ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทองเนื้อเก้า

    ลำดับตอนที่ #16 : เด็กน้อยผู้มีตราบาปติดตัว

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 316
      0
      15 มี.ค. 51

                    ในตำหนักองค์เหนือหัวแห่งมณีนพรัตนานคร องค์เหนือหัวทรงอ่านคัมภีร์ต่างๆอยู่ พระมเหสีกรกนกเสด็จเข้ามา เจ้าพี่เพคะ นางเรียก อ้าว กรกนก มีอะไรรึเปล่า ฤทธิ์นาทรับสั่ง เปล่าเพคะ จะมาพูดเรื่องสร้อยสายเพชร กับ รติวุฒิ แล้วก็หลานๆหนะเพคะ กรกนกพูด องค์เหนือหัวได้ยินเพียงเท่านั้นถึงกับถอนใจ เจ้ายังจะคิดเรื่องนี้อยู่รึ พี่เชื่อหนะ รติวุฒิต้องเลี้ยงลูกได้ดีแน่นอน อย่าเป็นห่วงไปเลย สร้อยสายเพชรถึงจะใจแข็ง แต่ก็คงไม่แข็งตลอดไปหรอกน่า ฤทธิ์นาทรับสั่ง หม่อมฉันเกรงสร้อยสายเพชรจะใจสลายลงไปก่อนนาสิเพคะ คนเป็นแม่ ถูกพรากลูก เจ็บปวดมากนะเพคะเจ้าพี่ กรกนกพูด พี่ทราบดี แต่ก็เอาเถอะ พี่ว่าเรื่องนี้ยังไม่น่าเป็นห่วงเท่าเรื่องของนพคุณเก้าน้ำ พี่ให้โหรตรวจดูดวงชะตาแล้ว ก็บอกว่ายังมีชีวิตอยู่ ถ้ายังอยู่ อายุก็คงได้สัก สองสามขวบแล้วกระมัง ฤทธิ์นาทพูด ว่าไปแล้วก็พลอยนึกถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นนะเพคะ กลัวเหลือเกินว่านพคุณจะเหมือนผู้เป็นพ่อ กรกนกพูด นภราชเป็นคนรอบคอบ คงเป็นเพราะอารมณ์โกรธขาดสติ ที่ทำให้นภราชต้องถึงแก่ชีวิต ฤทธิ์นาทพูด อย่าให้นพคุณเป็นเช่นนั้นเลย กรกนกพูด

