ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทองเนื้อเก้า

    ลำดับตอนที่ #33 : สื่อสารด้วยเสียงซอ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 233
      0
      13 เม.ย. 51

    วิหงค์จันทร์ลุกขึ้นจัดพระเขนยให้ดี ใช้มือปัดที่นอนให้ไอศิกาคล้ายจะบอกให้นอนได้แล้ว ไอศิกามองการกระทำของวิหงค์จันทร์ยิ่งเสียน้ำตามากขึ้นไอศิกานอนลงบนแท่นพลางมองวิหงค์จันทร์แทบไม่กระพริบตา เราอยากให้จันทร์พูดได้ จันทร์จะได้กล่อมเรานอน รู้ไหมจันทร์ ถ้าจันทร์เป็นแม่เรา เราจะรู้สึกดีมาก นี่ขนาดจันทร์ไม่ใช่แม่เรานะ เรายังรู้สึกอบอุ่นตลอดเวลาที่อยู่กับจันทร์ แล้วจันทร์ก็ทำให้เราคิดถึงเสด็จแม่มาก ถ้าเสด็จแม่ของเราอยู่กับเรา จะรักเรา ดูแลเราเหมือนจันทร์ไหมนะ ไอศิกาประทับนอนลงทั้งน้ำตา วิหงค์จันทร์เช็ดน้ำตาให้กับธิดาน้อย อยากพูดกับลูก อยากบอกกับลูกใจจะขาด แต่ก็มิได้ สิ่งหนึ่งที่สื่อสารทุกความรู้สึกของนางที่มีต่อลูกเป็นอย่างดีนั้นมีเพียงแต่แววตา ที่มีน้ำตาคลออยู่จนล้นเอ่อ แลรินไหลเป็นทาง วิหงค์จันทร์ทนไม่ได้จำต้องวิ่งออกไปร้องไห้ข้างนอก

                    วิหงค์จันทร์นั่งลงที่เงียบเชียบภายในราชสำนักนั้น พลางร้องไห้คร่ำครวญ วิหงค์จันทร์มองฟากฟ้า พระอินทร์เพคะ... ทรงเมตตาหม่อมฉัน เมตตาไอศิกาด้วยเถิด หม่อมฉันอยากมีสิ่งหนึ่งไว้สื่อสารถึงลูก ทรงเมตตาหม่อมฉันกับลูก... อย่างไรก็ได้ วิหงค์จันทร์ร่ำร้องในใจ

                    พระอินทร์มองเหตุการณ์ทางนี้ก็ทรงโปรดประทานสิ่งของสิ่งหนึ่งให้ พระอินทร์นิรมิตซอขึ้นมาในพระหัตถ์ หวังว่านี้ จะช่วยสื่อความรู้สึกเจ้าได้นะ พระอินทร์รับสั่งพลางเสกซอนั้นลงไปปรากฏตรงหน้านางวิหงค์จันทร์ วิหงค์จันทร์เห็นซอปรากฏตรงหน้าก็ตกใจ รวมทั้งดีใจในเวลาเดียวกัน วิหงค์จันทร์รีบก้มลงกราบ แลรับซอนั้นมา

                    ในห้องบรรทมพระนัดดาไอศิกา นัดดาน้อยแห่งเวียงทิฆัมพรทรงสะอึกสะอื้นร้องไห้ยังไม่ได้หลับไปแต่อย่างใด พลางแว่วได้ยินเสียงครวญซอมาแต่ไกล เด็กน้อยก็ค่อยหยัดกายลุกขึ้นนั่ง ไอศิกานั่งฟังเสียงซอในท่วงทำนองเย็นสงบ ช้าๆ เป็นหวานปนเศร้าก็น้ำตาไหล

