คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #38 : ฤๅสูญสิ้นมณีนพรัตนา
ที่อารยะมณี นานวันแล้วนพคุณก็ยังไม่กลับมาจากเที่ยวป่า ที่ท้องพระโรง อัญรัตน์เทวีได้เรียกเหล่าศิษย์ทั้งเก้านาง รวมไปถึงศิรสิทธิ์ และ ศดิศรันย์มาหารือกับท่านขุนวงศา “ผ่านไปหลายวันแล้ว นพคุณเก้าน้ำยังไม่กลับมา พวกเจ้าคิดเห็นว่าอย่างไรกันบ้าง ไหนลองแจงความคิดมาซิ” อัญรัตน์เทวีรับสั่ง “หม่อมฉันเห็นควรว่าเราน่าจะกลับกันก่อน พอพี่นพคุณเสด็จมา ก็ค่อยให้พี่เค้าตามไป แบบนี้น่าจะดีนะเพคะ” มรกตว่า “ทำไมถึงอยากกลับนักหละมรกต ไม่เห็นต้องรีบขนาดนั้น ท่าทางเหมือนเจ้าร้อนใจนัก” จันทรัตน์พูด “ร้อนสิ คนจากบ้านจากเมืองมานาน มิได้เหมือนเจ้านี่นาจันทรัตน์ แม้นไกลเสด็จแม่ แต่ก็ยังมีคนรักคนเอ็นดูไม่ขาด” วชิรารัตน์พูดจาแบบนี้ต่อจันทรัตน์เป็นประจำ ศิรสิทธิ์ถอนใจ ศดิศรันย์พอสังเกตได้ก็พูดจาเป็นเชิงหยอกล้อน้องชายของตนเบาๆว่า “ท่าทางดอกฟ้าสองดอกจะไม่ค่อยถูกกัน จะเด็ดทั้งสองดอกนั้นก็คงจะยากเสียแล้ว โถ่ น้องข้าช่างน่าเห็นใจเสียจริง แม้นพี่เป็นเจ้า จักเลือกพระนัดดาจันทรัตน์นั้นก็เห็นจะต้องหวั่นเกรงพระนัดดาวชิรารัตน์แน่ แต่แม้นจะเลือกวชิรารัตน์แล้วหละก็ คงอดเสียดายจันทรัตน์มิได้” ศดิศรันย์ว่า “จะบ้าเหรอ... ว่าแต่พี่ศดิศรันย์เถิด ว่าข้าเข้าแล้ว แล้วที่ตนเล่า ดอกฟ้าที่เพ่งเล็งอยู่ใจแข็งนัก ส่วนตัวพี่แม้นจะแสดงออกสักนิดว่าใจนั้นใฝ่ปองนางอยู่ พี่ข้าก็หากล้ากระทำ แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่ดอกฟ้าจะร่วงสู่มือเล่า” ศิรสิทธิ์ยอกย้อน ศดิศรันย์จึงเงียบไปทั้งสองพี่ที่คุยกันเบาๆอยู่นั้นเริ่มหยุดการสนทนาแลฟังต่อ “หม่อมฉันเห็นว่าเราก็รอน้องนพคุณมานานนักแล้ว แต่ก็ยังมิเห็นมีแม้เงา บางทีอาจมีอะไรเกิดขึ้นกับน้องนพคุณก็ได้นะเพคะ” กิ่งโกมินทร์ให้ความเห็น “หา... ถ้าเป็นจริงอย่างที่พี่กิ่งโกมินทร์ว่าแล้วหละก็ ต้องไม่ดีแน่ๆเลย” มณีกาฬพูด “ใช่ ไม่ดีจริงๆ” แก้วไพฑูรย์พูด “ไม่ดีแล้วยังไง เจ้าช่วยพี่นพคุณได้เหรอมณีกาฬ แก้วไพฑูรย์” มรกตพูดกับพระขนิษฐาทั้งสององค์ “มิได้เพคะ” ทั้งสองก้มหน้าพูดพร้อมกัน “เอาเป็นว่า เรากลับกันก่อนก็แล้วกัน มีใครแย้งอีก” พิมพ์เพทายว่า “รดามณีเล่า ว่าอย่างไร เห็นเจ้าไม่ค่อยพูด” อัญรัตน์เทวีรับสั่ง “หม่อมฉันยังไงก็ได้เพคะเสด็จแม่” รดามณีพูด “งั้นทั้งเก้าคนจะกลับไปกันก่อนก็แล้วกัน” อัญรัตน์เทวีสรุป
