ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แหวนยุคล

    ลำดับตอนที่ #14 : วายุบุตร

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ค. 50


    ก็ใช่นาสิ เสด็จน้าถูกสะกดแบบนี้ ใครจะไว้ใจ เสียงของเด็กผู้ชายคนหนึ่งดังมา มาลย์สุภัคเทวี และ อังศุภา รวมถึงม้าทองเหลียวไปดู อัสดร อังศุภาพูด ออกไปจากที่นี่ พี่ม้าเงินรออยู่ข้างนอก อัสดรพูดและมาดึงมืออังศุภา อังศุภา อย่าไปนะลูก เจ้าต้องอยู่กับแม่นะ เข้าใจไหม มาลย์สุภัคเทวีพูด อังศุภาหันมาหาพระมารดา อัสดรดึงอังศุภาไป มาลย์สุภัคเทวีหยิบมีดปอกผลไม้มา อังศุภา...มาลย์สุภัคเทวีพูด เสด็จแม่ อังศุภาจะเข้าไปหามาลย์สุภัคเทวี ม้าทองบินมาและปล่อยแสงบังตาทุกคนแล้วพาอังศุภา กับ อัสดรขึ้นหลังไป

    ออกมาจากเมืองวิศิษฏ์ธาตรีแล้วอัสดร และ อังศุภานั่งอยู่บนหลังม้าทอง เรากลับไปกันเถอะพี่ม้า อังศุภาพูด เจ้าจะกลับไปให้เค้าฆ่ารึไง อัสดรพูด เจ้าจะเข้าใจความรู้สึกของเราได้ยังไง ในเมื่อเจ้าไม่ได้เจออย่างเรานี่ อังศุภาพูด พวกเจ้าใจอ่อนมากกว่า อัสดรพูด พอเถอะพระโอรส อย่าเอาแต่คอยว่าพระธิดาเลย แค่นี้พระธิดาก็บอบช้ำพระทัยมากแล้ว... นั่นไงม้าเงิน ม้าทองพูด รีบลงไปเลยพี่ม้าทอง อัสดรพูด เมื่อม้าทองลงแตะพื้น อัสดรก็รีบกระโดดลงและเดินไปคนเดียว มีอะไรเหรอพระธิดา ม้าทอง ม้าเงินพูด อัสดรคงโกรธที่เราทำตัวเรื่องมาก อังศุภาพูดเสียงค่อยและเดินตามอัสดรไป

    อัสดรเดินไปคนเดียว อังศุภาก็ตามมา อัสดร อังศุภาเรียก ตามมาทำไม อัสดรพูด เราตามมาขอโทษ... เรื่องที่เราทำให้เจ้าหงุดหงิด อังศุภาพูด เราจะรับคำขอโทษของเจ้าไว้ อัสดรพูดน้ำเสียงราบเรียบ อังศุภายิ้มออก แต่ใช่ว่าเราจะอารมณ์ดีขึ้น และหายโกรธเจ้า อัสดรพูด อังศุภาหุบยิ้มทันที เจ้าเกลียดเราขนาดนั้นเลยเหรอ อังศุภาพูด อัสดรนิ่งเงียบ สร้อยสัญญาไม่เคยบอกเจ้าเลยรึไง ว่าเราผูกพัน เราเป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน อังศุภาพูด เจ้าไม่ใช่พี่น้องของเรา แล้วเราก็ไม่เคยสาบานอะไรกันด้วย อัสดรพูดและเดินไป ไม่ใช่เพราะสร้อยสัญญาเหรอ เจ้าถึงไปช่วยเราที่วิศิษฏ์ธาตรี อังศุภาพูด

    ค่ำมืดแล้ว ใต้ต้นไม้ใหญ่ ความอบอุ่นจากดวงตะวันในเวลากลางวันเริ่มหายไป แทนที่มาด้วยความหนาวเย็นในเวลากลางคืน กองไฟที่ก่อไว้ให้ความอบอุ่นลุกโชน เจ้ามัจฉาหิ้วกล้วยมาเป็นหวี หายไปไหนมาหนะเจ้ามัจฉา ข้าเห็นเจ้าหายไปเมื่อตอนกลางวัน เดินเล่น... แล้วก็หาใครไม่พบ ตอนนี้ไปเจอกล้วยก็เลยเอามาให้ลิงน้อยๆกิน มัจฉาพูด เจ้าว่าใครลิง อัสดรตะคอกใส่มัน ล้อเล่นนิดเดียวก็ไม่ได้ มัจฉาพูด ดึกแล้ว พระโอรส และ พระธิดาพักผ่อนเถอะพระเจ้าข้า ม้าเงินพูด

