ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทองเนื้อเก้า

    ลำดับตอนที่ #30 : ระเห็จระเหเร่ร่อน ร้อนหมายพึ่งเย็น

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 259
      0
      13 เม.ย. 51

                    เด็กน้อยศิรสิทธิ์เดินเข้ามาในห้องของตน กำลังปิดประตูแล้วหันเข้ามาก็พบร่างพระนัดดาน้อยวชิรารัตน์ร้องไห้ฟูมฟายอยู่ตรงมุมห้อง พระนัดดา... ศิรสิทธิ์รีบทำความเคารพพลางเข้าไปถาม ทรงกันแสงเรื่องอะไร แล้วเข้ามาในนี้ได้ยังไงพระเจ้าข้า ศิรสิทธิ์พูด วชิรารัตน์ยังร้องไห้ไม่หยุดแลไปที่หน้าต่างเป็นคำตอบว่าตนเข้ามาทางหน้าต่างนั่นเอง เสด็จกลับอสุรเวหานครเถอะพระเจ้าข้า ทรงประทับอยู่ที่นี่ ไม่ดีเลย ใครเค้าจะนินทาเอาได้ ศิรสิทธิ์ วชิรารัตน์เช็ดน้ำตาพลางลุกขึ้นมาต่อว่า ทำไม... เราจะไปที่ไหน จะอยู่ที่ไหนมันก็เป็นเรื่องของเรานี่นา เจ้ากล้าไล่เรารึยังไง เดี๋ยวก็จับกินเสียให้ตาย วชิรารัตนพูดทั้งน้ำตา โถ่ พระนัดดา หยุดกันแสงก่อนเถอะพระเจ้าข้า แล้วคุยกันดีๆก็ได้ ศิรสิทธิ์พูด จะให้คุยดีได้ยังไง ก็เรามันไม่ใช่จันทรัตน์ เจ้านายของเจ้านี่นา วชิรารัตน์พูด พระนัดดา... หากทรงเป็นเช่นนี้ ก็จะไม่มีใครที่คุยกับพระนัดดารู้เรื่อง เบาเสียงลงหน่อยเถอะพระเจ้าข้า มีเรื่องอะไร ก็บอกกับข้าพระองค์ เผื่อจะพอช่วยเหลือได้ ศิรสิทธิ์พูด ช่วยเหลือ... ช่วยเหลืองั้นเหรอ อย่างเจ้ารึจะช่วยเรา ให้เราช่วยเจ้าเสียยังจะง่ายกว่า... ถ้าแน่จริง ก็ทำให้เสด็จแม่ไม่รักจันทรัตน์สิ ทำให้เสด็จแม่เกลียดจันทรัตน์หนะ เจ้าทำได้ไหม ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ต้องมาพูดว่าจะช่วยเราให้เราได้ยินอีก วชิรารัตน์พูดพลางเหาะออกไปทางหน้าต่าง ศิรสิทธิ์เดินมายืนที่หน้าต่างพลางมองตามออกไปด้วยสายตาที่ยังงุนงงแปลกใจอยู่ไม่เบา

