ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทองเนื้อเก้า

    ลำดับตอนที่ #60 : ความหวังสุดท้าย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 293
      0
      24 เม.ย. 51

    เราพึ่งมั่นใจวันนี้... ว่าเจ้าก็มิได้มีความรู้สึกไม่แตกต่างจากเราวชิรารัตน์พูด พระเจ้าข้า... ไม่ต่างเลย... ข้าพระองค์... รักพระขนิษฐาวชิรารัตน์ ศิรสิทธิ์พูดจากนั้นแพไฟที่ลอยออกไปก็พรากวชิรารัตน์ไปตลอดการ ศิรสิทธิ์พยายามจับมือนางไว้ให้แน่นที่สุดแต่ก็มิอาจรั้งไว้ได้ ได้มาเพียงแค่... ธำมรงค์อัญมณีที่นางสวมอยู่ คนอื่นๆต่างประคองกันมาเป็นคู่... น้องวชิรารัตน์ มรกตแผดเสียงเรียกขึ้นด้วยความเสียใจทรุดตัวลงน้ำตาไหล ปักษยุโอบกอดนางไว้อย่างปลอบโยน รดามณีก้มหน้าลงไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนี้ ตนพึ่งจะสูญเสียมารดาไป นี่ต้องสูญเสียขนิษฐาอีกหรือ ความรู้สึกของรดามณีนั้นแสดงออกมาทางแววตาที่ลึกลับ ศดิศรันย์ผู้ใกล้ชิดนางที่สุดในเพลานั้นสังเกตเห็นความทุกข์ของนางก็กุมมือนางไว้แน่น จันทรัตน์มิอาจมองได้หลบสายไปในอ้อมกอดของพระสวามี เราเหมือนต้นเหตุที่ทำให้เป็นแบบนี้ จันทรัตน์พูด ไม่มีหรอก... ต้นเหตุนั้นอยู่ในใจ ใจของวชิรารัตน์ กิ่งโกมินทร์พูด เทวอสุก้มหน้า ไม่คิดว่าโลกภายนอกจะเลวร้ายถึงเพียงนี้ ช่างต่างกับดินแดนของเราเหลือเกิน เทวอสุพูด ปีตมณีก้มหน้าไม่อยากจะเห็นภาพแพไฟที่ยู่ไกลลิบๆนั่น ปีตมณี... นั่นเจ้าร้องไห้อีกแล้วเหรอ ศักรศรว่า ปีตมณีเงยหน้าขึ้นมาสบตาศักรศร น้ำตารินอยู่อาบแก้ม หม่อมฉันเห็นใจวชิรารัตน์เพคะ... หม่อมฉันสงสารนาง นี่จะช่วยนางได้ยังไง ปีตมณีน้ำตาไหล ศักรศรเช็ดน้ำตาให้กับนาง พิมพ์เพทายส่ายหน้า นางแข็งกร้าว ยอมหัก แต่ไม่ยอมงอ สุดท้าย... จึงเป็นเช่นนี้ พิมพ์เพทายพูด นพคุณก้มหน้าด้วยความเศร้าใจ พระขนิษฐามณีกาฬพระเจ้าข้า... ข้าพระองค์อยากจะทูลขออะไรสักอย่าง ศิรสิทธิ์ว่า อะไรหละ มณีกาฬพูด ย้อนเวลาพระเจ้าข้า... ศิรสิทธิ์พลางก้มลงมาแหวนในมือที่ได้มาจากนิ้วของวชิรารัตน์ แหวนนั้นเปล่งแสงขึ้นเจิดจ้าและลอยขึ้นฟ้าแตกออกกลายเป็นแหวนทั้งเก้าวงกลับคืนสู่หัตถาของเจ้าของ ส่วนแหวนเพชรนั้น ศิรสิทธิ์รับไว้ ศิรสิทธิ์กุมแหวนของวชิรารัตน์แน่นพลางนำมาแนบไว้ที่ดวงใจ ภาพอดีตที่เกิดขึ้นปรากฏชัดในความคิดของศิรสิทธิ์ ปรากฏเด่นชัดในห้วงคำนึงนั้น จากวันแรกที่พบกัน ความช่วยเหลือที่เคยได้รับจากนาง และอีกมากมายหลายสิ่งหลายอย่าง

