ์กระโดดตามมา “วรยุภัทร...” วาตการณ์เองก็พูดไม่ออกที่เห็นสภาพเมืองทั้งเมืองที่ภายไปใต้บาดาล แม้กระทั่งวาตการณ์ยังแปลกใจ ตกใจขนาดนี้ แล้วธิดาราชแห่งเมืองนี้จะสะเทือนใจสักเพียงไหน วาตการณ์เดินเข้าไปใกล้วรยุภัทร “หยุดนะ” วรยุภัทรส่งเสียงมา วาตการณ์หยุดเดิน “เอาจักรของเจ้าคืนไปแล้วกลับไปได้แล้ว เราขอโทษที่ไม่รักษาสัญญาว่าจะไม่เอาจักรคืน กลับไปซะวาตการณ์” วรยุภัทรพูด “แล้วเจ้าหละ” วาตการณ์พูด “เราอยู่ของเราได้” วรยุภัทรพูด “ทำไม... ทำไมหละวรยุภัทร ทำไมเจ้าไม่ไปกับเรา” วาตการณ์พูด “เพราะเราจะรอให้พวกนาคราชมาฆ่าเราที่นี่” วรยุภัทรพูด “นาคราชอย่างนั้นเหรอ ชลากร...” วาตการณ์ท่าทางจะโกรธจัดแค้นจัด เรียกจักรมาเก็บและรีบเหาะขึ้นไป “เจ้าคิดจะทำอะไรหนะวาตการณ์” วรยุภัทรพูดและรีบเรียกปีกกับหางมาแล้วรีบบินตามไป
ตัวอย่างตอนต่อไป
วาตการณ์คือหนึ่งในจตุรธาตุ พลังย่อมกล้าแข็งกว่าฤทธิ์นาคราช เหมือนเมื่อครั้งหนึ่งที่ชลากรเคยต่อสู้กับประกายเพลิง ต่อสู้กันไป ท่าทางชลากรจะไม่ไหวแล้วไปจนมุมเข้าที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ประกายเพลิงก้มลงมองกำไลข้อมือ “ประกายเพลิง” ธารารักษ์พูดและมองดูกำไล ชลากรกำลังแย่แล้ว ประกายเพลิงตัดสินใจถอดกำไลและโยนไปให้ชลากร “ชลากร” ประกายเพลิงส่งเสียงชลากรรับกำไลนั้นมา กำไลนั้นเปล่งแสง
ในอุทยาน “กลางราตรีแท้ๆ ไม่รู้ว่าเจ้ามีเรื่องอะไรนักหนาถึงได้รีบมาเอายามนี้” ประกายเพลิงพูด
“เราไม่ใช่คนใจง่าย แล้วเราก็ไม่ได้เชื่ออะไรง่ายๆเหมือนกัน อยู่ๆก็มาบอกว่า...” ประกายเพลิงพูด “เอาเถอะ ยังมีเวลาอีกมากที่เราจะได้พิสูจน์ ว่าที่เราพูดคือความจริง ยังไงเราก็คงต้องฝากใจของเราไว้ที่เจ้าก่อนก็แล้วกัน” ชลากรพูด ประกายเพลิงอมยิ้ม
ความคิดเห็น