                    ที่อสุรเวหานคร พระตำหนักพระธิดาน้อยวชิรารัตน์ วชิรารัตน์นั่งร้องไห้อยู่ตำหนัก องค์รติวุฒิเสด็จเข้ามาดู วชิรารัตน์... เกิดอะไรขึ้นกับลูก ทำไมลูกถึงร้องไห้แบบนี้เล่า องค์รติวุฒิรับสั่งถามพระราชธิดาน้อยของพระองค์ พลางวางมือบนศีรษะพระธิดาน้อยอย่างเอ็นดู เสด็จพ่อเพคะ...ไม่มีคำตอบใดๆจะพระธิดาน้อย วชิรารัตน์เรียกพระบิดาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือน้ำตาไหลแล้วเข้ากอดพระบิดาทันที โถ่ลูกพ่อ... ค่อยๆเล่าให้พ่อฟังก็ได้นะลูก ไม่เห็นไรแล้วนะลูก อยู่ที่นี่ ที่อสุรเวหานครแห่งนี้ ไม่มีใครกล้าแตะต้องเจ้า หยุดร้องไห้เถอะนะลูก คนเก่งของพ่อ องค์รติวุฒิพยายามปลอบโยน เสด็จพ่อ... เสด็จแม่ไม่รักลูกเลยเพคะ ทรงรักแต่ลูกคนอื่น... ลูกของคนที่ชื่อว่า นภราช... คนที่เสด็จพ่อทรงสังหารไปด้วยพระขรรค์วชิรา วชิรารัตน์พูด อะไรนะลูก... ลูกของนภราช... นี่จงคงไม่ได้หมายถึงจันทรัตน์เท่านั้นใช่ไหม หรือว่า... องค์รติวุฒิพอจะคาดเดาได้แล้ว พี่นพคุณเพคะ... พี่นพคุณเสด็จมาที่มณีนพรัตนาแล้ว มาได้ยังไงก็ไม่รู เสด็จแม่ดูรัก และเอ็นดูพี่เค้ามาก หากจะให้ลูกพูดตรงๆ ลูกก็อยากบอกว่าลูกอิจฉาพี่เค้าเหลือเกิน ลูกเป็นลูกแท้ๆ แต่กลับตีลูก เพียงแค่ลูกพูดจาไม่ดีไม่กี่คำ วชิรารัตน์สะอึกสะอื้น รติวุฒิกอดลูกไว้แน่น แล้วเจ้าจะพูดไม่ดีทำไมหละลูก พ่อไม่เข้าใจ รติวุฒิพูด ยิ่งเสด็จแม่ทรงลงโทษ ลูกยิ่งอยากพูดอีก พูดไปเรื่อยๆ พูดให้คนอื่นไม่สบายใจเพคะ วชิรารัตน์ดื้อดึง ให้ลดลงบ้างเถอะลูกพ่อไม่ได้เกิดผลดีอะไรกับเจ้าเลย ยิ่งจะมีแต่คนไม่ชอบใจเจ้า วชิรารัตน์พูด ไม่ชอบก็อย่าชอบสิเพคะ ลูกสนใจเสียที่ไหน วชิรารัตน์พูดทั้งน้ำตา พ่อไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าไม่สนใจ หากเจ้าไม่สนใจ เจ้าก็คงไม่รู้สึกถึงเพียงนี้ รติวุฒิพูด วชิรารัตน์เงียบไป รติวุฒิโอบกอดพระธิดาเอาไว้อย่างอบอุ่น ที่มณีนพรัตนาไม่เหมือนที่นี่นะลูก ที่นี่เจ้าจะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ เพราะว่าเจ้ามีพ่อที่คอยเอาอกเอาใจตามใจเจ้าอยู่เสมอๆ แต่ที่มณีนพรัตนานั้น เจ้าไม่มีพ่อนี่ลูก เจ้าจึงต้องปรับตัวบ้าง แต่หากแม่เจ้าทำเกินไปกับเจ้าแล้วหละก็ พ่อก็คงทนไม่ได้ รติวุฒิพูด เสด็จแม่ทรงรักเสด็จแม่มาก ลูกรู้ แต่เสด็จแม่... วชิรารัตน์กำลังจะพูด อย่าพูดถึงเรื่องนั้นอีกเลยวชิรารัตน์ ลูกรู้มิใช่เหรอ ความรักที่พ่อมีต่อแม่เจ้าต่อให้มากเพียงใด มากกว่าพสุนธราทั้งโลกมากองวาง มากกว่ามหาสมุทรทั่วพิภพทุกเขตคามมารวมกัน แต่ก็ยังน้อยกว่าที่พ่อให้เจ้า วชิรารัตน์ของพ่อ... เดือนดาว หรือแม้แต่ดวงตะวัน หากเจ้าปรารถนา แล้วพ่อนำมาให้ได้พ่อก็จะนำมาให้เจ้า เพราะเจ้าคือดวงใจของพ่อนะลูก จำไว้ รติวุฒิพูด ลูกไม่แปลกใจเลย ว่าทุกวันนี้ทำไมลูกถึงมีความสุขเหลือเกินยามอยู่ที่อสุรเวหานครแห่งนี้ ลูกไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดลูกจึงรักเสด็จพ่อมากกว่าเสด็จแม่ เสด็จพ่อทรงนิรมิตความทุกข์ของลูก ให้กลายเป็นความสุขได้ พระธิดาน้อยมองพระบิดาด้วยน้ำตาที่อาบแก้ม รติวุฒิเช็ดน้ำตาพระธิดาน้อยแล้วโอบกอดไว้แน่น ดวงใจของพ่อ ไปเถอะลูก พ่อจะพาไปดูการตีดาบ ทำอาวุธ รติวุฒิพูด เสด็จพ่อจะให้ลูกเข้าไปที่นั่นได้เหรอเพคะ วชิรารัตน์พูดด้วยอาการตื่นเต้นยินดี ได้สิลูก หากว่าเจ้าอยากจะไป รติวุฒิพลางลูบศีรษะธิดาน้อยอย่างเอ็นดู วชิรารัตน์ลุกขึ้นยืนพลัน ไปกันเลยนะเพคะเสด็จพ่อ วชิรารัตน์ยิ้ม

