ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แหวนยุคล

    ลำดับตอนที่ #10 : ความอบอุ่นที่ขาดๆเกินๆ

    • อัปเดตล่าสุด 25 เม.ย. 50


    กลางป่า เจ้ามัจฉากำลังย่างไก่ป่าอยู่ ศุภวาร กับ ม้าทองไม่อยู่ ศุภฤกษ์เอ่ยถามพระมารดาอีกครั้งว่า เสด็จแม่พระเจ้าข้า ลูกอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับเสด็จพ่อบ้าง ศุภฤกษ์พูด อย่ารู้เลยลูก แม่ไม่อยากพูดถึงอีก รัตนวรางพูด เสด็จพ่อทำอะไรเสด็จแม่ เสด็จพ่อทรงเกลียดชังพวกเราถึงขนาดที่พบกันไม่ได้เชียวหรือพระเจ้าข้า ศุภฤกษ์พูด แล้วเจ้าจะรู้ไปทำไม แม่ไม่เข้าใจเหตุผลของเจ้า เสด็จพ่อของเจ้าจะฆ่าเรา จะฆ่าแม่ แล้วก็จะฆ่าเจ้า เค้าไม่รักเราจะพูดถึงเค้าทำไมหละลูก รัตนวรางพูด พ่อที่ไหนจะทำกับลูกแบบนั้น เสด็จแม่นั่นแหละที่พรากลูกมาจากเสด็จพ่อ มีเหตุผลอะไรที่เสด็จแม่ต้องลงมาจากวิมาน ทำไมเสด็จแม่ต้องพาลูกมาด้วย แล้วพระเชษฐาของลูกหละพระเจ้าข้า ทำไมเสด็จแม่ไม่พาลงมาด้วย ศุภฤกษ์พูด พี่เจ้าอยู่บนวิมานหนะดีอยู่แล้ว แม่ไม่อยากพามาให้ตกระกำลำบาก รัตนวรางพูด แต่ว่าพาลูกมาตกระกำลำบากได้ใช่ไหมพระเจ้าข้า ศุภฤกษ์พูดอย่างน้อยใจพระมารดา แม่มีเหตุผลที่จะต้องพาเจ้ามาด้วย จำเอาไว้อย่างเดียวนะศุภฤกษ์ แม่ทำทุกอย่าง เพื่อปกป้องเจ้า แม่รักเจ้า รัตนวรางตะโกนใส่พระโอรสและเดินไปนั่งเงียบที่ต้นไม้อีกอีกต้น ศุภฤกษ์น้ำตาค้างเลย พระโอรส อย่าถามเสด็จแม่อีกเลยนะพระเจ้าข้า ม้าเงินพูด ถ้าเรารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ เราจะไม่ถามเสด็จแม่ให้เสียเวลาเลยหละพี่ม้า ศุภฤกษ์พูด มัจฉะเดินมาพร้อมกับไก่ย่าง นี่ของเสด็จแม่ มัจฉาส่งไก่ย่างให้รัตนวราง ขอบใจ รัตนวรางพูด มัจฉาเดินมาที่ศุภฤกษ์ นี่ของเสด็จลูก... สมน้ำหน้าเสด็จแม่โกรธเลย มัจฉาพูดเบาๆ ไอ้มัจฉา ศุภฤกษ์ลุกขึ้นยืน นี่อะไรหนะศุภฤกษ์ มีอะไรนักหนา ต้องใช้กำลังเชียวเหรอ รัตนวรางพูด ศุภฤกษ์นั่งลง มัจฉาแค่ล้อเล่นหนะ ขอโทษนะ ขอโทษขอโทษ มัจฉาพูด ไปไกลๆไป ศุภฤกษ์พูด พระโอรสไล่แล้วก็รีบไปสิ ม้าเงินพูด ไปก็ได้ พูดอยู่ได้ไอ้ม้าปากมาก มัจฉาพูดและวิ่งไป