                    อย่านะ... อย่ากินเลย เจ้าทั้งสอง จันทรัตน์พูด ใช่ ถึงตายเชียวนะ วิชิตเชษฐ์พูด ทั้งสองพี่น้องไม่ฟังคำทัดทานใดๆ สุดที่ความอดทนของวชิรารัตน์จะรับไหวแล้ว เด็กผู้หญิงตรงเข้าไปพลิกสำรับคว่ำเสียหายจนกินไม่ได้ วชิรารัตน์... เสียงของสร้อยสายเพชรดังมาแต่ไกล ก่อนร่างที่ยุรยาตรมา เสด็จแม่... เด็กผู้หญิงทั้งสามเพรียกขึ้นอย่างตกใจ สร้อยสายเพชรดิ่งข้ากระชากแขนวชิรารัตน์มา แม่คงต้องทำโทษเจ้าแล้วนะวชิรารัตน์ แม่ก็ห้ามไว้แล้วนี่ แต่เจ้าไม่ใช่แค่มาดูด้วยซ้ำ เจ้ามาก่อเรื่องอะไรอีก จันทรัตน์ รดามณี ทำไมไม่ห้ามน้อง สร้อยสายเพชรพูด

                    ภาพเด็กผู้หญิงอันเต็มไปด้วยความร้ายกาจแต่พระทัยดี ช่วยเหลือตนนั้นยังตรึงอยู่ในความคิดของศิรสิทธิ์ไม่เสื่อมคลาย

    ปล่อยเราออกไป วชิรารัตน์ร้องไห้ กลัวด้วยหรือ พระนัดดาเคยถือวิสาสะเข้ามาอยู่กับข้าพระองค์ตามลำพังต่างหลายครั้ง ใยครั้งนี้ถึงกลัวนัก ศิรสิทธิ์ว่า

    คำพูดเหล่านี้ศิรสิทธิ์ก็ยังคงเก็บเอาไว้ โดยมิอาจมีใครล่วงรู้ได้เลยถึงความรู้สึก แลเหตุผลที่แท้จริงของศิรสิทธิ์จนกระทั่งมาถึงวันนี้ วันที่เจ้ายอดองค์รักษ์ยอมรับว่า... รัก...

    เมื่อเป็นพระราชประสงค์ของพระนัดดาแต่ต้น ข้าพระองค์จะสนองให้แล้ว เหตุใดจึงต้องขัดอีก ศิรสิทธิ์ว่า วชิรารัตน์ร้องไห้กรีดร้องสั่งไปเท่าไหร่ก็มิได้เป็นคุณ ศิรสิทธิ์คงมองเห็นน้ำตาของวชิรารัตน์ที่รินไหลชุ่ม ศิรสิทธิ์หยุดข่มเหงน้ำใจนาง แลเช็ดน้ำตาให้กับวชิรารัตน์ วชิรารัตน์พรวดลุกขึ้นตบหน้าศิรสิทธิ์อย่างแรงแล้วรีบเอาผ้าคลุมกายมาคลุมไว้แล้วรีบออกไปจากห้องนั้น

    ศิรสิทธิ์คิดไปอีกน้ำตาลูกผู้ชายก็จะไหลเสียให้จนได้ นารีนางหนึ่ง ซึ่งในจิตใจที่ลึกแล้วนั้นแสนดีเหลือเกิน ทว่าบอบช้ำด้วยการถูกทำร้ายจิตใจ เพลิงริษยาเข้าครอบงำนาง จนกริยาอัชฌาสัยที่แข็งกร้าวอยู่แล้วของนาง แข็งกร้าวมากยิ่งขึ้น หล่อหลอมจิตใจจนด้านชา หมดรักต่อคนที่เคยรัก สิ้นความปราณีต่อคนที่นางเคยเกื้อกูล ศิรสิทธิ์ยิ่งคิด ยิ่งเศร้าใจเมื่อนางที่นึกถึงนี้ไม่มีทางจะกลับมาพบตนได้อีกแล้ว ซึ่งความหวังสุดท้ายฝากไว้ที่... มณีกาฬ

