ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทองเนื้อเก้า

    ลำดับตอนที่ #23 : ทองเนื้อเก้าเจ้าช่างอาภัพ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 359
      0
      10 เม.ย. 51

    ที่พระตำหนักองค์เหนือหัวฤทธิ์นาท และ พระมเหสีกรกนก มัศวุฒิ นพมาศ และ พระธิดาน้อยๆสองพระองค์มากราบทูลลา รติวุฒิก็อยู่ที่นั่นด้วย เจ้าจะให้ทัพยักษ์ของเราไปช่วยด้วยก็ได้นะมัศวุฒิ รติวุฒิพูด มัศวุฒิยิ้มรับไมตรี ขอบใจเจ้ามากนะรติวุฒิ... ส่วนทางเสด็จพ่อ แล้วก็พระโอรสกนกนาท ข้าพระองค์ก็คงไม่ขอกำลังไปช่วย เพราะที่เราจะรบด้วยนั้น เป็นครุฑ คงมีแต่นาค และ ยักษ์เท่านั้นที่พอจะช่วยกันรบได้ มัศวุฒิพูดแม่ขอให้ช่วยมรกตได้สำเร็จนะลูก กรกนกพูด เป็นพระมหากรุณาธิคุณพระเจ้าข้า มัศวุฒิพูด

    ที่ ครุฑฑานคร พระธิดามรกตที่นอนหมดสติเริ่มรู้สึกองค์แล้ว ทันทีที่ลืมตาขึ้นมาเห็นว่าตนอยู่ในที่ๆแปลกตาก็รีบพรวดลุกขึ้นทันที มรกตมองไปรอบตัว เมืองครุฑ... ต้องเป็นเมืองครุฑแน่ๆ มรกตพูดขึ้นกับตัวเองและขึ้นมาเปิดประตู แต่ก็ไม่สำเร็จ มรกตหันไปที่หน้าต่างที่ถูกเปิดอยู่ มรกตมองออกไปข้างนอก มีแต่อุทยานที่ว่างเปล่าไม่มีทหารเฝ้าเลย ดีหละ นึกว่าหน้าต่างสูงเท่าคางแล้วเราจะปีนออกไม่ได้เหรอ ไม่รู้จักมรกตซะแล้ว มรกตพูดแล้วหาทางปีนขึ้นหน้าต่างนั่น

    มรกตปีนหน้าต่างออกมาที่อุทยานได้สำเร็จก็เหลียวซ้ายแลขวาหาทางหนี เจ้าเป็นใครกันหนะ เสียงเด็กผู้หญิงแว่วมาข้างหลัง มรกตถึงกับสะดุ้งแล้วรีบหันมาพบไอศิกาแต่ทั้งสองก็ไม่รู้จักกัน เราจะเป็นใครมันก็ไม่สำคัญ เราต้องการออกไปจากที่นี่ เจ้าอย่ามายุ่งกับเราดีกว่า มรกตพูด ยุ่งอะไร ก็แค่ถามอย่างเป็นมิตร แต่ถ้าไม่อยากเป็นมิตรกับเรา ก็ไม่เป็นไร ไอศิกาพูด แล้วปักษยุก็เดินมา อ้าวพี่ปักษยุ นี่ใครเหรอเพคะ พี่ปักษยุรู้จักไหม ไอศิกาเอ่ยถาม ปักษยุหันมอง นั่น... เจ้าออกมาได้ยังไง ปักษยุพูดอย่างแปลกใจ จะออกมายังไง ปิดประตูเสียหมด เปิดหน้าต่างทิ้งไว้ เราหายตัวไม่ได้ ทางเดียวก็คือ... ปีนหน้าต่างไงหละ พวกเจ้าจับตัวเรามาทำไม มรกตพูด อะไรกันเพคะพี่ปักษยุ ไอศิกายิ่งแปลกใจเข้าไปใหญ่ เด็กคนนี้ เป็นพญานาค... ครุฑ กับ นาค เป็นศัตรูกัน ปักษยุพูด แน่นอน เจ้าก็คงเป็นครุฑสินะ งั้นเราก็เป็นศัตรูกัน ใช่ไหมหละ คอยดูเถอะ ถึงเราจะออกไปจากที่นี่ไม่ได้ เสด็จพ่อก็ต้องมาช่วยเรา เสด็จพ่อของเรามีฝีมือมาก พวกเจ้าหนะ สู้ไม่ไหวหรอก มรกตพูด ท่าทางเจ้าจะมั่นใจจริงนะ วายุภักษ์เดินมา เสด็จพ่อ ปักษยุเรียก ท่านวายุภักษ์... มรกตท่าทางจะตกใจไม่เบา เจ้ารู้จักเสด็จพ่อของเราด้วยเหรอ ปักษยุพูด ท่านคิดจะยึดเมืองบาดาลมานานแล้วทำไม... ทำไมต้องจับเรามา หรือว่า... เสด็จพ่อ... เจ้าต้องการให้เสด็จพ่อทำศึกกับพวกเจ้า มรกตคิดได้ก็เป็นห่วงพระบิดาตัดสินใจวิ่งหนีไป ทหาร... ไปตามจับมรกตกลับมา วายุภักษ์ออกคำสั่ง ลูกเองพระเจ้าข้าเสด็จพ่อ ปักษยุอาสา จะดีเหรอเพคะ เด็กคนนั้นก็ใช่ย่อยนะเพคะ ไอศิกาพูด เก่งๆสิดี ปักษยุพูดแล้วรีบวิ่งตามไป