    ศุภวารนั่งอยู่บนต้นไม้ เก็บผลไม้อยู่ ม้าทองทำตัวเล็กๆบินอยู่ใกล้ๆ พี่ม้า... ทำไมเราถึงหาเสด็จแม่ไม่พบซักที ศุภวารพูด เพราะวายุเทพนั่นแหละพระธิดา ม้าทองพูด อะไรอะไรก็วายุเทพทุกที เทพองค์นั้นจะเอาอะไรกันนักหนา ศุภวารพูด เอาชีวิตของพระโอรส และ พระธิดาไง ม้าทองพูด นี่ถึงขนาดนั้นเชียวเหรอ งั้นเราจะเข้าไป ให้เค้าเอาชีวิตของเราไปเลย เพื่อแลกกับชีวิตของเสด็จแม่ ศุภวารพูด พวกนั้นเอาชนะ หรือฆ่าพระโอรส และ พระธิดาตอนนี้ไม่ได้หรอก ม้าทองพูด ทำไมละจ๊ะพี่ม้าทอง ศุภวารสงสัย เพราะยังหาอาวุธที่สังหารทำลายแหวนยุคลไม่ได้หนะสิ ม้าทองพูด งั้นเราก็ต้องทนทรมานแบบนี้นาเหรอจ๊ะ ศุภวารพูด พระเจ้าข้า ม้าทองพูด ไอ้มัจฉาก็เดินมา ทรมานแบบนี้หนะดีแล้ว ถ้าขืนมีความสุข ก็พากันลืมมัจฉาพอดี มัจฉาวิ่งมา มาอีกแล้ว ม้าทองพูด ทำไมไอ้ม้าปากมาก ป่านี้เป็นของเจ้ารึไง ข้าถึงไปไหนมาไหนไม่ได้หนะ มัจฉาพูด พอเถอะพี่ม้า ไอ้ปลานรกนี่พูดไม่รู้เรื่องหรอก เอาแต่กวนไปวันๆ ศุภวารพูดและถอนหายใจ โถพระธิดาของพี่ม้าทอง ม้าทองพูด

    เย็นย่ำค่ำลงแล้ว สีดำมืดเริ่มแผ่ขยายเต็มท้องนภา ตะวันลับขอบฟ้าไปแทนที่ขึ้นมาเป็นดวงจันทร์ ดวงดาราน้อยใหญ่ประดับอยู่บนท้องฟ้า ศุภวารนั่งมองภาพนั้นอยู่เงียบๆเพียงลำพังในมุมหนึ่ง ศุภฤกษ์เดินมา เหม่อมองอะไรอยู่ศุภวาร ศุภฤกษ์ถามอย่างเป็นมิตร มองดูดวงตะวัน กับ ดวงจันทราสลับเปลี่ยนกันทำหน้าที่ไงหละ ศุภวารพูด ของเหมือนกับพวกเรานะ สลับเปลี่ยนกันทำหน้าที่ เราก็ออกมาได้แค่วันศุกร์เท่านั้น เมื่อกับดวงตะวัน ที่อยู่บนฟ้าเฉพาะเวลากลางวัน และเหมือนดวงจันทร์ที่อยู่บนฟ้าได้เฉพาะเวลากลางคืน ศุภฤกษ์พูด ช่างเปรียบเทียบจริงๆ เราดูอยู่ตั้งนานไม่เห็นคิดออกเลย ศุภวารพูด พี่ม้าบอกกับเราเรื่องสร้อยสัญญา ศุภฤกษ์พูด สร้อยสัญญา... ศุภวารแปลกใจ ศุภฤกษ์จับสร้อยคอของตนขึ้นมา อ๋อ เจ้าหมายถึงสร้อยนี่นาเหรอ ศุภวารถอดสร้อยออกมา ทั้งสองเอาสร้อยเทียบกัน เหมือนจนหาความแตกต่างไม่ได้เลย ศุภวารพูด พี่ม้าบอกเราว่า พวกเราเคยสัญญากันด้วยสร้อยนี้ ศุภฤกษ์พูด อ๋อ ถึงเรียกว่าสร้อยสัญญาใช่ไหม ศุภวารพูด เราบอกให้เจ้ารู้เจ้าจะได้ใช่สร้อยสัญญา สื่อจิตมาถึงเราเวลาเกิดเรื่อง ศุภฤกษ์พูด