                                    รวิรุจสุดสว่างกลางเวหา                     ศศิภาพร่างแสงแรงสุกใส

                    บุษบาแย้มงามสื่อความนัยน์                              กาลผ่านไปล่วงผ่านไปนานปี

                    สุริยัน จันทรา สลับสับเปลี่ยน ผลัดกันทำหน้าที่ส่องแสงสุกสว่างอำนวยประโยชน์ต่างๆให้กับทุกชีวิตที่อยู่บนโลก ยิ่งสลับกันมากครั้ง วันเวลายิ่งผ่านไป ยิ่งนานวันยิ่งมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย ใต้ฟ้าพนาไพร วิหงค์จันทร์ ธิดากินรีผู้ตกยากแต่งกายด้วยอาภรณ์ที่สง่างามเยี่ยงนางหงค์ ขาดแต่ปีกกับหางที่ถอดเก็บไว้ นางดำเนินไปพลางมองหาใครสักคนด้วยสายตากังวลใจ ท่าทางนางจะกระวนกระวายใจไม่น้อย นพคุณ... นพคุณอยู่ไหนลูก... นพคุณเก้าน้ำของแม่ นพคุณ... ลูกอยู่ไหน วิหงค์จันทร์ร้องเรียกหา นางดูวิตกกังวลยิ่งขึ้นเมื่อไม่มีเสียงตอบรับใดๆจากลูก เสด็จแม่พระเจ้าข้า เสียงของเด็กผู้ชายอายุประมาณสิบชันษาแว่วมา วิหงค์จันทร์รีบหันมาตามเสียงแล้วรุดเข้ามาหาลูกรัก นพคุณของแม่... เจ้าไปไหนมาลูกรัก แม่ใจหาย กลัวเหลือเกิน กลัวที่สุด กลัวแม่เจ้าจะจากแม่ไป วิหงค์จันทร์พูด ทำไมต้องดำรึเช่นนั้นเล่า ลูกก็ไปเที่ยวเล่นของลูก เสด็จแม่ไม่ต้องทรงเป็นห่วงลูกหรอกพระเจ้าข้า ลูกมีแหวนนพเก้า ไม่มีอันตรายใดๆทำร้ายลูกได้ เด็กน้อยนามนพคุณเก้าน้ำคนนั้นเอ่ยขึ้น แต่แม่ก็อดห่วงเจ้ามิได้หรอก แม้มิมีสิ่งใดทำอันตรายลูกของแม่ได้ แต่หากเจ้าได้พบ กับใครสักคนที่รู้จักเจ้า และรู้จักแหวนของเจ้า คนที่รู้ที่มาของเจ้าว่าบิตุเรศ มาตุรงค์ ที่แท้จริงของเจ้าเป็นใคร เค้าจะพาเจ้าไปจากแม่ แม่คงต้องขาดใจตายเป็นแน่ วิหงค์จันทร์เอ่ยกับลูกชายทั้งน้ำตา น้ำสั่นเครือเจือด้วยสะอึกสะอื้น เสด็จแม่กันแสงอีกแล้ว ลูกบอกเสด็จแม่แล้วไงพระเจ้าข้า ว่าลูกไม่ทิ้งเสด็จแม่ไปไหนหรอก ลูกรักเสด็จแม่ ถึงแม้ว่าลูกจะพบพ่อแม่ที่แท้จริงแล้ว ลูกก็จะพาเสด็จแม่ไปอยู่ด้วย อย่ากันแสงอีกเลยนะพระเจ้าข้า นพคุณพูด ไม่ให้แม่ร้องได้ยังไงหละลูก ในเมื่อชีวิตแม่ สิ้นหวัง สิ้นทุกสิ่ง ทุกอย่างแล้ว แม่มีชีวิตอยู่ได้เพราะมีเจ้า เจ้าคือคนเดียวที่ทำให้แม่มีความหวังคืนมานะลูก นพคุณของแม่ แล้วถ้าแม่ต้องเสียเจ้าไป ชีวิตแม่จะเหลืออะไรเล่า วิหงค์จันทร่ำไห้พลางโอบกอดลูกชายไว้แน่น ลูกสัญญาพระเจ้าข้า ลูกจะทำให้เสด็จแม่สมหวังให้ได้ ลูกจะหาน้องไอศิกาให้พบ ลูกจะต้องพาเสด็จแม่เข้าป่าหิมพานต์ได้อย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ทรงหยุดกันแสงก่อนเถอะนะพระเจ้าข้า ลูกไปเที่ยวเล่นมาพบเห็นลำธารใสเย็น เราไปเล่นน้ำกันเถอะพระเจ้าข้า นพคุณเอ่ยขึ้น วิหงค์จันทร์เช็ดน้ำตา จะลูก นางเอ่ยกับลูกด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน อ่อนโยนเป็นหนักหนา

                    ลานกว้าง เต็มไปด้วยผู้คน ต่างมุงดูสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เด็กผู้ชายสองคนต่อสู้กันอย่างจริงจัง ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของผู้ชม องค์เหนือหัวภัทราช เจ้าเหนือหัวแห่งนครนภาภัทรทรงเสด็จมาทอดพระเนตร เด็กสองคนนี้ประลองกันมานานเท่าใดแล้วท่านขุน ทรงเอ่ยถามขุนนางที่ยืนจ้องมองอยู่ นานมากแล้วหละพระเจ้าข้า ไม่รู้ทำไม สองพี่น้องนี้ถึงสู้กันไปรู้แพ้รู้ชนะซะที สองคนนี้มีฝีมือเท่าเทียมกันทั้งพี่ทั้งน้อง แล้วก็ฉกาจที่สุดในบรรดาลูกกบฏ ขุนนางนั้นเอ่ย งั้นรึ... องค์เหนือหัวรับสั่งด้วยน้ำเสียง และแววพระเนตรที่เหมือนดำริอะไรบางอย่าง