                                    จะกล่าวถึงถิ่นที่กลางป่าเขา                               ภายใต้เงาภูผาแลป่าใหญ่

                    ธิดาน้อยสองประทับกลางโพยภัย                                   หวั่นฤทัยภัยร้ายหมายราญรอน

                                    พอตกดึกผู้น้องหลับสดับเสียง                          คงเหลือเพียงแต่เสียงไพรเสียงเห่าหอน

                    เสียงหริ่งหรีดเรไรใจอาวรณ์                                             มิ่งสมรมารดาที่ลาไกล

                                    พิมพ์เพทายหวนคิดจิตหม่นหมอง                   เฝ้าตรึกตรองลองคิดจิตหวั่นไหว

                    เสียงหริ่งหรีดกรีดร้องนั้นข้องใจ                                     ช่างห่างไกลคีตเสียงในเวียงวัง

                                    พิมพ์เพทายเหลียวมองน้องเอ็นดูนัก               โถ่น้องรักต้องนิทราถวิลหวัง

                    น้องเคยอยู่คู่กับเวียงเคียงบัลลังก์                                      แต่ปางหลังตั้งแต่เล็กแต่เกิดมา

                                    ถึงวันนี้ต้องระเหแลเร่ร่อน                               ใจอาวรณ์ความเก่าเฝ้าหวนหา

                    เคยภิรมย์สมสู่อยู่พารา                                                        อนิจจาป่านนี้แม่อาจแดยัน

                                    หมายจะไปให้ถึงที่พึ่งผู้                                     อาจอุ้มชูเพราะพระญาตินาถหนึ่งนั้น

                    เป็นพระราชอัยกาเมตตาครัน                                           หวังสวรรค์คงจะมาช่วยปราณี

                    พระธิดาน้อยพิมพ์เพทายนั่งอยู่เคียงข้างกองกูณฑ์ที่กำลังเริ่มมอดดับ ส่วนพระราชธิดาน้อยผู้น้องปีตมณีนั้นทรงบรรทมหลับอยู่ในห้วงนิทราใต้ต้นไม้ใหญ่ไม่ไกลกัน พิมพ์เพทายนั่งกอดเข่าคิดเยี่ยงผู้ใหญ่ถึงกาลข้างหน้าว่าจะทำเช่นไร คิดถึงเสด็จแม่ที่อยู่ที่พนาวรรษานคร เสด็จแม่ของลูก... ยามนี้จะเป็นเช่นบ้างก็มิรู้ได้ อาจจะทรงยอมเจ้าขุนทรยศเสียแล้ว รึไม่ อาจจะทรง ปลงพระชนม์พระองค์เอง เพื่อรักษาศักดิ์ศรีเอาไว้ พิมพ์เพทายยิ่งคิดในใจน้ำตาก็ยิ่งไหล พระพี่นางช่วยน้องด้วยเพคะ ปีตมณีร้องลั่นพลางสะดุ้งตื่นขึ้นมา อะไรกันปีตมณี พิมพ์เพทายเอ่ยถามพลางรีบเข้าไปหา ปีศาจเพคะ ปีศาจหินจะมาทำร้ายน้อง ปีตมณีสะอึกสะอื้น โถ่ ปีตมณี มีที่ไหนกันเล่าน้องรัก น้องคงฝันร้ายไปเสียแล้วหละ โถ่... น้องปีตมณี อย่ากลัวไปเลย มันเป็นแค่ความฝันเท่านั้นแหละ เพราะหากว่าถ้ามันเป็นความจริง พี่นี่เองจะขับไล่มันไปให้พ้นจากน้อง อย่ากลัวเลยนะ พิมพ์เพทายกอดน้องไว้ อีกไกลแค่ไหนเพคะกว่าเราจะถึง ปีตมณีพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน พิมพ์เพทายพูด

                    วันรุ่ง พระธิดาน้อยพิมพ์เพทายพาพระน้องเสด็จพระราชดำเนินมุ่งสู่มณีนพรัตนานคร อีกไกลไหมเพคะพระพี่นาง น้องไม่อยากนอนกลางดิน กินกลางทรายอีกแล้ว สิงสาราสัตว์อีกไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ที่รายล้อม แม้นจะมองไม่เห็นตัว แต่น้องรู้ว่ามันต้องมีแน่ๆ น่ากลัวทั้งนั้น ปีตมณีพูดขึ้น คงกำลังเข้าเขตชายแดนมณีนพรัตนาแล้วหละ ไม่ต้องกลัวนะปีตมณี เรากำลังจะถึงที่หมายกันแล้ว