    คืนนั้น มืดสนิท ศุภวารนอนหลับอยู่ที่โคนต้นไม้ต้นหนึ่ง ศุภวารฝันไปว่า เดินอยู่ในเมืองร้างเมืองหนึ่งเพื่อตามหาพระมารดา เสด็จแม่... เสด็จแม่เพคะ เสด็จแม่... เสด็จแม่ทรงอยู่ที่นี่รึปล่าวเพคะ ศุภวารร้องเรียกแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับใด รู้สึกเพียงเห็นไฟลุกขึ้นท่วมเต็มไปหมดช่างร้อนเหลือเกิน พระโอรสศุภฤกษ์สะกิดศุภวารให้ตื่นขึ้นมารับมือกับสิ่งชั่วร้ายที่คืบคลานเข้ามาหา ตอนนี้มันล้อมรอบ ศุภฤกษ์ ศุภวาร รัตนวราง ม้าเงิน ม้าทอง และไอ้มัจฉา สิ่งที่ว่านี้ก็คือไฟ... ฑาหก... เจ้าใช่ไหม ศุภวารพูด ขอบใจที่ยังจำกันได้ ใช่เราเองฑาหก แวะมาบอกเรื่องแม่ของเจ้าหนะ ฑาหกพูด เสด็จแม่ของเราอยู่ที่ไหน ศุภวารรีบถามกลับทันที วิศิษฏ์ธาตรี ฑาหกพูด รู้แล้ว แต่ว่าวิศิษฏ์ธาตรีอยู่ที่ไหนกันหละ ศุภวารพูด บุปผาสวรรค์ ที่ใช่ข้ามภพนั่นแหละ ฑาหกพูดและหายตัวไป ไฟร้อนแรงแผดเผาก็ดับมอดลงสนิท หมายความว่ายังไงกันแน่ รัตนวรางพูด เรารู้แล้ว... ที่ม้าบอกเราทีว่าจะเอาบุปผาสวรรค์ได้จากที่ไหน ศุภวารพูด เทพธิดาบุบผาไง ม้าเงินพูด ถ้างั้นเราไปหาเทพธิดาบุปผากันเถอะ ศุภวารพูด นอนพักก่อนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยไป ม้าทองพูด ใช่แล้วลูกศุภวาร ดึกมากแล้วด้วย รัตนวรางพูด