                    นภาภัทรนคร ท้องพระโรงอันยิ่งใหญ่องค์เหนือหัวภัทราชประทับเหนือราชบัลลังก์ เคียงข้างกับพระมเหสีนิตย์นภา เด็กผู้ชายสองผู้ที่เก่งฉกาจที่สุดในบรรดา... กบฏ... ถูกนำตัวมาเข้าเฝ้า เจ้าทั้งสองมีนามว่าอย่างไร แล้วเป็นลูกเต้าเหล่าใครกัน องค์เหนือหัวภัทราชรับสั่ง ขอเดชะ พระอาญามิพ้นเกล้า ข้าพระพุทธเจ้ามีนามว่า ศดิศรันย์ พระพุทธเจ้าข้า เป็นบุตรชายคนแรก ของอดีตท่านอำมาตย์ศิรกรพระเจ้าข้า เด็กผู้ชายผู้พี่ตอบไป แล้วเจ้าหละ องค์เหนือหัวรับสั่งถามมาที่คนน้อง ข้าพระพุทธเจ้ามีนามว่า ศิรสิทธิ์ เป็นน้องชายร่วมบิดามารดากับพี่ศดิศรันย์พระพุทธเจ้าข้า เด็กผู้ชายผู้น้องเอ่ย ท่านอำมาตย์ศิรกร... หม่อมฉันจำได้เพคะเจ้าพี่ มีโทษที่ลอบทำร้ายพระอนุชาของพระองค์ใช่ไหมเพคะ พระมเหสีนิตย์นภาทรงรับสั่งขึ้น คงทิ่มแทงจิตใจของเด็กผู้ชายทั้งสอง ท่านพ่อทำไปด้วยความจงรักภักดีต่อพระเจ้าเหนือหัวภัทราชนะพระเจ้าข้า พระอนุชานั่นแหละ กบฏ ศดิศรันย์พูด ทหารที่ล้อมรอบท้องพระโรงต่างพากันชักดาบและจะเข้ามาประชิดตัวเด็กน้อย จะทำอะไรพี่ข้า... รึที่พี่ข้าพูดนั่นไม่จริง ศิรสิทธิ์ผู้น้องเอ่ย พวกเจ้าทุกคน... หยุด องค์เหนือรับสั่ง การกระทำทุกอย่างถูกสยบด้วยพระราชบัญชา เอาหละ... เจ้าทั้งสองอยากจะไถ่โทษรึไม่ องค์เหนือหัวทรงรับสั่งถามด้วยพระเมตตา ไถ่โทษ... สองพี่น้องทวนคำ ใช่... องค์เหนือหัวทรงให้โอกาสเจ้าทั้งสองแล้วนะ ศดิศรันย์ ศิรสิทธิ์ พระมเหสีนิตย์นภารับสั่งก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบลงอีกครั้ง เรามีหลานสาวอีกคน ที่เกิดแต่นภราช กับพระธิดาองค์สุดแห่งมณีนพรัตนา เราอยากให้พวกเจ้าตามไปรับใช้ เป็นราชองครักษ์ ให้กับพระราชนัดดาพระองค์นั้นของเรา นางนั้นยังเยาว์อยู่กระมัง เห็นว่านาม... จันทรัตน์ขัตติยะนารี องค์เหนือหัวรับสั่ง แค่นั้นรึพระเจ้าข้า... ศดิศรันย์พูด ใช่... แค่นั้นแหละ หลานเราอาจจะมีอันตราย แค่ให้พวกเจ้าอย่าทอดทิ้งหลานของเราเท่านั้นก็คงไม่ยากเกินความสามารถพวกเจ้าหรอกนะ องค์เหนือหัวรับสั่ง รับสั่งประหนึ่งว่าความชอบนี้จะลบตราบาปที่ติดตัวพวกเราได้กระนั้น ศิรสิทธิ์พูดพลางก้มมองตราบาปที่ถูกประทับติดข้อมือขวาบาดแผลเป็นที่แห้งสนิท และไม่มีวันลบออกได้ นอกจากเอามีดถากเนื้อหนังมังสาบริเวณนั้นทิ้งไปเสีย แต่ก็จะยิ่งกลายเป็นแผลใหญ่ที่ไม่หายง่ายๆอยู่ดี สิ่งนี้มีติดตัวเจ็ดชั่วโคตรของนักโทษอยู่แล้วนี่ มันคงลบมิได้ แต่ความชอบอาจจะลบรอยทุกอย่างในจิตใจได้ ขอให้พวกเจ้าจงเชื่อเช่นนั้น อย่ายังไง จะทำรึไม่ องค์เหนือหัวรับสั่งอีกครั้ง ทั้งสองหันมาสบตากันอย่างครุ่นคิด...

