คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : ถูกกรรมเข้าทับถม...พบแล้วก็เหมือนพราก
“เดี๋ยวเขมแขจะยกอาหารมาให้นะลูก รอเดี๋ยวนะจ๊ะ” มาลย์สุภัคเทวีพูด “เพคะ เสด็จแม่” ศศิจันทร์พูด
ไม่นาน “เสด็จป้า... เสด็จพี่เพคะ หม่อมฉันยกสำรับมาให้แล้วเพคะ” เขมแขพูด มาลย์สุภัคเทวีลุกขึ้นไปเปิดประตูให้เขมแขเข้ามา “กินเยอะๆนะลูก จะได้มีแรงออกเดินทางกัน” มาลย์สุภัคเทวีพูด “เสด็จแม่ไม่ทรงรีบแล้วเหรอเพคะ” ศศิจันทร์พูด “เออ... แม่ก็...ใจเย็นลงแล้วหละจะ” มาลย์สุภัคเทวีพูด ศศิจันทร์กำลังจะกินอาหารนั่น “เสด็จพี่เพคะ” เขมแขพูดขึ้นขัดจังหวะ “ทำไมเหรอ” ศศิจันทร์พูด “เออ... ปล่าวเพคะ หม่อมฉันเรียกเฉยๆ” เขมแขพูด “เจ้าเรียกเราว่าศศิจันทร์จะดีกว่า ไม่ต้องเรียกเราว่าเสด็จพี่หรอก” ศศิจันทร์พูด “งั้นหม่อมฉันเรียกว่าพี่ศศิจันทร์ได้ไหมเพคะ พี่ศศิจันทร์อายุมากกว่าหม่อมฉัน” เขมแขพูด “ก็ตามใจเจ้า” ศศิจันทร์พูดและกำลังจะกินอาหารนั่น แล้วก็มีอะไรมาขัดอีกครั้ง “อย่านะศศิจันทร์” จันทภพกระโดดเข้ามาทางหน้าต่าง “ศศิจันทร์ ดูเพื่อนเจ้าซิ ทำอย่างกับเป็นลิงเป็นค่าง ประตูก็มีไม่เห็นต้องเข้ามาทางหน้าต่าง” มาลย์สุภัคเทวีพูด “จันทภพ” ศศิจันทร์พูด “ขอประทานอภัยพระเจ้าข้า หลานรีบมาเตือนศศิจันทร์ ว่าในอาหารนั่นหนะ มียาพิษ” จันทภพพูด “ยาพิษเหรอ” ศศิจันทร์ถามขึ้น “ใช่ ยาพิษ วิหคนภาเป็นนังแม่มด ถ้าเดาไม่ผิดนางสะกดเสด็จน้ามาลย์สุภัคเทวี ให้หลอกเจ้า เจ้ากำลังจะถูกวางอยู่รู้ตัวหน่อยสิ” จันทภพพูด ศศิจันทร์กันมาหาเขมแข “จริงเหรอเขมแข” พระธิดาน้อยเอ่ยถามพระขนิษฐาต่างมารดา เขมแขไม่กล้าตอบ “ว่ายังไงหละ ตอบมาสิว่าในนั้นไม่มีอะไร” จันทภพพูด “ไม่เพคะ ในนี้ไม่มีอะไรเลยเพคะพี่ศศิจันทร์” เขมแขพูด “ก็ลองกินดูสิ” ศศิจันทร์พูด เขมแขไม่กล้า “เจ้าต้องพิสูจน์” ศศิจันทร์พูดเน้นเสียง “เมื่อพวกเจ้ารู้ความจริงแล้ว... ก็ถอดแหวนมาเพราะแม่เจ้าอยู่ในมือเรา” วิหคนภาเอามือค้ำคอมาลย์สุภัคเทวี ศศิจันทร์ทำอะไรไม่ถูก “แค่เราขยับเมือขึ้นนิดหน่อย บีบคอแม่เจ้า นางก็จะตายไปต่อหน้าต่อตา” วิหคนภาพูด จันทภพเรียกธนูออกมา ยิงใส่วิหคนภา ศรปักที่มือของนาง นางกรีดร้องและหายวับไป เขมแขเห็นก็ตกใจและรีบวิ่งหนีไป มาลย์สุภัคเทวีหมดสติลง “เสด็จแม่” ศศิจันทร์รีบเข้าไปสะกิดพระมารดา “พาเสด็จน้ามาลย์สุภัคเทวีออกไปจากที่นี่กันก่อนเถอะ
เมื่อข้ามภพจากสระวิศิษฏ์มา ม้าเงิน และ ม้าทองมารออยู่แล้ว “พี่ม้า” พระโอรส และ พระธิดาน้อยทั้งสองเอ่ยขึ้น “มาลย์สุภัคเทวีเป็นอะไรไปพระเจ้าข้า” ม้าทองพูด “เสด็จแม่ถูกนังแม่มดสะกดหนะจะ รีบไปก่อนเถอะ” ศศิจันทร์พูด “ดีนะที่พี่ม้ารีบกลับมารอรับพระโอรส และ พระธิดา” ม้าเงินพูด “รีบไปกันเถอะพี่ม้า” จันทภพพูด
