คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : วชิรารัตน์ภัทรอัปสร
ยิ่งผ่านไปสร้อยสายเพชรยิ่งแพ้ท้องหนักขึ้นเรื่อยๆ “โถ่พระธิดา แพ้ท้องหนักขนาดนี้ เสด็จกลับอสุรเวหาเถอะนะเพคะ พระสวามีเฝ้าหลงรอพระธิดาอยู่อย่างไม่เคยเสื่อมคลาย” คุณท้าวกานดาแนะนำ “ไม่ได้หรอกคุณท้าว เราไม่ได้รักรติวุฒิเลย... แม้แต่นิดเดียว แต่ว่าเราเกลียดเค้าต่างหาก เราเกลียดรติวุฒิ ลูกของเราคนนี้ กำเนิดมา ประหนึ่งชีพแลกกับพี่นภราช วชิราแฉลบรอนตราบพระอุระ ใครๆเค้าเล่าลือกันออกไป ว่าลูกเราคนนี้น่าจะมีอัญมณีประจำตัวเป็นเพชร แล้วลูกเราคนนี้ ก็คือตัวแผลงฤทธิ์ที่เข่นฆ่าพี่นภราช” สร้อยสายเพชรพูด “ชาวบ้านก็ตีโพยตีพายมาไปเรื่อยแหละเพคะ” ตรีรัตน์พูด พูดๆไปสร้อยสายเพชรก็แพ้ท้องอีก นางแพ้ท้องมากขึ้นเรื่อยๆจนแทบหมดแรง สร้อยสายเพชรหันกลับมา รติวุฒิมาจากไหนเมื่อไหร่ก็ไม่รู้โอบกอดนางเอาไว้แน่น “คุณท้าวกานดา มณี ตรีรัตน์ ให้เวลาเราได้คุยกับสร้อยสายเพชรสักประเดี๋ยวหนึ่งนะ” รติวุฒิพูดด้วยน้ำเสียงน่าเกรงขาม คุณท้าวและนางกำนัลทั้งสองเห็นใจเลี่ยงออกไป สร้อยสายเพชรน้ำตาคลอ “เคยบอกหลายครั้งแล้ว ว่าไม่ได้รักพระองค์ เกลียดซะด้วยซ้ำ ทรงเป็นยักษ์ มนุษย์ที่ไหนจะสู้ยักษ์ได้ ทรงไร้ศักดิ์ศรีที่สุด” สร้อยสายเพชรพูด รติวุฒิคลายกอด “เราไม่ได้ขอร้องให้เจ้ารักเราอีกแล้ว ไม่ได้มาขอความเห็นใจใดๆจากเจ้า พระขรรค์เพชรเราก็เก็บไว้อย่างดีแล้ว ไม่มีใครแตะต้องได้อีก ส่วนเจ้าวชิรา... เออ... เราหมายถึงลูก เมื่อคลอดแล้ว เราจะพากลับอสุราเวหานครพร้อมกับรดามณี ทั้งสองคือสายเลือดของเรา” รติวุฒิพูด “ทรงเชื่อด้วยเหรอเพคะ ว่าลูกของหม่อมฉันจะเป็นเพชรอย่างที่ใครๆเค้าว่ากัน ถึงยังไงก็เถอะ พระองค์ไม่มีสิทธิ์ในตัวรดามณี และลูกในท้องของหม่อมฉัน” สร้อยสายเพชรพูด “แต่เราเป็นพ่อ” รติวุฒิพูด “หม่อมฉันเป็นแม่... อุ้มท้องลูกมาหลายเดือน คนที่เลือกจะต้องเป็นหม่อมฉัน” สร้อยสายเพชรพูด รติวุฒิไม่เอ่ยสิ่งใดออกไป แต่โอบกอดสร้อยสายเพชรไว้แน่น “หม่อมฉันกราบทูลแล้ว อย่าให้ต้องทูลซ้ำเพื่อเป็นการทำร้ายพระทัยกันเลยเพคะ” สร้อยสายเพชรพูด “เราไม่ได้กอดเจ้า สร้อยสายเพชร แต่เรากอดลูก... ลูกของเรา ที่อยู่ในท้องของเจ้าต่างหากหละ” รติวุฒิพูด สร้อยสายเพชรกล้ำกลืนฝืนน้ำตาเอาไว้
กาลที่รอก็มาถึงหนึ่งที่หวัง ที่เวียงวังกังวานขับขานเสียง
คือคีตะดนตรีประโลมเพียง เรียกขวัญเคียงบัลลังก์นัครา
องค์เหนือหัวมเหสีทรงทราบข่าว ถึงเรื่องราวนัดดาน้อยเสน่หา
ต้องตามคิดพิศดูเพชรา อาภรณ์ภาพระราชธิดาวรรณ
ตากับยายโอบอุ้มคุ้มครองเจ้า ธิดาเยาว์ตายายเฝ้าคอยเรียกขวัญ
พระบิดาเร่งรุดมามิช้าครัน พอถึงพลันพบพานพระลูกยา
ทรงโอบกอดยอดรักปรียาพ่อ ที่เฝ้ารอฟูมฟักนานหนักหนา