                    จะกล่าวถึง นคราอันสงบร่มเย็นนามนคเรศมณีนพรัตนา ที่รุ่งเรืองประเทืองในทุกด้านนั้น ขุนนาง แลเหล่าทหารหาญคุมตัวเด็กผู้ชายสองคนเดินมา สองผู้นั้นเล่า ก็คือศดิศรันย์ และ ศิรสิทธิ์ พระนัดดาพระองค์น้อยแห่งนคราแห่งนี้วิ่งเล่นมาถึงที่นั้นก็หยุดลงแล้วจ้องมองดูว่ามีอะไรเกิดขึ้น พระนัดดา... หยุดเถอะเพคะอย่าเสด็จไปทางนั้นเลย ตรีรัตน์พูด พลางวิ่งตามมาพร้อมกับมณี ทั้งสองเห็นว่าพระนัดดาองค์น้อยหยุดวิ่งจึงหยุดแล้วนั่งลง สองคนนี้ใครกันเหรอ เด็กผู้หญิงทรงอาภรณ์งดงามสวมพระธำมรงค์มุกดางามยิ่งนักเอ่ยถาม ทรงเลี่ยงไปทางอื่นเถอะพระเจ้าข้า เด็กผู้ชายสองคนนี้ มีตราบาปของนภาภัทรนครติดตัว ต้องไม่ใช่คนดีแน่ ทหารตอบ โถ่ เด็กตัวแค่นี้... ท่าทางอ่อนแรงนัก พวกเจ้าทำอะไรพวกเค้า พระนัดดาน้อยรับสั่ง เออ... พวกทหารไม่ทันจะตอบ อย่าประทับอยู่แถวนี้เลยเพคะพระนัดดาจันทรัตน์ เสด็จกลับตำหนักเถอะ เสด็จแม่คงจะเป็นห่วงแย่แล้ว มณีพูด จันทรัตน์... สองพี่น้องที่ถูกคุมตัวมาต่างเพรียกขึ้นในหทัยพร้อมกันพลางสบตากันอย่างไม่ได้นัดแนะ จันทรัตน์น้อยจ้องมองดูเด็กผู้ชายทั้งสองอย่างสนใจนัก เสด็จกลับนะเพคะ... มณีย้ำอีกครั้งพระนัดดาน้อยจึงหันกลับไป