                เมื่อตะวันขึ้น พระโอรสศุภฤกษ์ ก็เปลี่ยนเป็นพระโอรสอีกพระองค์ พระธิดาศุภวาร ก็เปลี่ยนเป็น พระธิดาพระองค์สุดท้ายเสียที พระโอรส และ พระธิดาน้อยตื่นขึ้นมา รัตนวรางตื่นขึ้นมาก็รีบเข้ามากอดพระโอรสน้อยเอาไว้ ลูกแม่...คนสุดท้ายแล้วสินะ...ศนิศักดิ์ รัตนวรางพูด พระธิดาน้อยพระองค์สุดท้ายมองดูน้ำตาคลอ ไม่ไหร่เราจะได้กอดกับเสด็จแม่ของเราแบบนี้บ้าง พระธิดาน้อยพูด อีกไม่นานหรอกพระเจ้าข้า พระธิดาเสาวภา ม้าทองพูด ใช่จะ วันนี้พวกเราจะไปหาเทพธิดาบุปผา เพื่อขอบุปผาสวรรค์แล้ว รัตนวรางพูด ถ้างั้นก็รีบไปกันเถอะเพคะ เสด็จป้า พี่ม้าเงิน พี่ม้าทอง เสาวภาพูด เจ้ารีบไปไหนหละ ดูไอ้มัจฉาสินอนหลับน้ำลายยืดอยู่เลย มันยังไม่เห็นรีบเหมือนเจ้า ศนิศักดิ์พูด ก็นั่นมันไอ้ปลานรกนี่นา จะเอามาเปรียบเทียบกับไดยังไง เสาวภาพูด อย่ามัวต่อล้อต่อเถียงกันเลยลูก แม่ว่ารีบไปกันดีกว่า รัตนวรางพูด พระเจ้าจ้า ลูกเชื่อเสด็จแม่ ศนิศักดิ์พูดและหันไปทางมัจฉา กำพลังบางอย่างไว้ในมือขวา และปล่อยพลังนั้นใส่มัจฉา เป็นน้ำทำให้มัจฉาตกใจตื่น โอ๊ย... เสด็จแม่หนะ ทำไมไม่รู้จักสั่งสอนเสด็จลูกบ้าง เสียมารยาทจริงๆคนกำลังหลบกำลังนอน มัจฉาพูด จะตามไปไหม... ถ้าไม่ตาม ก็หลับต่อ เสาวภาพูด ไปๆๆ พระธิดานี่ก็อีกคน ไม่มีแม่คอยสั่งสอน ดีแต่ตะโกนกระแทกหูคนอื่นไปวันๆ มัจฉาพูด เสาวภานิ่งไปท่าทางจะน้ำตาคลอด้วย ไอ้มัจฉา เจ้ามันทำเรื่องอีกแล้วนะ เป็นยังไงบ้างพระเจ้าข้าพระธิดา ม้าเงินพูด เจ้านั่นแหละ ไอ้มัจฉา ที่ไม่มีใครสั่งสอน ม้าทองเสริม พอเถอะจะพี่ม้าทอง... ก็เราไม่มีเสด็จแม่คอยสั่งสอนจริงๆนี่จ๊ะ เสาวภาเหมือนจะร้องไห้ รัตนวรางเดินเข้ามา โอบกอดพระธิดาน้อยเอาไว้ อย่าห่วงเลยนะเสาวภา เจ้ามาเป็นลูกแม่อีกคนก็ได้ อีกไม่นานเจ้าจะได้เข้าไปในเมืองวิศิษฏ์ธาตรี อีกแค่นิดเดียวเท่านั้นนะลูก รัตนวรางปลอบใจ พระธิดาน้อยตั้งสติได้แล้ว งั้นรีบไปเถอะพี่ม้า เสาวภาพูด

                กลางอากาศ ระหว่างการเดินทาง ฝนตกกระหน่ำลงมา พี่ม้าไว้ไหม ศนิศักดิ์พูด ไม่ไหวก็ต้องไหวพระเจ้าข้า ม้าเงินพูด หน้าที่ของพี่ม้าคือต้องพาพระโอรส และพระธิดาไปให้ถึง ม้าทองพูด แต่ท่าทางเจ้าไม่ไหวแล้วนะ รัตนวรางพูด ลงไปเดินข้างล่างกับเจ้ามัจฉาก็ได้ ถ้าพี่ม้าต้านไม่ไหว เดี๋ยวอาจจะทำให้บาดเจ็บ เสาวภาพูด พระเจ้าข้า ม้าเงิน และ ม้าทองพูดพร้อมกัน