    มรกตวิ่งหนีสุดชีวิตและพยายามหาที่หลบ มรกตเหลือบไปเห็นพุ่มไม้ก็ตัดสินใจเข้าไปหลบอยู่ในนั้น ปักษยุวิ่งตามมาถึงที่นั่นพอดี เห็นพุ่มไม้ไหวๆก็ยิ้มออกเล็กน้อย หายไปไหนแล้วนะ เร็วจริง ปักษยุเดินกลับไป มรกตชะเง้อมองตามแล้วเดินออกมา มรกตถอนหายใจยังไม่ทันไรก็มีเชือกมารัดร่างไว้แล้วดึงร่างมา เจ้า... เจ้าเล่ห์เพทุบายที่สุด คอยดูนะ ถ้าเสด็จพ่อของเรามาเมื่อไหร่หละก็ เราได้ล้างแค้นเจ้าแน่ จะให้สาสมเชียว มรกตพูด รอให้ถึงวันนั้นซะก่อนเถอะค่อยมาพูด ปักษยุพูดพลางดึงเชือกนั่นไป

    ที่มณีนพรัตนา พระตำหนักรับรอง พระสุณิสาบุษราประทับอยู่กับพระธิดาทั้งสามพระองค์ของนาง เมื่อไหร่เราจะกลับพนาวรรษาบ้านเมืองของเราซะทีเพคะเสด็จแม่ กิ่งโกมินทร์พูด ทำไมพระพี่นางกิ่งโกมินทร์ถึงได้อยากกลับนักเพคะ หม่อมฉันว่าที่มณีนพรัตนานี่ก็น่าอยู่ดีออก แถมยังมีอะไรน่าสนใจเยอะแยะจะตาย ทั้งเรื่องคำสาปพิศวงอะไรนั่น จริงไหมปีตมณี พิมพ์เพทายพูด น่ากลัวจะตายเพคะ ปีตมณีพูด พวกเจ้าเชื่อเรื่องแบบนั้นด้วยเหรอ มันก็แค่นิทานหลอกเด็กเท่านั้นแหละ กิ่งโกมินทร์พูด แล้วที่วชิรารัตน์โดนปีศาจศิลาแลงนั่นทำร้ายหละเพคะ พระพี่นางจะอธิบายว่ายังไง พิมพ์เพทายพูด เสด็จแม่ดูน้องๆสิเพคะ เหลวไหลกันไปใหญ่แล้ว กิ่งโกมินทร์พูด อย่าว่าน้องเลยกิ่งโกมินทร์ เรื่องคำสาปนั่น ไม่ใช่เรื่องโกหก หรือเรื่องหลอกเด็กหรอกนะลูก มันเป็นเรื่องจริง แล้วถ้าหากบ้านเมืองของเสด็จพ่อเจ้าล่มสลายพินาศไปจริงๆหละก็ เจ้าทุกคนต้องช่วยกันกอบกู้ เข้าใจไหมลูก บุษราพูด กิ่งโกมินทร์ทำเมินไม่สนใจ ทำไมเชื่ออยู่ร่ำไป

    ตะวันและจันทราสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันทำหน้าที่เรื่อยไปจนเวลาล่วงเลยผ่านไปได้เป็นอาทิตย์แล้ว ที่ครุฑฑานคร พระตำหนักรับรองที่พระนัดดาไอศิกาประทับอยู่ ปักษยุเดินเข้ามา ไปกันเถอะไอศิกา ปักษยุพูด ไปไหนเพคะ ไอศิกาถาม ไปตามหาเสด็จพ่อ เสด็จแม่ของเจ้าไง ปักษยุพูด ไม่ต้องแล้วหลเพคะ เราตามหามาตั้งหลายวัน แต่ก็ไม่เคยพบใครเลย ที่น้องรู้สึกว่าเป็นพ่อเป็นแม่ น้องคิดถึงจันทร์ แต่ก็คงไม่มีโอกาสได้พบกันอีกแล้ว พี่ปักษยุไปส่งน้องที่เวียงทิฆัมพรเถอะเพคะ ไอศิกาพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าใจนัก ได้ ถ้าเจ้าต้องการเช่นนั้น ปักษยุพูด

    ฝ่ายนพคุณ เร่ร่อนอยู่ในป่าหิมพานต์ จะไปเวียงทิฆัมพรก็ไม่รู้ทาง ครั้นจะออกจากป่าหิมพานต์ไป ก็ไม่ได้อีก อยู่ๆเกิดเจ็บปวดแผลไหม้ขึ้นมา โอ๊ย... ทำไม... ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ เสด็จแม่วิหงค์จันทร์... เสด็จแม่พระเจ้าข้า ทรงประทับอยู่ที่ไหน นพคุณได้แต่พร่ำเพรียก

    ปักษยุในร่างครุฑบินมาก็พบเห็นเข้า จึงได้ลงมาดู ปักษยุกลับร่างเป็นร่างมนุษย์แล้วเข้ามาดู นพคุณ... นั่นเจ้าเป็นอะไรมากรึเปล่า ปักษยุถาม ไม่เป็นอะไรนักพระเจ้าข้า แล้ว พระนัดดาเสด็จมาได้ยังไง นพคุณถาม เรามาส่งไอศิกา แล้วก็กำลังจะกลับ แต่บังเอิญมาเห็นเจ้าก็เลยลงมาดู ปักษยุพูด พระนัดดาช่วยข้าพระองค์หน่อยได้ไหม นพคุณพูด ช่วยอะไรหละ ปักษยุถาม ช่วยพาข้าพระองค์ออกจากป่าหิมพานต์ที นพคุณพูด ได้สิ ไปอยู่ที่ครุฑฑานคร ไปเป็นพระสหายของเราก็ได้ ปักษยุพูด ไม่ดีกว่าพระเจ้าข้า ขอแค่ให้ออกไปจากที่นี่ได้เท่านั้นก็พอ นพคุณพูด ก็ได้ ท่าทางเจ้าจะเจ็บที่บาดแผล เราว่าเจ้าไปพักที่ครุฑฑานครเสียก่อนดีกว่า พรุ่งนี้ เราจะพาไปส่งที่ป่าแดนมนุษย์ ปักษยุตอบแล้วช่วยประคองร่างร่างนพคุณให้ยืนขึ้น

    วิหงค์จันทร์โซซัดโซเซอยู่ในป่า ท่าทางนางจะอ่อนแรงมาก วิหงค์จันทร์ล้มลุกคลุกคลานอยู่หลายครั้ง นางติดปีกติดหางจะก็ไร้เรี่ยวแรงที่จะบินไปไหนได้ วิหงค์จันทร์พยายามที่จะบินขึ้นแต่ก็ไม่ไหวทรุดลงนอน ไอศิกา... นพคุณ... แม่จะบินไปหาพวกเจ้าที่เมืองครุฑ แม่จะบินไปให้ได้ วิหงค์จันทร์พยายามจะบินขึ้นอีกแต่ก็ไม่ไหว ชีวิตนางนั้นช่างน่าเห็นใจยิ่ง