                    พระตำหนักพระธิดาสร้อยสายเพชร พระธิดาสร้อยสายเพชรนั่งร้อยมาลัยอยู่กับคุณท้าวกานดา พระราชนัดดาน้อยจันทรัตน์วิ่งเข้ามา เสด็จแม่... จันทรัตน์น้อยพูดขึ้น พระธิดาสร้อยสายเพชรวางทุกสิ่งลงแล้วหันมายิ้มให้กับลูกสาวอย่างอ่อนโยน จันทรัตน์... มานั่งกับแม่สิลูก พระธิดาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน จันทรัตน์เข้ามานั่งเคียงข้างพระมารดา มณี กับ ตรีรัตน์ สองพระพี่เลี้ยงนั่งลงกับพื้นแล้วก้มลงกราบพระราชธิดาสร้อยสายเพชรอย่างนอบน้อม วันนี้จันทรัตน์ของแม่ไปไหนมาจ๊ะ ไปวิ่งเล่นถึงไหนกัน สนุกมากไหมลูก นางพูดด้วยท่าทีที่รักและเอ็นดูเด็กน้อยผู้เป็นธิดาหนักหนา สนุกสิเพคะ เออ... เสด็จแม่เพคะ ตราบาปเป็นยังไงเหรอเพคะ จันทรัตน์เอ่ยถามพระมารดา ตราบาป สร้อยสายเพชรแปลกใจกับคำพูดของธิดาองค์น้อยพลางจ้องไปยังสองพระพี่เลี้ยง มณีหันไปสะกิดตรีรัตน์ให้พูด ตรีรัตน์ก็ไม่ยอมพูด ทั้งสองกระซิบกระซาบทะเลาะกันไม่กล้าเพ็ดทูลใด เอ้า... แม่สองคนนี้นี่ยังไงกันเนี่ย กราบทูลไปซักคนหนึ่งสิ คุณท้าวกานดาพูด พระนัดดาจันทรัตน์เสด็จไปวิ่งเล่น แล้วไปเจอเข้ากับพวกทหาร ที่คุมตัวนักโทษ ที่มีตราบาปของนครนภาภัทรติดตัวเพคะ คาดว่าคงจะลักลอบหนีเข้ามา มณีกราบทูลไป อะไรนะ... มณี ตรีรัตน์ อย่าให้ลูกของเราไปแถวนั้นอีกนะ ลูกแม่ อย่าไปให้พบเจอคนพวกนั้นอีกนะลูก รู้รึไม่ว่าอันตรายแค่ไหน สร้อยสายเพชรพูดพลางลูบศีรษะธิดาน้อยอย่างเอ็นดู แววพระเนตรดูเป็นห่วงเป็นใยพระธิดาน้อยยิ่งนัก ลูกว่าคนสองคนนั่นไม่มีพิษสงหรอกเพคะ เค้าเป็นแค่เด็กผู้ชายเท่านั้น จันทรัตน์พูด สร้อยสายเพชรโอบกอดลูกน้อยเอาไว้ โถ่ลูกแม่... แม่จะเล่าให้ฟัง ตราบาปที่ว่านี้ เป็นเครื่องหมายของคนที่มีความผิดติดตัว จำไว้นะลูก ใครที่มีตราบาปติดตัว ผู้นั้นคือผู้ที่อันตราย สร้อยสายเพชรพูด เพคะเสด็จแม่ จันทรัตน์พูด

                    สถานที่คุมขังนักโทษ ทหารคุมตัวนักโทษคนใหม่คือเด็กน้อยสองผู้มา เปิดประตู... เสียงแข็งกร้าวของทหารผู้หนึ่งดังขึ้น ทหารที่เฝ้าหน้าประตูกรงขังก็เปิดให้ตามคำบอก เหล่าทหารโยนร่างสองเด็กน้อยเข้าไปในกรงขังนั่นแล้วปิดประตูไว้ดังเดิม