ค่ำมืดใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง “เราไม่กินผลไม้บ้าๆพวกนี้หรอก ศศิจันทร์ เจ้ารักแม่ไหม” มาลย์สุภัคเทวีพูด “รักเพคะ” ศศิจันทร์พูดน้ำตาคลอ “ถ้าเจ้ารักแม่ก็พาแม่กลับไปที่วิศิษฏ์ บ้านเมืองของเรา ไม่ใช่พาแม่มาระหกระเหินแบบนี้” มาลย์สุภัคเทวีพูด “ลูกรักเสด็จแม่ แต่ไม่ว่าจะรักแต่ไหน ลูกก็ทำตามพระประสงค์ไม่ได้จริงๆเพคะ เสด็จแม่ไปกับลูก เราจะไปเมืองพิงผากัน” ศศิจันทร์พูด “เจ้าไม่รักแม่ ถ้าไม่เชื่อแม่” มาลย์สุภัคเทวีพูด “ไม่ใช่ไม่รักนะเพคะ” ศศิจันทร์สะอึกสะอื้น “ออกไปให้พ้น” มาลย์สุภัคเทวีผลักร่างศศิจันทร์ออกจากตน “เสด็จน้าไม่เห็นต้องทำขนาดนี้ ศศิจันทร์เป็นแค่เด็กผู้หญิง แล้วก็เป็นพระธิดาของเสด็จน้าด้วย แต่เสด็จน้าทำกับเค้าเหมือนไม่ใช่ลูก” จันทภพพูด “ศศิจันทร์ เพื่อนของเจ้าคนนี้ คอยหาเรื่องแม่ตลอด ไล่มันไปให้พ้นได้ไหมแม่เกลียดมัน” มาลย์สุภัคเทวี ศศิจันทร์สะอึกสะอื้นเข้าไปกอดพระมารดา “เพคะเสด็จแม่ จันทภพ เจ้าจะไปไหนก็ไปก่อนเถอะ” ศศิจันทร์สะอึกสะอื้น “ไปก่อนเถอะพระเจ้าข้าพระโอรส” ม้าทองพูด จันทภพมีสีหน้าไม่ค่อยพอใจเล็กน้อยและเดินไป “รอด้วยพระเจ้าข้าพระโอรส” ม้าเงินบินตามไป
กลางอากาศ จันทภพนั่งอยู่บนหลังม้าเงิน “พวกนั้นใจอ่อนแบบนี้ทุกคนรึปล่าวนะ” จันทภพพูด “กับพระมารดา ก็ใจอ่อนทุกคนแหละพระเจ้าข้า ถ้าพระโอรสเจอเหมือนพระธิดาก็คงจะเข้าพระทัย ฉะนั้นพระโอรสควรจะอยู่ช่วยพระธิดา” ม้าเงินพูด เช้าวันใหม่มาแทนที่ จันทภพ ก็เปลี่ยนเป็น อัสดร “ไม่... เราไม่กลับไปช่วยพวกนั้นให้เสียศักดิ์ศรีหรอก เก่งๆกันทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ” อัสดรพูด “โถ่ พระโอรสอัสดรห่วงศักดิ์ศรีมากกว่าพระธิดาเหรอ” ม้าเงินพูด “ก็ใช่... เค้าไม่ได้เป็นอะไรกับเรานี่นา ก็แค่คนที่เกิดมาต้องทำหน้าที่เดียวกันก็เท่านั้น” อัสดรพูด “สร้อยสัญญาไม่ได้บอกพระโอรสให้รู้สึกผูกพันบ้างเหรอ ไม่เคยรู้สึกเลยเหรอพระเจ้าข้า” ม้าเงินพูด อัสดรส่ายหน้า “ไปดูหน่อยเถอะพระเจ้าข้า” ม้าเงินพูด “โอ๊ยรำคาญ ไปก็ไป” อัสดรพูด
ส่วนอีกด้านหนึ่ง ศศิจันทร์ ก็เปลี่ยนเป็น อังศุภา “พระธิดา” เสียงกวนประสาทแว่วมา เจ้าของเสียงคือเจ้ามัจฉา เจ้ามัจฉาเดินเข้ามาเบาๆ และเดินเข้ามาจะถอดแหวนเทพธิดาของอังศุภา มาลย์สุภัคเทวีเองก็ยังหลับ อยู่ๆก็มีใครคนหนึ่งถีบมัจฉาออกไป “โอ๊ย... ใครวะ” มัจฉาหันไป “เราเอง” อัสดรพูด “อ่าว... พระโอรสเองเหรอ... นึกว่าใคร” มัจฉาพูด “แล้วจะทำไม เจ้าจะทำอะไรเรา” อัสดรพูด “ก็ปล่าว... โดนเต็มๆยังเจ็บอยู่เลย ใครจะกล้าหละ” มัจฉาพูด “มีอะไรเหรอ” อังศุภาพูด “จะถูกขโมยแหวนไปอยู่แล้วยังไม่รู้ตัวอีก ชีวิตนี้เจ้ารู้อะไรบ้างไหม” อัสดรพูด อังศุภาไม่ได้เถียงอะไรออกไป “นี่อย่ามาว่าลูกเรานะ” มาลย์สุภัคเทวีเอ่ยขึ้น “โอ๊ย... มารยาอยู่ได้” อัสดรพูดและเดินไป “พระธิดาอย่าถือสาพระโอรสเลย พระโอรสอัสดรก็เป็นแบบนี้แหละ” ม้าเงินพูด “จะพี่ม้า พี่ม้าเงินตามเค้าไปเถอะ มัจฉาด้วย” อังศุภาพูด “ไม่เอาอะ พระโอรสอัสดรมันโหด มัจฉาจะไปกับพระธิดา” มัจฉาพูด “คิดจะหาทางเอาแหวนของพระธิดาไปหละสิ” ม้าทองพูด “ว่ายังไง... เถียงออกไหม” อังศุภาพูด “ไปก็ได้” มัจฉาพูดและเดินไป “เออ... อังศุภา พาแม่กลับไปที่วิศิษฏ์ธาตรีเถอะลูก เราไปอยู่ที่นั่นกันนะ ที่นั่นเป็นเมืองของเรา” มาลย์สุภัคเทวี อังศุภาลังเล “ว่ายังไงดีจ๊ะพี่ม้าทอง” อังศุภาพูด “ไปถามมันทำไม ม้าทองมันไม่อยากให้ลูกกลับไปกับแม่หรอก ลูกรักแม่ หรือว่ารักม้าทอง อังศุภาเชื่อแม่เถอะนะลูก... หรือว่าเจ้าก็ไม่รักแม่ สุรีย์รินทร์ก็ไม่รักแม่ ศศิจันทร์ก็อีกคน แล้วนี่ลูกยังจะไม่รักแม่อีกคนอย่างนั้นรึ” มาลย์สุภัคเทวีพูด “ก็ได้เพคะ” อังศุภาพูด
ในเมืองวิศิษฏ์ธาตรี “เสด็จแม่วิหคนภา บาดเจ็บตรงไหนรึปล่าวเพคะ” เขมแขวิ่งเข้ามาเฝ้าพระมารดา “โถ่เอ๊ย นังเด็กโง่ แค่ศรธนู มันจะทำอะไรเราได้ เราก็แค่ปล่อยมันออกไป แล้ววันนี้ มันก็ต้องกลับมา” วิหคนภาพูด พายุพัดมา วายุเทพ และ นภวิหงค์ปรากฏร่างขึ้น “วายุเทพ” วิหคนภาเอ่ยขึ้นและคุกเข่าลงพร้อมกับนภวิหงค์ “ทางนี้เป็นไงบ้าง” นภวิหงค์เอ่ยขึ้นถาม “ไม่มีปัญหานภวิหงค์พี่ข้า วายุเทพเจ้าแห่ง จงสบายใจได้ วันนี้มันต้องกลับมาอีก” วิหคนภาพูด “ดี... เจ้าให้มาลย์สุภัคเทวี หลอกเอาแหวนของพวกมันมาให้ได้” วายุเทพพูด “เพคะ” วิหคนภาพูด
หน้าตำหนักหนึ่งในวิศิษฏ์ธาตรี “เข้าไปข้างในกันเถอะลูก วิหคนภาคงไม่อยู่ที่เมืองนี้แล้ว” มาลย์สุภัคเทวีพูด “เพคะเสด็จแม่” อังศุภาพูด
ตัวอย่างตอนต่อไป
“สร้อยสัญญาไม่เคยบอกเจ้าเลยรึไง ว่าเราผูกพัน เราเป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน” อังศุภาพูด “เจ้าไม่ใช่พี่น้องของเรา แล้วเราก็ไม่เคยสาบานอะไรกันด้วย” อัสดรพูดและเดินไป
“วารพุธ เจ้าหยุดเดินซะทีสิ” พุทธิกรพูด วารพุธหยุดเดินกะทันหันและหันมาถีบพุทธิกร และ กำหมัดเตรียมพร้อม “เมื่อวานอัสดรไม่มีเหตุผลกับอังศุภา” วารพุธพูด “แล้วไง ก็อังศุภาใจอ่อนเองหนะ” พุทธิกรพูด “พวกเจ้ามันแย่... ไม่รู้จักเอาใจเค้ามาใส่ใจเรา ไม่ได้เรื่องเลยซักคน” วารพุธพูด “แล้วจะให้ทำไง ถ้าปล่อยให้วายุเทพเอาแหวนของเจ้าไปได้ แล้วทีนี้ เจ้าก็ต้องมาเป็นภาระอยู่ดี ยังไงซะ พวกเจ้ามันก็ภาระของเราอยู่แล้ว” พุทธิกรพูด “เราไม่ได้ทำตัวเป็นภาระใคร” วารพุธเถียง
ความคิดเห็น