    กลางดึก ในความมืด และ เงียบสงัด ป่าลึกเร้นหลับใหล ทุกคนต่างพักผ่อนเอาแรง อยู่ๆก็มีเถาวัลย์ผุดขึ้นมาจากพื้นพิภพ มันมีชีวิต มันค่อยๆขยับเกี่ยวรัดอังศุภาไว้ อังศุภารู้สึกตัวตื่นขึ้น อัสดร อังศุภาร้องเรียก ก่อนจะถูกเถาวัลย์บ้านั่นดึงไป อัสดรตื่นขึ้น พร้อมกับ อะไรเหรอพระเจ้าข้า ม้าเงินตะโกนออกมาจากย่ามของอัสดรที่ห้อยอยู่บนกิ่งไม้ อัสดรคว้าย่ามม้าเงินมาสะพาย และเดินไปคว้าย่ามอีกย่ามนั่นก็คือย่ามม้าทองสะพายไปด้วยอย่างรีบร้อน พระโอรสรอด้วยสิ มัจฉาพูด อัสดรหันมาและสาดพลังหนึ่งใส่มัจฉา พลังนั้นตรึงมัจฉาไปติดต้นไม้ขยับตัวไม่ได้ อัสดรรีบวิ่งไป

    อังศุภาถูกเถาวัลย์ดึงไป อัสดรรีบวิ่งมาและเรียกดาบตัดเถาวัลย์ที่รัดอังศุภาจนกระอักเลือดออก และดึงตัวอังศุภาลุกขึ้น พวกเจ้ากล้ารุกล้ำเข้ามาในแดนของเรา พวกเจ้าอย่าหวังที่จะออกไปได้เลย เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังมา อย่าบอกนะว่าเจ้าเป็นแม่มดอีกแล้ว อัสดรพูด เราคือนางพญาเถาวัลย์ เถาวัลย์บริวารน้อยใหญ่แห่งข้า รัดพวกมันให้ตาย นางพญาเถาวัลย์พูด ไหวไหมอังศุภา อัสดรถาม อังศุภาส่ายหน้า งั้นถอยไปก่อน อัสดรพูดและตรงเข้าไป ฟันเถาวัลย์ที่พยายามจะเข้ามาเกี่ยวรัด อัสดรใช้แหวนเทพบุตรสาดแสงกล้า จนเถาวัลย์เหล่านั้นเหี่ยวแห้งไปหมด เป็นไปได้ยังไง นางพญาเถาวัลย์เห็นท่าทางไม่ดีจึงรีบหายตัวหลบไปก่อน นี่ย่ามพี่ม้าทอง อัสดรยื่นให้กับอังศุภา อังศุภารับมาและสะพายเรียบร้อยก่อนจะเดินหนีไป ตามพระธิดาไปสิพระเจ้าข้า ม้าเงินพูด อัสดรถอนหายใจและเดินตามไป อังศุภา อัสดรเรียก