    ในป่านั้น เงียบงัน คิมหันต์เดินมากับมณีกาฬ เราทำไม่ได้หรอก จิตเราไม่นิ่งพอ มณีกาฬพูด ต้องได้สิมณีกาฬ เราว่าจ้ำได้ เพราะเจ้าคือเทพ เทพผู้ครอบครองนิลกาฬ เทพธิดาแห่งกาลเวลา เจ้าทำได้ คิมหันต์ให้กำลังใจ ไม่... เราต้องทำไม่ได้แน่ๆ ทำไมทุกคนต้องฝากความหวังไว้กับเราด้วย มณีกาฬพูด เพราะทุกคนเชื่อมั่นไงมณีกาฬ ทุกคนรู้ว่าเจ้าทำได้ ลองดูเถอะนะ เราจะช่วยเจ้า คิมหันต์พูด มณีกาฬมีสีหน้าที่กังวลใจไม่มั่นใจเลยว่านางจะทำได้ มณีกาฬนั่งลงบนแท่นศิลา คิมหันต์ย่อตัวลงตรงหน้านางพลางจับมือทั้งสองข้างของนางไว้ หลับตาลง... แล้ววางทุกสิ่งที่อยู่ภายนอกออก หยุดคิด หยุดความวุ่นวายในใจไว้เพียงเท่านั้น คิมหันต์พูด มณีกาฬนั่งนิ่งและกำลังเข้าสู่สมาธิเพื่อพยายามที่จะย้อนเวลาตามคำขอของศิรสิทธิ์ มณีกาฬเริ่มนิ่งแล้ว คิมหันต์มองดูนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

                    เทพธิดากาลเวลาเริ่มมุ่งมั่น                                ศรีสวรรค์ภาวนาไม่หวั่นไหว

    เคียงข้างกายพระคิมหันต์เคียงหทัย                 หนึ่งแรงใจให้เกื้อให้การุณย์

                    เพียงพักเดียวร้อนพล่านขึ้นวูบวาบ                  เพลิงซ่านซาบสู่ใจให้หันหุน

    พระเสโทหลั่งไหลไม่เป็นคุณ                                          เดชะบุญหรือกรรมใดแผลงขึ้นพลัน

                    มณีกาฬแทบนิ่งอยู่ไม่ไหว                 เคียงฤทัยรั้งนางไว้มิให้ผัน

    ให้อดทนเถิดเจ้ายอดชีวัน                                                  นารีนั้นก็เลยนิ่งเฉยไป

                    นางกัดฟันรุ่มร้อนแทบกระอัก                         เหมือนได้รักช่วยประคองให้ผ่องใส

    ในกายนั้นรุ่มร้อนเหมือนฟอนไฟ                                   แผดเผาไหม้ทั้งใจแลกายิน

                    พอพลันหายคลายร้อนเมื่อผ่อนผัน                  นางก็พลับเหน็บหนาวแสนถวิล

    พระพักตร์ซีดเจียนใจจักพังภินท์                                     ยอดชีวินเย็นยะเยือกยิหวาคลอน

                    องค์คิมหันต์เห็นก็คิดจะช่วยเหลือ                   จะก่อเกื้อการุณย์มิถ่ายถอน

    จึงโอบกอดดวงใจเอกบังอร                                              หายอาวรณ์คลายหนาวด้วยอุ่นไอ

                    สงบไปในห้วงจิตเพียงชั่วครู่                            เจ้าโฉมตรูกระมิอาจจะนิ่งไหว

    กระสับกระส่ายวุ่นวายหวาดเกรงไป                               น้ำตาไหลกรีดร้องก้องพนา

                    พลันลืมเนตรขึ้นด้วยใจที่หวาดหวั่น               องค์คิมหันต์กุมมือยอดยี่หวา

    มณีกาฬกอดองค์ทรงศักดา                                                ยอดชีวาเหมือนหวั่นกลัวแลหวาดเกรง

    คิมหันต์โอบกอดมณีกาฬไว้อย่างเป็นที่พึ่ง มณีกาฬสะอึกสะอื้นด้วยความหวาดกลัวแลตกใจ มณีกาฬ... คิมหันต์เรียกขึ้นด้วยความห่วงใย