    ที่ครุฑฑานคร พระตำหนักพระโอรสปักษยุ พระโอรสปักษยุ เจรจากับนพคุณอยู่ ที่แท้ร่างกายเจ้าก็มิได้มีรอยไหม้อะไรสักนิด ปักษยุพูด พระเจ้าข้า พระโอรสอย่าได้บอกใครในเวียงทิฆัมพรนะพระเจ้าข้า นพคุณพูด ได้ เรารับปากเจ้า เออ พูดเรื่องพวกนาคยังไม่จบเจ้ารู้ไหมนพคุณ ว่าเด็กนาคราชคนนั้นอวดเก่งแค่ไหน ปักษยุพูด เท่าที่พระโอรสทรงเล่ามาทั้งหมด ก็คงจะอวดเก่งพอตัวแหละพระเจ้าข้า แต่ยังไง ก็สู้พระโอรสมิได้ กำลังครุฑ กำลังนาค กำลังหญิง กำลังชาย ย่อมต่างกันเป็นธรรมดา นพคุณพูด เอะ เจ้านี่ยังไง จะว่าเรารังแกผู้ที่มีกำลังด้อยกว่างั้นรึ ปักษยุพูด นพคุณก้มหน้า แต่ก็เอาเถอะ มันก็จริงของเจ้านะ แต่ทำไงได้ เรากับเด็กผู้หญิงคนนั้น เป็นศัตรูกันนี่นา สำหรับศัตรูไม่มีคำว่าเห็นใจ หรืออ่อนข้อแต่อย่างใด ปักษยุพูด นพคุณพยักหน้าอย่างทำความเข้าใจ เออ... เจ้าอยากพบพระธิดาเมืองบาดาลคนนั้นไหม ปักษยุพูด เกิดมา ตัวข้าพระองค์ก็เห็นสัตว์แปลกๆหลายชนิด แต่ไม่เคยเห็นนาคราชเลยสักครั้ง นพคุณพูด ได้ยินว่านาคราชน้อยตนนั้นชื่อ... มรกต ปักษยุพูด อะไรนะพระเจ้าข้า ชื่อมรกตกระนั้นรึ อยู่ในชุดนพเก้าเสียด้วย ข้าพระองค์ยิ่งอยากพบเหลือเกิน นพคุณพูด เจ้านี่แปลก แค่นาคน้อยนั่นมีชื่อเป็นอัญมณีในชุดนพเก้า ก็อยากพบเสียแล้ว อ้อ เจ้าอย่าลืมหละ มรกตเป็นศัตรูเรา หาใช่มิตรไม่ ปักษยุพูด พระเจ้าข้า นพคุณพูด

