ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทองเนื้อเก้า

    ลำดับตอนที่ #63 : สีแดงก่ำโกเมนเอก สีหมอกเมฆนิลกาฬ มุกดาหารหมอกมัว แดงสลัวเพทาย สังวาลสายไพฑูรย์

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 719
      1
      24 เม.ย. 51

    เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี เจ้าศิลาแลง ผู้ชั่วร้ายก็สิ้นใจไปแล้ว ด้วยเพลิงกินรีของไอศิกา และ พลังแห่งแหวนอัญมณีทั้งสิบ ทุกอย่างกลับสู่ความสงบอีกครั้ง

                    แก้วตาแมวหนึ่งสังวาลสีรุ้งพาด                       งามผุดผาดแปลกเนตรเป็นหนักนั่น

    รุ้งสังวาลหรือไพฑูรย์ทรงสุวรรณ                                   เล่าลือกันคือเทพแห่งความตาย

                    ผู้ครอบครองคือธิดาแห่งนาคี                            นามนารีแก้วไพฑูรย์อันเฉิดฉาย

    วิสัยนางแก่นแก้วแววประกาย                                          ที่พร่างพรายอยู่นัยน์ตาช่างน่ายล

                    สิทธิราชผู้ฝันใผ่ใจนางนั้น                               หนึ่งสวรรค์บันดาลให้เกิดผล

    เหมือนบุญกรรมปางก่อนมาย้อนดล                                อยากผจญทุกสิ่งเคียงข้างนาง

    แก้วไพฑูรย์เดินเล่นอยู่ในอุทยาน เป็นยังไงบ้างหละ แม่คนเก่ง ตัดสินใจได้รึยัง สิทธิราชพูดแล้วเดินมาข้างหลังนาง ไม่ไป บอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ บ้านเรามีสองที่ของที่นี่ มณีนพรัตนาแห่งนี้ แล้วก็นครบาดาล เราไม่ไปอยู่ที่อื่นหรอก เจ้านั่นแหละ กลับบ้าน กลับเมืองของเจ้าได้แล้ว อย่าปล่อยให้บัลลังก์ร้างนานๆนะ เราเตือนไว้ก่อน ระวังจะมีคนคิดก่อกบฏ แก้วไพฑูรย์พูด เอะเจ้านี่ยังไง เจ้าแช่งบ้านเมืองเราชัดๆ สิทธิราชพูด ใช่... ก็มันน่าไหมหละ ไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย อยู่ๆก็ชวนไปบ้านเมืองด้วย เราไม่ไปหรอก แก้วไพฑูรย์ นี่ แก้วไพฑูรย์ รู้หรือไม่บ้านเมืองเราขาดมเหสีนะ ถึงกษัตริย์ แต่ก็ไม่มีมเหสี เจ้าจะช่วยไปเป็นมเหสีให้เราได้ไหมหละ จะได้ช่วยกันปราบกบฏไงเล่า หากว่าคำแช่งของเจ้าเป็นจริงขึ้นมาหนะ สิทธิราชพูด จะบ้าเหรอ แก้วไพฑูรย์พูด สิทธิราชถือวิสาสะโอบกอดนางจากด้านหลัง ไปกับเรานะ ให้สมกับที่เราสู้อุตส่าห์ตามมา สิทธิราชพูด นี่... ปล่อยนะ ใครใช้ให้ตามมาหละ แก้วไพฑูรย์พูด คิดว่าใคร ก็ใจเราไงเล่า สิทธิราชว่า

                    หนึ่งในแก้วแวววาวมณีรัตน์                             ที่พราวภัทรเพทายประกายแสง

    สีสลัวมัวครึ้มระเรื่อแดง                                                     คือเทพแห่งปริศนาในวาที

                    ผู้ครอบครองคือธิดาโสภาลักษณ์                      ที่ประจักษ์ครองแหวนวิศิษฏ์ศรี

    พระนามเพราะเหมาะจริงมิ่งมณี                                      นามนารีพิมพ์เพทายพรายรัตนา

                    สมุทรักษ์ศักดาแสนสูงส่ง                                  ด้วยพระองค์ทรงยศพระเจ้าฟ้า

    คือกษัตริย์เศวตสรวงนครา                                                ที่ตามมาด้วยหมายน้องลาวัณย์