    บนแท่นศิลานั้น มณีกาฬนั่งอยู่โดยมีคิมหันต์อยู่ข้างๆ ทุกคนต่างล้อมหน้าล้อมหลังเพื่อฟังมณีกาฬเล่าถึงการเข้าสู่สมาธิของนาง ตอนแรก... เราก็รู้สึกเงียบๆ แล้วความรู้สึกมันก็เหมือนว่าจะร้อนขึ้นๆเรื่อยๆ เหมือนมีใครมาจุดเพลิงไว้ในใจอย่างนั้นเลย มันร้อนขึ้นทุกทีๆ แล้วมันก็รู้เป็นหนาวขึ้นอีก หนาวจนซีดสั่นไปหมด ความรู้สึกทุกอย่างของเราก็คือ... ชาไปหมด จนกระทั่งเราจะได้ความรู้สึกกลับมาก็ตอนที่... มณีกาฬเล่าไปพลางนึกถึงเหตุการณ์ตอนนั้น นางชาไปหมดทั้งร่างแล้วรู้สึกตอนที่คิมหันต์โอบกอดนางไว้เพื่อให้ความอบอุ่น เออ... พอเรารู้สึกว่าเราหายหนาว เราก็เหมือนถูกดูดเข้าไปยังโลกหนึ่ง น่ากลัวมาก เหมือนภูตผีปีศาจเต็มไปหมด เหมือนมีแต่พวกเสียงโหยหวนน่าสะพรึงทั้งนั้น มีเงาร่างน่าตาน่าเกลียดน่ากลัว มีแสงวูบวาบ เราทนไม่ไหว ทำไมถึงเป็นแบบนี้ก็ไม่รู้ มณีกาฬพูดด้วยสีหน้าท่าทางหวั่นใจ

    วิมานหนึ่ง งดงามน่าอยู่เหลือเกิน เป็นวิมานของเทพอยู่บนสรวงสวรรค์ เทพผู้เป็นเจ้าของที่แห่งนั้น ไอศิกานั่งบนพระแท่นยกมือไหว้เทพองค์นั้นอย่างนอบน้อม พระโอสถของพระองค์ดีจริงๆเพคะ แผลที่หลังหม่อมฉัน หายไปหมดแล้ว ไอศิกาพูดพลางยิ้มอย่างยินดี องค์เทพยิ้มตอบพลางพิศมองรอยยิ้มของนางอย่างเอ็นดู องค์มองไปชะงักหน้าเศร้าลงด้วยคำนึงถึงรอยยิ้มแบบนี้ที่เคยเห็น องค์เทพทรงมีพระนามว่าอะไรหรือเพคะ ทรงมีอะไรในพระทัยรึเปล่า ไอศิกาเอ่ย เราชื่อไอศวรรย์ เราเห็นรอยยิ้มเจ้า ก็อดนึกถึงชายาของเราไม่ได้ เราเฝ้าตามหานางมานานแสนนานแล้ว แต่ก็ไม่อาจพบนางได้แม้แต่เงา เราเสียใจ... องค์เทพไอศวรรย์รับสั่งด้วยน้ำเสียงหน้าเกรงขาม นางผู้นั้นคงมีรอยยิ้มเหมือนกับหม่อมฉัน... ไอศิกาหน้าเศร้าลงด้วย ใช่... ไม่เหมือนแต่ก็คล้ายมาก นารีน้อย... เจ้าชื่ออะไรรึ เป็นใครกัน ใยพระอินทร์จึงเอ็นดูเจ้ายิ่งนักถึงได้ให้ข้าลงไปช่วยไว้ องค์เทพไอศวรรย์รับสั่ง ไอศิกายิ้มออกมา หม่อมฉันมีสายเลือดครึ่งหนึ่งเป็นนางกินรี แลอีกครึ่งหนึ่งมีพระบิดาเป็นเทพ หม่อมฉันมีนามว่าไอศิกาเพคะ ไอศิกาตอบ ยินเท่านั้นองค์ไอศวรรย์เทพชะงักไป ไอศิกา... ไอศิการึ เทพไอศวรรย์รับสั่ง
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×