ที่เวียงทิฆัมพรคนมีจิตริษยาอาฆาตเช่นไร ก็เป็นเช่นนั้นอยู่เสมอ ปักษมาลีนั่งอยู่บนพระแท่นในตำหนักของตนอย่างรุ่มร้อนใจ กระทั่งคุณท้าวเมฆรัตน์เข้ามา “ได้ความว่ายังไงบ้างคุณท้าว ให้คนไปตามดูหนะ” ปักษมาลีพูด “น้องไอศิกาก็มีความสุขดีแหละพระเจ้าข้าเสด็จแม่” บุรุษสง่างามเดินเข้ามา “ปักษยุ... ลูกมาได้ยังไง” ปักษมาลีเรียก “ลูกก็แปลงเป็นร่างครุฑ แล้วก็บินมาปกตินั่นแหละพระเจ้าข้า แต่เมื่อกี้มาถึงพบคุณเมฆรัตน์คุยกับนางกำนัลกินรีอยู่ แอบได้ยินเข้า... ทำไมเรื่องนี้ไม่มีการส่งข่าวไปถึงลูกบ้างเลย เสด็จแม่... ลูกเป็นพี่ชายของไอศิกานะพระเจ้าข้า ปล่อยให้น้องต้องไปตกระกำลำบากเช่นนี้ ลูกรู้สึกว่าลูกเป็นพี่ชายที่ไม่เอาไหน” ปักษยุราชโอรสแห่งครุฑฑานครเอ่ยขึ้นกับพระมารดา “โถ่ปักษยุ แม่ก็เห็นว่าไม่ได้สำคัญอะไร ก็เลยไม่ได้ส่งข่าวไปหนะลูก ปักษยุโกรธแม่หรือ” ปักษมาลีพูด “มีสิทธิ์โกรธด้วยหรือพระเจ้าข้า ลูกลา เย็นๆจะมาเข้าเฝ้าใหม่” ปักษยุพูด “ทำไมหละลูก ทำไมต้องหนีแม่” ปักษมาลีว่า “ไม่ได้หนีพระเจ้าข้า ลูกจะไปเข้าเฝ้าเสด็จตา เสด็จยาย จะได้ทูลถามเรื่องของน้อง ส่วนเสด็จแม่จะคุยอะไรกับคุณเมฆรัตน์ ก็ตามพระทัย” ปักษยุพูดพลางเดินออกมาจากตำหนักนั้น
ที่พระตำหนักองค์เหนือหัว และ พระมเหสีแห่งเวียงทิฆัมพร องค์เหนือหัวปักษินราช และ พระมเหสีวินตาประทับอยู่บนพระแท่น อีกแท่นหนึ่งหลั่นลงมาปักษยุราชนัดดาประทับอยู่ “หลานอยากขอพระราชทานอภัยโทษให้กับน้อง” ปักษยุพูด “เจ้ารักน้องในทางที่ไม่ถูกไม่ควรนะ ไอศิกาสมควรจะถูกดัดนิสัยบ้าง อย่าห่วงเลยปักษยุ ทนไม่ไหวก็ซมซานกลับมาเอง” พระมเหสีวินตารับสั่ง “ไม่หรอกพระเจ้าข้า หลานรู้จักน้องของหลานดี ไอศิกาไม่ใช่คนแบบนั้น น้องตัดสินใจไปแล้ว ยากที่จะเปลี่ยนนัก” ปักษยุพูด “อย่าห่วงไปเลยปักษยุ ตาจะคิดดูก่อนก็แล้วกัน” องค์เหนือหัวรับสั่ง