    พิมพ์เพทายเดินเล่นอยู่ที่ในเขตพระราชฐาน สมุทรักษ์ก็เดินมา พิมพ์เพทาย... เราจะกลับเศวตสรวงแล้ว เราเคยบอกเจ้ารึยัง เรามาตามว่าที่มเหสีของเศวตสรวงไงเล่า ถ้อยคำนี้ดังแว่วขึ้นในหูของพิมพ์เพทาย คงเคยมั้ง อย่าพูดซ้ำเลย พิมพ์เพทายพูด ไม่... ไม่ซ้ำหรอก เจ้ารู้เหรอเราจะพูดอะไร สมุทรักษ์พูด พิมพ์เพทายมีทีท่ากังวล สมุทรักษ์คว้ามือนางมากุมไว้ พิมพ์เพทาย... เราบอกว่าไม่ซ้ำ ก็คือไม่ซ้ำ เราจะขอ ให้เจ้าไปอยู่กับเรานะ ที่ผ่านมา เจ้าน่าจะดูออกว่า เรารู้สึกยังไงกับเจ้า สมุทรักษ์พูด พิมพ์เพทายก้มหน้า หลบสายตาของสมุทรักษ์ พิมพ์เพทาย ไปเป็นมิ่งขวัญของเรา ที่เศวตสรวงเถิด สมุทรักษ์พูด พิมพ์เพทายอมยิ้มแต่ก็ไม่กล้าเอื้อนเอ่ยเป็นคำตอบ มั่นใจนะ เรารักเจ้าเข้าแล้วหละ สมุทรักษ์ว่า พิมพ์เพทายก้มหน้า เพคะ องค์เหนือหัวเศวตสรวง พิมพ์เพทายว่า

                    แก้วมณีเทียมจันทร์อันงามงด                            ช่างช้อยชดล้ำค่าน่าฝันใฝ่

    คือมุกดาอันอ่อนหวานที่ต้องใจ                                        พิสุทธิ์ใสคือเทพีโชคชะตา

                    จันทรัตน์นารีที่อ่อนหวาน                 ธิดากานต์ผู้สุดแสนเสน่หา

    ไปที่ไหนล้วนแต่มีคนเมตตา                                             โชคชะตาของนางช่างดีจริง

                    วิชิตเชษฐ์ผู้ชื่อว่ากบฏ                                         เปลี่ยนพระยศขึ้นผงาดนาถหนึ่งสิงห์

    ผู้หมายปองน้องนางไม่ประวิง                                         นางเป็นมิ่งขวัญหทัยไม่เปลี่ยนแปลง

    ที่นภาภัทรนคร จันทรัตน์ขัตติยะนารียืนแน่นิ่งอยู่ริมหน้าต่างด้วยสีหน้าแววตาราบเรียบ ร่างหนึ่งสวมกอดนางจากด้านหลัง เจ้าพี่ นางหันไปเรียกผู้ที่เข้ามา จันทรัตน์... พี่เห็นเจ้าเศร้าใจ ไม่รู้เหตุว่าเรื่องใด เจ้าจะบอกพี่ได้หรือไม่ วิชิตเชษฐ์พูด หม่อมฉันคิดถึงเสด็จแม่ คิดถึงพี่น้องเพคะ แล้วก็เหงาด้วย วันๆเจ้าพี่ก็เอาแต่ว่าราชการ จันทรัตน์ว่า โถ่จันทรัตน์ จะให้พี่ทำยังไงเล่าพี่จำเป็นต้องดูแลทุกข์สุขของคนอีกมากมาย วิชิตเชษฐ์พูด แล้วทุกสุขของน้องหละเพคะ จันทรัตน์พูด จันทรัตน์... น้องพูดแบบนี้ก็หมายความว่า... น้องเริ่มรู้สึกรักพี่แล้วใช่หรือไม่จันทรัตน์ วิชิตเชษฐ์พูด ไม่รักก็คงจะผูกพันแล้วกระมังเพคะ จันทรัตน์ว่า พี่ดีใจนะ จันทรัตน์ ต่อไปพี่จะ ไม่ให้เจ้าต้องเหงาอีกแล้ว แต่ตอนนี้พี่ต้องการคำยืนยันว่าน้องรู้สึกอย่างไรกับพี่ และ รู้สึกยังไงกับศิรสิทธิ์ วิชิตเชษฐ์พูด น้องเห็นศิรสิทธิ์เหมือนพี่ชาย ส่วนเจ้าพี่ก็คือพระสวามีที่แสนดี จันทรัตน์ว่าพลางยิ้มให้อย่างอ่อนโยน แค่นั้นก็ทำให้วิชิตเชษฐ์ชุ่มชื่นหัวใจนักหนาโอบกอดนางไว้แน่

    นิลกาฬสีสันนั้นราบเรียบ                                  ถ้าเปรียบเทียบคงดูไร้สีสัน

    คือสีดำล้ำลึกพอนึกพลัน                                                    ก็อยากผันเวลาได้ดังใจ

                    ผู้ครอบครองคือนาคีธิดาราช                             อนงค์นาฏมณีกาฬพิสุทธิ์ใส

    กริยาแก่นกล้าแต่เยาว์วัย                                                     ผ่องอำไพงามพักตร์พระเพียงเดือน

                    องค์คิมหันต์โอรสหิรัญราช                               ก็มุ่งมาดปรารถนาประหนึ่งเหมือน