    ณ พระตำหนักที่พระธิดามรกตถูกกักขังอยู่นั้น มรกตนั่งเหนือพระแท่น พิศมองพระธำมรงค์มรกตสดสวยที่ผูกนิ้วพระหัตถ์อยู่ เจ้าช่วยอะไรเราได้บ้างนะ มรกตบ่นไป จากนั้นประตูก็ถูกเปิดออก มรกตเร่งหันไปโดยพลัน ปักษยุเข้ามาพร้อมกับนพคุณ เนี่ย คนนี้แหละ พระธิดามรกต ปักษยุพูด มรกตยืนขึ้นแล้วใช้แววตาน่าเกรงขามไม่เป็นมิตรจับจ้องไปที่ทั้งสองผู้ที่กรายร่างเข้ามา นพคุณมองไปที่มรกตเห็นพระธำมรงค์มรกตแล้วยิ่งมองใหญ่ มองอะไร มรกตพูด เจ้าไม่มีสิทธิ์มาว่าคนของเราเช่นนี้นะมรกต ปักษยุพูด ไม่เห็นเหรอว่าคนของเจ้ามองแหวนของเราราวกับว่าอยากได้ มรกตพูด หามิได้ แต่แหวนนั่น คล้ายกับแหวนของข้าพระองค์มากต่างหาก นพคุณพูด ไหนกัน ปักษยุมองดูที่แหวนของนพคุณ มิเห็นคล้าย แหวนของเจ้างามกว่าแหวนของพระธิดาบาดาลเป็นไหนๆ แหวนเจ้าทำมาจากอะไรเล่า ปักษยุพูด ตัวเรือนเป็นทองนพคุณพระเจ้าข้า ส่วนหัวแหวนนั้น ประดับด้วยอัญมณีทั้งเก้าชนิด นพคุณตอบ ไม่ต้องมาอวด ว่าแหวนเจ้ามีค่ากว่าแหวนเรา แหวนเรานี่ก็มรกตของแท้ วิจิตรพิสดารไม่แพ้กัน นอกจากนี้พี่น้องของเราก็มีอีกคนละวง หมู่ญาติกาของเราก็สวมแหวนชนิดต่างๆที่มีค่ากันทั้งนั้น มรกตพูด ครบทั้งชุดนพเก้าเลยไหมพระเจ้าข้า นพคุณเอ่ยถาม เอะ เจ้านี่ยังไง ไม่ได้รู้จักมักคุ้นกันซะหน่อย ถามมากจริง น่ารำคาญ พระธิดาน้อยนาคราชเอ่ย ข้าพระองค์แค่อยู่รู้รากเง้าที่แท้จริง เผื่อว่า... นพคุณยังไม่ทันพูด ธิดาน้อยมรกตก็แทรกขึ้นพลัน เผื่อว่าเจ้าจะมีบุญวาสนา เป็นญาติกากับเรางั้นเหรอ ไม่มีทาง รึถ้าหากใช่จริงๆ เราว่าคงมีหลายคน ที่ไม่นับญาติกับเจ้า มรกตพูด นพคุณก้มหน้านิ่งไม่มีคำพูดใด คำของมรกตกระทบที่จิตใจนพคุณพอดี

                    ก็จริงอยู่ไร้วงศ์ไร้พงศา                                      ญาติกาก็หาได้มีไม่

    เพียงอยากพบสบวงศ์ที่จากไกล                                        อยู่แห่งไหนอยากสบอยากพบพาน

                    ว่าบิดามารดรอยู่แดนใด                                     จะหาไหนก็ไม่สบแสนสงสาร

    เวทนาตัวเองมาแสนนาน                                                  ทิวาวารว่างเปล่าแลเปลี่ยวดาย

                    อีกพี่น้องจักเป็นเช่นไรบ้าง                               ใจอ้างว้างถวิลหาไม่ห่างหาย

    ยามเจ็บร้อนเราเข็ญเย็นหนาวกาย                                   เสียงสัตว์ร้ายกลางพนาน่าหวั่นกลัว

                    ใจคำนึงถึงแม่บังเกิดเกล้า                                  คิดแล้วเศร้าชะตาเราหนึ่งฟ้าหลัว

    ทางใดใดแลไปต่างมืดมัว                                                   แสงสลัวคือแม่วิหงค์จันทร์

                    แต่ก็คล้ายเทวาบนฟ้าสาป                                  ให้พิลาปเหตุใดสรวงสวรรค์

    ดั่งกลั่นแกล้งพลัดพรากใจไปพลัน                                  วิหงค์จันทร์แม่ทูนหัวเลี้ยงตัวมา

                    มาบัดนี้ก็ไม่เหลือเครือจากไหน                       ที่จะให้ความรักดั่งยี่หวา

    คงสิ้นคนปราณีกรุณา                                                         เพียงหวังว่าคงจะไปได้หายเศร้าจินต์

                    นภคุณเดินออกไปจากตำหนักนั้น มรกต... นี่เจ้ารู้ตัวไหม ว่าเจ้าพูดอะไรออกไปบ้างหนะ โถ่ นพคุณสหายเรา เจ้านี่มัน...ปักษยุพูด อะไร เราทำไม เราพูดผิดตรงไหน ก็เด็กคนนั้นอยากใฝ่สูงเกินศักดิ์เองนี่นา มรกตพูด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×