                    วิหงค์จันทร์นั่งสีซออยู่ไม่ห่างจากตำหนักของไอศิกา น้ำตาไหลรินไป เสียงซอก็แว่วไป จันทร์สีซอเป็นด้วยเหรอ เสียงของพระธิดาน้อยๆแว่วมาข้างหลัง วิหงค์จันทร์หยุดแลหันมา เรานอนไม่หลับ... จันทร์ช่วยสีซอกล่อมให้เรานอนทีได้ไหม ไอศิกาว่า วิหงค์จันทร์ยิ้มรับทั้งน้ำตาพลางพยักหน้า

                    ในพระตำหนักพระนัดดาไอศิกา ไอศิกานั่งอยู่บนแท่นนอน ส่วนวิหงค์จันทร์นั่งสีซออยู่ข้างแท่น เสียงเพลงยิ่งมีทำนองช้าๆ ไอศิกายิ่งตกอยู่ในห้วงคำนึง เช่นเดียวกับวิหงค์จันทร์ ยังคงนึกถึงครั้งที่ตนตามมาแอบให้นมลูกแล้วต้องโทษระเห็จระเหออกจากป่าหิมพานต์ไปนานหลายปี นางจ้องมองลูกด้วยสายตาอาวรณ์หนักหนา ไอศิกาก็น้ำตาไหลรินคิดถึงคำที่เขาดูแคลน วิหงค์จันทร์เห็นไอศิกาน้ำตาไหลก็หยุดเล่นซอแล้วเอื้อมมือเช็ดน้ำตาให้กับธิดาน้อย ไอศิกามองวิหงค์จันทร์ด้วยสายตาอ่อนน้อม ผูกพันรัก และ เคารพหนักหนา ไอศิกาลงจากพระแท่นมาหนุนตักวิหงค์จันทร์ทั้งที่หารู้ไม่ว่านี่แหละคือแม่แท้ๆ ไอศิกาน้ำตาไหลพราก สีซอต่อสิจันทร์ คืนนี้เราจะนอนบนตักจันทร์เนี่ยแหละ อุ่นเหลือเกิน... อุ่นที่สุดเลยรู้หรือไม่ ไอศิกาพูดทั้งน้ำตา วิหงค์จันทร์สีซอต่อทั้งน้ำตา เสียงเพลงเคล้าน้ำตานั้นพาดวงใจของทั้งสองแม่ลูกให้หลุดลอยไปในห้วงความรู้สึกที่ไม่เคยได้สัมผัส ความอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยได้รู้สึก ก็ได้รู้สึก เสียงซอนั้นสื่อสารได้จริงๆ เหมือนไอศิกาจะรับรู้ได้ถึงความรักความผูกพันที่โหยหา จากที่หนุนตักอยู่เฉยก็เอื้อมแขนโอบกอดวิหงค์จันทร์ไว้แน่นพลางเรียกคำๆหนึ่งออกมาอย่างไม่รู้ตัวว่า แม่... ไอศิกาเรียกด้วยน้ำเสียงที่สั่นครือ วิหงค์จันทร์วางซอลงพลางกอดลูกไว้แน่นทั้งน้ำตา แม่จ๋า... แม่กลับมาหาไอศิกาแล้วใช่ไหม... ไอศิกามีแม่กับเค้าแล้วใช่ไหมจ๊ะ ไอศิกาพูดทั้งร้องไห้ วิหงค์จันทร์พูดไม่ได้ แต่ถึงพูดได้ก็คงพูดไม่ออกนางกอดพระธิดาน้อยไว้อย่างไม่อยากจะคลาย ไอศิการู้สึกตัวก็ว่า แต่ที่เราพูดไปมันคงเป็นไปไม่ได้ เจ้าไม่ใช่เสด็จแม่วิหงค์จันทร์หรอกใช่ไหม เอาเถอะจันทร์ ถึงเจ้าจะไม่ใช่แม่เรา แต่วันนี้เรารู้สึกเหมือนเพลงซอของเจ้า บอกเราว่าเจ้าคือผู้ที่มีสายเลือดเดียวกับเรา คือผู้ที่รักเรามากที่สุด... คือผู้บังเกิดเกล้า... ไอศิกาพูด ไอศิกา แม่อยากบอกเจ้าว่าที่เจ้ารู้สึกนั้น คือความจริง มิใช่แค่ความรู้สึก แม่อยากบอกนัก ว่าแม่นี้รักเจ้าเท่าชีวิตเลยลูก วิหงค์จันทร์ว่าในใจ