                    พนาไพร นารีน้อยนางหนึ่งที่ยังไม่แตกเนื้อสาวสักเท่าไหร่ทรงอัสดรนำหน้า ติดตามมาด้วยขุนทหารอีกหลายคน ในห้วงคำนึงของกิ่งโกมินทร์ธิดาราช

                    พระตำหนักองค์เหนือหัว และพระมเหสีแห่งมณีนพรัตนา องค์เหนือหัว พระมเหสี และพระนัดดากิ่งโกมินทร์หารือกันถึงบางสิ่งอยู่ อะไรนะเพคะ เจ้าขุนกล้ามารับกลับไปแล้วงั้นรึ กิ่งโกมินทร์พูดอย่างตกใจ มีอะไรกันรึหลาน ทำไมเจ้าจึงต้องตกใจถึงเพียงนั้น พระมเหสีกรกนกพูด จริงสิ เหตุใดจึงต้องตกใจขนาดนั้น รึว่า... องค์เหนือหัวฤทธิ์นาทรับสั่ง ขุนกล้าเป็นคนทรยศ เสด็จแม่กับน้องตกอยู่ในอันตรายแล้วเพคะ กิ่งโกมินทร์พูด ตายจริง... พระมเหสีกรกนกกุมที่พระหทัย หลานอาสาไปรับกลับมาเพคะ กิ่งโกมินทร์พูด จะได้ยังไงกิ่งโกมินทร์ กรกนกแย้ง ได้สิเพคะ แม้แต่เจ้าปีศาจศิลาแลงหลานยังหนีมาได้สำเร็จ กิ่งโกมินทร์พูด ปู่จะให้ทหารไปอารักขาเจ้า องค์เหนือหัวฤทธิ์นาททรงรับสั่งขึ้น

                    กิ่งโกมินทร์บนหลังม้าคิดไป ป่านนี้ เสด็จแม่ และน้องๆของพี่จะเป็นยังไงกันบ้างนะ กิ่งโกมินทร์นิ่งคิดก่อนที่จะขับม้าไปต่อ

                    กิ่งโกมินทร์ขี่ม้านำทหารมุ่งหน้ากำลังจะออกชายแดนก็หยุด พวกเจ้าทุกคน หยุดพักเสียที่นี่ก่อนเถอะ แล้วก็หาอะไรกินซะ ใกล้เที่ยงแล้ว พักให้หายเหนื่อย แล้วเราจะเดินทางต่อกันมุ่งสู่พนาวรรษานคร พระนัดดากิ่งโกมินทร์รับสั่ง ในขณะที่หยุดพักกันตรงนั้น กิ่งโกมินทร์แยกตัวมายืนเงียบเพียงลำพังพลางคิดไป พระพี่นางเพคะ... เสียงเด็กหญิงน้อยแว่วมา กิ่งโกมินทร์ยินแล้วก็คุ้นหูคล้ายเสียงปีตมณีน้องสุดท้องของตนจึงรีบหันขวับ ปีตมณีกิ่งโกมินทร์เรียกด้วยน้ำเสียงที่ดีอกดีใจเป็นหนักหนา ปีตมณีวิ่งมาสู่อ้อมกอดของพระพี่นางด้วยความดีใจ พิมพ์เพทายตามมาด้วยสีหน้ารื่นรมย์ไม่แพ้กัน น้องรักของพี่ กิ่งโกมินทร์โอบกอดพระขนิษฐาแน่น พิมพ์เพทายเห็นพี่นางก็ถึงกับน้ำตาไหล พระพี่นาง... พิมพ์เพทายเรียก กิ่งโกมินทร์หันมาโอบกอดพิมพ์เพทายด้วยอีกคน น้องก็คิดว่าพระพี่นาง... พิมพ์เพทายพูด คิดว่าพี่ถูกคนทรยศฆ่าตายไปแล้วใช่ไหม กิ่งโกมินทร์น้ำตาไหลพราก สามพี่น้องกอดกันร้องไห้ด้วยความดีใจ เออ... พิมพ์เพทาย... เสด็จแม่หละ เสด็จแม่ของเราอยู่ที่ไหน กิ่งโกมินทร์พูด ไม่ได้มากับน้องหรอกเพคะ พิมพ์เพทายพูดด้วยสีหน้าที่เศร้าลง เป็นยังไง ช่วยเล่าให้พี่ฟังที่ ส่วนเรื่องพี่นั้น พี่เองก็แทบเอาชีวิตไม่รอดเหมือนกัน พี่ว่าเราไปหาที่คุยกันดีๆดีกว่า กิ่งโกมินทร์พูดพลางนำเหล่าขนิษฐาทั้งสองเดินไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×