    สิ้นแสงแห่งดวงดารา และจันทราลาลับร่วงหล่นจากท้องนภา ตะวันฉาดฉายแสงแผ่รัศมีทั่วธาตรี อัสดร ก็เปลี่ยนเป็น พุทธิกร และ อังศุภา ก็เปลี่ยนเป็น วารพุธ วารพุธ เจ้าหยุดเดินซะทีสิ พุทธิกรพูด วารพุธหยุดเดินกะทันหันและหันมาถีบพุทธิกร และ กำหมัดเตรียมพร้อม เมื่อวานอัสดรไม่มีเหตุผลกับอังศุภา วารพุธพูด แล้วไง ก็อังศุภาใจอ่อนเองหนะ พุทธิกรพูด พวกเจ้ามันแย่... ไม่รู้จักเอาใจเค้ามาใส่ใจเรา ไม่ได้เรื่องเลยซักคน วารพุธพูด แล้วจะให้ทำไง ถ้าปล่อยให้วายุเทพเอาแหวนของเจ้าไปได้ แล้วทีนี้ เจ้าก็ต้องมาเป็นภาระอยู่ดี ยังไงซะ พวกเจ้ามันก็ภาระของเราอยู่แล้ว พุทธิกรพูด เราไม่ได้ทำตัวเป็นภาระใคร วารพุธเถียง โอ๊ย... แสบหูแล้วนะพระเจ้าข้าพระโอรส พระธิดา ม้าทองเอ่ยขึ้นมาจากย่ามที่วารพุธสะพายอยู่ เราขอโทษ พุทธิกรอยากกวนประสาทก่อนทำไมหละ วารพุธพูด เรากวนอะไร เจ้านั่นแหละที่หาเรื่อง พุทธิกรพูด เวลานี้... ไม่ใช่เวลาที่จะทะเลาะกัน พระโอรสและพระธิดาควรจะสามัคคีกันไม่ใช่เหรอพระเจ้าข้า ม้าเงินพูด กลับไปดูเจ้ามัจฉากันเถอะนะพระเจ้าข้า ม้าทองพูด

    ที่วิมานแก้ว องค์วายุเทพเรียกหม่อมฉันมา มีอะไรเหรอเพคะ นางพญาเถาวัลย์พูด ไม่มีอะไรมากนักหรอก เราแค่จะให้เจ้าร่วมมือด้วย วายุเทพพูด ร่วมมืออะไรเพคะ นางพญาเถาวัลย์พูด กำจัดพวกเทพสัปดาห์ ทำลายแหวนยุคล วายุเทพพูด

    นี่เจ้าคิดจะเดินไปเรื่อยๆแบบนี้นาเหรอ พุทธิกรพูด ไม่รู้สิ แล้วจะให้เดินไปไหน เราอยากไปช่วยเสด็จแม่ แต่นี่ยังมองไม่เห็นหนทางที่จะช่วยได้เลย วารพุธพูด งั้นเราไปเมืองพิงผากันก่อนดีไหม ม้าทองพูด ไปดิๆ มัจฉาหนะ อยากไปอยู่ที่สบายๆกับเค้าบ้าง มัจฉาพูด ข้าไม่ได้ถามเจ้า ม้าทองพูด ว่ายังไงหละพระเจ้าข้า ม้าเงินถามย้ำ ก็ดี จะได้ปรึกษาเสด็จป้ารัตนวรางด้วย วารพุธพูด เราก็คิดถึงเสด็จแม่แล้วเหมือนกัน พุทธิกรพูด คิดถึง... อย่างเจ้านาเหรอคิดถึงแม่ วารพุธพูด ก็คนเหมือนกันนะ พุทธิกรพูด อย่าพึ่งกัดกันตอนนี้เลยพระโอรส พระธิดา มัจฉาพูด หุบปาก พระโอรส และ พระธิดาน้อยหันมาตะคอกใส่เจ้ามัจฉาจนทำให้มันจ๋อยไปเลย เสด็จเถอะพระเจ้าข้า ม้าเงินพูด