                ท่าทางฝนที่สาดกระหน่ำจะบางลงแล้ว น้ำตกงดงามร่มรื่น รายรอบไปด้วยดอกไม้นานาชนิด นกน้อยๆบินล่องลอย บริเวณนี้ช่างดูอุดมสมบูรณ์กว่าที่อื่นๆ น้ำตกดูใสสะอาดดอกไม้หลากสีที่เรียงรายริมน้ำตก ประดุจสายสร้อยร้อยวางไว้รอบๆ ที่นี่นาเหรอ ที่ของเทพธิดาบุปผา ศนิศักดิ์พูด สวยจัง น้ำใสที่สุดเลย มัจฉาพูด เทพธิดาบุปผา เรามีเรื่องต้องขอร้องท่าน รัตนวรางตะโกนออกไป เทพธิดาผู้แสนสง่างามปรากฏร่างขึ้นใต้ร่มเงาต้นไม้ใหญ่ริมน้ำตก อาภรณ์ช่างสดสวยและสง่างามยิ่งนัก เสาวภาก้าวเข้าไปนิดหน่อยและคุกเข่าลงทันที เทพธิดาบุปผา หม่อมฉันอยากขอพระกรุณาจากพระองค์ เสาวภาพูด เจ้าต้องการอะไรหละ เสียงอ่อนโยนลื่นหูเอ่ยขึ้น บุปผาสวรรค์เพคะ มีคนบอกหม่อมฉันว่า บุปผาสวรรค์จะทำให้หม่อมฉันได้พบเสด็จแม่ หม่อมฉันต้องการช่วยเสด็จแม่ ให้พ้นจากศัตรู เสาวภาพูดน้ำตาคลอ เราเข้าใจในความปรารถนาของเจ้าแล้ว เทพธิดาบุปผาพูด

           ฟ้าหลังฝนช่างงดงาม รุ้งพาดผ่านฟากฟ้า ทอจรัสกลางเวหา ทอดจากขอบฟ้าด้านหนึ่ง มายังอีกด้านหนึ่ง เป็นสะพาน สายรุ้งทอเป็นสะพานสองสาย สะพานรุ้งคู่ ม้าเงิน และ ม้าทองส่งเสียงพร้อมกัน ทุกคนต่างหันไปมองพระธิดาเสาวภาลุกขึ้นยืน และแล้ว ปรากฏการณ์นี้ ก็ทำให้ สุริโย จันทภพ อัสดร พุทธิกร เพชรการณ์ ศุภฤกษ์ แยกออกมาจากร่างของศนิศักดิ์ พระโอรสทั้งหกกระโดดออกมาจากร่างของพระโอรสศนิศักดิ์ทีละคนจนครบ เช่นเดียวกันกับพระธิดา สุรีย์รินทร์ ศศิจันทร์ อังศุภา วารพุธ พฤกษ์พิศ ศุภวารกระโดดออกมาจากร่างของพระธิดาเสาวภา






    ตัวอย่างตอนต่อไป


    ยามนั้นฟ้ายังครึ้มๆ อยู่ๆก็หนาวขึ้น สุรีย์รินทร์เดินต่อไป ความหนาวเริ่มหนักขึ้นทุกที สุรีย์รินทร์โอบตัวเองเอาไว้ โอ๊ย... สุรีย์รินทร์เริ่มรู้สึกชาแล้ว โอ๊ยชาไปทั้งตัวแล้ว สุรีย์รินทร์พูด ขยับตัวแทบไม่ได้แล้ว สุริโย... สุรีย์รินทร์ส่งเสียงดังลั่น
    เราคือนางพญาแห่งความหนาวเย็น สิ่งที่จะทำให้เจ้าสะท้านไปทั้งใจแล้วก็หนาวตายไปในที่สุด นามของเราคือเหมันตรา เหมันตราพูด
    สุริโย... ลูกแม่ รัตนวรางตามมาและวิ่งเข้ามากอดสุริโยเอาไว้ แล้วก็มีพลังบางอย่างทำให้อุ่นขึ้นอย่างหน้าประหลาด มีแสงๆหนึ่งเปล่งขึ้นเจิดจ้า แม้แต่พระธิดาสุรีย์รินทร์ที่แทบจะหนาวตายอยู่แล้วยังรู้สึกดีขึ้น ตื่นขึ้นมา
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×