    เมื่อพบนางหวั่นไหวให้สะเทือน                                     เหมือนลั่นเลื่อนสะเทือนคลอนในฤทัย

    กลางห้วงท้องทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาล สำเภาใหญ่ลอยล่องอยู่ในสายนทีเคลื่อนไปอย่างช้าๆอยู่นั่น บนสำเภา มณีกาฬปานปรียารัตน์ธิดานาคราชยืนเหม่อมองไปยังห้วงทะเลในห้วงคำนึงซึ่งวันแห่งความสูญเสียเมื่อครั้งยังเยาว์ คิมหันต์เป็นประหนึ่งที่พึ่งของนางเดินมาโอบไหล่ มณีกาฬ เรื่องราวต่างๆ ผ่านมาแล้ว ก็ผ่านไป แล้วก็กลายความหลัง เจ้าคงกำลังนึกถึงความหลังที่เศร้าใจอยู่ใช่หรือไม่ คิมหันต์พูด มณีกาฬไม่มีคำตอบที่เป็นคำพูดนางเพียงแต่พยักหน้า คิมหันต์เข้าใจความรู้สึกของนางดี อย่าคิดมากเลยมณีกาฬ นึกถึงความหลังที่คิดแล้วสบายใจดีกว่า เจ้าจำวันนั้นได้หรือไม่ วันแรกที่เราพบกัน คิมหันต์พูด มณีกาฬคิดไปถึงคราวที่ลอยแพมาอย่างอ่อนแรง มณีกาฬ เจ้ารู้ไหมแรกเห็นเราคิดว่าเจ้าเป็นนางฟ้าเสียด้วยซ้ำ คิมหันต์พูด มณีกาฬยิ้ม นางหันมาสบตาคิมหันต์แล้วว่า คิมหันต์... เราขอบใจนะ ขอบใจจริงๆสำหรับทุกอย่าง เราคงปฏิเสธความรู้สึกของเราไม่ได้อีกแล้ว มณีกาฬพูด เราก็เช่นกัน เรารักเจ้า คิมหันต์ว่าพลางโอบกอดนางไว้

                    แก้วโกเมนวิศิษฏ์ศรีแสนทรงค่า                       ล้ำราคาแดงก่ำน่าหลงใหล

    คือมณีสีแดงแผลงหนึ่งไฟ                                 คือเทพไท้ผู้พินิจคิดกรองการ

                    กิ่งโกมินทร์นามเพราะช่างเหมาะมั่น              ศรีสวรรค์เพียบพร้อมทั้งอาจหาญ

    คือธิดานารีเยาวมาลย์                                                          ชัยชาญฉลาดเฉลียวกว่าผู้ใด

                    เทวอสุผู้ครองคัมภีร์เทพ                                     ที่สังเขปเรื่องมณีพิสุทธิ์ใส

    คือตำรานพเก้าพิชิตภัย                                                       คือคู่ใจหนึ่งอาทิตย์ที่คู่จันทร์

    ดินแดนอันราบเรียบเงียบเชียบไร้ผู้คน แดนนั้นมิได้มีสิ่งใดน่าเจริญตาเจริญใจเลยสักนิด เทวอสุถือคัมภีร์มาวางบนแท่นศิลาคืนที่ที่มันควรจะอยู่ กิ่งโกมินทร์จ้องมองการกระทำนั้นด้วยสายตาที่สนใจ นางมองไปรอบๆด้านในที่แห่งนั้นไม่มีอะไรจากความเงียบและความมืดมน เจ้าอยู่ของเจ้าได้ยังไง เทวอสุ คนสักคนก็ไม่มี แถมยังไม่มีอะไรน่าเจริญตาเจริญใจเลย แบบนี้จิตใจเจ้าก็ด้านชาไปหมดสิ กิ่งโกมินทร์พูด ไม่ด้านชานะ เพราะเรามีความรู้สึก มีหัวใจไงกิ่งโกมินทร์ เจ้าจะลองสัมผัสมันดูก็ได้ เทวอสุกุมมือกิ่งโกมินทร์มาแนบอก รู้สึกได้ถึงมันไหม เจ้าได้ยินหรือไม่ เสียงของมัน ได้ยินไหมว่ามันว่าอย่างไร เทวอสุพูด กิ่งโกมินทร์ดึงมือกลับมา เราไม่ได้ได้หมายความว่าเจ้าไม่มีหัวใจสักหน่อย กิ่งโกมินทร์พูด งั้นเจ้าต้องการให้มีอะไรเจ้าก็จัดการไปเลยสิ ต่อไปเจ้าจะได้อยู่ที่นี่อย่างมีความสุข เทวอสุพูด ใครบอกว่าเราจะอยู่ กิ่งโกมินทร์พูด กิ่งโกมินทร์ เรารู้นะว่าเจ้าใจตรงกับเรา เราจะกักเจ้าไว้แบบนี้แหละ ไม่ให้กลับ เทวอสุพูด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×