มิผิดคาดธำมรงค์วชิรา ของลูกยาติดตัวยอดมณี
“ไม่ผิดคาดจริงๆ... แหวนเพชร ลูกพ่อ ยอดมณีของพ่อ” รติวุฒิโอบกอดพระธิดาของพระองค์ด้วยความดีอกดีใจ “ตั้งชื่อให้กับลูกของเจ้าสิ รติวุฒิ” องค์เหนือหัวฤทธิ์นาทรับสั่งอย่างอ่อนโยน “พระเจ้าข้า” รติวุฒิตอบรับพลางพิศมองพระธิดาองค์น้อยอีกที “เพชร... วชิรา...วชิระ พี่สาวเจ้าชื่อ ‘รดามณี รพีพิมพ์ภัทร’ งั้นพ่อให้เจ้าชื่อ ‘วชิรารัตน์ ภัทรอัปสร’ เทพธิดาที่เก่ง และเลิศที่สุดของพ่อ” รติวุฒิพูด องค์เหนือหัว ฤทธิ์นาท และ พระมเหสีกรกนกต่างยิ้มอย่างปลาบปลื้ม “แล้วนี่จะเอายังไงต่อไปหละลูกรติวุฒิ” กรกนกพูด “ถ้าสร้อยสายเพชรไม่ยอมเห็นใจกระหม่อม กระหม่อมจะพา รดามณี และ วชิรารัตน์ กลับอสุรเวหานคร เผื่อจะทำให้สร้อยสายเพชรตัดสินใจกลับไปอยู่ที่อสุรเวหา เพื่อลูก” รติวุฒิพูด “คิดดีแล้วเหรอรติวุฒิ” องค์เหนือหัวรับสั่ง “พระเจ้าข้า” รติวุฒิพูด
รุ่งสางวันหนึ่งมณีนพรัตนานคร สร้อยสายเพชรสะดุ้งตื่นขึ้นมา “ลูกแม่...” เสียงอุทานแผ่วเบาดูเหนื่อยหอบดังขึ้น ร่างของพระธิดาสร้อยสายเพชรระส่ำ ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ท่าทางนางกำลังตกใจตื่นจากสุบินร้าย คุณท้าวกานดา มณี และ ตรีรัตน์ที่หลับอยู่ตื่นขึ้น “พระธิดา...” คุณท้าวกานดาตกใจมารีบโอบกอดพระสร้อยสายเพชรไว้ “เป็นอะไรไปเพคะ” คุณท้าวกานดาพูด “โถ่ ทรงพระสุบินร้ายอีกแล้วเหรอเพคะ” ตรีรัตน์พูด สร้อยสายเพชรร้องไห้ออกมาไม่รู้ตัว คุณท้าวกานดาเช็ดน้ำตาให้กับธิดาราช “พระทัยเย็นๆนะเพคะ ฝัน ยังไงก็เป็นแค่ฝัน อย่าทรงคิดมากเลยนะเพคะ” คุณท้าวกานดาปลอบขวัญธิดาราชผู้เป็นนาย สร้อยสายเพชรท่าทางจะไม่ดีขึ้น นางพรวดลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้องบรรทม
เปลเด็ก ถึง สาม เปลเรียงราย สร้อยสายเพชรเดินมาที่เปลเด็กเปลหนึ่ง สีหน้าท่าทางตกใจกับสิ่งที่เห็นคือความว่างเปล่า “รดามณี...” นางเพรียกขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือพลางสาวท้าวก้าวไปอีกเปล “วชิรารัตน์...” สร้อยสายเพชรรุดไปที่หน้าต่าง มีเพียงเงาร่างสง่างามที่ทรงอัสดรวิหคเหินฟ้าไปลิ่ว “องค์รติวุฒิ” สร้อยสายเพชรร่ำเรียกพลางทรุดตัวลงอย่าสิ้นไร้เรี่ยวแรง “พระธิดา” คุณท้าวกานดา มณี และ ตรีรัตน์ต่างช่วยกันประคองร่างอ่อนปวกเปียกของนางไม่ให้เป็นลมไป
ลอยลิ่วล้ำแลแลเห็นแต่เงา วิโยคเศร้าลูกเราอยู่ไหนหนา
พระองค์ทรงพาลูกพรากมารดา เจ้าแก้วตาดวงใจเหมือนแหลกลาญ
สองขานั้นเหมือนคลอนอ่อนแรงลง ใจเราคงเจ็บหนักถูกหักหาญ
โอ้ชะตาฟ้าประสงค์ให้นงคราญ ไร้สราญสิ้นสุขเป็นทุกข์ตรม
ทั้งแก้วตาดวงใจมาถูกพราก สุดแสนยากกลืนช้ำกล้ำขื่นขม
คือหนึ่งถูกกริชแก้วแววกริบคม ฝนประพรมทางใจให้พร่ามัว