                    ที่อสุรเวหานคร ในพระตำหนักหนึ่ง องค์เหนือหัวรติวุฒิ ประทับอยู่กับพระธิดาน้อยทั้งสององค์ อะไรนะเพคะ เสด็จแม่ว่าอย่างนั้นจริงๆเหรอ ลูกไม่เอานะเพคะ ลูกจะอยู่อสุรเวหา กับเสด็จพ่อ ลูกไม่อยู่กับเสด็จแม่ วชิรารัตน์พูดด้วยน้ำเสียงของเด็กที่ดื้อดึงเอาแต่ใจ รดามณี วชิรารัตน์ จะอยากหรือไม่อยากลูกก็ต้องไปนะลูกคือเทพอัญมณีที่ถูกส่งลงมาเกิด ลูกต้องมีหน้าที่ของลูก องค์รติวุฒิรับสั่ง ลูกเข้าใจแล้วเพคะเสด็จพ่อ เราต้องทำตามพระราชบัญชาของพระอินทร์ใช่ไหมเพคะ รดามณีพูด มันเป็นหน้าที่ของพวกเจ้า องค์รติวุฒิรับสั่ง จะให้ลูกทำอะไรก็ได้ แต่ลูกต้องอยู่กับเสด็จพ่อนะเพคะ ลูกไม่อยู่กับเสด็จแม่ ลูกไม่อยู่กับคนที่ไม่รักลูก วชิรารัตน์พูด วชิรารัตน์... อย่าดื้อสิลูก แล้วรดามณีหละ ว่ายังไง องค์รติวุฒิว่า สำหรับลูกยังไงก็ได้เพคะ รดามณีพูด เจ้าก็ว่าแบบนี้ทุกที งั้นเจ้าก็ไม่ต้องไป อยู่เป็นเพื่อนเราที่นี่แหละ อยู่กับเรานะรดามณี วชิรารัตน์พูด อย่าบังคับเราสิวชิรารัตน์ เจ้าเองก็เหมือนกัน ไปอยู่ด้วยกันซะที่โน่น อะไรๆจะได้ง่ายขึ้น รดามณีพูด จะยากจะง่ายยังไงเราไม่สน เราไม่ชอบ ไม่ชอบให้ใครบังคับเข้าใจไหม เสด็จพ่อ... ทรงรู้จักลูกดีใช่ไหมเพคะ ลูกไม่ชอบให้ใครมาบังคับ อย่าบังคับลูกนะเพคะ ลูกไม่ยอม วชิรารัตน์พูด รติวุฒิถอนใจ พวกเจ้าเตรียมตัวกันได้แล้ว เดี๋ยวพ่อจะไปส่ง รติวุฒิพูด เสด็จพ่อ... วชิรารัตน์ไม่พอใจที่ถูกพระบิดาขัดใจ พ่อไม่อยากขัดใจเจ้าหรอก แต่จนหนทางจริงๆ เจ้าไม่ควรโกรธพ่อ แล้วก็ไม่ควรโกรธแม่เจ้าด้วย ไม่ต้องห่วงนะลูก พ่อจะไปหาเจ้าทุกวัน รติวุฒิรับสั่งอย่างหนักแน่น