                    พลันร่างเด็กผู้หญิงหนึ่งร่างกระโดดลงมายังพื้นพสุธา ทรงเครื่องอาภรณ์สูงศักดิ์ นัยน์ตามองไปยังคุกหลวง ทันทีที่พระบาทหยั่งพื้นก็รีบรุดไปที่คุกหลวงทันที เหล่าทหารที่เฝ้าที่คุมขังต่างพากันมาขัดขวาง ถอยไป... เราต้องการเข้าไปดู เด็กผู้หญิงพูดขึ้นพลางชะเง้อมองอย่างสนใจ อยากทราบสิ่งใดก็ทรงรับสั่งถามข้าพระองค์มาได้ อย่าเสด็จเข้าไปเลยนะพระเจ้าข้า ขุนนางหนึ่งยุรยาตรมายังที่นั้น ท่านขุนวงศา เด็กน้อยเรียก ขุนวงศาคุกเข่าลงตรงหน้าเด็กน้อย สองคนนั่นมาจากที่ใด แล้วมีความผิดอะไรรึ เด็กน้อยเอ่ยถาม ทั้งสองคนนั้นบุกรุกเข้ามาเขตพระราชฐาน แถมยังมีตราบาปของทางนภาภัทรนครติดตัวอีกด้วยพระเจ้าข้า อันตราย พระนัดดาเสด็จไปทางอื่นเถอะพระเจ้าข้า ขุนวงศาพูด เอะเจ้านี่ยังไง ก็เราจะเข้าไปดู ขวางอยู่ได้ อย่าลืมสิท่านขุน ว่าเราหนะ จับท่านขุนกินได้เลยเชียวนะ เด็กน้อยพูดพลางเดินเข้าไปดื้อ เปิดประตูเด็กน้อยสั่งทหารหน้าประตู ทหารเหล่านั้นยังคงลังเลที่จะเปิดให้ ขุนวงศาถอนใจในความดื้อรั้นของเด็กน้อยแล้วเดินมา เปิดเถอะ ท่านขุนวงศาสั่งไปอีกครั้ง ทหารจึงค่อยยอมเปิดประตูให้ ทันทีที่เข้าไปได้ เด็กน้อยรีบฉวยเอามือของศดิศรันย์มาดูที่ข้อมือ รอยรูปหอก ดาบ ธนู ติดอยู่ที่ตรงนั้น นี่นารึ ตราบาปของนภาภัทรนคร เด็กน้อยพูดแล้วปล่อยมือจากศดิศรันย์ คว้ามือศิรสิทธิ์มาดูที่ข้อมูล เห็นเป็นตราเช่นเดียวกันก็พยักหน้า พอพระทัยรึยัง วชิรารัตน์ภัทรอัปสร... เสียงนี้เป็นเสียงของนารี เด็กน้อยหันขวับ พระธิดาสร้อยสายเพชร ยืนเคียงข้างเด็กผู้หญิงสองคน คนหนึ่งคือจันทรัตน์ขัตติยะนารี อีกคนแต่งกายสูงศักดิ์มิแพ้กันรึว่าเด็กน้อยผู้นี้คือ รดามณีรพีพิมพ์ภัทร เสด็จแม่... วชิรารัตน์เพรียกขึ้นอย่างตกใจพลางหันไปที่พระพี่นาง รดามณี... เจ้าบอกเสด็จแม่เหรอว่าเรามาแถวนี้ วชิรารัตน์พูด เปล่า เรามิได้บอก แต่แค่กราบทูลเสด็จแม่ว่าเจ้าเที่ยวเล่นอยู่ในพระนคร แล้วเสด็จแม่ก็ทรงทราบเอง รดามณีพูด จันทรัตน์ รดามณี วชิรารัตน์ ตามแม่กลับตำหนัก สร้อยสายเพชรพูดด้วยน้ำเสียงตำหนิ

                    ตำหนักพระธิดาสร้อยสายเพชร พระธิดาสร้อยสายเพชรประทับอยู่บนพระแท่นเคียงด้วยพระธิดาจันทรัตน์อยู่ซ้าย วชิรารัตน์อยู่ขวา รดามณีนั่งอยู่กับพื้นเคียงแท่นนั้น วชิรารัตน์... แม่ขอสั่งเจ้า อย่าไปแถวนั้นอีกเข้าใจไหมลูก ที่คุกหลวงน่ากลัวจะตายไป เจ้านี่ก็อยากรู้อะไรไม่เข้าเรื่อง สร้อยสายเพชรพูด ลูกก็แค่เห็นว่ามีนักโทษใหม่เข้ามา เห็นเป็นเด็กก็เลยอยากรู้ว่าผิดอะไรนี่เพคะ วชิรารัตน์พูด ไม่ต้องมาเถียง เข้าใจไหม อย่าทำแบบนี้อีกนะลูก อันตรายนัก สร้อยสายเพชรพูด ใครๆก็บอกว่านักโทษอันตราย... มีแค่เสด็จพ่อรติวุฒิพระองค์เดียว ที่ให้ลูกเข้าออกที่ไหนในอสุรเวหานครก็ได้ จริงไหม รดามณี วชิรารัตน์พูด นั่นก็จริงอยู่ แต่ที่นี่มณีนพรัตนานะวชิรารัตน์ มิใช่อสุรเวหานครของเรา รดามณีพูด เห็นรึยังเล่าวชิรารัตน์... รดามณียังมิเข้าข้างเจ้าเลย เอาเป็นว่าถ้าแม่เห็นเจ้าไปยุ่งกับพวกนักโทษอีกละก็... เจ้าจะว่าแม่ใจร้ายไม่ได้นะ สร้อยสายเพชรพูด เสด็จแม่ก็พระทัยร้ายอยู่แล้วนี่เพคะ วชิรารัตน์ลุกขึ้นกระโดดเหาะออกไป วชิรารัตน์... สร้อยสายเพชรเพรียกตามพระธิดาจอมดื้อรั้นของนางแล้วถอนหายใจหนักๆ เสด็จแม่ไม่ถือสาวชิรารัตน์ใช่ไหมเพคะ รดามณีพูด แม่จะถือสาลูกของแม่ทำไม... แม่นี้รู้จักวชิรารัตน์ดี อย่าห่วงเลยรดามณี สร้อยสายเพชรพูด ถ้างั้นลูกทูลลานะเพคะ รดามณียกมือไหว้แล้วเหาะขึ้นฟ้าตามวชิรารัตน์ไป