สร้อยสายเพชรแทบจะเป็นลมลงไปตรงนั้น ใจจะขาดอยู่แล้ว รติวุฒิคือคนที่พาพระธิดาทั้งสองของนางไป แม้รู้ ว่าลูกอยู่ผู้เป็นพ่อ ไม่มีอันตรายใด แต่ความเป็นแม่ ทำให้ต้องพะวงหลงห่วงไม่ไหว สร้อยสายเพชรร่ำไห้ด้วยใจอาวรณ์สุดที่จะติดตามไปเอาลูกคืน รติวุฒิไปยังห้วงเวหา อสุรเวหานคร นางมนุษย์เช่นนาง หมดปัญญาที่จะติดตามไปได้
สร้อยสายเพชรแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับ นี่ไม่ใช่สิ่งที่รติวุฒิต้องการเลยสักนิด พระตำหนักพระธิดาสร้อยสายเพชร รติวุฒิกระโดดลงมาจากเวหา “สร้อยสายเพชร...” ทรงเพรียกด้วยน้ำเสียงน่าเกรงขาม สร้อยสายเพชรแลตามองด้วยใจคิดแค้น “ทรงเสด็จมาดูสภาพคนที่ถูกพรากแก้วตา ดวงใจ ไปนาเหรอเพคะ” สร้อยสายเพชรพูด “ปล่าว สร้อยสายเพชร ไปอยู่กับพี่เถอะ พี่รักลูก แล้วก็รักและเอ็นดูจันทรัตน์เยี่ยงลูกเช่นกัน กลับอสุรเวหานครกันเถอะนะ ลูกจะได้มีทั้งพ่อ ทั้งแม่” รติวุฒิพูด “ทรงรับสั่งว่าไม่ต้องให้หม่อมฉันเห็นใจแล้ว หม่อมฉันจะไม่เห็นใจ และ ยืนยันจะไม่กลับอสุรเวหานครกับพระองค์เป็นอันขาด แต่ที่อยากขอ หม่อมฉันขอให้ลูกอยู่กับหม่อมฉันเถอะเพคะ คืนลูกให้หม่อมฉันเถอะเพคะ” สร้อยสายเพชรพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงอย่างวอนขอ “เราก็มิอาจทำเช่นนั้นได้เช่นกัน เพราะ รดามณีคือแก้วตา วชิรารัตน์คือดวงใจ เราเสียใจ ที่ทำตามที่เจ้าขอร้องไม่ได้ แต่ถ้าเจ้าใจแข็งนัก ก็ได้ เราก็ต่างคนต่างอยู่ เราจะพาลูกมาเยี่ยมหาที่นี่บ่อยๆ ฤๅหากเจ้าอยากจะไปหาลูกบ้าง เราก็จะพาไป” รติวุฒิพูด “ยุติธรรมแล้วเหรอเพคะ” สร้อยสายเพชรพูด “เจ้าจะเอายังไง” รติวุฒิพูด “หม่อมฉันไม่มีสิทธิ์ แม้แต่จะต่อรองเลยเหรอเพคะ ทรงทูลเกล้าถวายหม่อมฉันได้ทุกสิ่งที่ประสงค์ ทรงเคยรับสั่งกับหม่อมฉันเช่นนี้ แต่ว่าเพลานี้ ทรงให้อะไรหม่อมฉันไม่ได้เลย” สร้อยสายเพชรพูด “เราเสียใจ แต่ถึงยังไงเรา ความรู้สึกของเราที่มีต่อเจ้า ก็ยังต่างกับความรู้สึกของเจ้าที่มีต่อเราอยู่ดี คิดเองนะ ว่าเรารู้สึกเช่นไร” รติวุฒิพูดพลางจะเดินออกไป “หม่อมฉันเกลียดพระองค์...” คำนั้นยิ่งบาดลึกจิตใจ กระทบอารมณ์องค์รติวุฒิอย่างหนัก สร้อยสายเพชรเอ่ยขึ้นด้วยทราบดีว่า คำนี้เหมือนฆ่ารติวุฒิทั้งเป็นได้ รติวุฒิสงบอารมณ์นิ่งในความเจ็บปวดแล้วหันกลับมาสบตากับนางอันเป็นที่รักยิ่ง “ชีวิตเราไม่มีใครอีกแล้ว นอกจากลูก ไม่มีรักใดให้ใครอีกแล้ว นอกเหนือจากรดามณี กับ วชิรารัตน์” ทรงเอ่ยเป็นนัยเหมือนจะหมดรักสร้อยสายเพชรแล้ว แต่ทั้งที่ความจริง ในพระราชหฤทัยก็ยังรักไม่เสื่อมคลายอยู่แต่เดิม ทรงยุรยาตรออกไปด้วยอารมณ์ที่ไม่แจ่มใส สร้อยสายเพชรเองก็เช่นกัน ในเมื่อทำอะไรไม่ได้แล้ว ก็คงต้องจำใจให้ลูกไปอยู่กับผู้เป็นพ่อ
ความคิดเห็น