ที่ชายป่าใกล้มณีนพรัตนา พระราชนัดดาทั้งเก้าพระองค์เสด็จทรงสีวิกากลับมาแล้ว ใช้เครื่องทรงอาภรณ์อย่างสตรีชั้นสูงห่มสไบมีเครื่องประทับทองแทบทั้งหมด ขบวนเสลี่ยงเรียงตามอายุ แรกคือกิ่งโกมินทร์ ตามด้วยจันทรัตน์ มรกต พิมพ์เพทาย รดามณี ปีตมณี มณีกาฬ และ แก้วไพฑูรย์ สุดท้ายคือวชิรารัตน์ พระนัดดามรกตนั่งเสลี่ยงดำริคิดในพระทัยอยู่เสมอว่าเมื่อไหร่จะถึงอย่างร้อนรุ่มนัก “อยากจะเหาะกลับไปเองนัก เมื่อไหร่จะถึงสักทีนี่” มรกตคิดในใจอยู่ตลอดเวลา
เข้าเขตแดนมณีนพรัตนา ใกล้เข้ามาทุกทีๆแล้ว แต่ใยจึงเงียบเชียบ แม้เสียงไพร เสียงสัตว์ป่าก็มิได้มีมาเข้าหูเลยสักนัด ทุกสิ่งเริ่มเป็นที่ผิดสังเกต กิ่งโกมินทร์เริ่มรู้สึกได้ถึงความผิดสังเกตนั้น “แปลก... ใกล้เมืองแล้ว ใยจึงเงียบเชียบเพียงนี้ จะว่าเป็นป่าลึกก็หาใช่นี่นา” กิ่งโกมินทร์บ่นกับตนเองเบาๆ เช่นเดียวกับที่มรกตมีท่าทางร้อนรุ่มขึ้นเรื่อยๆ
ถึงที่มณีนพรัตนา เข้าสู่เขตพระราชฐานแล้ว แต่ไม่มีผู้คนสักนิด บ้านเมืองเงียบกริบปานเมืองร้าง มีเพียงฝูงเหยี่ยวแร้งกาบินวะว่อน กิ่งโกมินทร์ที่เข้ามาเป็นคนแรกมองดูอย่างตกใจ จันทรัตน์กุมหัวใจไว้แล้วหน้าอย่างกลัวนัก มรกตตกใจ ความรู้สึกเหมือนว่าลางสังหรณ์จะเป็นจริง “วางเราลง” มรกตตะโกนต่อพวกทหาร มรกตลงแล้วเดินไปที่หน้าขบวนเสลี่ยง “ท่านขุนวงศา... นี่มันอะไรกัน” มรกตพูด พระธิดาพระองค์อื่นต่างหันมาสบตากันก่อนที่จะลงจากเสลี่ยงเดินมารวมกันที่หน้าขบวน “ขุนวงศา ทำไมถึงเป็นแบบนี้...” วชิรารัตน์ตะคอกด้วยกันกับมรกต “ข้าพระองค์... ข้าพระองค์มิทราบพระเจ้าข้า ก่อนที่จะไปรับพระนัดดาทั้งเก้าพระองค์นั้น มณีนพรัตนายังรุ่งเรือง มิใช่เมืองร้างเช่นนี้” ท่านขุนพูด “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้ว... เสด็จแม่สร้อยสายเพชร เสด็จตา เสด็จยายเล่า” รดามณีพูดอย่างคิดขึ้นได้ “แล้ว... เสด็จแม่นพมาศหละเพคะพระพี่นาง” มณีกาฬหันมาคุยกับมรกต ตอนนี้พระนัดดาทั้งเก้าพระองค์ต่างก็หวั่นใจ “พิมพ์เพทาย ปีตมณี ไปที่ตำหนักเสด็จปู่ เสด็จย่ากับพี่” กิ่งโกมินทร์พูด แล้วทั้งสามก็วิ่งแยกไป “พระพี่นางเพคะ” มณีกาฬ และ แก้วไพฑูรย์เรียกเป็นเสียงเดียวกัน มรกตพยักหน้าให้กับน้องแล้วทั้งสามก็วิ่งไปสู่ตำหนักของพระธิดานพมาศ “รดามณี...” วชิรารัตน์หันมาสบตารดามณี รดามณีจึงหันไปหาจันทรัตน์แล้วทั้งสามก็แยกไปอีกทาง
ความคิดเห็น