                    วันนั้นจันทรัตน์มาที่ห้องเครื่อง ดูเหมือนว่าจะสนใจการปรุงอาหารต่างๆนัก วิภาวีคนครัวกำลังถวายการสอนพระนัดดาจันทรัตน์อยู่ วิชิเชษฐ์ก็เข้ามา แม่... วิชิตเชษฐ์เรียก พลางวิ่งเข้ามาเห็นจันทรัตน์จึงได้หยุดถวายความเคารพ อ้าว วิชิตเชษฐ์ ไม่ได้เห็นเจ้ามาตั้งนานแล้ว เป็นยังไงบ้าง จันทรัตน์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ไม่ได้เป็นอะไรพระเจ้าข้า สบายดีทุกอย่าง พระนัดดาก็คงจะเช่นกัน วิชิตเชษฐ์ตอบด้วยน้ำเสียงนอบน้อม เออนี่... เราจะให้เจ้าลองชิมฝีมือเรา จันทรัตน์เดินไปหยิบถาดขนมลูกชุบชาววังมา ลองชิมดู แล้วบอกเราว่าอร่อยไหม จันทรัตน์ยิ้มให้อย่างเป็นไมตรี วิชิตเชษฐ์หันมองแม่ก่อน นางวิภาวีพยักหน้าให้กับลูกชาย พระเจ้าข้า วิชิตเชษฐ์ตอบรับพระนัดดาน้อยพลางลองชิมลูกชุกนั้นดู กลมกล่อมดีพระเจ้าข้า ทรงพระปรีชายิ่งนัก วิชิตเชษฐ์พูด จันทรัตน์ยิ้มอย่างดีใจภูมิใจเป็นหนักหนา งั้น ถาดนี้เรายกให้เจ้านะ จันทรัตน์พูด

                    ที่เรือนท่านขุนวงศา ห้องของศิรสิทธิ์ ศิรสิทธิ์กำลังนั่งอ่านคัมภีร์อะไรสักอย่างอยู่ แล้วก็ได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นแว่วมาข้างหลัง ศิรสิทธิ์ยินก็ชะงักวางคัมภีร์ลงแล้วกันมามอง พระนัดดา... ศิรสิทธิ์เรียกอย่างตกใจที่เห็นวชิรารัตน์นั่งกอดเข่าร้องไห้อีกแล้ว ศิรสิทธิ์เข้ามาแลพยายามถาม เกิดอะไรขึ้นพระเจ้าข้า พระนัดดากันแสงทำไม ทรงเสด็จมาที่นี่ทีไร ก็เป็นแบบนี้ทุกทีเลย ข้าพระองค์ไม่อยากเห็นพระนัดดากันแสงอีก อย่ากันแสงเลยนะพระเจ้าข้า ศิรสิทธิ์พูด เสด็จพ่อไม่รักเราแล้ว เสด็จพ่อพาเรามาที่นี่ ทั้งๆที่ทรงทราบว่าเราไม่อยากมา วชิรารัตน์พูดพลางสะอึกสะอื้นไห้ ศิรสิทธิ์เงื้อมือเหมือนจะพยายามปลอบแต่ก็มิอาจกล้าต้องตัวนัดดาราชได้ เงียบเถอะพระเจ้าข้า ไว้สบายพระทัย ค่อยไปก็ได้ ข้าพระองค์ไม่ว่าอะไร แต่เกรงว่าพระนัดดาจะถูกนินทาได้หากว่ามีใครรู้ ศิรสิทธิ์พูด เจ้าก็อย่าเอะอะโวยวายเที่ยวไปบอกใครสิ เราไม่อยากให้ใครหาเราเจอ วชิรารัตน์พูดทั้งน้ำตาที่พรั่งพรูไม่หยุด พระเจ้าข้า เดี๋ยวข้าพระองค์จะไปหาผลไม้มาถวายที่นี่ก็แล้วกัน ศิรสิทธิ์ว่า ไม่อยากกิน... แล้วเจ้าก็ไม่ต้องไปที่ไหนทั้งนั้น วชิรารัตน์พรวดลุกขึ้นพูดเสียงกร้าว พระเจ้าข้า ศิรสิทธิ์นั่งลง แล้วนั่น... นั่งอ่านอะไรอยู่หนะ วชิรารัตน์พูด อ่าน... คัมภีร์ต่างๆเกี่ยวกับกลยุทธ์ในการทำศึกพระเจ้าข้า ศิรสิทธิ์พูด แนวทางการเดินศึกมีหลายทาง แต่เราต้องรู้องค์ประกอบของการศึกที่มีแปดประการด้วยกันก่อน ตำราพวกนั้นเราเรียนมาหมดแล้ว จะให้เราบอกไหมว่าแปดองค์ประกอบนั่นมีอะไรบ้าง วชิรารัตน์พูด ศิรสิทธิ์อึ้งไปชั่วครู่ วชิรารัตน์เห็นศิรสิทธิ์เงียบไปจึงว่าต่อทั้งๆที่น้ำตานั้นยังไม่แห้ง องค์ประกอบที่หนึ่งก็คือหัวศึก ซึ่งก็หมายถึงแม่... วชิรารัตน์พูดไป พอแล้วพระเจ้าข้า ข้าพระองค์เชื่อแล้วว่าพระนัดดานั้นโปรดคัมภีร์การรบ แลร่ำเรียนจนเจนจบหมดแล้ว เช่นเดียวกับข้าพระองค์ที่จบแล้วเหมือนกัน เพียงแต่นำมาทบทวนเท่านั้น ศิรสิทธิ์พูด ทำให้วชิรารัตน์ยิ้มออก อวดเก่งนัก เจ้าจำได้เท่าเรารึเปล่าหละ จะให้เราเล่าอีกก็ได้นะ วชิรารัตน์พูดแล้วเด็กทั้งสองก็เริ่มสนทนากันเรื่องการแต่งทัพซึ่งมิใช่เรื่องของเด็กเลยสักนิด