    ที่นครพิงผา พระโอรสน้อยพุทธิกรกระโดดลงมาจากเวหา เสด็จแม่พระเจ้าข้า พุทธิกรส่งเสียง รัตนวรางน้อยร้อยมาลัยอยู่คนเดียวก็หันมา พุทธิกร... ลูกแม่ รัตนวรางกอดพุทธิกรอย่างอบอุ่น แล้ว... พระมารดาของลูกหละวารพุธ รัตนวรางหันมาถาม เสด็จแม่... วารพุธพูดและก้มหน้าลงหน้าเศร้านิดหน่อยแต่ก็ไม่มีน้ำตาคลอขึ้นมาเลย เออ... เป็นอะไรรึปล่าวลูก รัตนวรางพูด เสด็จแม่ของหม่อมฉัน ถูกพวกศัตรูสะกดให้แย่งแหวนไป น่าจะเป็นพวกวายุเทพหนะเพคะ วารพุธพูด ตายจริง... แม่คิดว่าจะหมดเคราะห์หมดกรรมกันแล้ว รัตนวรางพูด ยังไม่หมดง่ายๆหรอกเพคะ หม่อมฉันกับเสด็จแม่ไม่โชคดีเหมือนเสด็จป้ากับพุทธิกร วารพุธพูด โถ่ลูก... แม่เห็นใจเจ้าเหลือเกิน รัตนวรางพูด ที่นี่นาเหรอเมืองพิงผา สวย... สวยเหลือเกิน อุดมสมบูรณ์จริงๆ มัจฉาพูด ทุกคนหันไปมองมัน มัจฉาเก็บดินเก็บทรายขึ้นมาดู เสด็จแม่อยู่คนเดียวในเมืองร้างแบบนี้... คงเหงา เพราะเดี๋ยวลูกก็คงต้องไปกันอีกเอาอย่างนี้แล้วกันนะพระเจ้าข้า พุทธิกรเนรมิตพวกทหาร และนางกำนัล เดี๋ยวพระโอรส และ พระธิดาจะเสด็จไหนอีกหละ ม้าเงินพูด ไม่ต้องถามเราหรอก ถามวารพุธดีกว่า พุทธิกรพูด จะเมืองบาดาลดีกว่า วารพุธพูด เจ้าจะไปทำไมที่นั่น พุทธิกรพูด ไปหาชลาธาร จะไปช่วยกันคิดอีกทีเรื่องเสด็จแม่ของเรา วารพุธพูด ถ้างั้นก็ไปเถอะลูก รัตนวรางพูด เจ้ามัจฉา พี่ม้าไม่ต้องตามไปนะ ลูกทูลลาพระเจ้าข้า พุทธิกรพูด ทูลลาเพคะ วารพุธพูด

    พระโอรส และ พระธิดาเหาะไปกลางอากาศ ก็มีลูกไฟโจมตีมา ทั้งสองหลบแทบไม่ทัน ทั้งสองหันไปดู พวกเทพบริวารของวายุเทพ วารพุธพูด ทั้งสองกระโดดลงไปในป่า จะมาแย่งแหวนยุคลอีกหละสิ รู้ทั้งรู้ว่าเอาชนะพวกเราไม่ได้ ตามมาอยู่ได้ น่ารำคาญ พุทธิกรพูด เราพาพระโอรสวาโยวาตมาให้ทรงทราบว่าศัตรูคือใคร เทพบริวารพูด



    ตัวอย่างตอนต่อไป
    พระธิดา... โกรธอะไรข้าพระองค์พระเจ้าข้า นทีวาตพูด ไม่ได้โกรธ แต่เราเกลียดเจ้า พฤกษ์พิศพูด ทำไมพระเจ้าข้า ทำไมพระธิดาถึงไม่มีเหตุผล นทีวาตพูด เออ เราไม่มีเหตุผล เราอิจฉาเจ้า เจ้าไม่มีพ่อ เจ้าไม่มีแม่ แต่เสด็จป้ารัตนวรางบอกว่าเจ้าคือลูก เสด็จป้าบอกว่าเจ้าคือพี่ชายของพวกเพชรการณ์ เจ้าเจอแม่ แต่เรา... มองไม่เห็นหนทางที่จะช่วยเสด็จแม่ได้เลยพฤกษ์พิศพูดน้ำตาก็ไหลด้วย
    ข้าพระองค์ทูลลาพระเจ้าข้า นทีวาตก้มลงกราบ รัตนวรางน้ำตาไหล จะลูก แล้วเจ้ามาหาแม่อีกนะ รัตนวรางพูด พระนางอย่าลดพระองค์ยังมาเสมอข้าพระองค์เลยพระเจ้าข้า นทีวาตพูด ใครบอกว่าแม่ลดตัวลงมาหาเจ้า ลูกเอ๋ย แม่ยกย่องเจ้าขึ้นมาเทียมแม่ต่างหากเล่า รัตนวรางพูด ยังไงก็มิสมควรอยู่ดี ข้าพระองค์ทูลลา นทีวาตพูด
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×