                    อสุรเวหานคร เมืองยักษ์ที่รุ่งเรืองนักหนา จอมอสุราผู้เป็นกษัตริย์นั่งอยู่ในพระตำหนัก พระธิดาองค์น้อยรดามณีก็เสด็จเข้ามา รดามณี... มานั่งกับพ่อสิลูก รติวุฒิพูด เด็กน้อยนั่งลงข้างๆพระบิดา ไปไหนมาลูก แล้ว... วชิรารัตน์เล่า รติวุฒิพูด ลูกกับวชิรารัตน์ไปที่มณีนพรัตนามาเพคะ วชิรารัตน์กลับมาก่อนลูกนิดนึง ลูกตามมาไม่ทัน สงสัยคงจะอยู่ในตำหนัก รดามณีพูด งั้นเหรอ... ตายจริง รึว่าจะเป็นเยี่ยงทุกครั้ง รติวุฒิพูด ไม่รู้สิเพคะ รดามณีพูด งั้นพ่อจะเข้าไปดูน้องสักหน่อย ลูกจะไปกับพ่อไหม รติวุฒิพูด ไม่ดีกว่าเพคะลูกจะไปเดินเล่นคนเดียว เสด็จพ่อไม่ต้องทรงเป็นห่วง ลูกดูแลตัวเองได้ ทรงเสด็จไปดูวชิรารัตน์เถอะเพคะ รดามณีพูด

                    ในตำหนักพระธิดาน้อยวชิรารัตน์ วชิรารัตน์เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างน้ำตาคลอคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น รติวุฒิเร่งรุดเข้ามาในทันที วชิรารัตน์ลูกพ่อ รติวุฒิพูด พระธิดาน้อยหันมาเมื่อเห็นพระบิดา อัสสุชลที่คลออยู่ก็รินลงพลัน เสด็จพ่อเพคะ ทรงรุดมาสู่อ้อมกอดของพระบิดา อีกแล้วเหรอลูกพ่อ ทำไม ลูกไปที่มณีนพรัตนาทีไร กลับมาก็เป็นเช่นนี้ทุกที พ่อไม่เข้าใจจริง รติวุฒิพูด พระธิดาวชิรารัตน์สะอึกสะอื้น รติวุฒิจูงมือพระธิดาน้อยมาประทับนั่งที่พระแท่นแล้วโอบกอดไว้อีกครา เสด็จพ่อ... ทำไมเพคะ ทำไมเสด็จแม่ไม่รักลูก ทรงต่อว่าลูกเหมือนไม่รัก ไม่เอ็นดูลูกเลย ผิดกันจันทรัตน์ และ รดามณี ถ้าชีวิตลูกไม่มีเสด็จพ่อ ลูกจะอยู่กับเสด็จแม่ได้ยังไง วชิรารัตน์สะอึกสะอื้น โถ่ ลูกพ่อ เจ้าก็อยู่กับพ่ออยู่แล้วนี่ลูก พ่อรู้ว่าวชิรารัตน์ของพ่อเป็นคนเก่ง หยุดร้องนะลูกนะ องค์เหนือหัวรติวุฒิรับสั่งอย่างปลอบโยน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×