                    ค่ำลงที่พระตำหนักพระธิดาสร้อยสายเพชร ห้องบรรทมพระนัดดาจันทรัตน์ รดามณี และ จันทรัตน์ประทับอยู่บนพระแท่น เราดีใจจริงๆ ที่เจ้าจะมาอยู่เป็นเพื่อนเรา แล้ว... วชิรารัตน์หละ คืนนี้นอนที่ไหนกัน ถ้าจะนอนที่นี่ ทำไมป่านนี้ยังไม่มาอีก มืดค่ำลงแล้วนะ จันทรัตน์พูด วชิรารัตน์นอนตำหนักนี้แหละ แต่อีกห้องหนึ่ง เราชวนให้มานอนด้วยกันที่นี่ แต่ก็ไม่ยอม รดามณีพูด รดามณี เจ้ารู้ไหมเราหนะทำขนมเป็นหลายอย่างแล้วนะ เราจะทำมาถวายเสด็จแม่พรุ่งนี้ ให้เจ้าได้ชิมด้วย เจ้าอยากทำเป็นบ้างไหม เราจะพาไปดูที่ห้องเครื่องวันพรุ่ง จันทรัตน์พูด ไม่ดีกว่า... เราไม่ชอบ รดามณีว่า

                    อีกห้องภายในตำหนักของพระธิดาสร้อยสายเพชรเช่นกัน พระนัดดาน้อยวชิรารัตน์บรรทมอยู่บนพระแท่นแต่ก็มิได้หลับ วชิรารัตน์นอนร้องไห้ด้วยว่าถูกขัดใจเป็นเหตุให้เคืองนัก สร้อยสายเพชรและคุณท้าวกานดาแอบดูอยู่หน้าห้อง มองเห็นวชิรารัตน์ลุกขึ้นมานั่งร้องไห้ก็หันมาสบตากัน น่าสงสารพระนัดดานะเพคะพระธิดา คุณท้าวกานดาว่า คุณท้าวว่าเราไม่สงสารลูกเหรอ... วชิรารัตน์ไม่เคยเห็นแม่คนนี้อยู่ในสายตา ไม่เคยมีความสุขที่อยู่กับเรา หากว่าเค้าอยู่กับพ่อของเค้าแล้วเค้ามีความสุขนัก คุณท้าวว่าเราควรจะทำยังไงดี สร้อยสายเพชรพูดพลางขบคิดไป
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×